ถ้านับจากครั้งที่วิทยาธรเทพยังเป็นเพียงมานพน้อยอ่อนเยาว์ มิได้มีสภาวะอันเป็นทิพย์ได้ถูกบิดาผู้เป็นใหญ่ในแว่นแคว้น ส่งมาศึกษาเล่าเรียนที่สำนักตักศิลาผู้มีอาจารย์อันเลื่องชื่อ เฉกเช่นเดียวกับบุตรมนุษย์ผู้มีมาจากวงศ์ตระกูลสูงทั่วไป ความคิดของบิดานี้คล้ายคลึงกันมิว่าจะอยู่ในชั้นวรรณะใด ไม่ยกเว้นแม้แต่พญานาคราชผู้เกรียงไกรก็เช่นกัน ย่อมอยากให้บุตรธิดาของตนได้รับการศึกษาที่ดี มีความรู้ความสามารถในการดำรงค์ชีวิตเมื่อเติบใหญ่
โอรสเจ้านาคราชยามนั้นยังเยาว์วัย พญามหิทธราบดีทรงโปรดให้จำแลงกายไปศึกษาเล่าเรียนกับอาจารย์ผู้มากด้วยคุโณปการในภพมนุษย์ จึงเข้ามาศึกษาเล่าเรียนที่เดียวกันหากล่าช้ากว่าวิมุตติสองสามปี
นับแต่วันนั้นผ่านมาวันเวลามานานนัก จนต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนสถานะจากนักศึกษาไปเป็นอื่น เพื่อนฝองร่วมโรงเรียนก็ถูกโชคชะตาพัดพาให้เวียนว่ายตามบุญกรรมแห่งตน ได้พบปะบ้างหายหน้าลาลับมิพานพบกันอีกก็มีมากนัก คงเหลืออยู่ไม่กี่ผู้ที่ก้าวข้ามพ้นวิถีมนุษย์มาสู่ภพนิรันดร์ ด้วยน้ำมิตรนี้เองจึงทำให้ทั้งสองไม่เคยถือโทษโกรธเคืองกัน แม้ปะทะคารมกันหนักนิดเบาหน่อยก็ปล่อยวางไป
"งั้นทะเลาะกับใครมาวะ?" คนช่างสงสัยยังซักไซร้ต่อ
"นี่...ไม่มีอะไรหรอกน่า...ทำไมต้องคิดว่า.." วิมุตติยังกล่าวไม่จบประโยคดีก็ต้องชะงักไปเมื่อตรีภูมิขัดขึ้นมาได้อย่างถูกต้อง
"หรือว่าผู้หญิงวะ!!?" เมื่อเห็นว่าเพื่อนนิ่งอึ้งไปซ้ำยังมองมาที่ตนตาค้าง หนุ่มร่างท้วมก็รู้ว่าตนมาถูกทางแล้ว ความรู้สึกใคร่รู้ยิ่งถูกกระตุ้น
"ผู้หญิงที่ไหน? นี่แกแอบไปปิ๊งใครเข้า...โห อุบเงียบเชียวนะเอ็ง ไม่บอกเพื่อนฝูงบ้างเลย"
"ตรี...เราไม่ได้....ยังไม่ได้พูดอะไรเสียหน่อย อย่าเพิ่งตีความไปไกลสิ" เจ้าของเรื่องถอนหายใจและพยายามเก็บซ่อนสีหน้าให้สนิท แต่ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว
"งั้นจะบอกว่าผู้ชายหรือไง?"
"จะบ้าเรอะ!!" เสียงตอบนั้นหมดอารมณ์จะพูดคุยไปเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังยกแฟ้มขึ้นมาตบศีรษะตรีภูมิโดยแรง ก่อนจะรวบข้าวของบนโต๊ะมาไว้ในมือแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับบ้าน
"อะไรวะ? แซวเล่นนิดเดียวก็โกรธ" คนปากเปลาะรีบเดินตามเพื่อนรักไปทันที
"เฮ้ย! บอกหน่อยสิผู้หญิงที่ไหน?...นะๆๆๆ เห็นแก่ความอยากรู้ของเพื่อนสนองหน่อย"
"แกไม่รู้จักหรอก" คำเฉลยหลุดมาจนได้เมื่อโดนลูกตื๊อ
"ว่าแล้ว!! กลุ้มเรื่องผู้หญิงจริงๆ ด้วย"
"นี่จะหยุดพูดได้หรือยัง?" เสียงตอบกลับมาฟังดูห้วนนักคล้ายไม่อยากพูดถึง ยิ่งทำให้ตรีภูมิขำเข้าไปอีก
"อะไรว้า...หล่อๆ อย่างแกนี่ยังต้องมากลุ้มเรื่องผู้หญิงอีกเหรอ?" ร่างสูงขยับปากจะตอบโต้แต่เหลือบไปเห็นนักศึกษาสาวหน้าตาคุ้นเคยคนหนึ่งเดินตรงมาจึงยกมือขึ้นห้ามเพื่อน
"พี่เจ้าคะ" เสียงเจื้อยแจ้วที่ดังมาแต่ไกลนั่นเป็นเสียงของมิรันตี
"เป็นไงบ้างคะพี่ ยังเจ็บหัวอยู่หรือเปล่า" คำถามนั้นทำเอาหนุ่มร่างท้วมซึ่งยืนอยู่ข้างๆ รีบยกมือขึ้นปิดปากกลบเสียงหัวเราะทันที จนวิมุตติปลายหางตามองด้วยความไม่พอใจ
"ไม่เป็นไรแล้วครับ"
"แอนเป็นห่วงค่ะ เสียงอย่างดังเลย..กลัวพี่เจ้าจะได้แผลจัง" หล่อนคงไม่รู้ตัวว่ายิ่งพูดยิ่งย้ำความอับอายให้เขา
"น้องแอน...อย่าไปถามมันแบบนี้ แค่นี้ไอ้เจ้ามันก็อายตายห่าแล้ว"
"อ๊ะ...ขอโทษค่ะ แอนไม่ได้ตั้งใจ"
"ไม่เป็นไรครับ" เขายังคงตอบเรียบๆ ตามเคย
"เอางี้ไหมคะ? ให้แอนเลี้ยงขอโทษแล้วกัน แอนรู้จักร้านอร่อยๆ ไม่ไกล มอฯ เราด้วย ไปด้วยกันนะคะ" หล่อนคะยั้นคะยอพร้อมกันนั้นก็ยกมือขึ้นดึงแขนชายหนุ่มทันที
"เพื่อนๆ ก็ไปด้วยนะคะ ไปเถอะค่ะพี่เจ้าแอนจะปิดปากพวกนั้นเองรับรองไม่มีใครกล้าล้อ" หล่อนรีบออกตัวเพราะรู้ว่าเขาจงใจเว้นระยะลูกศิษย์กับอาจารย์พอสมควร
"เอ่อ...พอดีวันนี้ผมนัดกับตรีไว้ ว่าจะเลี้ยงต้อนรับเจ้าภูวิษะมากรุงเทพฯ ต้องขอตัวล่ะครับ ขอบคุณที่อุตส่าห์ชวน" ตรีภูมิที่ยืนอยู่ข้างเกาหัวแกร่กๆ ทันทีที่ถูกยกมาอ้าง เขาก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับญาติของเพื่อน
"เจ้าภูวิษะมากรุงเทพฯ เหรอคะ?" นัยน์ตาหล่อนเป็นประกายทันที
"งั้นแอนไปด้วยดีกว่า" หล่อนตัดสินใจทันทีโดยไม่ถามไถ่ว่าอีกฝ่ายจะอนุญาตหรือไม่
"อ้าว? น้องแอนไหนว่าจะกินข้าวกะเพื่อนไง" รุ่นพี่ของหล่อนเองก็งง
"โอ้ย...เพื่อนๆ นี่เจอกันอยู่ทุกวัน ไม่ไปสักวันก็ไม่เป็นไรหรอกพี่ตรี"
"เล่นง่ายแบบนี้เลยเหรอน้องแอน? ไม่ต้องไปบอกพวกนั้นเหรอว่าไปแล้ว" มิรันตีเม้มปากเหมือนเด็กถูกขัดใจ
"เดี๋ยวค่อยโทรไปก็ได้น่าพี่ตรีก็ แล้วถึงไม่โทรถึงเวลาไม่เห็นแอนพวกนั้นก็ไปกันเองได้น่า" หล่อนพูดจบก็หันมาคลี่ยิ้มหวานให้วิมุตติ
"เราไปกันเลยนะคะพี่เจ้า"
"ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ เพราะว่าไม่ใช่เลี้ยงกันเป็นส่วนตัวมีผู้ใหญ่ท่านอื่นๆ ด้วย ผมเกรงว่าจะไม่เหมาะ"
เขายิ้มอ่อนๆ ให้หล่อนเหมือนที่เคยทำประจำจนติดเป็นมารยาท ก่อนจะปลายตามองมือที่ดึงแขนเสื้อของเขาไว้แน่น หากเป็นปกติแล้วมิรันตีแน่ใจว่าตนเองจะต้องตื๊อต่อและสำเร็จจนได้ หล่อนไม่เคยมีใครปฏิเสธหล่อนสำเร็จสักครั้ง แต่พอเป็นผู้ชายตรงหน้าหญิงสาวจำต้องยอมปล่อยมือ คล้ายว่าหากรุกล้ำมากกว่านี้เขาอาจจะหายวับไปต่อหน้าต่อตาได้ทันที จึงจำต้องเว้นระยะไว้ไม่ลุกไล่ประชิดเกินไป
"ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นพี่เจ้าสัญญานะคะ ว่าครั้งหน้าต้องไปกินข้าวกับแอน" หล่อนทำตัวเป็นสาวน้อยว่าง่ายน่ารักขึ้นมาทันที
"ไว้ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกันครับ" อาจารย์คนใหม่ไม่ได้ตอบคำใดเป็นการรับปาก แต่ยังคงรักษามารยาทดีนั่นไว้ได้อย่างเหนียวแน่นจนมิรันตีอึดอัดใจ
"ขอให้สนุกนะครับ ไปตรี..."
เขายิ้มให้หล่อนอีกครั้ง ก่อนจะหันไปพยักหน้าเรียกตรีภูมิ หญิงสาวจึงจำเป็นต้องยกมือไหว้ร่ำลาเมื่อโดนตัดบท ทั้งสองเดินมาไกลจนถึงลานจอดรถ เมื่อเห็นว่าห่างสายตามิรันตีแล้วหนุ่มร่างท้วมจึงถามขึ้นมา
"มีงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าภูจริงเหรอวะ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้มาก่อน?"
"อ๋อ...ก็เพิ่งคิดจะจัดเมื่อกี้น่ะ" หนุ่มรูปทองตอบหน้าตาย ทำเอาตรีภูมิทนเก็บเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ ต้องหัวเราะเสียงดังออกมา
"ไอ้บ้าเอ้ย! ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วแกจะเชิญผู้ใหญ่ที่ไหนมาร่วมได้งานตอนนี้วะ?"
"พ่อเราไง!" คำตอบนั้นทำเอาหนุ่มร่างท้วมชะงักเสียงเราะลงทันที เมื่อนึกถึงชายภูมิฐานวัยกลางคนที่ดูเจ้าระเบียบเสมอ
"อ่ะ...พ่อแกลงมากรุงเทพฯ เหรอ...งั้นตามสบายเถอะ เชิญฉลองกันในวงศาคณาญาติ คนนอกไม่รบกวนล่ะเกรงใจ" พูดพลางขยับตัวหนีทันที แต่ก่อนจะทันได้หมุนร่างจากไปก็ถูกวิมุตติคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ และผลักไสเข้าไปในรถทันที
"ไปด้วยกัน!!" ดั่งปกาศิตวิมุตติสตาร์ทรถแล้ววิ่งออกไปทันที โดยไม่ฟังเสียงโวยวายของเพื่อน
[จบตอนที่ 34] 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 55 17:44:01