Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<< บัลลังก์ลูกไม้ ::..[43]>> vote ติดต่อทีมงาน

-สี่สิบสาม-


“เอลินอร์ เจ้าว่ายังไงนะ?!”

สุรเสียงของผู้ถาม ถูกบังคับด้วย ‘สถานการณ์’ จึงไม่อาจกัมปนาทได้อย่างควรจะเป็น

ทั้งนี้ วรร่างสูง ยังซุ่มอยู่ในพงไม้ ไกลจากจุดจอดแพ...ในระยะแค่มองเห็นว่าเฟร็จ...ยังคงอยู่

ใช่! นี่คือสิ่งที่ดำริไว้แต่ต้น...

กำลังคนไม่พอ โดยจำเพาะ... ‘คน’ อันพอจะเป็น ‘มือ – เท้า’ ได้ เจ้าชายทีเบอร์เทียซ จึงทรงจำลงหัตถ์เองทั้งสองด้าน

ประการหนึ่ง...แฝงกายไปในโมลาสโม่ เพื่อสืบหา ‘สิ่งแปลกปลอม’

หาก...จวบถึงจุด...อันน่าจะเป็นศูนย์รวมของหมู่บ้าน ค่าที่ยังไม่พบสิ่งใด ‘ผิดปกติ’ กับทั้ง...เวลาที่มี...ไม่มากพอ จึงจำต้องทรงปล่อยผู้ติดตามทั้งสองไว้ในสถาน...ที่แน่ล่ะ...ทรงคาดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้วนั้น จากนั้นจึงเร่งย้อนกลับมา เฝ้าจับพระเนตรนายทหารผู้ไม่ชวนไว้ใจ ด้วยทรงคิด...หากมี ‘อะไร’...คนหนึ่งที่จะต้องเคลื่อนไหว ไม่น่าพ้นไปจากเจ้าของนามเฟร็จ!

หาก...อย่างที่เห็น...

ตั้งแต่ตอนนั้นถึงบัดนี้ คนในระยะไกล หาได้กระทำสิ่งใดให้แคลงคลาง นอกจากฆ่าเวลาโดยดักปลาที่ผลุบโผลง

แล้วก็ทรงต้องปัดความสงสัย...เป้าหมายอาจใช้เวลาก่อนเสด็จกลับ แล่นเสาะไปส่งข่าวบางคนในหมู่บ้าน...

จำนวนปลาที่วางตากกลางแพ ยืนยัน ‘พยานสถานที่’ เจ้าตัวได้ดี!

หรือ...เฟร็จรู้ตัวแต่ต้น...ตนจะถูกเฝ้าจับตา ในเมื่อลักษณาการ ‘เปิดทาง’ สะดวกดายถึงแค่นี้ ที่สำคัญ...ขนาดเอลินอร์ยังจับดำริได้...

ในขณะที่เริ่มทรงสำเหนียกว่า เฟร็จอาจรู้...และตั้งใจไม่ไปไหน เพื่อซ้อนแผน...ถ่วงดึงความสนพระทัยไว้ทางหนึ่ง เหตุอีกทางก็กลับอุบัติตามทรงคาด พร้อมๆ กับการปรากฏกายของพระพี่เลี้ยง!

ฝั่งที่เจ้าตัวโผล่มา...แสดงว่าคงตามหาผู้ซุ่มจนพบ จากนั้นจึงค้นมุมรก อ้อมกลับมาอีกที เพื่อป้องกันสายตาของคนบนแพ

อย่างไรก็ตาม บางอย่างในดวงตาและสีหน้าของเจ้าของร่างท้วม บ่งชัดว่าอาการหน้าซีด เหงื่อซ่ก มิใช่เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกล...

‘ฝ่...ฝ่าบาท...’ เสียงกราบทูลแผ่วไหว เสียใจ แกมตกใจกลัว

‘เจ้าหญิงเอลีโอน่า...’ หลุดพระนามนั้น ริมฝีปากสั่น ทั้งดวงตาเต้นระริกราวจะคลอด้วยหยดน้ำ

‘เจ้าหญิงเอลีโอน่าทรงหายพระองค์ไปเพคะ!’

หลังจากรับสั่งถามย้ำ หากคำตอบไม่แปรเปลี่ยน ดวงเนตรสีครามจรัส เบิกกว้าง อ้างว้าง ตระหนกหนักอย่างไม่อยากทรงเชื่อ

วงพักตร์งามปิ่มอิตถี ดีแต่มีเหลี่ยมหนุเพิ่มความบึกบึน ถึงกับสลดซีด ประหนึ่งถูกทึ้งดวงหทัยหายไปในนภากาศ

“พอลับปฤษฎางค์ฝ่าบาทที่ร้านจักสาน หม่อมฉันก็หันกลับไปที่ร้านขายผ้า ครั้นไม่เห็นพระองค์...ยังรออยู่พักเพราะคิดว่าทรงมัวเพลินอยู่...”

คนเล่าทูล หยุดกลืนน้ำลายเล็กน้อยอย่างอย่างลำบาก

“แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นเสด็จออก หม่อมฉันเข้าไปตามก็ยังไม่พบ ถามใครในร้านก็ไม่มีคนเห็น หมะ...หม่อมฉัน...” เสียงสั่น ลักษณะกลอกตาไปมา ผิดเป็นคนละคน กับผู้เคยควบคุมตนเองได้ดี

“...พยายามตามหาที่ร้านอื่นๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มี ไม่มีแม้แต่พระฉายา จะว่าพลัดหลงก็ไม่น่าใช่ เพราะคนในตลาดบางตานัก ฝ่...ฝ่าบาท...”

คำสุดท้าย เสกลับมายังคู่สนทนา ดวงตาแดงก่ำ หยดน้ำพร่างพรู

“หม่อมฉันเกรงว่า...เกรงว่า...”

ถึงอย่างไรก็ไม่กล้าหลุดปาก สิ่งเลวร้ายที่จินตนาการ

กระนั้น...มีหรืออีกฝ่ายจะไม่ทรงเห็นภาพ

เฉพาะสาวงาม ย่อมเสี่ยงภยันตรายง่ายๆ อยู่แล้ว ทว่านี่...ยิ่งเป็นการหายตัวไปในแดนดุจถิ่นเถื่อน!

แดน...ที่ได้รับการแจ้งแต่ต้นว่า...ไม่น่าไว้ใจ!

และ...ต่อให้ยังไม่ทรงทราบเหตุแห่งความไม่ชวนวางพระทัย ทว่า แค่ปมการเมืองที่ยังพิพาท หากมีใครซักคน...เผอิญเท่าทันฐานะที่แท้...เจ้าหญิงยอดดวงหทัย ฤาจะไม่ตกที่นั่งลำบาก!

“หม่อมฉันผิดเอง ควรจะถวายการดูแลให้ดีกว่านี้ หม่อมฉันสมควรตาย! สมควรตายจริงๆ!”

เสียงคร่ำครวญ รังแต่จะทวีความหงุดหงิด ฉุนเฉียวลึกๆ ในพระทัยผู้สดับ หากอย่างไร พระสติและวุฒิภาวะ ยังทำให้ทรงสามารถธำรงเหตุและผล

ทรงพยายามสูดอัสสาสะเข้า ยาว ลึก..พร้อมเก็บกลืนอัสสุชล จึงมีความพร่าไหวในอุระอยู่บ้าง

“เอลินอร์...” สุรเสียงที่รับสั่งใหม่ ควบคุมให้มั่นคงจนได้

“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่...เราทั้งคู่...” อีกครั้งที่ต้องสูดลมหายพระทัย รำงับความรู้สึก

“...เรา...ไม่ควรมัวโศกเศร้า เราต้องตามหาเอลีโอน่ากลับคืนมาให้ได้!”

ผู้พยักรับคำมั่น เม้มริมฝีปาก ปาดน้ำมูกน้ำตา

“เราจะ...เริ่มกันยังไงเพคะ?”

นั่นสิ...ในสถานที่ไม่เคยคุ้น ไม่อาจวางใจใครได้ แล้วยังไม่มีมือไม้มากพอ...

มือไม้...

สายพระเนตรหยุดลงที่แพซุงริมน้ำ

ลางที...เริ่มจาก ‘มือ’ แล้วค่อยสาวเข้าไปถึงใจ!

. . . . . . . . . . . .



“สุริยะเทวะ!”

คำแรกหลังจากฟังเรื่องราว...อันถูก ‘ปรับ’ เล็กน้อย นายทหารเจ้าเล่ห์ กลับปรุงสีหน้าเสมือนตกใจจริงแท้

“เกล้ากระหม่อมถวายสัตย์สาบานได้ ตั้งแต่เสด็จจากไป ยังไม่มีแม้พระฉายาของเจ้าหญิงเอลีโอน่าเสด็จคืน พระองค์มิได้ทรงล่วงหน้ากลับมาที่แพนี่ก่อนแน่นอนพระเจ้าค่ะ!”

“ถ้างั้นคงยังประทับอยู่ในหมู่บ้าน”

เอลินอร์ตัดตอน...ถึงรับรู้แผนการครบถ้วน หากยังไม่วายขัดใจ ที่ไม่อาจรีบย้อนสู่จุด ซึ่งหายพระองค์ไปได้ในทันที

ใช่...ต้องคอยสั่งตนเอง...

ใจเย็น! มีสติเข้าไว้!

จะปล่อยให้ความหวังสุดท้าย มลายลงไปอีกมิได้!

แน่นอน...กว่าสามวันที่ติดตามเสด็จ เลือดเข้มแห่งอะแลมเบิร์ก ครั้นกอปรกับความเฉลียวฉลาด ละเอียดรอบคอบอันเป็นเจ้าเรือน คน...ผู้ไม่เคยวางใจใครจากเมืองอื่นทั้งสิ้น...มีหรือจะไม่จับตาองค์มกุฎราชกุมารอาคันตุกะ จนสะดุด แล้วพิเคราะห์ได้ถึงพระดำริ อันมีต่อเจ้าของนาม ‘เฟร็จ’

บางเหตุ...ทำให้ไม่อาจวางพระทัยมาตรในขณะจิต!

เอลินอร์รู้ แต่ไม่พูด...ความใจเย็นช่วยให้เก็บความรู้ ทั้งความสงสัยได้มิดเม้น

การมีชีวิตชิดใกล้ขั้วแห่งอำนาจเสมอมา สอนให้รู้ว่า...ลางครั้ง ‘ความเขลา’ อาจบรรเทาความยุ่งยาก

โดยเฉพาะครั้งนี้...ครั้งที่มีผู้อยู่ในความห่วงใยสุดซึ้ง ร่วมสถานการณ์...

เอลินอร์ไม่มีวัน...เพิ่มความหนักพระทัยในเจ้าหญิงเอลีโอน่า!

ไม่พูด เช่นเดียวกับบางเรื่อง...อีกบางเรื่องสำหรับตน...ที่ดูจะน่ากังวลเสียยิ่งกว่า...

ความอ่อนโยน อ่อนหวาน ในผู้เคยเพียรกดดัน กอบกำแพงป้องกันความอ่อนแอแห่งองค์เอง... เป็นสิ่งดีแน่...

หากเพียงมิใช่กำเนิดแต่เจ้าชายเมืองอริ!


กระทั่งการแสดงองค์ที่มีต่อตน...ความแค้นเคืองที่ค่อยมลายหาย มีหรือ...พระพี่เลี้ยงจะไม่รู้... ‘ใคร’ คือผู้ผลักดัน

เจ้าชายทีเบอร์เทียซ ทรงทวีอิทธิพลต่อ ‘พระทัย’ เจ้าหญิงเอลีโอน่าเป็นแม่นมั่น!

นี่แหละ...น่ากังวล!

น้ำเนื้อในพระทัยเป็นอย่างไร ผู้เคยถวายการอภิบาลย่อมจะแจ้ง...เจ้าหญิงเอลีโอน่าทรงโหยหาความรักความอบอุ่นอย่างลึกซึ้ง คนเป็นพระพี่เลี้ยงเคย ‘ต้อง’ เลือก และได้เลือกด้วยความปรารถนาดีอย่างที่สุดแล้ว...

ลูก...ถึงอย่างไรก็ต้องยึดอกแม่!

จึงคือเหตุที่แท้แห่งการยอมถูกชิงชัง และแม้ต่อมา...หลายครั้งเกิดคำถาม...ทำถูกแล้วหรือ? ปล่อยเจ้าหญิงพระองค์น้อยไว้ในอุระพระมารดา ให้ทรงถูกชักเชิดเพริศไปเช่นนั้น แต่ก็เป็นทุกครั้งที่ต้องปลดปลงเช่นกัน

ให้อย่างไร...หลาย ‘วิธี’ อาจไม่ถูกต้องนัก หากลึกสุดในพระทัย เจ้าหญิงวีเลมิน่าทรงรักพระธิดาเหลือล้น

ความรักจะทำให้ทุกอย่าง จบลงด้วยดี

ใช่...การสะกดให้ตนวางใจเช่นนั้น กลับไม่อาจทำได้ต่อไปในวันนี้!

เจ้าหญิงเอลีโอน่า ทรงถูกสอนสั่งให้เป็นตัวขององค์เองน้อยเกินไป ยิ่งโหยหา ไม่ช้าย่อมจะทรงผละหลักยึด แล้วทีนี้...จะทำอย่างไร?

ความรู้สึกในพระทัยเจ้าชายอาคันตุกะ...ไม่น่าต่างไปนั้นแน่ แต่...มากพอหรือ?

ในเมื่อ เบื้องเหนือสองอังสะ ยังเต็มไปด้วยราชภาระที่จะไม่อาจยอม ‘แลก’ ความสัมพันธ์เบื้องลึกหว่างบูเลทินและอะแลมเบิร์กเป็นเยี่ยงไร และอย่างน้อย...เหตุที่นำองค์มาสู่ ‘เมืองน้อง’ จะต้องถูกกระทบ

ความยุ่งยาก จะถูกลากมาบรรจบเจ้าหญิงเพอร์นีเลีย!

แล้วกับเจ้าหญิงพระองค์พี่...ด้วยฐานะ ‘พระคู่หมั้น’ แห่งองค์ภูบดีอีกเล่า?

ความรัก...ใช่แค่ไม่น่าจบได้ด้วยดี

‘ทาง’ ไปต่อยังแทบไม่มีให้เห็น!

ความกังวลใจอันกลัดลึกนานมา ต้องถูกสำแดง เพราะวันนี้ ถ้อยสนทนา...ประหนึ่งสัญญะร้ายอย่างยิ่ง

‘บรรพบุรุษอะแลมเบิร์ก คงพยายามตัดขาดจากรากเดิม...คือทุกๆ อย่างที่เป็นบูเลทิน เพราะความเกลียดแค้น ระคนหยิ่งผยอง’

‘นั่นสิ...ศิลปะแบบโค้งไหว จำลองแบบเสมือนจริงของบูเลทิน ดูจะถูกนำแนวคิดศิลปะของโมลาสโม่ ประยุกต์ร่วม รูปเลียนธรรมชาติจึงถูกตัดทอนลายละเอียดเดิม แล้วกอปรกันจากลายเส้นเรขาคณิตแทน’


ไม่รู้คิดมากไปเองอีกหรือไม่ ทว่าเอลินอร์ยอมไม่ได้...เจ้าชายต่างแคว้น คล้ายทรงกำลังเปลี่ยนปรับ ‘จุดยืน’ แห่งคู่สนทนา

เจ้าหญิงแห่งอะแลมเบิร์ก ไม่ควร ‘เข้าข้าง’ เมืองนอก!

และนี่ล่ะ...สาเหตุ...การ ‘แยก’ ทั้งสองพระองค์ คงต้องเริ่มต้นเสียที!

แต่...ก็เพราะความคิดนี้...

เจ้าหญิงเอลีโอน่าหายพระองค์!

โอ...สุริยะเทวะ หากถ้าทรงได้รับอันตรายแม้เพียงปลายเกศ เอลินอร์จะไม่มีวันยอมให้อภัยตนเองแม้แต่น้อย!

และ...ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า...ตลอดเพลาจากแพ ตรงสู่หมู่บ้านโมลาสโม่อีกครา...พร้อมเฟร็จ เจ้าชายทีเบอร์เทียซ กลับยังทรงเหลียวมาด้วยนัยนาเป็นห่วง สุดท้ายถึงกับวางพระหัตถ์ แตะบ่าหนาเบาๆ อย่างปลอบประโลมเนื่องความเข้าพระทัย

‘เจ้านายอะแลมเบิร์กควรภูมิพระทัย ในข้ารองบาทที่ทั้งฉลาดและรักแผ่นดินเช่นเจ้า เอลินอร์!’

คิดมาก! ภัยแห่งความคิดมาก และคิดในแง่ร้ายแท้ๆ!

“คุณพี่เลี้ยงอย่าร้องไห้ คนในหมู่บ้านจะผิดสังเกต”

เถอะ! เจ้าทหารเคราเรื้อ ยังมีหน้าเตือน

คนถูกเตือน ต้องพยายามระงับความเดือดดาลอย่างยิ่ง

จะทำให้มันเอะใจไม่ได้ ในเมื่อ...มันแหละ...ปลายป่านเดียว อันน่าจะเชื่อมสู่เจ้าหญิงผู้สูญหาย

รอ...ต้องใจเย็นรอ!

เอลินอร์ปาดน้ำตา อาการตาแดงจมูกแดง สงบลงสิ้นเมื่อทั้งคณะ...ที่เหลือ ลุสู่จุดมุ่งหมาย

ตะวันเพิ่งซบทิวไม้ แต่ตลาดอยู่ใต้หลังคากิ่งใบแน่นหนา ความมืดจึงเริ่มกรายแต้ม แตะบางตอนบ้างแล้ว

คนน้อยกว่าน้อย...ตลาดวาย

แต่...ไม่มีแม้ใคร ประพิมพ์ประพายเจ้าหญิงเอลีโอน่า!

“ข...ขอโทษนะ เห็นลูกสาวของฉันบ้างมั้ย? ลูกสาวของฉัน...ผมสีทอง ถักข้าง ใส่ชุดขาว ตัวผอม...สูงราวๆ นี้...?”

การถามหากระจายกันเพื่อรวดเร็วขึ้น แผนเดิมคือ... ‘ลูกชาย’ กับ ‘แม่’ ...ไม่คนใดก็คนหนึ่ง จะต้องอยู่ใกล้นายทหาร คอยจับความเคลื่อนไหว เพื่อเพียงแต่สายตาน่าฉุกใจน้อยหนึ่งปรากฏ...ที่คนไหน หรือจุดไหน นั่นคือที่หมายของการสาวความ

อย่างไรก็ตาม ความรักและห่วงใยในพระพี่เลี้ยง แสดงชัดถึงการ ‘กัดไม่ปล่อย’ เอลินอร์แทบยึดหน้าที่ไปลำพัง การแสดงแนบเนียน และด้วยตำแหน่งตน...คนถูกประกบน่าจะระวังตัวน้อยกว่า ฉะนั้น โดยน้ำเสียงและสายตาเศร้า เจ้าของร่างอวบดูไร้พิษสง สามารถเก็บรายละเอียดไม่ละลด

คำตอบที่ได้ เหมือนๆ กันคือ “ไม่!” ส่วนใหญ่นอกจากไม่คิดก่อนตอบ สายตายังต่างจับนิ่งที่นายหทารปานไม่วางใจ แต่ไม่มีหน้าไหนปริปาก... ‘ทำไมหญิงแก่ต่างชาติ ติดตามมากับทหารอะแลมเบิร์ก?’

เฟร็จไม่แสดงท่าทีชวนคิด ความกระวนกระวายฉายชัดถึงความจงรักภักดีในผู้สูญหายเช่นกัน...เสมือนจริง ราวมิได้เสแสร้ง

เวลาเดียวกันนั้น เค้ารางบางอย่าง...กลับตกลงหัตถ์เจ้าชายทีเบอร์เทียซ

“ม่...ไม่...ตั้งแต่ท่านจากไป แม่ของท่านก็มาถามหาน้องสาวของท่าน และเราได้บอกแล้ว...เราไม่พบ! ตอนนั้นคนเข้าร้านเต็ม ไม่มีเวลามองหรอกว่าใครเดินเข้า – ออกกันเมื่อไหร่ ยังไงบ้าง!”

สตรีของเจ้าของร้านขายผ้า เป็นหญิงวัยกลาง ระหว่างตอบ ดวงตาหลุกหลิกกังวลใจ เห็นได้ชัดว่าพยายามหลุบหลบ

“ไปหาที่อื่นเถิด ที่นี่ไม่มี เรากำลังจะปิดร้านแล้ว”

ตัวร้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ภายในมิได้กั้นห้อง เพราะยามเปิดขายจะใช้ผ้าขึงราวต่างม่านกั้นอยู่แล้ว บัดนี้แต่ละผืนถูกพับเก็บเรี่ยม ทำให้เห็นทั้งตัวบ้าน...ไม่มีแง่มุมไหนมิดชิด พอจะซุ่มซ่อนคนทั้งคนไว้ได้

“เคยมีคนต่างชาติหายตัวไปจากที่นี่บ้างมั้ย?”

“ไม่! ปกติแทบไม่มีคนต่างชาติเข้ามาด้วยซ้ำ...โมลาสโม่ไม่ใคร่ติดต่อกับใครอื่น รวมถึงคนอะแลมเบิร์กด้วย”

ถึงตอบ แต่พยายามหันก้มหยิบข้าวของ ส่งให้ผู้ช่วยชายวัยอ่อนกว่ากัน เก็บลงหีบสาน

“งั้นขอรบกวนถามอีกนิด ลึกเข้าไปจากตลาดมีแต่บ้านคนล่ะหรือ?”

“ฮื่อ!” พยักอย่างไม่ใส่ใจ

“ที่มีกังหันน้ำนั่นก็ด้วย?”

มือที่หยิบฉวยผ้า ชะงักไปนิด พร้อมกับดวงตาหลุกหลิก ชำเลืองสบเข้ากับคนเป็นผู้ช่วย

“ก็มีบางบ้าน...ทำเป็นโรงงาน...ใช้กังหันน้ำช่วยทำงานพวกบดโม่”

“แปลก...” คำรำพึงแสดง ‘ความนัย’ เกินกว่าคำที่ใช้

“...โมลาสโม่เหมือนจะมีคนไม่มาก หากไม่ติดต่อ ไม่ค้าขายกับใคร ก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องใช้แรงงานผลิตแทนคนขนาดนั้น กังหันน่ะ...ใหญ่กว่าบ้านทีเดียวหรือมิใช่?”

ถ้อยหยั่ง กระตุ้นให้สายตาของ ‘ผู้ช่วย’ กลับแข็งขึ้น...แข็งอย่างผู้ออกบัญชามากกว่าจะเป็นแค่ผู้ช่วย

“เรา...ไม่รู้!” เจ้าของร้านเพิ่มอาการหวั่นหวาด

“ท่าน...ไปซะเถอะ อย่ากวนเราอีกเลย งานเราจะเสร็จช้า!”

“ขออภัย และขอบใจท่านเจ้าของร้าน...” ผู้สอบถาม แสร้งทำนอบน้อม

“...ไม่ทราบมาก่อนว่า เมืองเล็ก สุขสงบ จะมีเหตุให้ต้องรีบร้อนกันถึงขนาดนี้!”

. . . . . . . . . . . .


ด้วยคำยืนยันถึงการ ‘ไม่ต้อนรับ’ คนแปลกหน้า คณะเดินทางทั้งสาม ต้องเดินเท้ากลับที่พักเก่า ในมือของนายทหารมีคบไฟจุดสำหรับให้ความสว่างเป็นสำคัญ ทั้งนี้ เพลาจวนพลบ ผิว่านภายังแดงเรื่อ ทว่าเงื้อมเงาแห่งรัตติกาล เริ่มซึมเป็นวงสลัวอยู่ทั่วทุกแห่งหน

เงาไม้ข้างทางเริ่มมองคล้ายเงาสัตว์ประหลาด ครั้นลมค่ำโชยชาย ยิ่งละม้ายมันกวักไกว ตะกายใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้าของมันดังซู่ซ่า มีเสียงประสานของสัตว์กลางคืนเป็นเสียงเพรียกร้อง

เมื่อห่างจากเขตหมู่บ้านมาได้พอควร คนเป็นพระพี่เลี้ยงดูจะเก็บอาการพะวักพะวนมิได้อีกสืบไป เสียงบ่นพร่ำถึงการคว้าน้ำเหลว ดังระคนเสียงคร่ำครวญ ครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ในเมื่อ...ราตรีโรยตัว และจะย่างมาถึงโดยสมบูรณ์ในไม่ช้า...เจ้าหญิงเอลีโอน่าจะประทับอย่างไร กับใคร และที่ไหน?

“ฝ่าบาท...โธ่...ป่านนี้จะทรงเป็นยังไงบ้างหนอเพคะ?”

“จุ๊ๆ...อย่าลืมตัวสิท่าน เดี๋ยวมีใครได้ยินเข้า”

คนถือคบนำทางหันมากำชับ

ตลอดเวลาดังกล่าว เจ้าชายทีเบอร์เทียซทรงมิได้ปริโอษฐ์ คนร่วมทางต่างเข้าใจว่า...น่าจะทรงกำลังกังวลจนไม่อยากรับสั่ง

หาก...นั่นคือความจริงแค่ส่วนเดียว...

...หลังจากเสด็จจากร้านขายผ้า ความ ‘แปลก’ ที่ถูกจุดไว้ กระตุ้นให้ทรงออกเที่ยวถามต่ออีก 3 – 4 ร้าน เพื่อประจักษ์กับสิ่ง ‘ผิดปกติ’ เหมือนๆ กัน...

นอกจากการปฏิเสธไม่รับรู้สิ้นเชิง สิ่งอันเป็นพิมพ์เดียว คือแต่ละร้านจะมี ‘ผู้ช่วย’ ที่ครั้นคำถามงวดเข้าถึงจุดหนึ่ง แต่ละรายจะสำแดง ‘หน้าที่’ ที่แท้...

หน้าที่แห่งการ ‘กำกับ’!

นั่นแหละ! ที่ทรงพลาดไปจากการสำรวจคราแรก

‘ผู้ช่วย’ ที่มีอยู่แทบทุกร้านใหญ่ แล้วยังผู้ชายที่ยืนนัตถุ์ยา ทอดอารมณ์อยู่ตามมุมถนน...ไม่กี่คนหรอก แต่ทรงบอกองค์เองได้...

ใช่!

ครั้นรวมเข้าด้วยกัน มันคือเครือข่าย ที่ควบคุมคนทั้งตลาดได้ครบ!

เกิดอะไรขึ้นในโมลาสโม่กันแน่?!

หนึ่ง เด็กและสตรี มีน้อยจนแทบไม่เห็นเงา...ที่แต่ต้นคิดว่าอาจรวมกันอยู่ในตลาด ในตลาดกลับมีแต่คนสูงวัย กับ...อย่างที่บอก...ชายหนุ่ม

กลุ่มแรก...ถูกกลุ่มหลังบังคับให้ ‘แสดง’ ความเป็น ‘ปกติ’

สุข สงบ ตามประสาชาวบ้าน!

แต่...แสดงกันทั้งหมู่บ้าน?!

ผ่านข้อหนึ่งไปที่ข้อสอง...ความรู้เรื่องการตัดขาดจากโลกภายนอก เห็นได้ชัด...มิใช่!

ไม่ว่าในแง่การผลิต การค้า กระทั่งการแสดง...คนกลุ่มหนึ่งในโมลาสโม่ กำลังก่อการใหญ่เกินใครคาดคิด!

การใหญ่...?

ฤานี่เล่า... ‘สิ่งแปลกปลอม’ ที่กษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงหมายถึง?!

แน่แล้ว...ต้องทรงรู้!

และ...หรือเอลีโอน่าจะลอบไป ‘รู้เห็น’ สิ่งใดเข้า?

คนส่วนใหญ่ แสดงท่าหวาดกลัว ‘ไม่รู้เห็น’ ทันที ที่ ‘ผู้คุม’ ปรายสายตา...

อาจจะ...เป็นไปได้...

เฉกนี้ เจ้าชายทีเบอร์เทียซมั่นพระทัย...

หากเพียงแต่เอื้อมคว้า ‘เธอ’ คืนมาได้ ทุกปริศนาจะมีคำตอบ!

น้ำหนักแห่งห้วงหฤทัย ไหวแคลนครั้นเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น

“เฮ้ย! นั่น!”

ไม่ทันสิ้นเสียง คนถือคบผู้ดูจะพบความ ‘ผิดปกติ’ เป็นรายแรก รีบถลาเข้าสู่แพซุง ซึ่งถูกผูกห่างไปอีกไม่ไกล

“ก...เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”

คนเป็นพระพี่เลี้ยง หยุดยืนตัวสั่นเสียเฉยๆ...เรื่องตกใจมีมากเกินกว่าจะตั้งรับได้แล้ว

ผู้เพิ่งผละจากห้วงภวังค์ ย่อมไม่มีทางพระราชทานคำตอบได้ หาก...ก็เพียงไม่ช้า...ยังไม่ทันทอดพระเนตรสิ่งใด ในความวูบไหวของแสงไต้ที่เพิ่งตามไปถึง เสียง ‘ตูม!’ อย่างของแข็ง ใหญ่ ตกกระทบน้ำ กลับดังขึ้นจากจุดนั้น

“เฮ่ย! อย่าหนีนะโว้ย!”

เสียงเฟร็จตะโกนตามมา ขณะเดียวกัน เงากระโจมท้ายแพใหญ่เอียงไหว แสดงว่าแพคงโคลงไปตามแรงคลื่น

มีเสียงวักกระพุ้งน้ำดังต่อ เจ้าของเสียงโหวกเหวก ก้มตัว มือข้างหนึ่งยังถือไฟส่อง อีกข้างเอื้อมควานลงในน้ำ

ต่อเมื่อองค์ผู้นำคณะ ทรงวิ่งตามมาถึง จึงทรงพบ...ที่เจ้าของมือใหญ่กดอยู่...

หัวคน!

“เฟร็จ! พอ!”

“คิดจะขโมยแพเราะ?!” คนถูกสั่ง ยังไม่ฟังเสียง

“เฟร็จ!!!”

คราวนี้ ใช่แค่สุรเสียงโกญจนาท พระหัตถ์แกร่งแย่งคบมา พร้อมคว้าไหล่เจ้าของเก่า สะบัดสู่เบื้องพระขนอง

ร่างใหญ่โคร่งไม่ถึงกับกลิ้งหลุน ทว่าหงายหลังลงไปแทบเท้าพระพี่เลี้ยง ที่เพิ่งตุ้บตั้บมาถึง

“เกิดอะไรขึ้นเพคะ?”

คำถามเดิมยังไม่ได้คำตอบ เพราะผู้ถูกถามทรงพยายามฉุดฉวยร่าง ที่จมนิ่งอยู่ในน้ำขึ้นมา

ทุลักทุเลอีกครู่ เจ้าของผมเปียกสยายคลับคล้ายสาหร่าย จึงถูกลากขึ้นนอนแผ่กลางแพ

“หนู! เจ้าหนู!”

พระหัตถ์ผู้ช่วยชีวิต จับเขย่า ทว่า ‘เจ้าหนู’ ไม่ได้สติ

“โธ่! เพิ่งจะเด็กขนาดนี้...”

เอลินอร์เริ่มบ่อน้ำตาตื้นอีกครั้ง ลดร่างลงพยายามช่วยเหลือเด็กน้อย...ผมยาวแค่ปรกหน้า เนื้อตัวมอมในเสื้อผ้าสกปรก ทำให้ดูเหมือนเด็กชาย ทว่าเสื้อผ้าเปียกน้ำ แนบเนื้อเข้า พาให้เห็นรูปร่างของเด็กหญิง เพิ่งเริ่มสู่วัยสาว

“แต่...มันพยายามขโมยแพของเรานะคุณพี่เลี้ยง ถ้ามาถึงช้าอีกนิด มันคงปลดแพล่องออกไปแล้ว!”

“พอเฟร็จ!” ผู้ดุดัง คือองค์ยุพราชบูเลทิน

“ความผิดฐานขโมยต้องได้รับโทษ แต่ไม่ใช่ถึงชีวิต!”

บางอย่างในกระแสสุรเสียง สะกิดให้ผู้ทันกัน พอสำเหนียก

เด็ก...คนแรกของโมลาสโม่เสียด้วย น่าจะ ‘สำคัญ’ พอ จน ‘คนไม่น่าไว้ใจ’ ต้องหมายถึงชีวิต!

“เกล้ากระหม่อม...ขอพระราชทานอภัย...” เสียงอ่อย แต่สายตายังจับร่างน้อยที่แน่นิ่ง

จุดวาวปรากฏลึกกึ่งกลางดวงตานายทหาร

มันมลายไปทันทีที่ ‘เด็ก’ สะท้านขึ้นทั้งตัว

. . . . . . . . . . . .
ปราปต์
16/11/12
.

 
 

จากคุณ : งี่เง่าบอย
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 20:20:52




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com