Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยุ่งนักรักคนเสื้อกาวน์ บทที่ 16 ตอนหมอคุณธรรม vote ติดต่อทีมงาน

ข้อมูลเบื้องต้น



นิยายรักโรแมนติก วงการแพทย์ ระหว่างสูติแพทย์สาวห้าว แกร่ง ไม่เคยกลัวใคร

กับหนุ่มน้อยอดีตนักศึกษาแพทย์เกียรตินิยมอันดับหนึ่งอดีตคนรักที่
มีเรื่องเข้าใจผิดจนต้องพลัดพรากจากกันไป สิบปีต่อมา เขากลับมาอีกครั้งในสถานมหาเศรษฐีมาเฟียลึกลับ

โดยอาศัยความผิดพลาดทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นในวันที่เธออยู่เวร

จนทำให้หญิงสาวครรภ์แก่ต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
ทั้งแม่และลูก บีบบังคับให้เธอมาอยู่กับเขา

 เขาตั้งใจจะอาศัยสถานใหม่ หลอกให้เธอหลงรักแล้วทิ้งเธอไปเช่นเดียวกับที่เธอเคยทำกับเขา

แต่แล้วเมื่อได้พบเธออีกครั้ง เขากลับพบว่า เธอกลายเป็นแพทย์ ทีีมีจิตวิญญาณของความเป็นแพทย์เต็มตัว
เธอเข้าใจว่าเธอเป็นผู้พิทักษ์ชาวโลกหรือไงกันนะ 

แล้วเป็นไง เวลาเธอเดือดร้อน ถูกฟ้องร้อง ถูกเข้าใจผิด ถูกสังคมตราหน้า แม้แต่คำว่าแพทย์ เธอก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้นำหน้าชื่อของเธอ

ก็เป็นเขา ที่คอยช่วยเหลือเธอตลอด แล้วไงล่ะ พอเธอรอดปลอดภัย เธอกลับสลัดนายเฉินฮ่าวหมิงเหมือนรองเท้าเก่าๆ

มัวแต่ไปคร่ำครวญถึงไอ้บ้าคนหนึ่งที่หายสาบสูญไปเป็นชาติแล้ว
เขาพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถดึงเธออกจากไอ้หมอนั่นได้

เรื่องคงไม่ยาก ถ้าไอ้บ้าที่เธอไม่เคยลืมก็คือเขาในอดีต 

เขาต้องกลายเป็นผู้ชายสองคนวิ่งสลับกลับไปกลับมา

ถ้าเธอไม่จับได้ก่อน เขาก็คงเหนื่อยตายไปเสียก่อน
แล้วเขาจะทำอย่างไรดี ปวดหัวจริงโว๊ย 


ยังไงเสีย เขาต้องตัดใครสักคนทิ้งไป

ไม่นายเฉินฮ่าวหมิง ก็ต้องเป็นนายเตชิต ใครสักคนต้องหายสาบสูญไป

แต่ที่แน่ ไม่ว่าจะเหลือใครไว้ เขาจะไม่ยอมสูญเสียเธอเป็นอันขาด

 ต่อ

  "แม่กล้วยกวน แม่กล้วยกวนตื่นสิ เป็นอะไรหรือเปล่า?"


  ใครกันนะที่ขานเรียกเราด้วยชื่อนี้ ชื่อที่ไม่เคยได้ยินมาเนิ่นนานแล้ว


  นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ไม่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยนระคนห่วงใย กระวนกระวาย น้ำเสียงที่อบอวลไปด้วยความรัก ความห่วงหาอาทร


  เคยคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ยินอีกแล้ว


  อยากได้ยินอีก


  แต่ทำไมเงียบหายไป ไปที่ไหนแล้ว


  นั่นไง พี่ชายอยู่ข้างหน้า อยู่ตรงนั้น


  พี่ชาย พี่ชาย


  หล่อนได้ยินเสียงตัวเองร้องเรียกเขา พร้อมกับวิ่งไล่ตามแต่อนิจจาขาของหล่อนทำไมจึงเชื่องช้าไม่ทันใจเอาเสียเลยราวกำลังวิ่งย่ำอยู่กับที่


  ร่างสูงนั้นยิ่งห่างไกลออกไปทุกที


  ปันนารวบรวมกำลังเท่าที่มีเฮือกสุดท้ายขยับตัวไล่ตาม ปากก็ตะโกนเรียก


  พี่เตย พี่เตย พี่ชายจ๋าอย่าเพิ่งไป รอกล้วยด้วย


  แต่เงาร่างสูงใหญ่ไหล่หนาที่เห็นเลือนรางแวบๆ ก็ยังคงเคลื่อนต่อไปข้างหน้า ไม่ยอมหยุด ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมามอง

หากเมื่อร่างเล็กบางวิ่งกวดทัน มือน้อยๆกำลังจะเอื้อมไปรั้งแขนคนตัวใหญ่ไว้ได้ พลันก็มีหญิงสาวสวยร่างสูงโปร่สวยงามประดุจนางฟ้าลอยมาจากไหนไม่ทันสังเกต ยื่นแขนเปล่าเปลือยกลมกลึงลงมาโฉบเอาร่างสูงไปต่อหน้าต่อตาพาร่างใหญ่ห่างออกไป

ไกลจนเห็นเพียงร่างเลือนรางกลมกลืนไปกับสายหมอกทึบหนาเบื้องหน้า และท้ายสุดก็ลับหายไปแม้เงาก็ไม่อาจแลเห็น


  ปันนาตะเบ็งเสียงเรียกสุดเสียง
  
พี่เตย อย่าทิ้งกล้วยไป


  พยายามเอื้อมมือไขว่คว้าเป็นครั้งสุดท้ายแต่กลับคว้าได้แต่ฟองอากาศอันว่างเปล่า


  ร่างบางทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง หมดกำลังใจ ไม่มีแม้โอกาสจะสัมผัสแตะต้อง แล้วปันนาจะมีโอกาสได้อธิบายเรื่องเข้าใจผิดทั้งมวลได้อย่างไร


  พี่เตย พี่เตยใจร้าย ไม่รักษาสัญญา


  “หมอปันนาคะ ไม่สบายหรือเปล่า?"


  ป้านิ่มแตะแขนของคนที่กำลังพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมาจนผมยาวสลวยหลุดลุ่ยลงมาแผ่เต็มหมอน อย่างเป็นห่วง

ริมฝีปากบางสวยได้รูปขมุบขมิบจับใจความไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในความฝัน  ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงเร็วถี่เหมือนคนกำลังหอบ เหงื่อเม็ดโตที่ผุดพราวตามใบหน้า แขนขาเย็นชื้นบอกให้รู้ว่าว่าฝันนั้นคงไม่ใช่ฝันดีแน่


  "หมอปันนาคะ หมอปันนา"


  คราวนี้คุณนิ่มนวลที่ไม่นิ่มสมชื่อเขย่าแขนหญิงสาวเต็มแรง ละม้ายต้องการจะให้ตัดวงจรฝันร้ายนั้นเสีย


ปันนาลืมตาขึ้นมาทันที อย่างแรกที่เห็นในสายตาคือ สตรีวัยเลยกลางคนที่ก้มมองด้วยความเป็นห่วง ถัดมาข้างๆเป็นสตรีในเครื่องแบบสีขาวพร้อมหมวกผ้าแข็งสีขาวเหน็บกิ๊บสีดำ

  พยาบาล!


  หญิงสาวมองไปรอบๆอย่างงุนงงและไม่คุ้นเคยสถานที่ หากเมื่อลำดับเหตุการณ์ได้ ก็ทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง แต่กลับรู้สึกเจ็บแปล้บๆที่หลังมือ


  เข็มให้น้ำเกลือ


  หมอปันนามาเฝ้าคนป่วย แต่ไหงหมอกลายมาเป็นคนไข้นอนให้น้ำเกลือเสียเอง ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานเสียแล้ว

  น่าขายหน้านัก!


  หากพอนึกอะไรได้ ก็หน้าตาตื่น ถามละล่ำละลักว่า

  “เขาไปไหน ผู้ชายคนนั้น”


  “ใครคะ หมอปันนา”

  “คนที่อยู่บ้านข้างหลัง”


  ป้านิ่มหน้าเสียเมื่อรู้ว่าหล่อนหมายถึงใคร  ที่สำคัญกว่าคือหล่อนไปในสถานที่ต้องห้าม สถานที่หากท่านไม่สั่งให้ใครเข้าไป ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด


  และสิ่งที่คุณแม่บ้านจำได้คือ ได้บอกคุณหมอแล้วเมื่อวานนี้

  “คุณท่านหรือคะ?” แต่ก็ถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง

  “ไม่รู้ แต่เขาอยู่ที่กระท่อม หมอเจอเขา แล้วหมอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

  “ท่านเป็นคนพามาค่ะ ถ้าผู้ชายที่หมอเจอที่กระท่อม ก็เห็นจะมีคนเดียว คือท่าน คุณเฉินฮ่าวหมิง เจ้านายนั่นแหละค่ะ”

  “เฉินฮ่าวหมิง” ปันนาทวนชื่ออย่างงๆ หล่อนไม่รู้จักเฉินฮ่าวหมิง หล่อนรู้จักแต่พี่เตย พี่ชาย


  เฉินฮ่าวหมิงจะเป็นใครก็ตาม ไม่สนใจ สนใจแต่ว่า พี่ชายไปไหน


  หญิงสาวทำในสิ่งที่เวลาคนไข้ทำ จะถูกหมอปันนาดุทันที นั่นคือกระชากสายน้ำเกลือออก ลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง หากเพราะเพิ่งฟื้นจากอาการหมดสติ การลุกขึ้นเปลี่ยนท่ากะทันหัน จึงทำให้เพดานข้างบนหมุนติ้วแกว้งไกวราวกับอยู่ในเรือที่กำลังแล่นผ่านคลื่นยักษ์กลางมหาสมุทร ทำให้ต้องล้มตัวลงนอนใหม่ รอให้ร่างกายปรับตัว ก่อนจะลุกขึ้นอีกครั้ง ช้าๆในท่าตะแคงตัว


  “หมอปันนา จะไปไหนคะ?” ป้านิ่มถามอย่างสงสัย เป็นห่วง


  ไม่มีคำตอบ หญิงสาวลุกขึ้นได้ ก็เดินตัวไม่ตรงดีนักออกจากห้อง ทั้งๆร่างกายยังไม่ปรับสมดุลย์เต็มที่


  “แล้วนี่ จะไปไหนกันอีกค่ะหมอปันนา ยังไม่แข็งแรงดีเลย”


  ป้านิ่มตะโกนเรียกไล่หลังมา พร้อมกับพาร่างท้วมสมบูรณ์เดินตามมาด้วยอย่างไม่เข้าใจ แต่ขนาดคนดีเดินตามคนป่วย ยังต้องเดินแกมวิ่งจนรู้สึกเหนื่อย

 
  ร่างเล็กบางคล่องแคล่วว่องไวกระฉับกระเฉงเหลือเชื่อ


  นี่ขนาดเมื่อกี้ยังเพิ่งโคงเคลงปุเรงๆอยู่บนเตียง พอตั้งตัวได้ก็แกร่งราวกับหินผาเลยทีเดียว


  ไม่มีใครรู้ว่าพื้นฐานปันนาแข็งแรงแค่ไหน หล่อนเป็นนักกีฬาและยังฝึกการต่อสู้เป็นประจำในยามว่างจากงาน


  ร่างสองร่างที่เห็นเดินเคียงโอบเอวกันเห็นไหวๆข้างหน้าไม่ผิดจากภาพในฝันแม้แต่นิดเดียว กำลังจะเดินออกพ้นเชิงบันไดไปแล้ว


  เขามีหญิงอื่นจริงๆ สาวสวย ที่แม้จะเห็นเพียงแวบๆ แต่ปันนาก็จำได้ว่าหล่อนสวยสะดุดตาจริงๆ ในเวลาสั้นๆที่ใจจดใจจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งทำให้หญิงสาวไม่ทันคิดว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนั้นที่ไหน


  ที่จำได้มีเพียงการแต่งกายล่อแหลมในที่รโหฐานเมื่อเช้า บอกความสัมพันธ์ของชายหนุ่มหญิงสาวได้ดี ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยคำพูดใดๆ


   คนทรยศ

  ความเจ็บปวดร้าวรานใจ ความโกรธ ความฝังใจลึกเร้นที่ไม่เคยจางหาย


  เขาเป็นของหล่อน

  คำสัญญาในอดีตยังจำได้ไม่เคยลืมเลือนแม้เพียงคำเดียว


  หล่อนเฝ้ารอเขา ตั้งหน้าตั้งตาคอย วันที่เขาจะกลับมารับหล่อน แต่ผ่านไปนาน 10 ปี  หล่อนก็ยังคอยเขา เมลส่งไปหาสม่ำเสมอแต่ไม่เคยได้รับการตอบกลับ ไม่เคยแม้แต่จะเปิดดู


  แล้วนี่อะไร ภาพที่เห็นเบื้องหน้า ทำให้น้ำตาพรั่งพรูลงมาราวกับทำนบพังทลาย

  ใครที่รู้จักปันนา จะรู้ว่าหล่อนเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นง่ายๆ

  “เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”

  หญิงสาวตะโกนเรียกบุรุษร่างสูงใหญ่ เฉกเช่นที่เรียกเขามาแล้วครั้งหนึ่งในความฝัน

  หากร่างสองร่างที่เดินคลอเคลียกันออกไป ไม่ได้สนใจ ยังคงก้าวเดินต่อไป โดยไม่เหลือบแลมาด้านหลังแม้แต่น้อย


  ปันนาเร่งฝีเท้าขึ้น จนทัน


  และโดยไม่มีใครคาดคิด


 หญิงสาวกระชากแขนชายหนุ่มอย่างแรงให้หันกลับมา  

คนถูกดึงที่กำลังคุยเพลินไม่ทันตั้งตัวจึงเสียการทรงตัว หมุนเซถลาตามมือน้อยมาด้านหลัง

  แล้วทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นตั้งแต่คนขับรถ ที่ยืนเปิดประตูรถคอยอยู่เชิงบันได บอดี้การ์ดสามสี่คน รวมทั้งป้านิ่ม และคุณพยาบาลที่ตามมาทันพอดีก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าบังอาจทำ


  เพียะ!

  กรี๊ด!

  ว๊าย!



 

ห้องฉุกเฉิน

โรงพยาบาลเพชรธานี

  อาการบาดเจ็บของคนเจ็บบนเปลเข็นตรงหน้าสาหัสสากรรจ์ทั้งบาดแผลภายนอกที่ฉาบเลือดสีแดงฉาน ตัดกับใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ แขนข้างหนึ่งหักงอ เห็นเศษกระดูกแหลมโผล่ยื่นออกมา
 

  อาการหายใจรวยริน สติสัมปชัญญะเลือนลาง ได้แต่กระพริบตา ขยับศีรษะรับรู้ตอบสนอง หากไม่สามารถเอ่ยวาจาใดๆออกมาได้ ระดับออกซิเจนต่ำจนแทบจะวัดไม่ได้
 

  ในสภาวะเช่นนี้ เป็นเรื่องฉุกเฉินที่แพทย์และพยาบาลต่องรีบสอดท่อช่วยหายใจ ให้น้ำเกลือ หาเลือดมาให้ และรีบนำคนไข้ไปรับการตรวจประเมินความเสียหายของอวัยวะภายใน เพื่อเตรียมผ่าตัดรักษาอย่างเร่งด่วน
 

  แต่ทุกอย่างกลับช้าไปหมด เพียงเพราะคนเจ็บเป็นโจรเรียกค่าไถ่หญิงชรา มารดาของมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย
 

  หากที่สำคัญกว่านั้น เขาคืออดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังที่ผันตัวไปทำธุรกิจจนรุ่งเรือง ตัดขาดจากอาชีพแพทย์โดยสิ้นเชิง จึงยังหลงเหลือบารมีให้เจ้าหน้าที่เกรงกลัวไม่กล้าผลีผลาม
 

  และอีกทั้งอาการบาดจ็บนี้เกิดเนื่องจากอุบัติเหตุรถปิกอัพของคนเจ็บพุ่งชนประสานงากับรถสิบล้อ ระหว่างทางไปรับเงินค่าไถ่
 

  ตำรวจสองนายและญาติเหยื่อค่าไถ่ล้อมวงซักถามคนเจ็บอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้คายที่ซ่อนของเหยื่อให้ได้ โดยไม่สนใจว่าคนถูกซักกำลังจะตายมิตายแหล่อยู่แล้ว
 

  “บอกมา ว่าแกเอาแม่ฉันไปไว้ที่ไหน” ลูกชายเหยื่อตะคอกถามพร้อมกับเขย่าตัวคนเจ็บบนเปลนอนไปด้วย

แพทย์เวรและพยาบาลห้องฉุกเฉินต่างไม่กล้าฝ่าด่านบอดี้การ์ดร่างยักษ์สามสี่คนที่ยืนกันรอบเตียง
 

  "ถ้าไม่บอก ฉันจะปล่อยให้แกตายอยู่ตรงนี้แหละ"
 

  คำประกาศิตนั้นราวกับเจ้าตัวคือผู้มีอำนาจสูงสุดในโรงพยาบาล
 

  "คนไข้ตอบไม่ไหวหรอกค่ะ" คุณเล็กหัวหน้าพยาบาลห้องฉุกเฉินที่ตัวเล็กสมชื่อพยายามแทรกตัวเข้ามาระหว่างกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยืนหน้าถมึ(รง)ทึงรอบเตียง "เราต้องรีบใส่ท่อช่วยหายใจ พวกคุณช่วยหลีกไปก่อนเถอะค่ะ"
 

  "ถัาใส่ท่อแล้ว มันจะพูดได้ยังไง" ลูกชายเหยื่อไม่ยอม "คุณรู้ไหม แม่ผมเป็นโรคหัวใจ แถมยังเป็นเบาหวานอย่างแรง ขาดยาฉีดแค่สองสามวัน แม่ผมจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ชีวิตไอ้โจรนี่ จะมีค่าเท่ากับแม่ผมได้ยังไง"
 

  "แม่ของใครก็สำคัญที่สุดสำหรับลูกของตัวเอง" เสียงทุ้มห้าวหากทรงอำนาจในตัวแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง"แต่ในมือหมอ ชีวิตทุกคนมีค่าเท่ากันหมด"
 

  "หมอฉัตร" คุณเล็กร้องอย่างดีใจ
 

  "ใส่ท่อช่วยหายใจ ครอสแมชขอเลือดด่วน" คำสั่งเด็ดขาด เอาจริง "ใครขัดขวาง ผมจะถือว่าคุณเป็นฆาตกร"
 

  น่าแปลกที่ตำรวจและเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนขวางทางอยู่ถอยห่างออกมาโดยไม่รู้ตัว หากบุตรชายคนเจ็บยังยืนขวางทางอยู่ ไม่ยอมง่ายๆ
 

  "ฉัตรแน่ใจ ผ่าตัดแล้ว มันจะตื่นมาพูดได้"
 

  คำเรียกขานเต็มๆทำให้รู้ว่าทั้งสองเคยรู้จักกันมาก่อน

 
  "ผมคงให้คำตอบไม่ได้ บาดเจ็บหนักขนาดนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น พี่ก็เคยเป็นหมอมาก่อน น่าจะเข้าใจ"
 

  "งั้นผมก็ไม่ให่ผ่า ต้องให้มันบอกก่อนว่าแม่ผมอยู่ที่ไหน"
 

  "พี่ก็เห็นสภาพแล้ว จะหายใจยังช่วยตัวเองไม่ได้ จะมาเค้นคำตอบอะไรตอนนี้" เขาหันไปหาตำรวจ "ช่วยเอาเขาออกไปด้วย"
 

  "แต่ผมก็เห็นด้วย เราควรจะรู้ที่อยู่ของเหยื่อก่อน จะได้เร่งให้ความช่วยเหลือก่อนจะสายเกินไป" ตำรวจเข้าข้างเจ้าทุกข์
 

  "ฉัตร แม่ผมเป็นคนดีมากนะ เสียสละทุกอย่างเพื่อลูก แม่ผมคนเดียวเลี้ยงลูกมาด้วยความยากลำบาก ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่ ผมจะปล่อยให้แม่เป็นอะไรไปไม่ได้"
 

  ลูกชายเหยื่อเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อน "ฉัตรจะใจดำเอาคนดีๆอย่างแม่ผม ไปแลกกับไอ้โจรใจบาปหยาบช้าได้งั้นหรือ"
 

  ระหว่างคุยกันพยาบาลแอบแทรกเข้ามาเปิดเส้นให้น้ำเกลือ เจาะเลือด และยื่นท่อหายใจให้หมอ
 

  "พี่ก็เคยเป็นหมอมาก่อนน่าจะเข้าใจ หน้าที่ของหม.."
 

  "แต่ตอนนี้ผมเป็นลูก ผมมีหน้าที่ปกป้องป้องแม่ของผม"
 

  "แต่หมอมีหน้าที่ปกป้องชีวิตทุกคน หมอไม่มีสิทธิเลือกคนไข้ จะดีหรือเลว ถ้าอยู่ต่อหน้าหมอ ก็เป็นแค่คนไข้คนหนึ่ง" ฉัตรมงคลอธิบาย พยายามไม่ใส่อารมณ์แม้ในใจจะกำลังร้อนรนแค่ไหนก็ตาม
 

  "แม่คุณยังมีเวลา วันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ แต่คนเจ็บคนนี้ กำลังจะตายเดี๋ยวนี้ เวลานี้ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง" เสียงหมอฉัตรเข้มดุ
 

  "ถ้าแม่ผมเป็นอะไร มันก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปเหมือนกัน" อดีตนายแพทย์บอกเสียงกร้าว ยืนจังก้าขวางทางไม่ให้หมอเข้าไป

 
  ขณะนี้ เขาลืมสิ้น ถึงพระราชดำรัสของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
 

  แพทย์ทุกคนไม่ว่าจากสถาบันใด ต้องจำใส่ใจและปฏิบัติตามพระราชดำรัส
 

  ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน  เป็นที่สอง
 

  ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
 

  ลาภทรัพย์และเกียรติยศ  จะตกแก่ท่านเอง
 

    
  เห็นว่าคงจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว หมอฉัตรมงคลก็สั่งพยาบาลให้ตามหน่วยรักษาความปลอดภัยมา ขระเดียวกัน เขาก็ดึงแขนหมอลูกชายเหยื่อค่าไถ่ออกมาจากรถเข็นคนเจ็บ ดุเหมือนชายหนุ่มแทบไม่ได้ใช้แรงสักเท่าใดแต่คนถูกดึงกลับเซหลุนๆออกนอกวง ตกลงไปในวงแขนของลูกน้องที่กางแขนรองรับเจ้านายไว้
 

  หนุ่มใหญ่สะบัดแขน ทำท่าฮึดฮัดจะเข้าไปใหม่ หากคราวนี้ชายร่างใหญ่ สองสามคนในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยกรูกันเข้ามาขวางทางไว้
 

  สองฝ่าย บอดี้การ์ดร่างยักษ์ของมหาเศรษฐีกับพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนจ้องกันนิ่ง ดูเชิง

  ต่างรู้หน้าที่
 

  ห้องฉุกเฉินไม่ใช่เวทีมวย
 

  เพียงชั่วแวบเดียว เครื่องช่วยหายใจก็ถูกนำมาต่อเข้ากับท่อช่วยหายใจที่ถูกสอดใส่เข้าไปด้วยความรวดเร็วและชำนาญ
 

  “เอาคนไข้ไปห้องซีที” หัวเรือใหญ่สั่ง
 

  จากนั้นขบวนแพทย์ พยาบาล ตำรวจ ผู้เสียหายตลอดจนบริวารก็ตามรถเข็นคนไข้ไปห้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แม้ญาติเหยื่อจะยังมีทีท่าฮีดฮัดหงุดหงิดอยู่ก็ตาม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

 
  คนเจ็บไม่มีสิทธิจะพูดอะไรได้อีกแล้ว


 ในห้องผ่าตัด หมอฉัตรมงคลนิ่งสงบ ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้ แต่พยาบาลผู้ช่วยรู้ดี หมอเครียดผิดปกติ ดูจากกองผ้าก็อซที่ใช้ซับเหงื่อบนหน้าผากให้หมอมีจำนวนมากกว่าทุกกครั้ง


เดิมพันการผ่าตัดครั้งนี้ มีสองชีวิต 


หากโจรเสียชีวิต หญิงชราเหยื่อค่าไถ่ก็ไม่รอดด้วยเช่นกัน

 

  ด้านนอกห้องผ่าตัด
 

                เจ้าทุกข์เดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวาย
 


  “ถ้าไอ้โจรรอด ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ขอให้เขารอดเท่านั้น”
 

  ในที่สุดเขาก็ยอมจำนน เมื่อหมอได้ย้ำเจตนารมย์แน่วแน่
 

  เจอคนจริง ใครก็เกรง
 

  ขอเพียงหาแม่เขาพบทันเวลาเท่านั้น แม้ต้องก้มหัวให้ใคร เขาก็ยอม
 

  ชีวิตที่ผ่านมา เงินคือพระเจ้า
 

  กว่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว อ้อมอกแม่ต่างหากที่มีความหมายที่สุด นานกี่สิบปีแล้วหนอที่เขาปล่อยให้ผู้เป็นมารดาอยู่ตามลำพังกับข้าทาสบริวาร ปรนเปรอความสะดวกสบายภายนอกท่วมท้น ไม่เคยหยุดสนใจ
 

  แท้จริงแล้ว แม่ต้องการอะไรกันแน่
 

  ยังจำได่ไม่เคยลืม เมื่อเขากลับบ้าน แม้จะดึกเพียงไหน แม่จะนั่งถ่างตารอ
 

  คำถามติดปาก “กินข้าวหรือยัง? ลูก”
 

  น้ำตาหนุ่มใหญ่ไหลคลอเบ้าตา
 

  “แม่ครับ ผมขอโทษ” อดีตแพทย์คร่ำครวญในใจ “ขอเพียงให้แม่ปลอดภัย ผมจะไม่บ้างานจนละเลยแม่อีกต่อไป ผมจะเอาใจใส่แม่ ใช้เวลาอยู่กับแม่ให้มากที่สุด แม่ให้โอกาสให้ผมแก้ตัวสักครั้งเถอะครับ”
 

  ไม่มีใครตอบเขาได้ สายเกินไปหรือไม่

 

 



[ ค้นหาเว็บบอร์ดทุกโรงเรียน แวะไปล่างสุดโฮมเพจ Dek-D ]

แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 55 21:15:05

จากคุณ : mamahuhu
เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 21:13:47




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com