Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 19 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12877984/W12877984.html

บทที่ 19

แม่นางกณิการ์เงียบขรึมลงชั่วครู่ แม้ไม่เห็นด้วยกับการประลองฝีมือระหว่างองครักษ์นักรบคู่ใจสองคาม แต่พระครูลาพุชกลับไม่คัดค้านทักท้วง ซ้ำยังให้เหตุผลจนแม่นางต้องอึ้งไปเช่นนี้

"ไม่มีอะไรจะระงับความกระหายได้เท่ากับป้อนสิ่งที่กำลังกระหายให้จุใจ แม่นางอย่าได้กังวลไปเลย ท่านศมะก็ใช่ว่าชั่วฝีมือนักไม่ใช่หรือ อ่อนด้อยไปบ้าง แต่เราก็เชื่อมั่นว่า.. "

"ถ่อมตัวจริงๆ มิน่าเล่า ท่านศมะถึงโดนเราข่มเหงอยู่เรื่อย เพราะมีท่านพ่ออย่างพระครูคอยข่มคอยกดอยู่ข้างหลังนี่เอง น่าเสียดายนัก แบบนี้ก็แสดงว่าที่เราเหิมเกริมลำพองก็จอมปลอมสิ้นแล้วสิ"

"แม่นาง ทำไม.. "

แม่นางเจ้าฟ้าส่ายหน้า ตาเรียวดุทรงอำนาจสาดทอประกายนั้นเข้มข้น ร่างสง่าซ่อนไว้ในชุดกระโปรงสีแดงก่ำ เอวบางคาดแส้เข็มขัดรัดทับด้วยผ้าขาวอมชมพู

ยามเดินแม้เพียงเนิบ เหล่าโลหะชุบทองที่ตอกตึงประดับชายบานย้วยก็ส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ไม่เว้นแม้แต่ประกายเลื่อมระยิบระยับที่พร่างพราวออกมาจากรัตนชาติแทรกดิ้นเงินดิ้นทอง

"เราเข้าใจว่าท่านศมะเก่งมาก ท่านก็รู้แจ้งเรื่องนี้ เรื่องแพ้ฝีมือฝ่ายตรงข้าม เราไม่หวั่นกังวลเลยสักนิด"

"จริงหรือเจ้าข้า"

"ไม่ใช่ท่านศมะที่ดูออกว่าองครักษ์ประเดถนัดร่ายรำอาวุธ แต่ท่วงท่างดงามน่าเกรงขามหรือจะสู้ความปราดเปรียวฮึกเหิมดุร้ายได้ ท่านศมะเป็นอย่างนั้น และหลายครั้งก็มักจะออมมือให้เรา ทำทีนอบน้อมเพื่อส่งเสริมให้เรายิ่งโง่"

"แม่นาง" พระครูส่งเสียงท้วงร้อนรน

"เราเย้าหยอกท่านหรอกพระครู อย่างเราน่ะหรือจะยิ่งโง่ มีแต่ท่านศมะที่เขลาน่าสมเพช นึกว่าออมชอมฝีมือแก่เราแล้วเราก็ดูไม่ออก หน่อเนื้อใครก็ไม่ทราบโง่เขลาเบาปัญญานัก อับอายแก่ผู้ให้กำเนิดยิ่ง"

พระครูผู้รอบรู้อดหัวเราะระอาออกมาไม่ได้ ในความกลัดกลุ้มเช่นนี้ แม่นางเจ้าฟ้ายังมีอารมณ์เหน็บแนมด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ยามนี้ก็ย้ายมายืนสุขุม สองมือไพล่หลัง

อิริยาบถนั้นช่างล้นด้วยอำนาจและบารมี แลบางครั้งยังละม้ายเจ้าฟ้าจ่างจนท่านลอบเศร้าใจลึกๆ ในฐานะที่ปรึกษาเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าฟ้าผู้เกรียงไกร ก็อดที่จะโหยหาอย่างภักดีไม่ได้

"ท่านพระครูแน่ใจนะว่าจะให้เราปล่อยไปตามนั้น เราไม่เชื่อว่าท่านศมะจะมีใจคึกคะนองตอบสนอง"

"ก็ย่อมไม่มีอยู่แล้ว แต่เพื่อตัดความรำคาญ การรับคำท้าก็เปรียบได้ดั่งการบำบัดคนกระหายด้วยสิ่งที่กระหายไม่ใช่หรือแม่นาง นินทาลับหลังเก่งจริงๆ นิสัยไม่เปลี่ยนเลย"

"ท่านศมะ เจ้านี่ช่างกำเริบ สิ้นไร้มารยาทลงทุกวัน คนที่เจ้ากำลังติเตียนคือแม่นางกณิการ์ เจ้าฟ้าแห่งคามดารกะ แย่จริงๆ ยังไม่คุกเข่าลงขอให้แม่นางอภัยด้วยปรานีอีก คุกเข่าลง"

"ไม่เป็นไร"

แม่นางกณิการ์หัวเราะขำๆ พระครูลาพุชหน้าแดงด้วยความไม่พอใจ แต่หน่อเนื้อกลับลอยหน้าเหมือนยั่ว แม่นางเองก็ใช่ว่าจะถือสา การต่อวาจาห้าวหาญสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันที่มีต่อกันอย่างยาวนาน

ในสายตาของแม่นาง องครักษ์ศมะเป็นพี่ชายและเป็นเพื่อนผู้รู้ใจ เหตุนี้แหละ แม่นางจึงรู้สึกไม่พอใจในทันทีที่ได้ยินเจ้าฟ้าธุวชินเอ่ยถึงการประลองฝีมือ โดยอ้างว่าแลกเปลี่ยนความรู้ในเชิงรบ

"แม่นางเจ้าข้า" พระครูทักท้วงเสียงขุ่น "เป็นเพราะแม่นางเองก็มีส่วนให้ท้ายอยู่ ท่านศมะจึงเหลวไหลไม่เคยเห็นการอบรมของเราอยู่ในสายตา เติบใหญ่ปีกกว้างก็เป็นเช่นนี้ รังนอนเล็กเกินไปเสียแล้ว คนทำรังนอนก็ชราเกินไปแล้ว"

"ไปกันใหญ่แล้วพระครูท่าน" แม่นางกณิการ์หัวเราะเบาๆ โบกมือตัดบทว่าให้เลิกเหน็บแนมใส่กันเสียที

"แม่นางไม่ต้องกังวลนะ เรารู้จักสำรวมฝีมือ รู้ว่าควรใช้จริงเมื่อไหร่ถึงจะก่อประโยชน์แก่คามดารกะ"

"ฉลาด รูปงามมากด้วย เมื่อไหร่เนื้อคู่ของท่านจะปรากฏตัวเสียที เราอยากเห็นพี่สะใภ้ใจจะขาดแล้ว วันที่ท่านออกเหย้า จะเป็นวันที่เรามีความสุขที่สุดเลย กล้าโอ้อวดด้วยว่าความสุขของเราจะไม่น้อยหน้าท่านพระครูแน่แท้"

สองพ่อลูกสบตากันเร็วมาก แม่นางเจ้าฟ้ากล่าวเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม ประกายตาสดใสด้วยความหวังอย่างที่กล่าว ช่างไม่รู้เสียบ้างว่าทุกถ้อยคำนั้นล่ะ คือหอกดาบที่ฟาดฟันทิ่มแทง องครักษ์ศมะไหนเลยจะปลาบปลื้มนอกเสียจากร้าวราน

"เอ้อ เจ้าขึ้นมาทำไม ยังไม่ถึงเวลาเชิญแม่นางลงสู่พิธีไม่ใช่หรือ" พระครูรีบหันเหความระทมในทรวงองครักษ์หนุ่ม

"หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ายังไงเล่าท่านพ่อ ลูกไม่ใช่คนใจเย็นนัก โดนถากถางนานเข้า อาจต้องล่าถอยยอมให้อารมณ์เป็นเจ้า มันคงไม่ดี จะเสื่อมเสียมาถึงแม่นาง"

"แหม เจ้าองครักษ์ประเดคนนี้ช่างมากปัญหาเสียจริง หรือว่าเปลี่ยนเป็นเราดีไหมท่านศมะ ให้เรากำราบเอง อยากรู้เหมือนกันว่าจะมากฝีมือเกินสามโลกหรือไม่"

สองพ่อลูกหัวเราะแห้งๆ โดยไม่ได้นัด แม่นางเจ้าฟ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ วัยเยาว์อันร้อนแรงไม่เคยจางหายไปจากจิตใจเลย อีกทั้งยามนี้ ก็ออกเหย้าสู่เจ้าฟ้าต่างคามแล้ว หากแต่นิสัยถือดีทระนงและห้าวหาญได้ทุกภาวการณ์ ก็ไม่น่าจะเป็นที่ประทับใจสู่เจ้าฟ้าสามีนัก

"สำรวมหน่อยเถอะแม่นาง" องครักษ์หนุ่มอดปรามไม่ได้ "ไม่ใช่แม่นางตัวเปล่าแล้ว เจ้าฟ้าสามีก็มีแล้ว เกรงใจบารมีท่านบ้าง อย่าห้าวหาญองอาจเกินหน้าชายนัก มันจะไม่งาม"

"ตรงไหนไม่งามเล่าท่าน"

"อันว่าชายน้อยนักที่จะยอมให้ความห้าวหาญองอาจของหญิงเลิศล้ำกว่า ทั่วคามดารกะเรา ก็คงมีแต่เราที่เป็นชายในส่วนนั้นเพื่อแม่นาง แต่เจ้าฟ้าสามีคงไม่อ่อนน้อมเช่นเรา"

"เรารู้" แม่นางเสียงกร้าวขึ้นจนสองพ่อลูกลอบสบตากันอีกแวบ "เราจะอ่อนน้อมตามควรเท่านั้น เราไม่ได้ฮึกเหิมในวาสนา ไม่ได้เย่อหยิ่งหรือยโสในอำนาจของผู้นำ แต่คามดารกะคือลมหายใจที่ไม่มีใครจะมาพรากให้จากเราไป หากสามีเจ้าฟ้าคิดเอาชนะเราด้วยเหตุผลนั้น เราจะใช้อำนาจแห่งแม่นางกณิการ์ปลดตำแหน่งเจ้าฟ้าเขย แล้วขับไล่สู่คามเดิม"

"แม่นาง" สองพ่อลูกร้องขึ้นอย่างตกใจ

"โอ้ อย่าอุทานดังๆ พร้อมเพรียงเช่นนั้น เราเป็นคนขวัญอ่อนยิ่ง"

"แม่นาง"

สองพ่อลูกครางระอา แล้วหันมองหน้ากัน ทั้งขำทั้งฉุนที่ปฏิกิริยามันอุบัติพ้องกันอย่างบังเอิญนัก องครักษ์ศมะเผลอเหลียวสำรวจไปทั่วโถงพัก เกรงว่าเจ้าฟ้าสามีจะเข้ามาได้ยินวาจาแข็งกร้าวแล้วจะขุ่นระคาย

เขาคงไม่มีความสุขหนักหน่วงกว่าที่ระทมทุกข์อยู่แล้วเป็นแน่ หากต้องมารับรู้ว่าชีวิตหลังออกเหย้าของแม่นางเจ้าฟ้ายอดดวงใจมันง่อนแง่นโคลงเคลงดั่งเรือลำน้อยกลางท้องสมุทรอันไพศาล




เจ้าฟ้าธุวชินก็ไม่มีความสุข ซ้ำความสุขที่พร่องไปยังถูกแทนที่ด้วยคลื่นริษยาถาโถมอีกด้วย ทุกถ้อยคำเฉียบเข้มของแม่นางกณิการ์ยังก้องกังวานไม่ตกหล่น สองหูอื้อชาไปหมด ตระหนักว่าเจ้าฟ้าเขยแห่งคามดารกะไร้สิ้นความสำคัญต่อหัวใจแม่นางผู้เกรียงไกร

เจ้าฟ้าหนุ่มก็คิดได้ตั้งแต่ค่ำคืนแรกที่ร่วมเตียงแล้ว แม่นางชายาแม้จะโอนอ่อนให้ครอบครองร่างกายตามครรลอง เอมอิ่มกับรสแห่งรักที่แม่นางไม่อาจปรุงแต่งกลืนกินเองได้ แต่เมื่อรสนั้นจางไปจากลิ้น ท่วงท่าห้าวหาญล้นอำนาจก็ย้อนคืนกลับมาข่มเจ้าฟ้าสามีให้ต้อยต่ำกว่า

สามเดือนผ่านไปอย่างน่าเบื่อ แม่นางชายาแกร่งกร้าวเกินหญิง การร่วมเตียงจึงต้องพลอยผ่านไปอย่างไร้สีสันด้วย รสแห่งรักไม่เคยหอมหวานกลมกล่อมนานข้ามคืน ทุกความสุขผ่านอิริยาบถที่แนบผนึกไม่เคยประทับใจ ตระหนักแน่แท้ว่าสิ่งที่แม่นางชายากำลังทำคือ 'หน้าที่'

"เราอยากมีจิตระแวงว่าแม่นางมีใจผูกพันต่อองครักษ์ยโสคนนั้น และถ้าเป็นจริงตามนั้น ทำไมแม่นางไม่ลดตัวลงโอบอุ้มชายไร้วาสนาขึ้นมาครอบครองวาสนาเล่า"

เจ้าฟ้าเขยพลุ่งพล่านจนนั่งไม่ติด ร่างสูงกำยำงุ่นง่านเดินวนเวียนทั่วโถงพัก สองมือไพล่หลัง แววตาร้อนระอุด้วยไฟริษยาแกมชิงชัง องครักษ์ศมะน่าชังยิ่ง อยากให้ดับสูญไปเสียตรงหน้าเดี๋ยวนี้

ถ้าสิ่งที่วาดหวังเป็นจริงได้ แม่นางกณิการ์ก็น่าจะสิ้นพิษสงไปด้วย เกรียงไกรห้าวหาญปานใดก็เถอะ ลองว่าไม่มีองครักษ์นักรบคอยเคียงข้างปกป้อง แม่นางร่างระหงคนหนึ่งจะองอาจต้านอำนาจชายได้นานสักแค่ไหนเชียวหรือ

"เจ้าฟ้าเขยเจ้าข้า ให้คนไปตามเราหรือเจ้าข้า"

"ใช่"

เจ้าฟ้าเขยบอกสะบัดห้วน พลางลุกมาเท้าสะเอวองอาจเบื้องหน้าองครักษ์ประเด สีหน้าดุร้ายกลมกลืนกับแววตาชิงชัง ยามกล่าวกำชับความ เสียงนั้นก็มากเล่ห์และเย็นเยียบยิ่ง

"เราไม่เกี่ยงวิธีที่เจ้าจะใช้ในระหว่างประลอง ขอเพียงกำจัดไอ้องครักษ์จอมยโสให้ดับสูญเสียวันนี้"

"จริงหรือเจ้าข้า" องครักษ์คู่ใจรีบร้องสำทับด้วยเสียงลิงโลด ประกายตาสาแก่ใจพราววาบ

"จริง เราต้องการเห็นองครักษ์ศมะดับสูญกลางลานประลอง"

"ช่างประเสริฐแท้" องครักษ์ใจเหิมเกริมร้องอย่างยินดี "เราก็ปรารถนาเช่นนั้นอยู่ก่อนแล้วเจ้าข้า"

"เรารู้ แต่จงอย่าเลินเล่อให้แม่นางกณิการ์ผิดสังเกตเอาได้เล่า แม่นางผู้นี้มีความน่ากลัวและเด็ดขาดยิ่ง เราไม่อยากผิดใจบาดหมาง มันจะกระทบถึงความสัมพันธ์หลายชั้น"

องครักษ์ประเดรีบร้องรับอย่างเข้าใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา คามดารกะก็ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนเข้มแข็ง ประชาชนปักหลักอยู่รวมกันอย่างหนาแน่น และไม่มีใครคิดโยกย้ายผันแปรความภักดีสู่คามอื่น หนึ่งเพราะผู้นำคามมีความเฉียบขาด ปกครองด้วยความเมตตายุติธรรม รุ่นแล้วรุ่นเล่าก็เป็นเช่นนี้

กระทั่งรุ่นเจ้าฟ้าจ่าง แม้จะด่างพร้อยว่าคัดสรรชายาใหม่ผิดพลาดไปบ้าง แต่สุดท้ายก็กลบกลืนได้ด้วยความเฉียบขาดเกินวัยของแม่นางกณิการ์ในภายหลังอยู่ดี ดังนั้น หากคิดบาดหมางด้วย คามธุมาธารอาจระส่ำระสายด้วยศึกสงคราม

อีกหนึ่งก็น่าจะเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างเจ้าฟ้าเอง หากแม่นางกณิการ์เจอพิรุธเหลี่ยมคู่ลอบกำจัด องครักษ์ดับสูญไปต่อหน้า แม่นางคงหมดสิ้นเยื่อใยเกรงใจ

และด้วยอำนาจที่มีในมือ ก็อาจสั่งปลดเจ้าฟ้าเขยแล้วขับไล่กลับสู่คามเดิมก็เป็นได้ แล้วความบาดหมางแตกหักเช่นนี้ ก็ไม่แคล้วก่อชนวนศึกสงครามในตอนท้ายอีกอยู่ดี




การประลองฝีมือเริ่มต้นตามฤกษ์ประจันศึกที่พระครูกำหนด ประชาชนให้ความสนใจและตื่นเต้นกันเป็นอย่างมาก ต่างหยุดภารกิจประจำวันมารวมตัวกันแน่นรอบทิศ บางรายยังแอบพนันกันเองถึงผลลัพธ์ที่ส่งเสริมอยู่ในใจ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องเอนเอียงมาทางองครักษ์ศมะนั่นเอง

โดยเฉพาะสาวรุ่นวัยสะพรั่งยิ่งแล้วใหญ่ ต่างพากันทอดทุ่มใจหมดดวงภาวนาขอให้กำชัยอันประเสริฐ มองจากแววตาปรอยแกมเชื่อมยามไล่ตามร่างกำยำเข้าสู่กลางลานประลอง ก็บอกได้หมดว่าปรารถนาออกเหย้าร่วมเตียงแบบทอดทุ่มใจหมดดวงอีกเช่นกัน

"ถ้าปลายดาบเราพลั้งบาดเนื้ออ่อนๆ ของท่านศมะเข้า ก็จงอภัยด้วย ขอให้ตระหนักรู้ในความไม่ตั้งใจ"

"ไม่เป็นไร ดาบกระบี่ไม่มีตา พลาดพลั้งดื่มเลือดบ้าง เรามองว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว องครักษ์นักรบโดยส่วนใหญ่ก็มักจะสังเวยเลือดหยดแรกปลุกเสกคมอาวุธที่ตนฝึกกันมาแล้วทั้งสิ้น องครักษ์แห่งธุมาธารอย่าได้กังวล เริ่มประลองเถอะ"

องครักษ์ผู้เคร่งขรึมกล่าวไม่ทันจบความดี ปลายดาบฝ่ายตรงข้ามก็:-)พรวดมาหมายแทงตรงลำคออย่างอำมหิต แม้จะเบี่ยงหลบว่องไวแต่ปลายแหลมก็ยังไม่วายเฉี่ยวเนื้อตรงนั้น ก่อเกิดรอยแผลเส้นเล็กกับเลือดซิบทันทีทันใด

"จงประลองด้วยจิตชายเถอะท่าน อย่าเลือกวิถีโจรสถุลมาแปดเปื้อนดาบเลย"

"ในสนามรบ ขอเพียงศัตรูล้มลงดับสูญ ไม่มีใครเสียเวลาคำนึงถึงวิธีกำจัดหรอกท่าน จิตชายของท่านประเสริฐเกินไปแล้ว"

องครักษ์หนุ่มส่ายหน้าระอา ดูท่าว่าองครักษ์นักรบต่างคามคงโอบอุ้มนิสัยพาลมาแต่กำเนิด เยียวยาสันดานมันทำได้ยากยิ่ง ตอนนี้ ก็คงทำได้แค่ประคับประคองการประลองไม่ให้เกิดการบาดเจ็บนองเลือดก็พอ ช่างน่ายกย่อง แต่ก็น่าเวทนาด้วยที่องครักษ์ศมะคิดอย่างนั้น

มันก็ดูว่าอบอุ่นในไมตรีเกินไป เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้หวังชัยชนะอย่างขาวสะอาด แต่ต้องการเห็นการดับสูญอุบัติในวังวนอุบายชั่ว
เขาไม่รู้เลยว่าก่อนเข้าสู่ลานประลอง องครักษ์ประเดนัดแนะกับพวกตน รอจังหวะเป่าลูกดอกอาบยาพิษ

มันเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่องครักษ์นักรบแห่งคามธุมาธารถนัดนักหนา อีกทั้งอาวุธนั้นก็เล็กกระจิริดเพียงเข็มบางเล่มหนึ่ง ต่อให้เหยื่อถูกทิ่มแทงจนมิด ก็อาจไม่รู้สึกเจ็บปวดมากไปกว่าระคายดั่งมดกัด

ใช่ ด้วยรูปลักษณ์บอบบางของมัน ไม่อาจก่อความเจ็บปวด แต่พิษที่เคลือบภายนอกต่างหากถึงจะแผ่อานุภาพกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่างได้

การเชือดเฉือนด้วยดาบจึงรุดหน้าไปอย่างน่าตื่นเต้น แรงปะทะของอาวุธเหล็กกล้าก่อเกิดประกายไฟเป็นครั้งคราว เสียงเคร้งครืดก็ดังก้องต่อเนื่อง สลับแทรกด้วยเสียงเตะต่อยและล้มกลิ้งของคู่ประลอง

จังหวะสวยๆ ที่องครักษ์ศมะต่อยปลายคางฝ่ายตรงข้ามจนหน้าหงายตัวเซสะบัด ซ้ำยังระเบิดเสียงคำรามเจ็บปวดด้วย เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวปนมากับเสียงโห่ร้องยินดี

หรือในทางตรงกันข้าม หากองครักษ์หนุ่มพลาดพลั้งโดนคู่ประลองกระแทกศอกตอกขมับอำมหิต ร่างกำยำเสียหลักล้มลงให้อีกฝ่ายตามมาเตะปนกระทืบซ้ำเติมจนต้องตะกายหนีแรงอำมหิตทุลักทุเล รอบทิศก็จะพากันเงียบกริบด้วยใจอันหวั่นระทึก




แม่นางกณิการ์หรี่ตาไม่ค่อยพอใจ เพราะเห็นชัดว่าองครักษ์คู่ใจออมมืออย่างอ่อนน้อมแล้ว แต่ทำไมองครักษ์ประเดจึงไม่สำนึก

ด้วยสายตาของเหล่าองครักษ์นักรบด้วยกัน เชื่อว่าการประลองที่รุดหน้าไปเพียงเท่านั้นก็สามารถระบุได้ในทันทีแล้วว่าฝีมือขององครักษ์ศมะเลิศล้ำกว่าหลายขุมนัก

"ช่างไม่สำนึก" แม่นางพึมพำข้างพระครูลาพุช

"สำรวมเถอะแม่นาง การประลองยังไม่สิ้นสุด" พระครูจำต้องปรามเบาๆ

"ไม่สิ้นสุดหรือท่าน ช่างลบหลู่หน่อเนื้อตนได้ดียิ่ง เห็นเต็มตาขนาดนั้นยังบอกว่าไม่สิ้นสุด ลองว่าท่าน ศมะฮึกเหิมเป็นเรื่องเป็นราวสิ ป่านนี้ เราคงกลับโรงนาฏศิลป์ บิดเอวย้ายสะโพกตามเสียงกลองเพลินไปแล้ว"

"แม่นาง" พระครูระอาใจเหลือแสนกับอารมณ์คุกรุ่นของแม่นางเจ้าฟ้า

"เอาเถอะ" แม่นางพลันตัดบท เพราะเห็นว่าเจ้าฟ้าเขยกำลังเดินมา "รอดูว่าเจ้าองครักษ์ไม่รู้จักดีชั่วจะสำนึกได้เมื่อไหร่ก็แล้วกัน"

"ทำไมหรือเจ้าข้า"

"ก็เราไม่ใช่คนใจดีแบบท่านศมะนี่ ถ้าเราทนไม่ไหวกับจิตหยาบของมัน เราจะลงไปกำราบด้วยฝีมือเราเอง แล้วมันก็อย่าได้หมายว่าบารมีของเจ้าพี่จะคุ้มครองมันได้"

เจ้าฟ้าธุวชินไม่ได้ยินการสนทนาเบาๆ ทั้งหมด แต่จิตก็ระแวงมาแต่ไกลแล้ว ยามมาหยุดข้างเจ้าฟ้าชายา ก็ทำทีหัวเราะเพลิดเพลิน แสร้งเปรยเรียบเรื่อยว่า

"ช่างเป็นการประลองที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง จริงไหมเจ้าน้อง"

"ไม่จริงเลยเจ้าพี่" แม่นางกณิการ์สวนกลับเร็ว "แสดงว่าเรามองเหตุการณ์ด้วยสายตาที่แตกต่างกัน"

"เจ้าน้อง"

แม่นางกณิการ์หรี่ตาและผละห่างเสียงตึงนิดๆ รู้สึกผิดสังเกตกับวัตถุบางอย่างที่พุ่งฉับไวผ่านแสงตาเบื่อหน่าย ร่างระหงก้าวปราดไปชิดขอบบันได แล้วเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในลานประลองบ้างแล้ว




ใช่แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่แม่นางกณิการ์เห็นก็คือการอ่อนแรงลงขององครักษ์ศมะ เขาโดนสะกิดด้วยลูกดอกอาบยาพิษ เขาเห็นแต่ไม่มีจังหวะหลบ เพราะแขนข้างนั้นต้องยันแรงกดของดาบหนักที่คู่ประลองจงใจดั่งมีแผน

"ท่าน" เขาร้องอย่างไม่พอใจ ลอบใจหายกับกระแสเย็นลึกแปลกๆ ที่แล่นไหลทั่วแขนอย่างรวดเร็ว

"อย่าได้อาฆาตจองเวรต่อเราเลยท่านศมะ นี่เป็นบัญชา ใจเราไม่เคยอยากเห็นท่านดับสูญง่ายๆ เพียงแค่ประลองต่ำต้อยเช่นนี้หรอก เราหวังสูงส่งว่าต้องมีสักหนึ่งกาลที่เราสองจะออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่ขยายคามให้แผ่ไพศาล"

"ขยายคาม"

"ใช่ คามธุมาธารของเรา"

ตาพร่ามัวลงอย่างน่าตกใจ องครักษ์ศมะบดกรามเมื่อโดนยันจนหงายหลังล้มตึง เขาไม่คิดออมชอมอ่อนน้อมอีกแล้ว เพราะดูเหมือนว่าการประลองในวันนี้มันเป็นเพียงเหตุอำพรางเพื่อกำจัดให้เขาดับสูญ

แขนใหญ่แข็งแรงกำลังถูกพิษร้ายแทรกซึมรวดเร็ว มันเย็นเฉียบและเริ่มชา จนแม้แต่นิ้วก็กระดิกยากเย็น ถ้าไม่รีบจบสิ้นการประลองภายในอึดใจ เกรงว่าตัวเองจะดับสูญไปเสียจริงๆ ไม่ได้หรอก เขายังไม่พร้อม ไม่ใช่ไม่พร้อมจะดับสูญ แต่เขาไม่พร้อมจะพรากจากแม่นางเจ้าฟ้ายอดดวงใจไปอย่างนี้ ไม่ได้ ไม่ยอม

ร่างเพลี่ยงพล้ำฮึกเหิมด้วยแรงรัก ปลายดาบคมที่จ่อพรวดมาจึงพลาดเป้าอย่างน่าโมโห องครักษ์ประเดสบถหยาบ พลางรีบตวัดดาบแต่ก็ยังช้ากว่าปลายเท้าที่ตอบโต้มา มันเสยพรวดปลายคางหนักหน่วง พร้อมกับเจ้าของก็เร่งดีดร่างกำยำขึ้นยืนอวดท่วงท่าองอาจ

แต่ก็น่าเสียดายที่ท่วงท่าองอาจเช่นนั้นล่ะ คือเป้าโจ่งแจ้งให้ลูกดอกอาบยาพิษพุ่งฉับไวมากำราบอีกดอก ด้วยจังหวะการดีดในที่เร้นของคนลงมือที่กระหยิ่มใจสุดแสน

แน่นอน มันต้องไม่ผิดพลาดเบี่ยงเบนจากแผ่นหลังใหญ่ และดอกนี้ล่ะ ที่จะเป็นตัวชี้วัดชะตาว่าองครักษ์หนุ่มรูปหล่อ 'จะอยู่หรือจะไป'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 11:14:34




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com