Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ข้าแผ่นดินบทที่ ๒-๓ vote ติดต่อทีมงาน

+++ อืม บทที่ ๒ นี้นางเอกออกโรงแล้วค่ะ แต่ห้ามแซวชื่อนางเอกกันน้า เค้าขอร้อง ไม่ได้ตั้งใจจะใช้ชื่อนี้ แต่ไม่รู้จะย่อชื่อแม่นางเช่นไร แหะๆ  

ต้องกันไว้ก่อน ตัวล้อมีแน่ๆ อย่างน้อยก็พี่ชาย (อาจารย์จี) คนนึงแน่ๆ ล่ะ +++



บทที่ ๒ :



                                                                                                                                                 เทวิการาชนิเวศน์ จันทรมัส

ทูลเจ้าชายกฤตติน เสนาบดีมหาดไทย


เจ้าพี่อย่าแปลกพระทัยกับคำขึ้นต้นจดหมายนี้ ที่หญิงเรียกเจ้าพี่เสียเต็มพระยศก็เพื่อจะทูลว่า ตอนนี้จันทรมัสกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงอย่างที่สุด เมื่อเดือนก่อนนี้เอง ราชทูตจากไศเลนทร์มาที่นี่ ทรงทายเล่นๆ ดูสิคะว่าพวกเขามาทำไม เปล่า ไม่ใช่เรื่องขอสัมปทานป่าไม้อย่างที่อคินทำหรอกค่ะ เจ้าพี่ทรงเดาผิดแล้ว  ถึงตอนนี้เจ้าพี่คงจะทรงสงสัยและรำคาญหญิงแล้วใช่ไหม ที่มัวแต่เล่นปริศนาทายคำตอบโยกโย้แบบนี้ อย่าเพิ่งกริ้วเลยนะคะ หญิงจะบอกเดี๋ยวนี้ล่ะ

เขามาสู่ขอหญิงไปเป็นราชินีค่ะ เจ้าพี่ทรงมีคู่แข่งแล้วนะคะ แว่วว่าเจ้าชายปรามรรษทรงรูปงามอยู่ไม่หยอกทีเดียว อย่าเพิ่งพระทัยเสียนะคะ หญิงตอบปฏิเสธไปแล้วค่ะ

ไศเลนทร์ไปแล้ว เหลือก็แต่อคินที่ยังรักษาท่าที ไม่เร่งให้เจ้าพ่อทรงลงพระนาม แต่คนที่ดูจะร้อนใจที่สุดในเรื่องนี้กลับเป็นเจ้าอาธเรษแทน น่าแปลกไหมล่ะคะ คนที่ไม่เคยสนใจงานเมืองนอกจากหาความสำราญไปวันๆ อย่างเจ้าอา จะทรงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ คราวนี้ถึงกับเสด็จเข้าเฝ้าเจ้าพ่อด้วยพระองค์เอง น่าดีใจนะคะ ที่เจ้าอากลับพระทัย หันมาเอาการเอางานกับเขาบ้างแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าจะทรงเป็นอย่างนี้ไปตลอดรอดฝั่ง ไม่ทรงเบื่อเสียกลางคันเท่านั้นล่ะค่ะ  

เมื่อวันก่อนเจ้าพ่อรับสั่งให้หญิงช่วยทำขนมเลี้ยงคณะเสนาบดีค่ะ ผลปรากฏว่าขายดีในระดับที่น่าพอใจ คือเกือบหมด แต่เสนาบดีมหาดไทยและกลุ่มของท่านคงไม่ชอบ เลยไม่ยอมแตะ เล่นเอาคนทำใจฝ่อไปไม่น้อย  

ส่วนผลการประชุมเป็นอย่างไร หญิงคงทูลไม่ได้ค่ะ เพราะวันนั้นหญิงเป็นแค่นางพระกำนัลเสิร์ฟขนมและน้ำชาเลี้ยงคณะเสนาบดีเท่านั้นเอง ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เห็นทีต้องให้ผู้ชายเขาคุยกันเองละมังคะ ว้า! หญิงไม่ชอบเขียนจดหมายคุยกับเจ้าพี่เลย ข้อจำกัดทางตัวอักษรมากมายไปหมด ถ้าหญิงเขียนหวานมากไป ก็เกรงจะมีคนแอบอ่านเสียก่อน เอาเป็นว่าถ้าเจ้าพี่ทรงอยากได้ยินคำหวานๆ ก็เร่งเสด็จมานะคะ หญิงจะคอย

หญิงคงเขียนทูลได้เพียงเท่านี้ อ้อ! จริงสิคะ หญิงเกือบลืม เจ้าพี่ทรงช่วยทูลพระราชาธิบดีท่านให้ระวังพระองค์ด้วยนะคะ  ระยะนี้ทางเสด็จมีต้นไม้มีหนามมากเอาการ ถึงจะถางทางไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่หมดง่ายๆ กลับยิ่งทำให้มันเร่งแตกหน่อเร็วกว่าเดิมเสียด้วยสิ แล้วทรงระวังสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ด้วยนะคะ ระยะนี้ชุมเอาการ เอาล่ะค่ะ หญิงคงจบจดหมายเท่านี้ก่อน อีกไม่กี่วันเราก็จะได้พบกันแล้ว ถีงตอนนั้นค่อยคุยกันให้หายคิดถึงนะคะ

                                                                                                                                                            รอวันได้พบกันค่ะ
                                                                                                                                                         ดวงจันทร์ของกฤตติน




เนื้อความในจดหมายไม่ยาวนัก แต่คนอ่านกลับทอดพระเนตรซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ ตอนแรกก็พระทัยแป้วเมื่อทรงทราบว่าไศเลนทร์ดำเนินกลการเมืองด้วยวิธีอภิเษก พอทรงทราบว่านางในดวงใจตอบปฏิเสธไป ก็ค่อยพระทัยชื้น แต่เมื่ออ่านถึงตอนจบ ก็ทรงกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้งหนึ่ง    

กระดาษถูกพับอย่างบรรจงแล้วสอดเก็บไว้ในซองเหมือนเดิม เจ้าชายกฤตตินทอดพระเนตรเวลาจากนาฬิกาเรือนใหญ่แล้วก็ระบายปัสสาสะบางๆ เที่ยงคืนแล้วหรือ เห็นทีจะต้องบรรทมจริงๆ แล้วกระมัง  

ความที่เจ้าชายกฤตตินทรงงานเลยค่อนคืนเสมอ ทำให้องค์เวธัสบดีโปรดให้สร้างห้องบรรทมเล็กขึ้นสองห้องไว้ที่ตำหนักเพชรายุธแห่งนี้ เผื่อสำหรับองค์เองด้วยห้องหนึ่ง  แม้เจ้าชายกฤตตินจะทรงทักท้วง แต่พระเชษฐาก็ไม่ทรงยอมล้มเลิก

“ไม่ดีหรือ ทำงานเสร็จจะได้เดินเข้าห้องเลย ไม่ต้องเดินท่อมๆ กลางดึกกลับตำหนักไทวัชญาให้คนเขานึกว่าเป็นผี”

“คนน่ากลัวกว่าผีนะ กระหม่อม”

“ก็นั่นสิ ถึงต้องทำไว้ อยู่ตรงนี้มีทั้งมิตรและศัตรู ใครจะรู้ วันดีคืนดีศัตรูอาจจะวิ่งมาตีหัวลากเข้าพุ่มไม้แถวนี้ก็ได้ เธอชอบหาพันธุ์ไม้แปลกๆ มาปลูกรอบตำหนักเต็มไปหมด ไทวัชญาน่ะ เป็นป่าย่อมๆ แล้วนะ”

“รับสั่งยังกับว่าหม่อมฉันเป็นสาวยุคหิน ตีหัวแล้วลากเข้าถ้ำ”

“อ๋อแน่ เธอน่ะ 'หิน' จริงๆ”

“ตรงไหนกัน”


เจ้าชายกฤตตินทรงทำพักตร์มุ่ย องค์เวธัสบดีสรวลในพระศอพลางทรงเขกเศียรอนุชาอย่างล้อๆ

“ตรงนี้ไงล่ะ แข็งโป๊กเชียวล่ะ แถมยังดื้ออีกด้วย”

“ก็ยังดีที่เจ้าพี่ไม่บอกว่าหม่อมฉันใจหินด้วย”

“กฤตติน”
ทรงทอดสุรเสียงอ่อน “พี่ไม่ได้ว่าการเป็นคนหัวแข็งและคนใจหินไม่ดีนะ แต่ต้องดูโอกาสและคนด้วย”

พระอนุชาทรงพยักพระพักตร์รับ พร้อมถวายสัญญา

“หม่อมฉันจะ 'เป็น' ต่อเมื่อจำเป็น กระหม่อม”

คราวนี้คงถึงเวลาที่จะต้องทรง 'เป็น' อย่างที่พระเชษฐารับสั่งเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วล่ะ



โถงทางเดินยังสว่างไสว ทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่ต่างค้อมศีรษะถวายความเคารพเมื่อเจ้าชายเสนาบดีเสด็จผ่านไป แต่พอเสด็จมาถึงหน้าห้องทรงงานใหญ่ แสงไฟที่ลอดออกมาภายนอกทำให้ทรงมุ่นพระขนง ทรงแน่พระทัยว่าเมื่อตอนหัวค่ำห้องนี้ยังมืด ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนมาใช้งาน    

“ดึกแล้ว ยังไม่บรรทมหรือกระหม่อม”

ร่างสูงที่ดำเนินล่วงเข้ามาในห้องทรงงานใหญ่ตรัสทักอย่างแปลกพระทัย ที่องค์เวธัสบดียังทรงก้มพระพักตร์ทรงงานง่วนอยู่ ทั้งที่ตอนนี้นาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังบอกเวลาเที่ยงคืนเศษแล้ว

“ว่าแต่พี่ เธอล่ะ ทำไมยังไม่นอน”

องค์เวธัสบดีรับสั่งพลางเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรอนุชาด้วยรอยแย้มพระโอษฐ์ละไม

“กำลังจะไปกระหม่อม ผ่านมาทางนี้เห็นแสงไฟเลยเข้ามาดู หม่อมฉันนอนดึกเป็นปกติอยู่แล้ว เจ้าพี่สิแปลก วันนี้ประชุมเสนาบดีมาทั้งวัน หม่อมฉันยังแอบเห็นเจ้าพี่กลั้นหาวตั้งหลายรอบ นึกว่าจะบรรทมแล้วเสียอีก”

องค์เวธัสบดีสรวลอย่างยอมแพ้เมื่อถูกพระอนุชาย้อนเข้าให้ ไม่คิดเลยว่าเสนาบดีมหาดไทยที่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารจะแอบสังเกตพระกิริยาขององค์เองด้วย  

“ยอมแพ้ พี่ไม่อยากถูกท่านเจ้าคุณค่อนเอามากกว่านี้ มานั่งนี่แน่ะ กฤตติน ถ้าพี่ทายไม่ผิด งานของเธอคืนนี้ก็คงเป็นงานเดียวกันกับพี่ล่ะมั้ง”

เจ้าชายกฤตตินสรวลเบาๆ พักตร์คมคายแลดูอ่อนลง วรกายสูงดำเนินมาทรุดองค์ประทับที่พระเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่

“หม่อมฉันเพิ่งรู้ว่าทรงเป็นพวกหยั่งรู้ฟ้าดิน”

“หึ จะว่าพี่เป็นพ่อมดก็พูดมาตรงๆ เถอะ จริงๆ เป็นก็ดีนะ จะได้เสกอคินกับไศเลนทร์ให้หายไปเลย”

“แล้วก็มีแคว้นใหม่มาแทนที่อีกนั่นแหละ” เจ้าชายเสนาบดีทูลอย่างหน่ายๆ “ตราบใดที่คนเรายังมีความโลภไม่รู้จบ จริงสิ มะรืนนี้ก็เดินทางแล้ว เจ้าพี่จะเสด็จไปทอดพระเนตรของกำนัลที่จะนำไปให้ทางโน้นไหม กระหม่อม”

“พี่เชื่อใจเธอ สิ่งใดที่เธอว่าดีแล้ว ก็หมายความว่าดีจริงๆ”

“ถ้าเกิดวันไหนหม่อมฉันแกล้งทูลผิดๆ ไปล่ะ”

“กฤตตินน่ะรึจะทำแบบนั้น” องค์เวธัสบดีทรงเลิกพระขนงข้างหนึ่งขึ้นสูงอย่างล้อๆ  

“อยากทำ แต่หาโอกาสลงมือไม่ได้สักที” แสร้งตรัสขึงขัง หากที่สุดก็ทรงหลุดสรวลออกมาเสียเอง “อันที่จริงก็พร้อมหมดแล้วล่ะกระหม่อม แต่ที่อยากให้เสด็จไปทอดพระเนตรน่ะ คือของขวัญที่จะถวายเจ้าหญิงอินทุมณฑล”

“ทำไมต้องให้พี่ไปดู เธอรู้ใจหญิงอินกว่าใครเพื่อน”

วิธีรับสั่งแม้จะฟังคล้ายรับสั่งไปเรื่อยๆ แต่คน 'รู้ใจ' ถึงกับปรางเรื่อโดยไม่รู้พระองค์ พอจะตรัสแก้ก็ทรงจนด้วยคำพูดเอาดื้อๆ ทำให้พระเชษฐาได้ทีทรงล้อซ้ำอีกรอบ

“ได้ยินเภตราว่าเธอส่งจดหมายคุยกับหญิงอินเสมอไม่ใช่หรือ งานหัวใจดูท่าจะรุดหน้ากว่างานเมืองแล้วล่ะมั้ง พี่ว่า”

“ดีแล้วที่ทรงบอกหม่อมฉัน พรุ่งนี้จะได้จัดการเจ้าคนปากมากเสียที ชอบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเล่าถวายนักเชียว ทีงานของตัวล่ะไม่สนใจ”

“ไม่เป็นเรื่องอะไร เจ้าชายเสนาบดีจะมีชายา น่าดีใจน้อยอยู่หรือ”

เจ้าชายกฤตตินทรงถอนพระทัยเฮือก ยิ่งตรัสคุยด้วยยิ่งเข้าเนื้อ ไม่น่าทรงลืมเลยว่ากระบวนการรุกไล่คนให้จนมุมด้วยพระวาจาแสนนุ่มนวลแบบนี้ พระเชษฐาทรงเก่งแค่ไหน

“อย่ารีบดีพระทัยนักเลย อ้อ! หญิงอินส่งจดหมายมา เจ้าพี่ทอดพระเนตรเองเถิด แล้วจะทรงทราบว่าไม่มีอะไรหวานๆ อย่างที่เภตราใส่ไฟหม่อมฉันเลยสักนิด”

ตรัสพลางสอดพระหัตถ์เข้าไปในฉลองพระองค์ แล้วดึงจดหมายออกมาถวายพระเชษฐา องค์เวธัสบดีทรงรับไปคลี่ทอดพระเนตรอยู่ครู่ก็เงยพระพักตร์ขึ้น  

“หนามชิ้นใหญ่เท่าไร บ่งออกยากเท่านั้น”

“อยู่ที่ว่ามันตำลึกหรือเปล่ากระหม่อม”

“ยังไงก็เลือดออกอยู่ดี ถ้าจะทำก็ต้องระวังจุดนี้”

สองเชษฐาอนุชาต่างนิ่งกันไปพักหนึ่ง ทว่าต่างพระองค์ต่างทรงทราบ ไม่ใช่แค่บ่งหนาม แต่อาจต้องทำลายต้นมันด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสอง ปัญหาแท้จริงอยู่ตรงนี้ หากจะทรงก้าวล่วงเข้าไปในที่ดินของคนอื่นโดยเขาไม่ร้องขอได้อย่างไร สิ่งที่จะทำได้ก็คือรอดูท่าทีของเจ้าของที่ดินเท่านั้น    



ก่อนเสด็จเพียงสองวัน เสนาบดีของธยามันก็ถูกเรียกตัวประชุมเต็มคณะอีกครั้ง อย่างเร่งด่วนและลับ เพราะแต่ละคนถูกเรียกตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แผนที่ของแคว้นธยามัน...ทั้งแคว้น รวมถึงแคว้นอื่นโดยรอบขึงตึงอยู่บนกระดานไม้ขนาดใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น ร่างสัญญาฉบับแรกที่จะเป็นลักษณะสนธิสัญญาไตรภาคี ธยามัน จันทรมัส และอคินถูกร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในข้อตกลงนั้นจะทำให้อคินไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่จะจัดการจันทรมัสได้ตามชอบใจ เพียงเพราะข้ออ้างที่ว่า จันทรมัสเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นตรงกับผู้ใด

เป็นเพียงร่างสัญญา เพราะยังไม่แน่ใจว่าจันทรมัสจะเลือกข้างอย่างไรแน่

แต่ที่องค์เวธัสบดีทรงกล้าเสี่ยง ด้วยทรงมั่นพระทัยลึกๆ จากลายพระหัตถ์ของพระราชาธิบดีภูบดี และถ้อยคำบอกเล่ากลายๆ จากลายพระหัตถ์ของเจ้าหญิงอินทุมณฑล

เธอทรงฉลาดที่เลือกใช้คำเช่นนั้น ไม่เจาะจงลงมาตรงๆ  แต่ใช้วิธีบอกเล่าทั่วไปอย่างจดหมายที่หญิงสาวเขียนส่งให้ชายผู้เป็นที่รักเท่านั้น ต่อเมื่อพิจารณาจึงจะเห็นนัยของมันชัดเจน อะไรที่เป็นที่พอใจของคนส่วนใหญ่เว้นเพียงเสนาบดีมหาดไทย เท่านี้ก็ทรงพอจะเดาสถานการณ์ออก

เหลือก็แต่เพียงการหารือร่วมสองฝ่ายระหว่างธยามันกับจันทรมัสเท่านั้น หากเป็นไปได้ด้วยดี อคินแทบไร้ความหมาย



แดดเช้าเพิ่งทอแสงอ่อน ทหารกองเกียรติยศตั้งแถวอยู่สองฟากฝั่งถนนที่ทอดผ่านลานกว้างหน้าพระราชวังทิพย์เวหาสน์ เสียงแตรฝรั่งเป่ายาวขานการเสด็จมาถึงของพระราชาธิบดีแห่งแคว้นธยามัน กองม้ารักษาพระองค์ในเครื่องแต่งกายเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินสด กางเกงสีขาว สวมหมวกพู่สีเดียวกับเสื้อปรากฏขึ้นเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยขบวนรถม้าพระประเทียบของพระราชาธิบดี และปิดท้ายด้วยกองม้ารักษาพระองค์อีกหนึ่งกอง ฝ่ายจันทรมัสงุนงง เพราะตามหมายกำหนดการ จะมีรถพระประเทียบสองคัน แต่นี่ ทำไมมีแค่คันเดียว

ตัวต้นเหตุที่ทำให้ขบวนเสด็จหดสั้นลงนั้น บัดนี้ประทับแย้มพระโอษฐ์ ทอดพระเนตรฝ่ายที่ประทับพักตร์ตูมอยู่เบื้องพระพักตร์อย่างขันๆ

“ดูทำเข้ากฤตติน โกรธใครหรือนั่น รีบยิ้มเร็ว เดี๋ยวเราก็ต้องลงแล้วนะ”

“พระองค์นั่นแหละต้นเหตุ ยังจะมารับสั่งถาม”

สุรเสียงห้วนๆ ตอบกลับมาแทบว่าจะเป็นการสวนคำ แต่คนฟังยังแย้มพระโอษฐ์เรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี แถมรับสั่งกลั้วสรวลเสียด้วยซ้ำ

“อ้าว ไม่ดีหรือ ประหยัดงบของเจ้าคุณคลังด้วย แทนที่จะใช้ม้าสี่ตัว ก็ลดเหลือสอง เห็นไหมประหยัดค่าอาหารม้าไปได้โขเลย”

“มีที่ไหนเขาทำ เสนาบดีมหาดไทยนั่งร่วมรถม้าคันเดียวกับพระราชาธิบดี”

“ธยามันไง อีกอย่าง ตอนนี้พี่ยังไม่ต้องการเสนาบดีมหาดไทย แต่ต้องการน้องชายและองค์รัชทายาท”

รับสั่งพักตร์เฉยราวไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ แต่คนฟังถึงกับทำพระเนตรโตอย่างตกพระทัย เรียกพระเชษฐาดังลั่นรถม้า

“เจ้าพี่”

“เรียกทำไมดัง อยู่ใกล้กันแค่นี้ หูจะแตกเอา”

องค์เวธัสบดีแกล้งทำพักตร์มุ่ยพลางยกหัตถ์ขึ้นอุดพระกรรณประกอบรับสั่ง ส่วนเจ้าชายกฤตติน จากพักตร์มุ่ยๆ ตอนนี้เริ่มจะหงิก ตรัสสุรเสียงเข้มจัด

“รับสั่งว่าอะไร องค์รัชทายาทที่ไหน”

“เธอไง” รับสั่งง่ายอีกแล้ว

“หม่อมฉันไม่รับ อีกหน่อยเจ้าพี่ก็อภิเษก แล้วก็จะมีรัชทายาทเอง”

“เสียใจ พี่ยังสนุกกับงาน และจะสนุกไปอีกนานด้วย”

  “หม่อมฉันก็ไม่รับเหมือนกัน”

“ไว้ไปถกกันต่อที่บ้านเรา รถจอดแล้ว ยิ้มนะกฤตติน อย่าให้ใครๆ เขาคิดว่าพี่ลากนักโทษประหารมาด้วยล่ะ”

เจ้าชายเสนาบดีที่กำลังกลายเป็นนักโทษประหารทำพักตร์บอกบญไม่รับ แต่พอประตูรถเปิดออก ก็แย้มพระโอษฐ์ได้ทันทีเหมือนกัน เว้นแค่เนตรสีลูกหว้าที่แอบสบกับเนตรสีเดียวกันของผู้แก่วัยกว่าเท่านั้นที่เหมือนจะบอกว่า

“ที่ยิ้มน่ะ หม่อมฉันยิ้มเพราะหน้าที่ กับยิ้มให้หญิงอินหรอกนะ”

องค์เวธัสบดีแสร้งผงกเศียรน้อยๆ อย่างล้อเลียน ก่อนดำเนินองค์ตรงขึ้นสู่บันไดพระราชวัง เพื่อเข้าเฝ้าพระราชาธิบดีภูบดีที่รอถวายการต้อนรับอยู่พร้อมกับเจ้าชายธเรษบดีและเจ้าหญิงอินทุมณฑล องค์เวธัสบดีทอดพระเนตรตำแหน่งของพระเก้าอี้ซ้ายขวาแล้วก็ลอบแย้มพระโอษฐ์ จันทรมัสกำหนดองค์รัชทายาทเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งพระเก้าอี้ด้านขวามือของพระประมุขคือที่ประทับขององค์รัชทายาท เจ้าหญิงอินทุมณฑลประทับสง่าอยู่ ณ ตำแหน่งนั้น พระราชาธิบดีภูบดีทรงใช้โอกาสที่พระราชาธิบดีแห่งธยามันเสด็จเยือน ทำการประกาศกลายๆ ให้ทุกคนรับรู้ แน่นอน ผู้ใดก็ตามที่หมายจะใช้ประโยชน์จากความเขลาของเจ้าชายธเรษบดีต้องรู้ ท่านไร้สิทธิลงพระนามแทนพระราชาธิบดีโดยสิ้นเชิง



พระราชาธิบดีภูบดีทรงลุกจากพระเก้าอี้เข้ามาถวายความเคารพตามลำดับพระยศที่ดูเหมือนจะเท่ากัน แต่ในความเป็นจริงคือองค์เองน้อยกว่าครึ่งพระยศ หากองค์เวธัสบดีเองก็ทรงค้อมพระวรกายถวายความเคารพงดงามต่อผู้อาวุโสกว่าเช่นกัน ขณะที่กับเจ้าชายธเรษบดี ทรงทำเพียงค้อมพระเศียรลงนิดเดียวพอเป็นพิธีเท่านั้น ทำให้เจ้าตัวทรงพักตร์ตึงไป เจ้าชายกฤตตินเองก็ทรงกระทำดุจเดียวกับพระเชษฐา แต่สำหรับเจ้าหญิงอินทุมณฑลนั้น ทรงทำเป็นพิเศษนิดหน่อย ด้วยการจับพระหัตถ์ที่อีกฝ่ายประทานมานั้นยกขึ้นจุมพิตนุ่มนวล

การถวายการต้อนรับหน้าพระราชวังทิพย์เวหาสน์ใช้เวลาไม่มาก เพราะพระราชาธิบดีภูบดีทรงอยากให้พระราชอาคันตุกะองค์สำคัญได้ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถยังพระตำหนักมณีราตรีให้มากที่สุด ด้วยนับแต่เย็นนี้เป็นต้นไป การหารือสำคัญจะเริ่มต้น อาจจะหนักเกินไปสำหรับฝ่ายที่เดินทางไกลมาเสียด้วยซ้ำ แต่ฝ่ายธยามันนั่นแหละที่มีพระราชสาสน์ยืนยันมาเองว่า ต้องการให้เริ่มเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และพอพระทัยนักที่ทราบว่า จะเริ่มต้นในวันแรกที่เสด็จมาถึงทีเดียว

“เวลาไม่คอยใคร”

ทรงให้เหตุผลมาอย่างนี้ แล้วใครเลยจะกล้าขัดพระราชประสงค์ แม้จะทำลืมๆ ไปอย่างไรก็ตาม แต่พระราชาธิบดีภูบดีก็ทรงรู้แก่พระทัย สูงสุดแห่งธยามันคือผู้ใด



ทางเดินหลังพระตำหนักนั้นจากที่ทอดตรงมาระยะหนึ่งก็แยกออกเป็นสองสาย ทางซ้ายมือเป็นเส้นทางสู่อุทยานหลวง ส่วนทางด้านขวามือ เป็นทางที่จะลัดสู่ด้านหลังของพระราชวังทิพย์เวหาสน์ เจ้าชายกฤตตินทรงยืนชั่งพระทัยอยู่ตรงตำแหน่งทางสามแพร่งนั้นพอดี เมื่อปรากฏร่างใครคนหนึ่งมุดออกมาจากแนวพุ่มไม้ดัดสูงระดับศีรษะข้างทาง วรกายสูงหันขวับไปทอดพระเนตรทันทีอย่างระวังภัย หัตถ์แตะที่บั้นพระองค์...ตำแหน่งที่ทรงซ่อนพระแสงกรรบิดเอาไว้

“เจ้าพี่ หญิงเองค่ะ”

สุรเสียงใสของเจ้าหญิงอินทุมณฑลตรัสทักขึ้น ทำให้พักตร์เคร่งของเจ้าชายเสนาบดีค่อยคลายลง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทรงยอมแย้มพระโอษฐ์ด้วย กลับตรัสด้วยสุรเสียงดุเสียด้วยซ้ำ

“ทำอะไรน่ะหญิงอิน ทางเดินปกติไม่มีแล้วหรือ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“ทีแรกก็ว่าจะยอมอ้อมไปใช้เหมือนกันค่ะ พอดีเห็นเจ้าชายเสนาบดีท่านทรงยืนพักตร์บึ้งอยู่ เลยตัดมาทางลัด นึกว่าจะดีพระทัยที่เห็นหน้าหญิง ที่ไหนได้กลับมาดุกันเสียนี่”

พระขนงเข้มขมวดมุ่น ถ้าฟังเผินๆ เหมือนกับว่าเจ้าหญิงอินทุมณฑลทรงตัดพ้อพระองค์ แต่พระนิสัยของเจ้าหญิงมิใช่เช่นนั้นแน่ ด้วยฐานะพระคู่หมั้น ประกอบกับความคุ้นเคยแต่วัยเยาว์และมิตรภาพที่งอกงามขึ้นตามกาลเวลาจากตัวอักษรในจดหมายที่ทรงส่งหากันมานาน ย่อมทำให้เจ้าชายกฤตตินทรงรู้

“จะบอกอะไรพี่ อินทุมณฑล”

“แหม เรียกเสียเต็มยศทีเดียว จะให้หญิงพูดที่นี่หรือคะ ไม่ทรงกลัวว่าลมจะพัดเอาคำพูดปลิวหายไปหมดหรืออย่างไร”

พระวาจาเปรียบเปรยยอกย้อนเหมือนเคย เจ้าชายกฤตตินทรงกลั้นสรวลเมื่อทอดพระเนตรดวงพักตร์งามเฉิดปั้นปึ่งราวกับกริ้วจริงๆ ก่อนจะทรงค้อมเศียรให้พร้อมกับผายหัตถ์ไปทางพระตำหนักอย่างล้อๆ

“เช่นนั้นเชิญเจ้าหญิงเสด็จเข้าในพระตำหนักก่อนเถอะ”  

วรกายโปร่งระหงดำเนินพักตร์เชิดผ่านเจ้าชายเสนาบดี ทั้งที่ความจริงก็อยากจะสรวลเช่นกัน เมื่อสองพระองค์เสด็จเข้ามาในพระตำหนักแล้ว เจ้าชายกฤตตินที่เสด็จตามมาเงียบๆ และทิ้งระยะห่างพอสมควรจึงตรัสถามขึ้น

“เจ้าบ้านจะทรงนำแขกคนนี้ไปประหารที่ใดหรือกระหม่อม”

“แหม โอษฐ์อย่างนี้มันน่านัก” เจ้าบ้านหันมาแยกเขี้ยวใส่แขก ไม่เหลือรอยของความกริ้วสักนิด “ห้องหนังสือเถอะค่ะ ไม่ค่อยมีใครใช้ แล้วพระราชาธิบดีเวธัสบดีล่ะคะ”

“ตอนที่พี่ออกมา เจ้าพี่ยังอยู่ในห้อง แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะประทับอยู่ที่ไหน”

“สมแล้วที่ทรงเป็นเสนาบดีมหาดไทย น่าจะทรงรับตำแหน่งเสนาบดีต่างประเทศพ่วงด้วยนะคะ ตอบแบบนี้มันวิธีทูตชัดๆ”

ตรัสพลางดำเนินต่อ โถงทางเดินยาวไม่มีข้าราชบริพารคนใดสวนมาสักคน น่าจะวุ่นวายอยู่กับการอารักขาพระราชาธิบดีที่ประทับอยู่ชั้นบนมากกว่า  

“ไม่มีข้อไหนห้ามไม่ให้ฝ่ายมหาดไทยพูดแบบทูตนี่นา”

เจ้าชายกฤตตินตอบพระคู่หมั้นด้วยสีพระพักตร์ยิ้มละไม ถึงตอนนี้เสด็จขึ้นมาดำเนินคู่กับพระคู่หมั้นได้แล้ว  

“ถึงหญิงก็เหมือนกัน ควรชื่ออินคำเดียวมากกว่าอินทุมณฑล”

“ทำไมคะ”

“อินทุมณฑล หมายถึงพระจันทร์ พระจันทร์ต้องนุ่มนวล เย็นตาเย็นใจ แต่ 'อิน' หมายถึงพระอาทิตย์ ร้อนและฤทธิ์แรง”

ดวงจันทร์ที่กลายเป็นดวงอาทิตย์ชะงักฝีพระบาท หันขวับมาทางคนที่เสด็จเรื่อยๆ อยู่เคียงข้าง เนตรสีน้ำตาลอ่อนใสเริ่มมีสีเขียวแกม เจ้าชายกฤตตินแย้มพระโอษฐ์เต็มที่ ความรื่นรมย์ในการเสด็จเยือนจันทรมัสสำหรับองค์เอง คือการได้หาเรื่องโต้วาทีย่อยๆ กับคนเบื้องพระพักตร์นี่ล่ะ  



ไม่ทันที่การโต้วาทีของสองพระองค์จะทรงเริ่มขึ้น บานประตูห้องสมุดที่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบก้าวก็เปิดออกเสียก่อน พร้อมกับคนที่ 'น่าจะประทับอยู่ชั้นบน'

“เจอกันเป็นไม่ได้นะสองคนนี่ แล้วอย่างนี้จะ 'เษกกันได้ไหมนี่”

การโต้วาทีเป็นอันว่าต้องจบตั้งแต่ไม่ทันเริ่ม เพราะกรรมการทรงตีระฆังเสียแล้วนี่ เจ้าชายกฤตตินทรงถวายคำนับพร้อมกับที่เจ้าหญิงอินทุมณฑลทรงยอบวรกายถอนสายบัว องค์เวธัสบดีสรวลนิดๆ เมื่อทอดพระเนตรเจ้าหญิงพระองค์น้อยทรงทิ้งค้อนถวายคู่หมั้นเสียวงใหญ่ แล้วการโต้วาทียกใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

“เษกไม่ได้ก็ไม่เษกเพคะ”

ปลายสุรเสียงตวัดสูงอย่างติดแง่งอน เจ้าชายกฤตตินแทนที่ทรงรีบง้อ กลับทูลพระเชษฐาหน้าตาเฉย

“ไม่ดีหรือกระหม่อม เจ้าคุณคลังจะได้ไม่ต้องวิ่งเบิกทองสิบสองท้องพระคลังจัดงานให้หม่อมฉัน”

“รู้อย่างนี้ทูลเจ้าพ่อเสียก็ดี ว่าให้ยอมยกลูกสาวให้ทางไศเลนทร์”

คู่หมั้นแสนสวยตวัดค้อนคมถวายอีกวงหนึ่งงามๆ ปรางสีกุหลาบเริ่มป่องบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าถ้ายังไม่หยุด คราวนี้จะกริ้วจริงๆ แล้ว เจ้าชายกฤตตินทอดพระเนตรสัญญาณอันตรายก็รีบตรัสอ่อนลงอย่างเอาใจ แต่ตอนท้ายยังไม่วายจะทรงทะเล้น

“ไม่จัดงาน ไม่เษก ไม่ได้หมายความว่าจะไม่อยากให้หญิงเป็นชายาพี่นะ หญิงอิน แค่บอกว่าไม่ต้องจัดงาน แต่ทำเป็นคนธรรพวิวาห์เสียเลย”

“พอกันทั้งคู่ พอแล้วน่า ใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี”

องค์เวธัสบดีทรงปรามสุรเสียงหนัก พลางทรงผลักประตูห้องให้กว้างออก พร้อมกับรับสั่ง

“เข้ามาข้างในนี่ล่ะ ทั้งคู่เลย จะทะเลาะอะไรกันก็เข้ามาในนี้”

“หม่อมฉันนึกว่าบรรทมอยู่เสียอีก”

เจ้าชายกฤตตินตรัสเสไปอีกเรื่องหนึ่ง ขณะที่เสด็จเข้ามาด้านในเป็นพระองค์สุดท้าย แล้วทรงลั่นประตูปิดแน่นหนา

“พักสักชั่วโมงก็พอแล้ว เอาล่ะ ว่าอย่างไรหญิงอิน นึกสนุกอะไรขึ้นมารึถึงมุดพุ่มไม้ออกมาอย่างนี้”

“เอ้อ ทรงเห็นหรือเพคะ”

“บังเอิญเดินไปมองสวน เห็นเข้าพอดี”

รับสั่งยิ้มๆ ซึ่งเป็นความจริง หน้าต่างห้องสมุดอยู่ตรงกับทางเดินสามแพร่งนั้นพอดี แต่คนฟังถึงกับพักตร์เรื่ออย่างอุธัจ ส่วนอีกพระองค์สรวลอย่างไม่ทรงรักษากิริยาอีกแล้ว

“เด็กซนน่ะกระหม่อม โธ่! หญิงอินจ๋า อย่าเพิ่งตาเขียวใส่พี่สิ ฟังกันให้จบก่อน พี่กำลังจะทูลเจ้าพี่ว่า แต่เด็กซนคนนี้มีอะไรจะบอกเรา”

ผู้อาวุโสที่สุดแย้มพระโอษฐ์อ่อนๆ พลางทรงหันมาทางเด็กซน อันที่จริงไม่ใช่ 'จะบอก' แต่เจ้าตัวบอกแล้วต่างหาก พระอนุชาเสียอีกที่ทรงครุ่นคิดแต่เรื่องการเจรจาจนไม่ทันดำริ

“ไม่มีอะไรเพคะ หม่อมฉันเพียงจะทูลว่า ถ้าจะไปอุทยานหลวง ไม่ต้องเดินตามทางนั่นก็ได้ แค่มุดพุ่มไม้ไปก็จะย่นระยะทางและเวลาเท่านั้นเองเพคะ”

เจ้าหญิงอินทุมณฑลตรัสพักตร์เฉย ราวกับว่าเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ เจ้าชายกฤตตินนั้น แรกๆ ก็ตั้งท่าจะทรงดุ แต่พอตรองดูตามคำของอีกฝ่ายก็เข้าพระทัย ที่สุดก็แย้มพระโอษฐ์ออกมาได้

“จริง พี่ลืมไปได้อย่างไรกัน ว่าบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องอาศัยทางหลักก็ไปถึงจุดหมายปลายทางได้”

“แต่ปัญหาคือ เราจะแน่ใจได้หรือว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่อาศัยทางลัดนี้เหมือนกัน”

องค์เวธัสบดีทรงท้วงด้วยสีพระพักตร์ละไมเหมือนเดิม เจ้าชายกฤตตินทรงมองสบเนตรกับเจ้าหญิงแห่งจันทรมัสแวบหนึ่ง พระเนตรคู่สวยฉายแววกล้า แต่ไม่ได้ตรัสอะไรกลับค้อมเศียรลงอย่างให้เกียรติฝ่ายชาย คนได้รับการถวายพระเกียรติแสร้งถอนปัสสาสะยาว

“ทำไมหญิงไม่ทูลเจ้าพี่เอง นี่เป็นการภายในของจันทรมัส เราเป็นคนนอก ที่ไหนเลยจะเห็นภาพชัดเจนเหมือนคนของจันทรมัสเอง”

“ก็เพราะที่นี่คือจันทรมัสน่ะสิคะ หญิงจึงไม่กราบทูล ประเพณีที่นี่ ผู้หญิงจะด้อยกว่าผู้ชายหนึ่งชั้นเสมอ และจะไม่ข้องเกี่ยวเรื่องการเมืองเลย”

วิธีทูลฉลาดนัก เพราะนั่นหมายความว่าข้อมูลใดๆ ของฝ่ายจันทรมัส หากพระราชาธิบดีและเสนาบดีคู่พระทัยทรงทราบ จะไม่ใช่ข้อมูลที่ได้มาจากคนในโดยเด็ดขาด ถึงจะมีผู้เห็นว่าเจ้าหญิงอินทุมณฑลเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ที่พระตำหนักมณีราตรีก็ตาม อย่างมากก็แค่สงสัย แต่ให้ระบุชัด ใครจะกล้าทำ

“เจ้าคุณมหาดไทยเข้าหาอคินก็จริงกระหม่อม แต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าคณะทำงานครั้งนี้จะไม่ชอบใจกับเส้นทางลัดของเจ้าคุณสักเท่าไหร่ น่าจะเป็นเพราะผลประโยชน์ที่อาจต้องหารแบ่งอย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งคือ คนคนนี้ชอบเดินทางตรงมากกว่า”

“หาได้ยากนะคนอย่างนี้”  องค์เวธัสบดีทรงชื่นชมจากพระทัย ขณะเดียวกันก็ทรงเริ่มสนพระทัยในคนผู้นี้

“เพราะยาก ถึงน่าสนใจ ถ้าสำเร็จเราอาจได้มิตรเพิ่ม”

“อคินเจรจาไม่ยากเพคะ แต่คนของเราต่างหาก ไม่ใช่แค่ยาก เพราะถ้าพลาดก็เท่ากับจุดเพลิงเผาบ้านตัวเอง” เจ้าหญิงอินทุมณฑลทูลเสียงเบา “กลาโหมมีกำลังทหารในมือก็จริง แต่ที่ใหญ่กว่าก็คือมหาดไทย ไม่ใช่แค่คุมกำลังพลได้ แต่ยังใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่า รู้ดีว่าต้องใช้อะไรจุด ไฟถึงจะลุกแรง”

สองชายนิ่งกันไป เจ้าหญิงพระองค์น้อยตรัสถูก เพราะนั่นคือสิ่งที่เชษฐาอนุชาทรงหวั่นพระทัย การเปลี่ยนแปลงที่ต้องเกิดขึ้นจากนี้ไป แน่ล่ะ คนพื้นถิ่นต้องไม่พอใจแน่ รับมืออคินไม่ยาก ขอเพียงประโยชน์ตกได้กับทั้งสองฝ่าย แต่คนในไม่ใช่อย่างนั้น  ข้อมูลทั้งหลายต้องผ่านมาจากทางการ ถ้าทางการบิดเบือนข้อมูลแล้วปลุกระดมมวลชนเสียเอง ผลสรุปไม่ยากเลย ไม่มีใครได้ประโยชน์ทั้งนั้น แม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองชนะก็ตาม แต่ความจริงคือย่อยยับทั้งคู่



*** มีต่อค่ะ

แก้ไขเมื่อ 11 พ.ย. 55 13:36:54

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 13:35:59




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com