Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นิยาย เขี้ยวรัตติกาล Fang of the Dark shadow vote ติดต่อทีมงาน

Fang of the Dark Shadow
เขี้ยวรัตติกาล

1

มิสซิสแอนนี่สวมกอดร่างบอบบางของบุตรชายวัย 6 ขวบไว้แนบอก เธอกำลังกลั้นน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ และหวังว่า มันจะไม่รินไหลลงมาอาบใบหน้า ต่อหน้าบุตรน้อยของเธอ

“มัมมี๊ไม่อยู่แล้ว หนูกฎต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซนกับแด๊ดดี้นะลูกนะ”

แอนนี่กล่าวเสียงแหบสั่นเครือ ด้วยความรู้สึกเจ็บลึก ที่กำลังอัดอั้นอยู่ในอกจนเธอแทบจะทนไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักสุดชีวิต

“มัมมี๊ จะไปนานเลยหรือครับ?” เด็กชายกรกฏผู้ไร้เดียงสา ถามตาแป๋ว

“ก็...นานจ๊ะ” แอนนี่กล่าวตอบไม่เต็มคำ

“นานเลยเหรอครับ? ถ้างั้น...กฏต้องคิดถึงมัมมี๊แย่เลย” เด็กชายกรกฏกล่าวด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง

มิสซิสแอนนี่อดไม่ได้ที่จะสะอื้นในอก ดวงตาทั้งคู่ร้อนผ่าว หยดน้ำตาเริ่มซึมลงมาจากทางหางตา เธอรีบควักผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าถือสวยหรูยี่ห้อดัง แล้วแตะผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเบาๆ

เรื่องที่เธอหย่าขาดกับสามี มันเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกลำบากใจ ที่จะอธิบายให้บุตรชายตัวน้อยของเธอเข้าใจ แม้แต่นายกรินทร์ ฉัตรจักร อดีตสามีของเธอ ก็ไม่มีความคิดที่จะอธิบายเรื่องนี้กับบุตรชาย

ครึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งเธอ และเขา ต่างแยกกันอยู่คนละบ้าน
แม้จะเป็นบ้านสองหลัง ที่อยู่ภายในบริเวณรั้วเดียวกันก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยามันหมดไปนานแล้ว มีเพียงการทำหน้าที่ของพ่อและแม่ร่วมกันเท่านั้น

ทั้งคู่เซ็นหย่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง เพราะแอนนี่ตัดสินใจแน่วแน่ ที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ และหันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ความรัก ความทุกข์ ความหลัง รวมถึงลูกที่รักไว้ที่นี่ เพื่อหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในดินแดนบ้านเกิดของเธอ

หลังจากแอนนี่กอดล่ำลาบุตรชาย และฝากฝังให้สามีเก่าดูแลบุตรชายดีๆ เธอก็รีบลากกระเป๋าเดินเข้าไปช่องทางด้านในอย่างรวดเร็ว ราวกลับกลัวว่า จะมีอะไรมาฉุดรั้งให้เธออยู่ต่อ

นายกรินทร์ สามีเก่าของเธอ มองตามหลังคนที่เป็นอดีตภรรยาด้วยสายตาที่นิ่งเฉย แม้ในใจเขาขณะนี้ จะรู้สึกเจ็บปวดต่อจุดจบที่เขาเคยคิดว่า ได้ทำใจมานานแล้วก็ตาม

ร่างสูงใหญ่เดินจูงมือบอบบางของบุตรชายไปเรื่อยๆ นักธุรกิจใหญ่ ไม่มีทีท่าใส่ใจผู้คนรอบด้าน แม้จะมีใครบางคน ที่จำเขาได้ และมองดูเขาอย่างสนใจ

นายกรินทร์ พาบุตรชายไปหยุดยืนที่จุดสำหรับดูเครื่องบิน ขณะนี้ เครื่องที่แอนนี่นั่ง กำลังเคลื่อนตัวออกจากรันเวย์ อย่างช้าๆ เพื่อเตรียมทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าเบื้องบน

ณ นาทีนั้น เขาเกิดความรู้สึกใจหาย อารมณ์อาวรณ์เกิดขึ้นแน่นอก กรินทร์ระบายลมหายใจแผ่วเบา เขาต้องทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดให้ได้ เพราะตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาและแอนนี่ได้พยายามแล้ว เพื่อจะออมชอมความรู้สึกซึ่งกันและกัน เพื่อยืดความสัมพันธ์ต่อกันให้นานที่สุด แต่คำตอบสุดท้าย ก็คือความล้มเหลวของการฉุดยื้อความสัมพันธ์ ทั้งเขาและแอนนี่รู้สึกเหนื่อยล้ากับการยื้อจนถึงขีดสุดแล้ว

ในเรื่องกิจการงาน กรินทร์เป็นเจ้าของธนาคารเกรดแบงค์ ที่ใหญ่ระดับชาติ เขาประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ แต่เรื่องชีวิตส่วนตัว เขากลับประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในชีวิตสมรส

แอนนี่เป็นผู้หญิงขี้เหงา จิตใจเธออ่อนแอ บอบบางและหวั่นไหว เธอเป็นคนสวิส บ้านเกิดของเธอคือสวิสเซอร์แลนด์ เธอรู้จักกับกรินทร์ ตั้งแต่ครั้งที่เขาเดินทางไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทั้งสองรักกัน และแต่งงานกัน

ณ วันนั้น ชีวิตดูเหมือนจะราบรื่นง่ายดาย ความรักเหมือนเทพนิยายที่มีเริ่ม สมหวัง และจบอย่างมีความสุข แอนนี่ติดตามเขามาอยู่ที่เมืองไทย

แต่นิยายรักไม่ใช่ชีวิตจริง เพราะเมื่อแอนนี่ย้ายตามสามี มาใช้ชีวิตในต่างถิ่น หญิงสาวชาวผิวขาว เริ่มเกิดความรู้สึกไม่คุ้นเคย เธอต้องปรับตัวกับทุกๆเรื่อง แอนนี่ไม่ชอบอากาศร้อน มันทำให้เธอหงุดหงิด ลมหายใจติดขัด เธอมักจะหมกตัวอยู่แต่ในห้องแอร์ นานๆเข้า เธอก็เหงา เธอใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะเริ่มปรับตัวกับสภาพอากาศได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ความเป็นอยู่ของคนที่นี่ มันยากที่เธอจะทำความคุ้นเคย เธอนึกไม่ถึง ว่าเธอจะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอย่างขาดระเบียบในสายตาของเธอ มลภาวะบนท้องถนน ก็เต็มไปด้วยควันดำคละคลุ้งอบอวล ผู้คนตามที่ต่างๆ ดูมากมายน่าเวียนหัว เดินขวักไขว่แทบจะชนกัน ความสับสนทั้งคน ทั้งรถรา ต่างเคลื่อนไหวไปมาน่ารำคาญ ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า และไอระอุจากรังสีดวงอาทิตย์ แอนนี่ไม่รู้สึกปราถนาแสงแดดเหมือนก่อนที่จะย้ายมาที่นี่อีกเลย

ที่แย่กว่านั้นคือ ความรู้สึกเดียวดายของแอนนี่ เธอไม่มีเพื่อน ไม่มีใครที่พูดภาษาเดียวกับเธอ แม้อาจมีบางคน ที่สามารถสื่อสารพอเข้าใจกับเธอได้บ้าง แต่แอนนี่ ก็ยังรู้สึกว่า ไม่มีใครเลย ที่จะเก่งภาษามากพอ ที่จะมานั่งคุยจ้อกับเธอได้ ความเครียดทับถมทวีขึ้นทุกวัน จนผ่านไปเป็นเดือน เป็นปี หญิงสาวไม่รู้จะหาทางออกในการบำบัดสถาพจิตของตนเองได้อย่างไร นอกจาก ทุกๆวัน เธอจะตื่นสาย และนั่งเงียบซึมอยู่ในสวนหลังบ้าน พร้อมกับดื่มไวน์ จิบกาแฟ และคีบบุหรี่ติดนิ้วตลอด นานวันเข้า เธอก็เริ่มเขยิบจากไวน์มาเป็นเหล้าบรั่นดี กว่าจะรู้ตัว เธอก็เข้าสู่อาการของคนติดสุราเสียแล้ว

แอนนี่ไม่หวังพึ่งสามี เพราะตั้งแต่กลับมาเมืองไทย เขาก็รับมรดกตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในกิจการจากคุณพ่อของเขา ทุกนาทีของเขามีค่าสำหรับธุรกิจ มากกว่าที่เขาจะแบ่งมาเสียเวลาให้กับเธอ

ชีวิตที่ต้องทนอยู่กับสามีนักธุรกิจคนไทย ที่ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ทำให้แอนนี่พยายามกัดฟัน ฝืนใจทน เธอทนมาแล้วตั้ง 8 ปี จนกระทั่ง วันหนึ่ง เธอบอกกับตนเอง ว่า เธอทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว รอยร้าวเพียงเส้นบางๆ ที่ขีดคั่นความรักของสองสามีภรรยาคู่นี้ นับวัน มีแต่จะแตกร้าวลึก อย่างยากที่จะประสานกันได้อีกต่อไป


เครื่องบินลำที่แอนนี่นั่ง ทะยานขึ้นสู่ผืนฟ้ากว้าง กรกฏน้อย โบกมือหย๋อยๆ บ๋ายบายมารดาสุดที่รัก เด็กชายหารู้ไม่ ว่า นับจากวันนี้ไป เขาจะไม่มีมารดาอยู่คียงข้างเหมือนเด็กน้อยคนอื่นๆอีกแล้ว เพราะมารดาของเขา จากเขาไปไกลแสนไกล อย่างไม่มีวันที่ เด็กชายตัวน้อยอย่างเขา จะเดินทางไปหาแม่ได้ตามลำพัง

เครื่องบินลับตาไปแล้ว นายกรินทร์ทอดถอนใจยาว จูงมือบุตรชายตัวน้อย เดินกลับไปยังที่จอดรถ ที่จอดไว้ชั้นสอง

ในรถคันใหญ่หรู อบอวลไปด้วยไอหนาววังเวง ความเงียบแทรกซึมไปทั่วมวลอากาศ มีเพียงนายกรินทร์ บุตรชายตัวน้อย และคนขับรถ เด็กชายกรกฏปรายตาไปมองบิดา เด็กน้อยอย่างเขา ไม่อาจจะเข้าใจถึงอารมณ์ของผู้ใหญ่ เขารู้แค่ว่า พ่อไม่อยากให้เขากวนใจ เขาอยากจะถามพ่อหลายคำถาม ที่เกี่ยวกับการจากไปของแม่ แต่กรกฏก็ไม่กล้า เพราะปกติแล้ว พ่อไม่ค่อยคุยเล่นกับเขาสักเท่าไหร่ พ่อออกจากบ้านหกวันต่ออาทิตย์ วันที่เหลือในบ้าน พ่อก็จะใช้เวลาอยู่แต่ในห้องสมุดที่บ้าน กรกฏชินแล้วกับความเงียบของพ่อ วันทั้งวัน พ่อไม่ค่อยเข้ามาคุย มาเล่นกับเขาสักเท่าไหร่

ชีวิตของเขาจึงมีแต่แม่และพี่เลี้ยง ถ้าแม่ออกมาจากบริเวณสวนหลังบ้าน แม่ก็จะมาคุยเล่นกับเขาบ้าง และบางครั้ง เขาพยายามจะไปหาแม่ที่สวนหลังบ้าน แต่พี่เลี้ยงก็ห้ามเอาไว้ เพราะเหตุผลว่า แม่อยากพักผ่อน พี่เลี้ยงก็จะเป็นฝ่ายดูแลใกล้ชิด เล่นกับเขาซะเอง

ขณะนี้ เด็กชายกรกฏกำลังคิดถึงแม่ ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เขายังไม่พร้อมที่จะห่างแม่ ความรู้สึกที่ว้าเหว่จับใจมันคืบคลานเข้ามาครอบคลุมหัวใจดวงน้อยของเขาราวเงามืดแห่งอสูรกายที่กำลังป่ายมือมหึมามาทักทาย

รถคันยาวหรูเลี้ยวปราดเข้าไปในบริเวณบ้านหลังใหญ่ กรกฏเห็นแตงกวา พี่เลี้ยงของเขายืนรออยู่ ทันทีที่รถจอดสนิท แตงกวาก็เข้ามารับตัวเขาไป เพราะนายกรินทร์มีธุระต้องไปพบนักการเมืองท่านหนึ่ง เขาก้มลงบอกใกล้หูบุตรชายด้วยประโยคง่ายๆ

“กฎ พ่อไปก่อนนะ พ่อมีนัด ต้องไปพบท่าน สส.”

กรกฏได้แต่หยักหน้ารับคำ เด็กชายรู้ตัวดีว่า เขาไม่มีสิทธิ์จะงอแงเหมือนเด็กคนอื่นๆ



เช้าวันเสาร์ที่อากาศแจ่มใส...

กรกฏตื่นมา พร้อมกับความรู้สึกแปลกใจที่เห็นพ่ออยู่บ้าน แต่เขาก็ไม่ต้องแปลกใจนานนัก เมื่อเดินตามกลิ่นอาหารหอมๆเข้าไปแถวบริเวณครัว เขาเห็นคนรับใช้ของบ้าน วุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหาร แตงกวาบอกกับเขาว่า อีกสักเดี๋ยว จะมีแขกมาที่บ้าน

ช่วงสายของวัน พันตำรวจเอกดนิษฐ์ ชมพูเอก พร้อมลูกสาวและภรรยา คือคุณนิตา แวะมาเยี่ยมเยียนนายกรินทร์เพื่อนรัก ตามประสาคนสนิทชิดชอบ ความที่เป็นดนิษฐ์กับกรินทร์เพื่อนรัก กันมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ดนิษฐ์รู้สึกห่วงเพื่อนยิ่งนัก หลังจากทราบข่าวการหย่าร้างของเพื่อนรัก โดยเฉพาะข่าวล่าสุด ที่แอนนี่เดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ดนิษฐ์ก็ไม่อาจอยู่เฉย รีบหาโอกาสมาเจอเพื่อนทันทีที่ถึงวันหยุด

คุณนิตา เปิดโอกาสให้สองหนุ่มใหญ่พูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขกัน ส่วนตัวเธอก็เดินเข้าไปช่วยดูแลสาวรับใช้จัดอาหารและของว่างขึ้นตั้งโต๊ะ

พันตำรวจเอกดนิษฐ์นั่งจิบเบียร์เย็นอยู่กับนายกรินทร์ ที่โต๊ะหินสีขาวใกล้สระน้ำบริเวณสวนหย่อมปาล์ม ดนิษฐ์พูดคุย ให้กำลังใจเพื่อนรัก ที่เล่าระบายความทุกข์ที่สุมอยู่ในอก

“ที่บ้านก็ยุ่งๆ แตงกวาก็จะลาออก” กรินทร์บ่น

“อ้าว...ทำไมล่ะ? มาทิ้งเจ้ากฎช่วงนี้นี่นะ?”

ดนิษฐ์รู้สึกสงสารกรกฏ เพราะเขารู้ว่า แตงกวาเลี้ยงกรกฏมาตั้งแต่เขาแบเบาะ

“อืม แตงกวามันก็รักเจ้ากฎ เลี้ยงกันมาแต่เล็กแต่น้อย ร้องห่มร้องไห้ตอนขอลาออก เห็นบอกว่า พ่อเพิ่งจะเสีย เลยต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ เพราะพี่ชายก็ทำงานก่อสร้าง ย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ”

“เฮ้อ...ถ้าอย่างนั้น ก็คงห้ามไม่ได้สินะ? เป็นอย่างนี้แล้ว นายก็ต้องหาพี่เลี้ยงคนใหม่ให้กฎเลยสิ”

“ไม่น่ะ” กรินทร์ส่ายหน้า “อีกแค่ไม่กี่เดือน กฎก็เข้าเกณฑ์ไปโรงเรียนได้ละ”

“อาไร๊? อายุถึงแล้วเหรอ?” ดนิษฐ์ค้าน มองเลยไปยังร่างเล็กบางของเด็กชายกรกฏ

“ก็...สามารถนำไปฝากเข้าเตรียมอนุบาลได้แล้วล่ะ” กรินทร์บอก

“เค้ายังเล็กไปรึเปล่า?” ดนิษฐ์ค้านการตัดสินใจของเพื่อน

“ให้ไปเข้าโรงเรียนน่ะดีแล้ว จะได้ไม่เหงา อยู่ที่บ้านก็มีแต่ผู้ใหญ่ ก่อนนั้นกฏยังมีแม่ แต่ตอนนี้ มีแต่คนใช้ที่กฎไม่ค่อยคุ้น อีกอย่าง โรงเรียนที่จะฝากกฎเข้า เป็นโรงเรียนนานาชาติ กฎจะได้มีพื้นฐานภาษาแน่นตั้งแต่เด็ก”

ดนิษฐ์จำนนต่อเหตุผลของกรินทร์ เขารู้ดีว่า ปกติแล้ว กรินทร์ไม่ค่อยจะมีเวลาให้ลูกมากนัก บางทีมันอาจเป็นการดีสำหรับเด็กชาย ที่จะได้ไปมีสังคมเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในโรงเรียน

ขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังนั่งคุยกัน เด็กชายกรกฏก็นั่งเล่นอยู่กับเด็กหญิงณิชารีย์ ลูกสาวของพันตำรวจเอกดนิษฐ์ ผู้ที่มีวัยไล่เลี่ยกับเขา

สองหนูน้อย ถอดรองเท้าวางไว้แถวเก้าอี้พลาสติกสีขาว แล้วชวนกันไปนั่งที่ริมขอบสระน้ำตื้นสำหรับเด็กเล็ก ทั้งสองจุ่มเท้าลงในสระ แกว่งขาตีน้ำเล่น

“คิดถึงมัมมี๊จัง เค้าอยากให้มัมมี๊อยู่ใกล้ๆ เหมือนที่ณิมีจังเลย” กรกฏบ่นด้วยน้ำเสียงรู้สึกหงอย

ใบหน้าผอมเรียวของเด็กชายดูหม่นเศร้า ดวงตาสีเทาเข้มดูหม่นแสง เขามองเรื่อยเปื่อยไปยังระลอกเล็กถี่ของผิวน้ำ ที่กำลังขยับไหวสะท้อนแสงแดดวาวระยับ ราวกับว่า ในสระเด็กขณะนี้ กำลังมีปลาเล็กๆสีเงินหลายร้อยตัว เกลือกกลิ้งร่างไปมาอยู่เหนือผิวน้ำ

เด็กหญิงณิชารีย์รู้เพียงว่า มารดาของกรกฏเพื่อนรัก บินไปต่างประเทศ และจะไปอยู่ที่นั่นอีกนาน ซึ่งเธอและกรกฏ ไม่อาจรู้เลยว่า สถานที่ ที่พวกผู้ใหญ่บอกนั้น คือที่ไหน? และที่ผู้ใหญ่บอกว่าอยู่ไกล จะไกลมากแค่ไหนกัน?

แม้จะสงสารเพื่อนสักเพียงใด แต่ณิชารีย์ก็ทำได้เพียงแค่ปลอบใจ มืออวบเล็กของเด็กหญิงจึงยื่นไปแตะที่หลังมือของเด็กชาย

“อย่าคิดมากเลย เค้าเชื่อว่า อีกไม่นาน คุณแม่ของกฏก็จะกลับมา อย่าเศร้าไปเลยนะ”

“แต่มัมมี๊บอกว่า จะไปนาน...” เด็กชายบ่นงึมงำ หน้าเศร้า

“นานเหรอ? อืม....งั้นก็ อย่าไปนึกถึงมันสิ แกล้งทำเป็นลืมซะ แป็บเดียว เดี๋ยวก็เจอแม่ละ แล้วกฏจะรู้สึกว่า มันไม่นานเลย” เด็กหญิงณิชารีย์ลุกขึ้นยืนแตะบ่าเพื่อน พูดเสียงเข้มแข็ง

“เธอเป็นเด็กผู้ชาย เธอต้องเข้มแข็งนะ อย่าร้องไห้ ไป...ณิจะพากฎไปกินขนม” ณิชารีย์ดึงมือเพื่อน เด็กชายกรกฏก็ลุกตามเธอไปอย่างว่าง่าย

จากคุณ : รัก รมิดา
เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 12:43:04 A:124.122.57.122 X: TicketID:381725




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com