ความคิดเห็นที่ 1 |
 |
ติดกันเป็นพรืดเลยยย TT ขออนุญาตลงซ้ำนะคะ
-------------------------------------------------------- ปี ค.ศ. 2012 ณ เมืองรูลทา ประเทศอีรัก
รูลทา....เมืองเล็กๆทางตะวันออกของกรุงแบกแดด เมืองที่มีผืนทรายล้อมรอบกว่าร้อยไมล์ ยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า อุณหภูมิจะเย็นลงอย่างรวดเร็ว แต่พื้นทรายยังคงร้อนระอุจากแสงแดดที่แผดเผาลงมาตลอดทั้งวัน....
ราซิส เด็กหนุ่มอาหรับวัยสิบเจ็ดปี หน้าคมเข้ม รูปร่างผอมเพรียว กำลังเดินตัวปลิวเข้ามาในคลินิกซึ่งก่อด้วยอิฐฉาบปูน อันแสนจะเรียบง่ายและธรรมดาที่สุดในบรรดาคลินิกที่นายแพทย์ไรอัน จากเมืองผู้ดีเคยอยู่มา
พอราซิสเดินเข้ามาถึงห้องตรวจโรค ก็บ่นให้ฟังทันที แย่จังเลยฮะ ไม่มีใครยอมให้ผมเช่ารถเลย
ทำไมล่ะ? ไรอันถามเพื่อนสนิทต่างวัย ขณะที่หน้ายังก้มจดอะไรยิกๆ ลงในแฟ้มประวัติคนไข้
เด็กหนุ่มอาหรับลากเก้าอี้ที่หมุนได้รอบมานั่ง เขารู้สึกสบายขึ้นมากเมื่อได้นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเต็มที่ หลังจากเที่ยวตระเวนหารถเช่าในเมืองรูลทาตามที่แพทย์หนุ่มไหว้วานมาตลอดทั้งวัน แต่ก็คว้าน้ำเหลว เพียงเพราะ......
วันนี้เป็นวันแรมวิปโยคนะซิฮะ ทุกคนพากันหวาดกลัวไปหมด โธ่เอ๊ย มันไม่มีจริงซักหน่อย ราซิสส่ายหน้าไปมา
หือ วันแรมวิปโยคคืออะไร? คราวนี้แพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นจากแฟ้ม ถามด้วยความสนใจ
ราซิสมีสีหน้าลังเล ไม่รู้ว่าควรจะเล่าให้ฟังดีไหม แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งรอฟังอย่างตั้งใจ ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
คุณหมอ ทราบใช่ไหมฮะ ว่าประเทศของผม สมัยก่อน คือ ดินแดนเมโสโปเตเมีย....
ใช่ ดินแดนพระจันทร์เสี้ยว แพทย์หนุ่มพยักหน้ารับ แล้ว?
มันเริ่มจากยุคเมโสฯ นั่นแหละฮะ เขาลือกันว่า พวกที่ออกไปกลางทะเลทรายในคืนวันแรมวิปโยค เจอดีกันทุกคนเลย
เจออะไร? ไรอันทำหน้าพิศวง
ราซิสเลื่อนเก้าอี้เข้ามาจนชิดขอบโต๊ะ แล้วลดเสียงลงต่ำอย่างระวังระไวคล้ายกลัวใครจะได้ยิน คนฟังก็เลยต้องชะโงกหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ
เจอผีกลางทะเลทรายฮะ มันเฮี้ยนมาก บางคนก็เห็นเป็นวิญญาณผี ขาวๆ ลอยผ่านหน้ารถ บางรายก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ ปนกับเสียงร้องเพลง มันร้องว่าอะไรหว่า อ้อ ร้องว่า
....จันทราอับแสง ร้อนแรงด้วยอัคคี เพียงหนึ่งอิสตรี ชลธีสีเงิน บุรุษอาชาไนย สองหัวใจผูกพัน เฝ้ารอบดบัง คืนวันวิปโยค
เขาพูดกันว่า ผีสาวตนนี้ร้องเพลงเรียกคนรักของเธอ คนไหนออกไปกลางทะเลทรายในคืนวันแรมวิปโยคจะถูกลักพาตัวไปอยู่ด้วยกัน อูย...พูดแล้วขนลุก นี่ ขนาดผมไม่ เชื่อเรื่องพวกนี้นะฮะ ยังอดหลอนไม่ได้ เด็กหนุ่มลูบแขนตัวเอง
มีคนแกล้งเปิดเพลงเสียงดังๆ หลอกคนอื่นรึเปล่า ลองได้ยินเหมือนกันทุกครั้งละก็ แพทย์หนุ่มแย้ง
โอ๊ย ไม่ช่ายยยยยครับ ไม่ใช่ เป็นผีแน่ๆ ราซิสโบกไม้โบกมือพัลวัน
นึกดูซิฮะ คนที่ไหนจะคิดอุตริมายืนเปิดพลงหลอกคนอื่นกลางทะเลทรายมืดๆ อย่างนั้น แล้วพวกนักประวัติศาสตร์ ยังบอกว่า เนื้อเพลงท่อนสุดท้าย น่าจะเกี่ยวกับ ชน เผ่าแคสไซท์ที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากพวกอะมอไรท์ ในคืนวันแรมวิปโยคเมื่อสามพันปี ก่อน เล่ากันว่า ผู้นำชนเผ่านี้มีเลือดสีเงินด้วย....
55555 พวกขาดสารอาหารมากๆ จนเลือดกลายเป็นสีเงินนะซิ ไรอันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทำเอาราซิสหน้าเสีย ที่อุตส่าห์เล่ามาอย่างขึงขังให้รู้สึกกลัว กลายเป็นเรื่องโจ๊กไปเสียฉิบ
ผมนึกแล้วว่า คุณหมอต้องหัวเราะ รู้งี้ไม่เล่าให้ฟังดีกว่า ใบหน้าคล้ำบูดเบี้ยว
เออ ขอโทษนะ ราซิส แต่หมอ..เออแบบว่า...เป็นหมอมา ยังไม่เคยเห็นเลือดใครเป็นสีเงินเลย ไรอันพยายามกลั้นหัวเราะ
ปรี๊นนนนนนนน
เสียงแตรรถดังมาจากหน้าคลินิก ทำให้พวกเขาต้องหยุดเรื่องวันแรมวิปโยคไว้แค่นั้น ไรอันชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง
แม่ของเธอมาตามแล้ว แพทย์หนุ่มบอก
แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นแวบเข้ามาในสมองของราซิส ใช่แล้ว!! รถของแม่
---------------------------- เมื่อเดือนและดาวพากันอับแสง ความมืดมิดได้แผ่ปกคลุมไปทั่วผืนทราย อันเวิ้งว้างและว่างเปล่าราวกับนักล่าเหยื่อ รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อคันหนึ่งแล่นฝ่าความมืดมิดไปตามถนนคอนกรีตซึ่งพาดผ่านกลางทะเลทราย นาฬิกาดิจิตอลหน้ารถบอกเวลาสามทุ่มตรง
ไรอันขับรถยนต์ของแม่ราซิสมุ่งสู่กรุงแบกแดด เพื่อไปรับยาที่สั่งซื้อเอาไว้โดยเร็วที่สุด เพราะมีคนไข้ของเขารอการรักษาด้วยยาตัวนี้ ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งให้รถเร็วขึ้นอีก นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเหลือบขึ้นมองกระจกส่องหลัง
เฮ้ย!!!! แพทย์หนุ่มสะดุ้งโหยง
อุ้ย!!!
รถส่ายไปมาวูบหนึ่ง ด้วยอารามตกใจของคนขับเป็นเหตุ ก่อนจะวิ่งได้ตรงอย่างเดิม ไรอันถอนลมหายใจเฮือก ขณะเอารถจอดเทียบข้างทาง สิ่งแรกที่เขาคิดจะทำและต้องทำให้ได้ ก็คือ จัดการกับคนที่ผลุบโผล่อยู่เบาะหลังรถทันที
ลุกขึ้นมา เดี๋ยวนี้ ไรอันสั่งเสียงห้วน
คุณหมอ ราซิสทำหน้าแหย พลางตะเกียกตะกายขึ้นมานั่งบนเบาะหลัง ยืดแข้งยืดขาที่คู้ราบกับพื้นรถมานานกว่าชั่วโมง แถมซ้ำด้วยท่าบิดขี้เกียจ
นายมาทำอะไรที่นี่ แม่นายสั่งห้ามไม่ให้ตามฉันมาแล้วนะ แต่นี่...นายยัง...แล้วยัง ไรอันสำลักคำพูดเพราะความโกรธ
ก็ผมอยากพิสูจน์เรื่อง วันแรมวิปโยค ที่เราคุยกันเมื่อเย็นไงฮะ ราซิสพยายามชี้แจง แต่ไรอันยกมือขึ้นห้าม
นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ดี เวลานี้นายควรอยู่บ้าน แม่นายต้องโกรธแน่ถ้ารู้ว่านายมากับฉัน ฉันต้องย้อนกลับไปส่งนายที่บ้าน
ปู้โธ่ คุณหมอจะย้อนกลับไปทำไมให้เสียเวลาล่ะฮะ เด็กหนุ่มแย้ง
ทันใดนั้น ท่ามกลางความเงียบกริบ ก็มีเสียงผู้หญิงร้องเพลงดังแววเข้ามาในรถ มันดังขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนสองหนุ่มได้ยินชัดเจน เนื้อเพลงยาวกว่าที่ราซิสร้องอยู่มาก ไพเราะและโหยหวนจับขั้วหัวใจ
.....จันทราอับแสง ร้อนแรงด้วยอัคคี เลือดสีเงินยอมพลี สิ้นชีวีในเปลวเพลิง เพียงหนึ่งอิสตรี ชลธีสีเงิน พ้นวิบัติเถมิน (ถะเมิน) ณ เชิงเทินปริศนา
.....บุรุษอาชาไนย สองหัวใจผูกพัน ผู้กล้ามิหวาดหวั่น สักวันจะปรากฏ เฝ้ารอบดบัง คืนวันวิปโยค แคสไซท์ได้คลายโศก อับโชคคืออะมอไรท์
ราซิสกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ไรอันกดปุ่มเลื่อนกระจกลง เพ่งสายตามองออกไปในความมืดเพื่อหาต้นเสียง
ดูนั่น!!! ราซิสร้อง พลางชี้นิ้วไปที่หน้ารถ
แสงวิบวับบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวมาทางรถยนต์ที่จอดอยู่ มันไม่ใช่ไฟหน้ารถยนต์คันอื่นที่แล่นสวนทางมาอย่างแน่นอน ชายหนุ่มเห็นถ้าไม่ดี เขารีบสตาร์ทรถทันที แต่....
รถสตาร์ทไม่ติด!!
พระเจ้า เร็วเข้า! มันกำลังมาทางนี้แล้ว ราซิสร้องอย่างเสียขวัญ
ชั่วพริบตา แสงวิบวับนั้นขยายใหญ่ขึ้น เป็นลำแสงสีเงินพุ่งเข้าใส่กระจกรถราวกับสายฟ้าแลบ คนในรถหลบกันวูบวาบโดยอัตโนมัติ แสงสีเงินวูบผ่านหลังคารถยนต์ไปอย่างเฉียดฉิว แล้วโฉบขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะบินวกกลับมาอีกครั้ง ค่อยๆ ลดระดับลงจนกีบเท้าทั้งสองข้างแตะถึงพื้น
ไฟหน้ารถส่องให้เห็นร่างที่แท้จริงของ แสงสีเงิน?
------------------------------------------- จบตอนที่ 1 --------------------------------------------
จากคุณ |
:
พยัคฆ์ขาว
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ย. 55 18:43:46
A:182.52.185.178 X: TicketID:376529
|
|
|
|