Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทอฝันเป็นรุ้งสวย ตอนที่1 นครสายรุ้ง vote ติดต่อทีมงาน

เกริ่นนำ
กราบเรียบท่านผู้อ่านที่นับถือ
               เจตนารมณ์ของการเขียนเรื่องนี้  มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอแนวคิดในการพัฒนาแหล่งน้ำ ที่เป็นสายใยชีวิตของคนไทยและคนทั่วโลก   หวังว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาน้ำท่วมและความแห้งแล้งซ้ำซาก  จะถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่านซึ่งผมพร้อมจะน้อมรับคำติชม  
                  เชิญทุกท่านก้าวลงสู่ยานแห่งฝันแล้วเดินทางสู่แดนปลายฟ้าที่อยู่ไกลโพ้น ด้วยกัน
           เรียนเชิญครับ
ณ ปลายฟ้า   ที่ซึ่งเส้นโค้งของสายรุ้งวิ่งมาบรรจบกับเส้นขอบฟ้า     ณ จุดนั้น มีนครลี้ลับแฝงตัวอยู่ภายในป่าไม้ สายน้ำและสายหมอก  ซึ่งชาวเมืองที่เรียกตัวเองว่าชาว  “ชาวนครสายรุ้ง” ได้ใช้เทคโนโลยีปรับแต่งธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม  ทำให้สามารถจะอิงแอบกับธรรมชาติได้อย่างมีความสุข   มีการพัฒนาและบริหารสิ่งแวดล้อมคือ ดิน น้ำและอากาศ  ได้อย่างชาญฉลาดโดยไม่ขัดขืนความเป็นธรรมชาติ     เป็นเมืองที่ผู้คนและสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ สันติ   ภายใต้ระบอบ”ธรรมนิติรัฐ”   และด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมช่วยให้พวกเขาได้รับความสะดวกสบาย  แต่ธรรมชาติและศีลธรรมช่วยให้มีความสงบสุข  ช่างเป็นเมืองในฝัน  ดุจดั่งเกิดจากจินตนาการของกวีเอก เพริดแพร้วดั่งสายรุ้ง  เปรียบเป็นสวรรค์บนดินที่หาไม่ได้อีกแล้วบนพื้นโลกใบนี้
ตอนที่หนึ่ง
นครสายรุ้ง
         เป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ของเดือนพฤษภาคม       อากาศช่างร้อนอบอ้าวอย่างเหลือเกิน    ผมกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัด           ภายหลังจากการสัมมนาในหัวข้อ   “การปรับตัวให้เข้ากับภูมิอากาศของโลกในบริบทของการเปลี่ยนแปลง”
ผมขับรถอย่างไม่รีบร้อนนัก   ผ่านทุ่งนา ป่าเขาที่แห้งแล้ง  ต้นไม้ยืนต้นผลัดใบโกร๋น   บางช่วงเกิดลมหมุนขนาดเล็กหมุนคว้างทำให้เกิดฝุ่นตลบ      ในสมองอื้ออึงไปด้วยความคิดถึงเรื่องราวที่สนทนากันในที่ประชุม       เป็นต้นว่า “เทคโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น    เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศของโลก  ทั้งมากขึ้นและเร็วขึ้น   เช่นภาวะโลกร้อนอันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจก เป็นต้น        ในขณะเดียวกัน  โลกเองก็มีการปรับเปลี่ยนตัวเองอย่างช้า ๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว  เช่นการเลื่อนของทวีป  การเคลื่อนที่ของแผ่นหินใต้พิภพที่เรียกว่ารอยเลื่อน  แทบไม่น่าเชื่อว่าเทือกเขาหิมาลัย๑  ที่ยิ่งใหญ่จะเพิ่งเกิดขึ้นใน สมัยเพลิโอซีน  ของยุคเทอเทียรีนี่เอง    สาเหตุจากการที่แผ่นเปลือกโลกสองแผ่น คือ       เปลือกโลกอินเดียเลื่อนมาชนกับแผ่นเปลือกโลกเอเชีย  ทำให้มันโก่งตัวนูนสูงขึ้นกลายเป็นเทือกเขาขนาดมหึมา     และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณเกือบ    ๖๕  ล้านปีมาแล้ว   ซึ่งถือว่ายังอ่อนเยาว์มากเมื่อนับตามกาลเวลาทางธรณีวิทยา
ในภาวะโลกร้อน  จะ ทำให้อากาศร้อนขึ้น   น้ำทะเลอุ่นขึ้น      จึงเกิดการระเหยของน้ำมากกว่าปกติ    ฝนก็เลยตกมากกว่าปกติเช่นกัน  ปรากฏการณ์เช่นนี้เรียก”ลานีญา” ซึ่งจะตรงกันข้ามกับ”เอลนีโญ”  ที่ฝนแล้งกว่าปกติ  ดังที่เกิดขึ้นในช่วงสี่ห้าปีมานี้   และจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเกิดขึ้นเป็นช่วงๆเป็น    ”ตถตา”  คือมันเป็นของมันอย่างนี้เอง
                  การสัมมนาคราวนี้     มีบริบทเกี่ยวกับสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไล่เรียงลำดับตั้งแต่การเลื่อนของทวีป  การเคลื่อนของชั้นหินที่ทำให้เกิดรอยเลื่อนของเปลือกโลกและแผ่นดินไหว  ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรมิลานโควิตช์๒  ที่กล่าวถึงการโคจรในลักษณะเฉพาะของโลกว่า เป็นตัวการทำให้อุณหภูมิของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ    เป็นวงรอบรอบละ ๑๐๐,๐๐๐ ปี   ก่อให้เกิดยุคน้ำแข็ง     เกิดการยืดหรือหดตัวของทะเลและมหาสมุทร โดยเป็นไปตามคาบเวลาอย่างช้า ๆ แต่ไหนแต่ไรมา  ภูมิอากาศของโลกก็มีอาการยุบหนอพองหนอของมันอยู่อย่างนี้    เป็นไปตามกฎของความไม่เที่ยงหรือหลักอนิจจังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
มนุษย์มีส่วนก่อกรรมด้วยการทำลายสมดุลทางธรรมชาติ  ได้แก่การทำลายป่าไม้ผู้รักษาความชุ่มชื้นบนพื้นผิวโลก  การปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้บรรยากาศของโลกร้อนขึ้น   ส่งผลให้ภูมิอากาศของโลกแปรปรวน   บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียที่เป็นชั้นของก๊าซโอโซนถูกทำลายเป็นช่องโหว่  รังสีจากนอกโลกก็พุ่งลงสู่พื้นผิวโลกเป็นอันตายต่อมนุษย์มากขึ้น    และหากโลกร้อนมากขึ้นจนผืนน้ำแข็งบนขั้วโลก
เหนือละลายลง  เชื่อกันว่าซากพืชและซากสัตว์โดยเฉพาะช้างแมมมอธที่ถูกแช่แข็งอยู่จะเน่าเปื่อยปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นสู่บรรยากาศ   ซึ่งก๊าซมีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่อันตรายกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23  เท่า  หากถึงวาระเช่นนั้นโลกก็จะร้อนมากขึ้น   ลมฟ้าอากาศ
จะเปลี่ยนแปลงสุดขีด น้ำทะเลจะเอ่อท่วมเกาะและเมืองชายฝั่ง   หรืออาจจะท่วมพื้นที่ภาคกลางเหมือนอ่าวไทยโบราณ๓     ในอดีตเมื่อ  12,000  ปีมาแล้ว    และหากมีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดซ้ำเติม  แล้วมนุษย์และสัตว์จะดำรงชิวิตอยู่ได้อย่างไร
              บทสรุปก็คือ    การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปอย่างช้าๆ    ธรรมะของแต่ละศาสนา  ความรัก ความสามัคคีของแต่ละชาติพันธุ์โดยไม่เลือกชาติศาสนาและการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างรอบคอบ เหมาะสม   จะเป็นทางออกของเรื่องนี้

 
 

จากคุณ : โนนิน
เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 11:28:06




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com