Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมเวทไร้พลัง ตอนที่ 3 vote ติดต่อทีมงาน

“ทั้งหมดเป็นเพราะการเชื่อมต่ออิง ข้ากับพ่อเจ้า เราลงความเห็นว่าอย่างนั้น” แอนนาร่ายคำเทศนาใส่อิกริดเมื่อกลับถึงที่พัก เขาต้องยอมให้นางพูดจนพอใจเสียก่อนจึงค่อยว่าด้วยเรื่องพลังของดาบปีกวิหค “เวเบอร์คงทำการเชื่อมต่อกับเจ้าในกรณีใดกรณีหนึ่ง จึงสามารถรู้เกี่ยวกับตัวเจ้าได้”

     “สิ่งที่เวเบอร์ทำคือให้ข้าใช้ดาบเล่มนี้ได้นะ ไม่ได้ใช้พลังของข้านี่”

     “เดี๋ยวข้าจะทำอะไรให้ดู” ว่าแล้วแอนนาก็ฉวยดาบวิเศษไปจากมือของอิกริด ไม่ถึงอึดใจคมดาบก็มีเปลวไฟลุกปกคลุมใบดาบ นางคงอยากทดลองใช้พลังของดาบบ้างเป็นแน่

     แล้วอิกริดก็นิ่วหน้า เมื่อนางใช้นิ้วปาดลงบนใบดาบด้านแบนเพื่อดึงเปลวไฟออกไปอยู่บนนิ้วของนางแทน

     “ข้าใช้เวทมนตร์กับดาบเล่มนี้ ไม่ใช่ใช้พลังของดาบ เวทมนตร์ที่เสกสร้างลงบนวัตถุใดก็ตาม...”

     “สามารถใช้เวทมนตร์แขนงเดียวกันดึงดูดออกจากวัตถุนั้นๆได้ แต่ต้องมีสภาพเดียวกันทางด้านโครงสร้างเวทมนตร์และปฏิกิริยาของเวทมนตร์” อิกริดพูดแทน สิ่งนี้อยู่ในหนังสือเรียนเวทมนตร์ “ลองดูสิ ข้าพนันว่าเจ้าทำอย่างนั้นไม่ได้แน่”

     พูดจบอิกริดก็ฉวยดาบวิเศษ เปลวเพลิงพวยพุ่งจับใบดาบอีกครั้ง แอนนาเชิดจมูกแล้วทดลองเอานิ้วลูบบนใบดาบด้านแบน ปรากฏว่าเปลวไฟถูกดึงไปตามทิศทางของนิ้วนาง กระทั่งดึงนิ้วออกเปลวไฟก็กลายเป็นกลุ่มก้อนติดขึ้นมาบนนิ้วนางด้วย นางดับไฟบนนิ้วมือพลางเลิกคิ้วมองอิกริดที่อ้าปากหวอ

     “เจ้ากำลังถูกหลอกอิกริด เจ้าใช้พลังของตัวเอง ไม่ใช่พลังของดาบเล่มนี้!”

     “ข้าเคยโกหกตอนไหนกัน” เวเบอร์ปรากฏตัวขึ้นทันควันตอบสนองต่อคำพูดของแอนนา “ข้าบอกว่าจะช่วยให้ใช้พลังได้ ไม่ได้บอกว่าจะให้ใช้พลังของดาบได้สักหน่อย”

     “แล้วท่านปรากฏตัวออกมาในตอนแรกด้วยเหตุใดกัน กับแค่ใช้เวทมนตร์กับอาวุธแม้แต่ข้าก็ทำได้” แอนนานิ่วหน้า นางพูดถูกจริงๆ เวเบอร์คงมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ออกมาหาเขา

     “ถ้าพวกเจ้าไปที่น้ำตกแห่งคำสัตย์จะได้รู้คำตอบเรื่องนี้” เวเบอร์กอดอก

     “แล้วคำถามนั่นมันอะไรกัน ตัวคำถามไม่น่ามีอะไรแต่เหตุใดข้าจึงรู้สึกถึงบางอย่างได้จากคำถามเหล่านั้น แล้วทำไมอิกริดจึงร้องไห้”

     “ข้าชอบผู้หญิงที่ห้าวหาญ เพราะอย่างนั้นจะบอกให้ก็ได้...ข้ากับเจ้าหนุ่มนี่มีบางสิ่งเชื่อมต่อกันอยู่จริง และผู้ที่สามารถทำให้เขาใช้เวทมนตร์ทั้งปวงได้คือข้าคนนี้”

     “เหตุผลล่ะ”

     “ความพอใจของข้าเอง” เวเบอร์สะบัดหน้าหนีเป็นการปิดการสนทนาลงแค่นี้ แต่อิกริดไม่ยอมให้หยุดเด็ดขาด เขาต้องการรู้อะไรมากกว่านี้อีก

     “แล้วต้องทำอย่างไรท่านจึงจะพอใจล่ะ”

     “ทำบางอย่างที่ข้าอยากเห็น หรือตอบบางสิ่งที่ข้าอยากฟัง แค่นั้น”

     “แล้วท่านอยากฟังอะไรล่ะข้าจะพูดให้ฟัง ขอแค่ให้ข้ามีพลังอำนาจ...ข้าอยากรู้เรื่องการเชื่อมต่อระหว่างท่านกับข้าด้วย”

     “อยากฟังคำรักจากคนที่ตายไปแล้ว เจ้าให้ข้าได้ไหม”

     “ท่านเมรีเซียหรือ” อิกริดร้องอ้อ เมรีเซียคือชื่อของภรรยาที่ถูกต้องของเวเบอร์

     “ไม่ใช่หรอก” แอนนาแทรก “ฟังจากคำถามที่เขาถามเจ้าแล้วน่าจะเป็นคนอื่น”

     “มีคนหนึ่งให้ข้าได้” คำตอบของเวเบอร์ทำให้อิกริดชะงัก ใครกันที่เรียกเสียงคำรักจากคนที่ตายไปแล้วได้ “แต่ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนั้น เจ้าต้องการพลังไม่ใช่หรือ เดินตามเป้าหมายเดิมสิ”

     “ทำไมพวกเราต้องทำตามที่เจ้าต้องการด้วย” แอนนากล่าวด้วยความโกรธ มือทั้งสองข้างเปล่งแสงสีเหลืองพร้อมใช้เวทมนตร์อย่างรุนแรง

     “อย่าใช้กำลังดีกว่า เพราะข้าเก่งกว่าเจ้า”

     สิ้นเสียงห้องทั้งห้องก็สั่นสะเทือน ไม้และหินที่ก่อเป็นอาคารหลุดล่อนเป็นชิ้นๆ พายุหมุนบังเกิดขึ้นในห้องในบัดดล สายลมร้องคำรามฉีกกระชากเครื่องเรือนและตัวอาคารออกจากกันราวเป็นแค่ฝุ่นผง ทั้งอิกริดและแอนนาจับมือกันด้วยความหวาดกลัวราวกับเป็นสัตว์ตัวน้อยรอเวลาประหาร นรกแห่งสายลมทวีความรุนแรงในพริบตาแล้วดับวูบ ทุกสิ่งกลับเป็นปกติในเสี้ยววินาที

     ระหว่างความเงียบงันจากการอาละวาดในมโนภาพ อิกริดสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ความรู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจเข้าครอบงำคนทั้งคู่ ขนาดเหลือแค่วิญญาณยังมีความน่าเกรงขามมากขนาดนี้แล้วถ้ามีชีวิตอยู่จะเป็นอย่างไรหนอ

     “เจ้าคงรู้ว่าข้าได้รับการฝึกสอนเวทมนตร์ทั้งหลายด้วยตัวของผู้กล้าพอลไลน์เอง ต้องพัวร์รีนสินะพวกเจ้าจึงจะรู้จัก”

     “แล้วท่านจะให้เราทำอะไร!” แอนนารวบรวมความกล้าถามขึ้น

     “ไม่ต้องทำอะไร ขอแค่รู้ว่าข้าคือผู้ที่จะทำให้เจ้าหนุ่มนี่ใช้พลังได้ก็พอ”

     “แค่นั้นหรือ”

     “ก็แค่นั้นล่ะ มีอะไรอีกก็เรียกแล้วกัน”

     แล้วเวเบอร์ก็ทิ้งทั้งคู่ไว้กับความเงียบงัน ก่อนอิกริดจะทำลายความเงียบขึ้น

     “ตอนนี้ข้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับดาบเล่มนี้ อีกสองวันจะถึงเวลาตื่นของนกยักษ์แล้ว”

     “การทำงานคงเหมือนอาวุธเวทมนตร์ทั่วไปกระมัง” แอนนาพยายามข่มความกลัวอย่างเห็นได้ชัด อิกริดเห็นมือนางยังสั่นน้อยๆจึงจับเอาไว้ให้หยุดสั่น

     “ไม่เหมือนกันหรอก” เสียงเวเบอร์ดังขึ้นตอบคำถามของทั้งคู่ “ดาบเล่มนี้จะทำงานกับผู้ที่มันยอมรับเท่านั้น ซึ่งตอนนี้คนๆนั้นคือเจ้า อิกริด แค่ใส่พลังเวทลงไปแล้วออกคำสั่ง สิ่งที่เจ้าต้องการคือฝึกฝนให้ใช้ได้เหมือนแขนขาเท่านั้น”

     “ท่าจะยากนะ แต่ข้าจะลองดู” อิกริดจ้องมองดาบปีกวิหคในมือ ความหวาดกลัวในพลังของเวเบอร์ยังหนาวสะท้าน สักวันเขาจะมีพลังแบบนั้นบ้างไหมนะ อิกริดคิด...


     สองวันที่ยากลำบากของอิกริดผ่านไปอย่างเลือดเย็น จนแล้วจนรอดเขาก็ยังใช้ดาบได้ไม่คล่อง อย่างมากก็ใช้เวทมนตร์ควบคู่กับดาบแบบที่แอนนาทำเท่านั้น ราวกับตอนนี้ดาบยังไม่ยอมรับฟังคำขอร้องของเขา เหมือนกับเวเบอร์ที่ยึดตัวเองเป็นใหญ่

     “ไม่ต้องให้ข้าช่วยแน่นะ” แอนนาถามย้ำก่อนอิกริดจะไปรวมตัวกับนักรบจากเมืองต่างๆที่มาเพื่อกำจัดนกยักษ์

     “เจ้าคอยช่วยรักษาคนบาดเจ็บดีกว่า แอนนา” เจ้านั่นใกล้มาแล้ว ข้ารู้สึกได้

     อิกริดไม่ทันพูดเสร็จก็บังเกิดเสียงร้องแหลมดังสนั่นดุจจะผ่าแผ่นดินได้ เงาดำทมึนจากฟากฟ้าด้านหนึ่งค่อยๆกระจายตัวปกคลุมท้องฟ้ายามเช้า ฝูงนกนับสิบกำลังเคลื่อนกำลังพลเข้ามาโดยมีนกยักษ์ตัวหนึ่งบินนำ จำนวนของนกเหล่านั้นมหาศาลยากคะเน แอนนารีบวิ่งกลับไปที่ถ้ำใกล้ๆพร้อมแพทย์และผู้ใช้เวทมนตร์ที่ต้องการช่วยรักษาคนเจ็บ

     “ไอ้ที่ว่านกยักษ์มันมีกี่สิบตัวกันเนี่ย” อิกริดเบ้หน้าเมื่อตัวนำขบวนบินเข้ามาในระยะพอมองลักษณะได้

     เจ้าตัวหน้ามีลักษณะเหมือนกลุ่มนกด้านหลังแต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายสิบเท่า ลำตัวสีฟ้าเหลือบเขียวสวยงามตัดกับจะงอยปากสีเหลืองขอบดำ ดวงตาสีแดงฉานมองเห็นได้จากระยะไกล ปีกขาดรุ่งริ่งเป็นริ้วยาวน่าสยอง

     บางทีตัวที่นำมาคงเป็นตัวแม่ แล้วด้านหลังเป็นพวกลูกของมัน อิกริดคิด

     “คงอย่างนั้นล่ะเจ้าหนู ตัวที่นำมาเป็นตัวแม่ของพวกนั้น” อยู่ดีๆเวเบอร์ก็โผล่ออกมาอธิบายด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีพระจันทร์มองฝูงนกด้วยแววตาถวิลหา “เมื่อร้อยปีก่อนข้าฆ่าคู่ของมันได้ไม่คิดว่าจะยังมีไข่อยู่ นกพวกนี้กินเนื้อและใช้เวลาเติบโตเป็นร้อยปี”

     “ความจริงมีเป็นคู่หรือ”

     “จุดอ่อนของมันอยู่ที่ใต้แผงปีก ขนมันป้องกันเวทมนตร์ส่วนมากได้ด้วย พยายามเข้าละ” พูดจบเวเบอร์ก็กลับโดยไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆกับอิกริดเลย

     สิ่งแรกที่ชายหนุ่มคิดคือระยะห่าง หากปล่อยให้นกจำนวนมหาศาลนี้เข้าถึงตัวคงดับอนาถแน่ มีแต่ต้องลงมือเล่นงานเสียตอนยังไกลกันเสียเป็นอันดับแรก

     มีนักธนูและนักเวทบางคนเริ่มลงมือแล้ว ลูกธนูและแสงสีจากเวทมนตร์ต่างๆพุ่งเข้าปะทะเจ้าตัวแม่ซึ่งตัวใหญ่ที่สุดเป็นอันดับแรก เสียงร้องที่คาดเอาไว้กลับไม่เกิด เสมอเหมือนการจู่โจมระลอกแรกของเหล่ามนุษย์ไม่มีผลใดๆกับมันเลย ฝูงนกใกล้เข้ามาอีก คราวนี้พลปืนไฟทั้งหลายลั่นกระสุนดังสนั่นทั่วบริเวณ

     ดุจมหาวายุบังเกิดขึ้นเมื่อเหล่าวิหคปิศาจบินเข้ามาได้ระยะ นกยักษ์ตัวแม่วกหัวลงบินเฉียดหัวมนุษย์ตัวจ้อยซึ่งตัวลูกด้านหลังล้วนทำตามผู้นำ ไม่ใช่แค่บินผ่านเฉยๆแต่อุ้งเล็บแกร่งของตัวลูกซึ่งมีขนาดเท่าวัวได้โฉบเอาทหารหาญติดอุ้งเล็บกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วย กลุ่มที่ได้ตัวเหยื่อแล้วพากันบินกลับ ส่วนที่ยังไม่ได้ก็บินดิ่งขึ้นท้องฟ้าเตรียมโฉบลงมาอีกครั้งราวกับกำลังจับปลาในน้ำ

     “ใครใช้เวทมนตร์ได้สร้างพายุเร็วเข้า!” เสียงร้องด้วยความเร่งรีบดังขึ้น สายลมจากทั่วทิศต่างถูกเวทมนตร์ชักนำให้เคลื่อนตัวด้วยความรุนแรงต้านทานการบินของนกเหล่านั้น ทว่าด้วยความแตกต่างด้านขนาดและจำนวนทำให้ไม่ได้ผล

     ในพริบตานั้นบังเกิดกำแพงดินหาพวยพุ่งขึ้นจากพื้นขวางกั้นเหล่านกเอาไว้ เสียงกระแทกดังสนั่นพร้อมกันนั้นกำแพงดินส่วนบนพังทลายเปิดช่องทางให้นกนำฝูงบินตุปัดตุเป๋ออกมา

     “ตอนนี้ล่ะ ยิง!” เสียงชายคนหนึ่งคำรามให้คนที่มีอาวุธระยะไกลเริ่มโจมตีต่อ อิกริดมองเหล่าธนูและศรเวทพุ่งเข้าหานกยักษ์ตัวที่สามารถเล็งได้ง่ายที่สุด พลางคิดว่าตนจะทำอะไรได้บ้าง

     จริงอย่างที่เวเบอร์บอก อิกริดคิด ทั้งเวทมนตร์และกระสุนเพลิงแทบสร้างบาดแผลให้มันไม่ได้เลย ท่ามกลางความวุ่นวาย มีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งถูกจับตัวไปโดยพวกลูกนก ส่งผลให้ผู้เคยอาจหาญที่เหลือแตกฮือหนีไปคนละทาง บางคนที่ยังมีแก่ใจสู้ต่อทำอะไรไม่ถูกเพราะตกอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่วิ่งหนีกันอลหม่าน

     “ข้าช่วยทำให้ง่ายขึ้นเอาไหม ทำให้เหลือแค่คนที่คิดสู้”

     ไม่แค่เสียง เวเบอร์ยังทำบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ ผู้ที่กำลังวิ่งหนีถูกพลังบางสิ่งลากดึงไปยังเขตถ้ำที่หน่วยแพทย์ซ่อนตัวอยู่ เหลืออยู่เพียงสองสามคนที่ยังยืนประจัญหน้ากับนกยักษ์กลางทุ่งโล่ง อิกริดมองเห็นผู้กล้าลาเวนเดอร์อยู่ไม่ห่างนัก นางถือดาบสั้นสองมือด้วยความกล้าหาญ

     “แอนนา ข้าฝากด้านนอกด้วยนะ!” อิกริดคำราม สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือกรง จะต้องขังนกยักษ์ตัวแม่ให้อยู่ในพื้นที่ปิดให้ได้เสียก่อน

     “ไม่ได้เรื่อง เดี๋ยวข้าจะช่วยเอง” ความช่วยเหลือจากเวเบอร์มาถึงเสียก่อนอิกริดลงมือ

     ในจังหวะที่นกยักษ์วกหัวกลับดวงตาของมันจ้องมาที่อิกริดเขม็ง ก่อนจะกรีดร้องอย่างเกรี้ยวกราด

     “ข้าทำให้เจ้านกนั่นคิดว่าเจ้าคือคนที่ฆ่าคู่ของมัน คราวนี้มันก็จะเข้ามาหาเจ้าแล้ว” เวเบอร์ทำให้อิกริดร้องโอดโอยในใจ การดึงเจ้านกลงมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ก็ดีอยู่หรอก แต่การดึงความสนใจด้วยการสะกดให้เข้ามาเล่นงานแบบนี้ไม่รู้จะเรียกว่าดีหรือไม่ อิกริดคิด

     “ใช้ดาบคงลำบากสินะ ให้ข้าสร้างแท่นเหยียบให้ไหม”

     ลาเวนเดอร์เดินเข้ามาโดยไม่สนใจนกยักษ์ที่กำลังดิ่งลงมาจากบนฟ้า นางชี้ดาบไปทางนกตัวนั้นแล้วออกคำสั่ง พลันแท่งดินขนาดพอเหมาะงอกขึ้นจากพื้นสูงขึ้นกระแทกส่วนอกทำให้มันบินวกขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง

     “ดาบคู่แห่งดิแครล์ สามารถควบคุมผืนดินได้ดังใจ กำแพงดินนั่นก็ฝีมือข้า” นางหันปลายดาบไปที่กำแพงดินใหญ่ยักษ์ที่ช่วยพวกเขาไว้ครั้งหนึ่ง “ข้าบังคับให้เปลี่ยนความสูงตามใจชอบได้ด้วย สนใจใช้บริการไหมข้าคิดไม่แพงหรอก”

     “เอาสิ ฝากด้วยนะลาเวนเดอร์”

     “เห็นว่าเป็นคนรู้จักหรอก สำนึกบุญคุณด้วยล่ะ”

      ใต้เท้าของอิกริดสั่นเล็กน้อยก่อนพาเขาทะยานขึ้นสูงขึ้น ไม่เพียงเขา ผู้กล้าหญิงยังบงการผืนดินใต้เท้าของนักสู้คนอื่นที่ใช้อาวุธระยะสั้นให้ยกตัวสูงขึ้นเช่นกัน

     ลำแสงสีเขียวฉวัดเฉวียนผ่านเสาดินอย่างว่องไวโดยมีอิกริดเป็นเป้าหมาย เขาต้องกระโจนไปหาแท่นดินใกล้ๆเพื่อหาทางเข้าปะทะ เพียงครั้งแรกอิกริดก็รู้แล้วว่ามันป้องกันได้แค่เวทมนตร์หรืออาวุธบินพลังปะทะน้อยเท่านั้น ดาบวิเศษกรีดเฉือนลงบนแผงปีกรุ่งริ่งเรียกเลือดสีแดงสดให้หลั่งริน อีกหลายคนก็ได้โอกาสเช่นเดียวกับผู้ครอบครองดาบวิเศษ

     เวลาตะลุมบอนของเหล่ามนุษย์มาถึงเมื่อเสาดินทั้งหลายแตกแขนงออกเป็นแท่นเหยียบให้แก่ผู้กล้าหาญ นกยักษ์มุ่งเป้ามาที่อิกริดเพียงคนเดียวจึงเริ่มอ่อนเรี่ยวแรงจากการเล่นงานของฝ่ายมนุษย์ แม้แต่ลาเวนเดอร์ยังปีนป่ายขึ้นมาช่วยกันรุมกินโต๊ะนกยักษ์อย่างสะดวกสบาย

     กระทั่งถึงจุดสุดท้ายของการต่อสู้ นกยักษ์เลือดท่วมใช้เรี่ยวแรงที่เหลือสะบัดตัวทำลายเสาดินขวางทางก่อนหันหัวขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะดำดิ่งลงมาราวลมกรด จุดหมายคืออิกริดแน่นอน!

     ในเสี้ยววินาทีมรณะอิกริดเตรียมแทงดาบสวน หากลาเวนเดอร์เข้ามาขวางหมายสังหารนกยักษ์ไควนัสเช่นเดียวกัน อิกริดรู้ได้ทันทีว่าทางฝ่ายสัตว์ปิศาจเร็วกว่าจึงเอาตัวผลักหญิงสาวไปให้พ้นทาง ส่งผลให้จะงอยปากคมกริบเสียบลงบนท้องของชายหนุ่ม

     “บังอาจนัก! มาทำร้ายร่างใหม่ของข้าได้”

     เสียงใครสักคนคำรามท่ามกลางสติมลังเมลืองและเสียงกรีดร้องของอิกริด ก่อนทุกสิ่งจะดับวูบกลายเป็นความมืดสุดบรรยาย...

**************

คุณPsycho man  - - นั่นเป็นฉายาตั้งเองครับ พวกนักเลงก็อย่างนี้ล่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12879933/W12879933.html
ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12717775/W12717775.html
บทนำ  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12645393/W12645393.html

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 20:52:58




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com