Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ข้าแผ่นดิน : บทที่ ๔-๕ vote ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๔ :



วรกายบางยังประทับทรงพระอักษรในห้องทรงงานส่วนพระองค์ บนโต๊ะมีหนังสือและเอกสารกองอยู่มากมาย คนที่เพิ่งเข้ามายิ้มอย่างขบขันที่เห็นเจ้าของห้องทรง 'คุ้ย' หาเอกสารอยู่วุ่นวาย จากที่ตั้งใจว่าจะยืนดูอยู่เงียบๆ จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เสียงนั้นทำให้เจ้าหญิงอินทุมณฑลเงยพระพักตร์ขึ้นทันที พอทอดพระเนตรว่าเป็นใคร ก็ทรงทำพักตร์มุ่ย

“สรวลอะไรคะ เจ้าพี่”

“เหมือนเห็นลูกสุนัขกำลังตะกุยกองผ้าหาลูกบอล”

เจ้าชายกฤตตินตรัสกลั้วสรวล เล่นเอาคนถูกเปรียบเทียบทำพักตร์เง้าหนักขึ้น เจ้าตัวที่พระคู่หมั้นทรงเปรียบเทียบมันก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่เจ้าหญิงอินทุมณฑลก็ทรงอดค่อนในพระทัยไม่ได้ว่า จะเปรียบให้ดีกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรือ เจ้าชายกฤตตินทอดพระเนตรสีพระพักตร์นั้นก็พยายามกลั้นสรวล แล้วตรัสชวน  

“วางมือแล้วไปกินข้าวกัน พี่หิวจะแย่อยู่แล้ว”

“อ้าว! เที่ยงแล้วหรือคะ ทำไมคุณหญิงรัญชิกาไม่มาตาม”

เจ้าหญิงอินทุมณฑลแปลกพระทัยไม่น้อย เพราะทุกทีแค่เกินเวลาไปนาทีเดียว คุณหญิงพระอภิบาลก็มาตามแล้ว แต่แล้วก็แย้มพระโอษฐ์เจื่อนๆ กับสิ่งที่พระคู่หมั้นตรัสต่อ ด้วยมันเป็นความจริงทุกประการ

“มาจนไม่อยากมาแล้ว คุณหญิงแกว่า ทูลกระหม่อมแก้วตรัสแต่ว่าเดี๋ยวจะไป นี่ก็หลายเดี๋ยวแล้ว พี่เลยอาสามาตามเอง”

“หญิงนี่แย่จัง ขอโทษเจ้าพี่ด้วยค่ะ เป็นคนนัดแท้ๆ แต่เป็นฝ่ายสายเสียเอง”

ตรัสพลางรีบปิดหนังสือ แล้วสืบบาทยาวๆ เสด็จมาหา เจ้าชายกฤตตินทอดพระหัตถ์ออกไปรับ รอจนเจ้าหญิงพระองค์น้อยทรงวางพระหัตถ์ลงแล้วจึงตรัสว่า

“ไม่เป็นไร ทีแรกพี่ว่าจะให้เขาเข้ามาตั้งเครื่องในห้องนี้เลย แต่..”

“แต่อะไรคะ”

“เจ้าพี่กับเจ้าอาเสด็จมาด้วยน่ะสิ”

“นั่นยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย ให้ผู้ใหญ่รออย่างนี้”



พอสองพระองค์เสด็จเข้าไปในห้องเสวย ผู้ใหญ่สองพระองค์กลับแย้มพระโอษฐ์รับ ดูเหมือนว่าจะทรงสนทนากันอย่างออกรสเสียด้วย เมื่อประทับเรียบร้อย องค์เวธัสบดีเป็นผู้เปิดการสนทนาขึ้นก่อน

“นึกว่าจะไม่กินข้าวกันเสียแล้ว หายไปทั้งคนตามคนถูกตาม พี่คิดว่าเธอไปช่วยหญิงอินทำงานเสียอีก”

“ขอประทานอภัยกระหม่อม ช่วยงานคงเป็นช่วงบ่าย ถ้าหาก เอ้อ...เจ้าอาไม่ทรงว่าอะไร”

ตอนท้ายตรัสเป็นเชิงขอประทานอนุญาตจากผู้อาวุโสที่สุด ที่ส่งสายพระเนตรอ่อนโยนมาให้      

“อาอนุญาต ดีเหมือนกัน ห้องทำงานของหญิงอินจะได้ 'ดูดี' ขึ้นมาบ้าง”

กระแสรับสั่งอย่างนี้บอกชัดเจน พระราชาธิบดีทรงเคยทอดพระเนตรอย่างที่ทรงเห็นมาเมื่อครู่นี้แน่ๆ



การเสวยพระกระยาหารดำเนินไปได้สักครู่ พระราชาธิบดีก็มีรับสั่งขึ้น พระวาจานั้นทำให้ผู้ถูกพาดพิงที่กำลังเสวยอยู่นั้น แทบจะเสียกิริยาด้วยการสำลักอาหาร ส่วนอีกพระองค์หนึ่งก็วางฉลองพระหัตถ์ลงแทบไม่ทัน ขณะที่ฝ่ายสูงสุดแห่งสองรัฐกลับมีท่าทีปกติ ดูจะเป็นการพูดคุยตกลงกันมาก่อนหน้านี้เสียแล้วด้วยซ้ำ

“เวธัสบดี ตกลงว่าอาจะพูดเรื่องงานอภิเษกของกฤตตินกับหญิงอินในวาระการประชุมถัดไปนะ หลานเห็นว่าอย่างไร”

“จะเร็วไปหรือเปล่ากระหม่อม”

“ไม่ ถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้”

องค์เวธัสบดีปรายเนตรไปทางว่าที่คู่อภิเษกอย่างขันๆ

“สถานการณ์บนโต๊ะอาหารตอนนี้ ดูเหมือนว่าคู่อภิเษกจะยังตั้งตัวไม่ทัน กระหม่อม”

แน่ล่ะ ใครจะไปตั้งตัวทัน อยู่ดีๆ ก็รับสั่งเรื่องอภิเษกขึ้นมาอย่างนี้ เจ้าชายกฤตตินทรงค่อนพระเชษฐาในพระทัย ถึงลึกๆ แล้วจะดีพระทัยก็เถอะ หมั้นกันมาก็นานแล้วเษกเสียทีก็ดีเหมือนกัน แต่...มันพิลึกน้อยอยู่หรือนั่น ที่จู่ๆ ผู้ใหญ่สองฝ่ายหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือกันบนโต๊ะอาหาร ราวกับว่าเป็นเรื่องปกติสามัญ เมื่อทอดพระเนตรไปทางคู่หมายที่ประทับอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ทรงเห็นเจ้าตัววางฉลองพระหัตถ์ พักตร์นวลแดงก่ำก้มนิ่งอยู่ กรรมเวรแท้ หญิงอิน เพิ่งเหวยไปได้ไม่ถึงครึ่งจานเลยมั้งนั่น

“เอ้า งั้นกินก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน”

พระราชาธิบภูบดีทอดพระเนตรท่าทางของหนุ่มสาวก็สรวล นานครั้งหรอกที่เจ้าชายกฤตตินผู้ทรงสุขุมจะพักตร์แดง และมีท่าทีเก้งก้างวางองค์ไม่ถูกอย่างนี้ ส่วนอีกพระองค์ ก็น้อยครั้งเหมือนกันที่จะทรงสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเช่นที่ทรงเป็นอยู่ตอนนี้ ถ้าคุณหญิงรัญชิกามาเห็นเข้า คงชอบใจไม่น้อยทีเดียว



เจ้าของห้องทำพักตร์ปุเลี่ยนๆ เมื่อพระบิดาทรงผลักบานพระทวารห้องทรงงานส่วนพระองค์ออก ภาพกองเอกสารและหนังสือที่วางสุมๆ อยู่บนโต๊ะทำงานนั้นไม่น่าดูเอาเสียเลย จะว่าอุธัจพระบิดาเห็นจะไม่ใช่ น่าจะเป็นเพราะพระราชอาคันตุกะที่ตามเสด็จมามากกว่า  

“ง่า...รกไปนิดหน่อยเพคะ”

“จริง แค่ทำให้หนูที่หลงเข้ามางงหาทางออกไม่ได้เท่านั้นเอง”

พระราชาธิบดีภูบดีรับสั่งพักตร์เฉย แต่อีกสองพระองค์ที่เสด็จตามมากลั้นสรวลจนปรางตุ่ย เจ้าหญิงอินทุมณฑลอุธัจจัด เมื่อทรงหาที่ลงที่ไหนไม่ได้ คนที่ยืนใกล้ที่สุดจึงต้องรับเคราะห์ไปเต็มที่ ปลายนขาคมหยิกลงบนท่อนพระกรเต็มพระกำลัง อันที่จริงก็ไม่ทรงเจ็บเท่าไหร่หรอกเพราะมีฉลองพระองค์หนากั้นอีกชั้นหนึ่ง แต่เจ้าชายกฤตตินก็ทรงแกล้งร้องสุรเสียงลั่น เรียกให้ผู้ที่ดำเนินอยู่ข้างหน้าให้ทรงหันมาทอดพระเนตรพร้อมกัน

“โอ๊ย!”

“อะไรกันอีกน่ะคู่นี้ หญิงทำอะไรพี่เขาอีก”

เจ้าหญิงอินทุมณฑลทำพักตร์ม่อยที่ถูกพระบิดาทรงดุเอา แต่ไม่วายแอบส่งสายพระเนตรเขียวปั้ดไปทาคนยืนข้างๆ ที่ตอนนี้แย้มพระโอษฐ์กว้าง

“เปล่า กระหม่อม เหมือนจะมีผึ้งบินมาต่อย ตอนนี้หายไปแล้ว”

ฟัง ฝีปากอย่างนี้น่าถวายแหนบอีกสักทีจริงๆ แต่ตอนนี้ทรงทำไม่ได้ ก็ถวายค้อนวงใหญ่งามๆ ถวายก่อนก็แล้วกัน ให้พระบิดาเสด็จกลับก่อนเถอะน่า

องค์เวธัสบดีทรงส่ายพระพักตร์อย่างขำๆ แกมระอา เพราะตั้งแต่เล็กจนโต สองพระองค์ทรงเป็นอย่างนี้เสมอ จนเป็นภาพที่คุ้นชินของข้าราชบริพารทั้งสองรัฐ

“คู่นี้ไม่ทะเลาะกันก็ตีกัน ดูเอาเถิดเจ้าอา จวนจะเษกกันอยู่รอมร่อยังทำตัวเป็นเด็กไม่รู้สร่าง”

“ไม่เป็นไรเวธัสบดี ให้คู่นี้เขาตีกันให้หนำใจ เพราะต่อจากนี้ไป ไม่แน่ว่าจะมีเวลาเหลือพอให้พวกเขาตีกันอีกหรือเปล่า เหมือนอย่างห้องนี้ ต่อให้ของรกเท่าไหร่พอเก็บเสียก็เรียบร้อย แต่ปัญหารกสางยากยังไม่พอ ยิ่งเก็บก็ดูจะยิ่งหนักกว่าเดิม ถ้ายังจัดการต้นเหตุไม่ได้”

หนุ่มสาวทั้งสามทรงนิ่ง ต้นเหตุคือใครพอรู้อยู่ แต่ปัญหาคือจะจัดการอย่างไรให้มีผลกระทบน้อยที่สุด เพราะคนต้นเรื่องคงไม่ยอมง่ายๆ และที่หนักไปกว่านั้น ถ้าถูกต้อนให้จนตรอกจริงๆ ไพ่ตายที่อีกฝ่ายมีอยู่ในมือก็น่ากลัวไม่น้อย    

เจ้าชายกฤตตินทรงหับบานพระทวารแน่นหนา การสนทนาเป็นการส่วนพระองค์คราวนี้ อย่าว่าแต่ราชองครักษ์หรือคุณหญิงพระอภิบาลจะตามเสด็จเข้ามาไม่ได้เลย กระทั่งแมลงสักตัวหนึ่งก็ยอมให้เข้ามาในห้องทรงงานส่วนพระองค์ของเจ้าหญิงอินทุมณฑลไม่ได้ แต่เอ ถ้ามีหนูเข้ามาในห้องแล้วหลงหาทางออกไม่เจออย่างที่ว่าที่พระสัสสุระรับสั่งล่ะ เจ้าชายกฤตตินทรงนึกขันๆ เอาน่า ถ้าเป็นหนูจี๊ดจริงๆ ก็แค่ไล่ออกไปเท่านั้น ไม่ยากเลย แต่ถ้าเป็นหนูอีกประเภทสิน่าคิด จะจัดการอย่างไรดี  



“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะเจ้าพ่อ ทางธยามันจะไม่คิดว่าเราเร่งรัดหรือคะ”

เจ้าหญิงอินทุมณฑลตรัสถามพลางทรุดองค์ลงประทับบนพระเก้าอี้เบื้องพระพักตร์พระบิดา พระราชาธิบดีภูบดีทอดถอนพระทัยยาว

“ไม่มีคำว่าเร็วเกินไปสำหรับสถานการณ์ตอนนี้หรอกลูก ฝ่ายตรงข้ามเดินหมากล่วงหน้าไปแล้ว เราต้องตามให้ทัน”

“หญิงเกรงว่าจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟมากขึ้น” พระธิดาตรัสอย่างทรงกังวล

“เร่งให้ติด ให้ปะทุออกมาก่อน จะดีกว่าไฟสุมขอน อย่างน้อยเราก็รู้ว่าควรดับที่จุดไหน”

นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกเรื่องที่ทรงกังวลมิใช่แค่นี้ ทว่าพระบิดาไม่รับสั่งเสียแล้วก็ได้แต่จนพระทัย ถึงจะค่อยเป็นค่อยไปก็เถิด หากข้าราชบริพารและประชาชนจันทรมัสจะยอมรับในความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เท่าใด นี่ต่างหากที่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ พระราชาธิบดีทอดพระเนตรสีพระพักตร์กังวลของอีกฝ่ายก็สรวล รับสั่งด้วยสุรเสียงที่ผ่อนคลายลง

“พ่อรู้ว่าหญิงคิดอะไร แต่อย่ากังวลเลยหญิง ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ สามปีต่อไปจากนี้พ่อจะทำให้พวกเขายอมรับให้ได้ การยอมให้หญิงเษกกับกฤตติน ก็เท่ากับเป็นการประกาศให้รับรู้กลายๆ แล้ว”

“แต่หญิงห่วงเจ้าพ่อนี่คะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร”

พระราชาธิบดีภูบดีแย้มพระโอษฐ์นิดๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ามีอะไร 'เขา' จะช่วยได้มากทีเดียว”

แววพระเนตรเป็นประกายวาวจ้าอย่างเชื่อมั่น เช่นเดียวกับรอยแย้มพระโอษฐ์ เจ้าหญิงอินทุมณฑลทรงมุ่นพระขนง นี่พระบิดาดำริจะทำการใดแน่ แล้ว 'เขา' ที่ทรงเอ่ยถึงนั้นคือใคร เจ้าหญิงพระองค์น้อยได้แต่ทรงเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ เพราะรู้ว่าถึงจะทรงถามอย่างไรไป พระราชาธิบดีก็ไม่ทรงยอมตอบคำแน่นอน



วรกายสูงไล่เลี่ยดำเนินเคียงกันมาตามทางเดินหินอ่อนที่ทอดสู่พระตำหนักมณีราตรี ท่ามกลางแสงจันทร์ฤดูหนาวที่ส่องสว่างไปทั่งทั้งบริเวณ องค์เวธัสบดีทอดพระเนตรอนุชาแล้วก็แย้มพระโอษฐ์ขันๆ

“เป็นอะไรกฤตติน ดูทำหน้าเข้า หญิงอินเห็นหน้าเธอตอนนี้คงใจแป้ว คิดว่าเธอไม่อยากเษกด้วย”

“อยากเษกน่ะอยากอยู่หรอกกระหม่อม หม่อมฉันก็เบื่อที่จะต้องเทียวขึ้นเทียวล่องจันทรมัสแบบนี้เต็มทน”

“แล้วทำไมทำหน้ายังกับกินยาขมเข้าไปชามใหญ่ๆ อย่างนั้น”

“เจ้าพี่ นี่ไม่ทรงทราบจริงๆ หรือแกล้งไม่ทรงทราบกันแน่”

เจ้าชายกฤตตินทรงบ่น เพราะจนถึงตอนนี้พระเชษฐาก็ยังทรงตั้งกระทู้ต่อราวจะทรงเล่นยี่สิบคำถาม องค์เวธัสบดีสรวลเบาๆ

“รู้ แต่ไม่ใช่เวลาที่พี่จะพูดนี่นา ลมแถวนี้แรงเอาการ”

“ก็ทรงทราบว่าลมแรง ยังจะทรงถามอีก”

“เอ้า ความผิดพี่หรือนั่น” องค์พระประมุขแห่งธยามันรับสั่งกลั้วสรวล “เรารึก็ห่วง เห็นน้องทำหน้าเป็นแป๊ะเมื่อย ก็นึกว่าไม่อยากเษก จะได้กลับไปบอกหญิงอินให้หาคู่หมายใหม่”

“ขืนทรงทำ หม่อมฉันโกรธจริงๆ”

“อ้าว! เจ้าชายเสนาบดีกลายเป็นเจ้าชายแสนงอนไปเสียแล้ว ถึงพอดี เธอไปอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยมาหาพี่ที่ห้องนะ มีเรื่องต้องปรึกษากับเธอมากมายเชียว”

“กระหม่อม”

“แปลว่าอะไร ตอบรับหรือปฏิเสธ”

“สุดแท้จะทรงมีพระประสงค์ให้เป็น กระหม่อม”

เจ้าชายกฤตตินตรัสตอบพร้อมกับยักพระขนงทีหนึ่งอย่างทรงล้อเลียน ก่อนที่จะค้อมพระวรกายถวายความเคารพ แล้วเสด็จเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง ผู้เป็นเชษฐาโคลงพระเศียรอย่างอ่อนพระทัย หากยังทรงเป็นเจ้าชายตัวน้อยเหมือนสมัยก่อน คงจะประทานผางพระอนุชาไปแล้ว



วรกายสูงเอนพิงปฤษฎางค์กับพระเก้าอี้ เบื้องพระพักตร์มีแผนที่ขนาดย่อมของจันทรมัสที่เสนาบดีกลาโหมเพิ่งถวายมา วางอยู่คู่กันกับแผนที่ของแคว้นธยามัน เจ้าชายกฤตตินทอดพระเนตรแล้วก็ทรงสะดุดพระทัย องค์เวธัสบดีอยู่ดีๆ คงไม่ทรงนึกสนุกเอาแผนที่ออกมาทอดพระเนตรเล่นๆ ก่อนบรรทมกระมัง เจ้าชายเสนาบดีทรุดองค์ลงประทับบนพระเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เนตรคมแลปราดแวบเดียวเท่านั้น หรือการปักปันเขตแดนจะมีปัญหา

“จำได้ไหม กฤตติน คราวที่เราต้องเสียเมืองธุมิกาให้ไศเลนทร์ไป เพราะอะไร”

“ทูลหม่อมพ่อทรงต้องการยุติปัญหาแย่งชิงธุมิกาที่มีมานานระหว่างรัฐวาตายุกับแคว้นนัทธี เพราะต่างก็อ้างสิทธิของตนที่มีเหนือบ่อเกลือ และที่ยิ่งไปกว่านั้น...”

เจ้าชายกฤตตินทรงเงียบไป ทำไมจะทรงจำไม่ได้ว่าครั้งนั้นไศเลนทร์สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวอย่างไรบ้าง วาตายุกับนัทธีมีเหตุโต้แย้งกันมานาน เพราะธุมิกาตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของแม่น้ำตุณ และอยู่ประชิดชายแดนแคว้นนัทธี แต่ลักษณะของความเป็นเมืองชายขอบที่มีความคลุมเครือในเรื่องเขตแดน ทำให้บริเวณนี้ถูกแคว้นใกล้เคียงอ้างสิทธิที่จะเข้าครอบครองมาตลอด แต่กรณีนี้ทางวาตายุมีหลักฐานชัดเจนว่า แม้ธุมิกาจะตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำตุณก็จริง แต่ก็อยู่ในความปกครองของวาตายุมาโดยตลอด ซ้ำคราวที่เกิดคดีความที่คนต่างถิ่นเข้าไปทำการค้าขายในธุมิกาแล้วถูกคนร้ายฆ่า ผู้ที่เข้ามาชดใช้เยียวยาครอบครัวของพ่อค้าคนนั้นก็คือพระราชาธิบดีของวาตายุเพียงผู้เดียว ขณะที่ทางแคว้นนัทธีเพิกเฉยกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนไศเลนทร์จะไม่ได้ใส่ใจความจริงข้อนี้เลยสักนิด

รัฐวาตายุไม่ได้นิ่งนอนใจในข้อนี้ จึงส่งคนมาแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและขอความช่วยเหลือจากธยามัน ครั้งนั้นพระราชาธิบดีวิษุวัตมีพระบัญชาให้เสนาบดีกลาโหมจัดทหารเข้าไปเสริมกำลัง และห้ามถอนกำลังออกไม่ว่าทางไศเลนทร์หรือนัทธีจะทำการข่มขู่อย่างใดๆ ก็ตาม ขณะเดียวกันไศเลนทร์กับนัทธีก็ส่งคนเข้ามาขอเจรจาปักปันเขตแดนให้แน่นอนลงไป

ในชั้นแรก ไศเลนทร์มิได้คัดค้านถึงสิทธิที่รัฐวาตายุมีเหนือเมืองธุมิกา กลับไพล่ไปทำข้อตกลงที่ระบุชัดว่า ไม่ให้วาตายุหรือธยามันตั้งค่ายพักทหาร หรือแม้แต่ให้มีกองกำลังทหารประจำการอยู่ในธุมิกาอีก แต่ในเวลาต่อมาไศเลนทร์กลับตีความให้รวมไปถึงคณะข้าราชการจากสองรัฐด้วย ทำให้ปัญหายุ่งยากมากขึ้น ที่ร้ายกว่านั้นคือ ไศเลนทร์สนับสนุนแคว้นนัทธีให้เข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในด้วยวิธีการต่างๆ นานา นัทธีเห็นว่าไศเลนทร์เข้ามาเป็นมิตรร่วมในการแย่งชิงดินแดนชายขอบ จึงยิ่งได้ใจรุกหนักขึ้นทุกที ถึงขั้นส่งคนขอตนเข้ามาในธุมิกา รวมทั้งให้จัดการการปกครอง ตลอดจนถือวิสาสะจัดเก็บภาษี ทั้งที่พระราชาธิบดีของวาตายุทรงดูแลในส่วนนี้อยู่แล้ว

“ไศเลนทร์รุกหนักในทุกทาง ทั้งการขู่บังคับให้ชาวธุมิกาข้ามฝั่งเข้าไปอยู่ในนัทธี หรือแม้แต่นำกำลังเข้ายึดบ่อเกลือ ทั้งที่เราก็พยายามรักษาดินแดนส่วนนี้กันจนสุดความสามารถ แต่กำลังของคนที่รักบ้านรักเมือง ไหนเลยจะสู้แรงละโมบของคนอีกกลุ่มหนึ่งได้ ในที่สุดทูลหม่อมพ่อกับพระราชาธิบดีของวาตายุก็ลงความเห็นว่าจำเป็นต้องวางมือ วางมือทั้งที่เจ็บปวดหนักหนา แล้วปล่อยให้ไศเลนทร์ดึงไปผนวกรวมกับนัทธี แต่สุดท้ายนัทธีทั้งแคว้นก็เอาตัวไม่รอด เพราะมิตรกลับกลายเป็นนายเหนือตนไปเสียแล้ว”

เจ้าชายกฤตตินตรัสอย่างเจ็บร้าวในพระอุระ การเสียดินแดนครั้งนั้น แม้จะทรงมีพระชนมายุเพียงสิบสี่ชันษา แต่ก็ทรงรู้ความเป็นไปทั้งหมดดีอยู่

“นั่นถือเป็นบทเรียนสำคัญ ครั้งนั้นเราเจ็บมากจนเกินพอ พี่จะไม่ยอมเสียดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งไปอีกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้แค่ไหน ป่าไม้ส่วนนั้นก็เหมือนกัน ถ้าเราไม่จัดการให้ดีเสียแต่ตอนนี้จะวุ่นวายขึ้นอีก อคินต้องการเพียงป่าไม้ ถ้าได้ไปแล้ว การพิพาทและการปักปันเขตแดนอะไรพวกนี้เขาก็จะไม่มาไยดีอะไรอีก”

“เจ้าพี่ทรงเกรงว่าการปักปันเขตแดนอาจมีปัญหาหรือ”

“การปักปันไม่มีปัญหาหรอกกฤตติน แต่การเล่นแง่อย่างอื่นต่างหากที่น่าห่วง”

เท่านั้นเองเจ้าชายกฤตตินก็ทรงนึกรู้ การขอสิทธิคุ้มกันพิเศษของแคว้นอคิน

“พี่สังหรณ์ใจอย่างไรพิกล อคินไม่เคยยอมทำอะไรให้ใครเปล่าๆ ทุกเรื่องต้องมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนเสมอ”



การปักปันเขตแดนรวดเร็วและราบรื่นกว่าที่คาดกันไว้ เพียงสัปดาห์เดียวทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ราวกับว่าแคว้นอคินต้องการขจัดปัญหาและอุปสรรคที่ขัดขวางการขอทำสัมปทานป่าไม้ในจันทรมัสให้จบสิ้นลงโดยเร็ว วาโยทูลขอเข้าเฝ้าพระราชาธิบดีภูบดีในตอนเย็นวันเดียวกันนั้น เพื่อถวายวาระการประชุมเพื่อพิจารณาข้อตกลงและรายละเอียดของสัญญาสัมปทานที่มีการเพิ่มเติมขึ้นมา ประมุขแห่งจันทรมัสทรงรับมาทอดพระเนตรข้อความในเอกสารนั้นแล้วก็มีสีพระพักตร์หนักพระทัย

“เราตกลงกันเพียงแค่สิทธิการทำป่าไม้ และการขอสิทธิคุ้มกันพิเศษให้คนของอคินเท่านั้นมิใช่หรือ วาโย”

“นั่นเป็นการตกลงครั้งแรก ก่อนที่รัฐธยามันจะเข้ามาเป็นภาคีร่วม กระหม่อม”

“ไม่ว่าจะมีธยามันร่วมหรือไม่ก็ตาม ผลประโยชน์ที่ท่านได้รับยังคงเดิม เรามองไม่เห็นว่าท่านจะเสียประโยชน์ที่ตรงไหน อีกอย่าง ข้อตกลงนี้เป็นการบังคับให้คู่สัญญาอย่างเราต้องรับ ไม่ใช่ความสมัครใจ”

“หม่อมฉันไม่ได้บังคับพระองค์เลยสักนิด” วาโยทูลยิ้มๆ อย่างเป็นต่อ “อย่าเพิ่งเร่งตัดสินพระทัยตอนนี้เลย หม่อมฉันเพียงทูลเกล้าให้ทอดพระเนตรก่อน เรา หมายถึงอคินและจันทรมัสกับธยามัน จะพิจารณาและลงนามกันอีกสองวันข้างหน้า หม่อมฉันคิดว่าคงได้คำตอบที่น่าพอใจ”



เอกสารฉบับนั้นวางอยู่บนโต๊ะไม้สักใหญ่ในห้องทรงงานส่วนพระองค์ของพระราชาธิบดีภูบดี เจ้าของห้องเอนพระปฤษฎางค์กับพระเก้าอี้อย่างหนักพระทัย โดยมีองค์เวธัสบดีประทับอยู่ฝั่งตรงกันข้าม สีพระพักตร์ทั้งสองพระองค์เคร่งเครียดไม่น้อย พักหนึ่งเสียงเคาะบานพระทวารจึงดังขึ้น พระราชาธิบดีภูบดีมีรับสั่งอนุญาตแล้ว แขกผู้มาเยือนจึงผลักบานพระทวารก้าวเข้ามาด้านใน

“ปิดประตูให้สนิทด้วยหญิงอิน”

เจ้าหญิงอินทุมณฑลทรงหันมาสบเนตรกับคู่หมายแวบหนึ่ง แต่ก็ทรงทำตามรับสั่งนั้นโดยดี ก่อนที่หนุ่มสาวทั้งสองจะดำเนินมาประทับร่วมกับสองพระประมุขที่ประทับรออยู่ก่อนแล้ว องค์เวธัสบดีทรงพยักพระพักตร์ให้อนุชาทรงหยิบเอกสารแผ่นนั้นขึ้นมาทอดพระเนตร เจ้าชายกฤตตินทรงอ่านแล้วก็พักตร์ขรึมลง ไม่ตรัสว่าอย่างไรกลับทรงส่งให้คู่หมายทอดพระเนตรแทน  

“คนที่จะเข้ามาเป็นคนงานทำไม้ ต้องเข้ามาเป็นคนในบังคับของอคิน นี่หมายความว่าอย่างไรคะเจ้าพ่อ”

“ไม่ใช่แค่นั้น อคินยังขอสิทธิเก็บกินใต้พื้นดินด้วย” พระราชาธิบดีภูบดีรับสั่ง

“ซึ่งสิทธินี้ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน”

องค์เวธัสบดีทรงต่อให้ ขณะที่เจ้าชายกฤตตินทรงลูบหนุองค์เองอย่างทรงไตร่ตรอง

“อคินเลี่ยงที่จะขอสัมปทานเหมืองแร่เข้ามาโดยตรง ถ้ายอมเท่ากับว่าเราเปิดโอกาสให้อคินได้สัมปทานสองอย่างในคราวเดียวกัน น่าแปลกที่ระยะเวลาอาทิตย์เดียว อคินก็สำรวจสายแร่ทองคำจนแน่ใจว่ามีอยู่จริงในพื้นที่ป่าของเรา ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยกับระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ สัญญาสัมปทานครั้งก่อนที่ขอเข้ามา ก็ไม่ได้พูดถึงทั้งสองเรื่องนี้ใช่ไหมกระหม่อม”

“มันถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในร่างสัญญาฉบับนี้” ว่าที่พระสัสสุระรับสั่งตอบอย่างเคร่งเครียด “และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็มีแค่คนเดียว อคินจะสำรวจสายแร่ได้อย่างไร ในเมื่อทั้งสัปดาห์เจ้าคุณกลาโหมก็ร่วมคณะวางแนวเขตแดนใหม่อยู่ด้วย เรื่องใหญ่อย่างนี้ไม่มีเสียล่ะที่เจ้าคุณกลาโหมจะนิ่งเฉยได้”

“ในเมื่อเจ้าอาทรงยืนยันว่าสัญญาฉบับก่อนไม่เคยกล่าวถึง ความเป็นไปได้มีสองทางเท่านั้นเจ้าอา หนึ่งคืออคินเคยสำรวจสายแร่ทองมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพิ่งได้รับการยืนยัน และสองคือมีคนในลอบส่งข้อมูลนี้ให้ หลานยังไม่อยากให้เจ้าอาทรงเทน้ำหนักไปข้างใดข้างหนึ่งมากจนเกินไป”

“หมายความว่าอย่างไร เวธัสบดี”

“หลานอยากลองเล่นเกมจับหนูสักหน่อย หากเจ้าอาจะทรงอนุญาต”

องค์เวธัสบดีรับสั่งยิ้มๆ เจ้าชายกฤตตินทอดพระเนตรท่าทีของเชษฐาก็เข้าพระทัย

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าพี่ทรงเล่นเกมนี้ไป หม่อมฉันจะลองเล่นอีกเกมหนึ่งเอง”

สองเชษฐาอนุชาสบเนตรอย่างรู้กัน เจ้าหญิงอินทุมณฑลทรงทำพักตร์มุ่ย ทอดพระเนตรคู่หมายอย่างขุ่นเคืองนิดๆ ที่สองหนุ่มทรงทำราวกับเป็นความลับหนักหนา

“เจ้าพี่คะ จะไม่ทรงให้หญิงกับเจ้าพ่อกระจ่างหน่อยหรือคะ ว่าทรงคิดทำอะไรกันอยู่”

ทรงอ้างพระบิดาเข้ามาเกี่ยวพันด้วย ทั้งที่ผู้อาวุโสที่สุดประทับอยู่นิ่งๆ แท้ๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้พระราชาธิบดีภูบดีจะทรงพอทอดพระเนตรออกแล้วว่าอีกฝ่ายจะทรง 'เล่น' อะไร เจ้าชายกฤตตินแย้มพระโอษฐ์พลางตรัสบอก

“รอ หญิงอิน รอและนิ่งไว้ อย่าได้ห่วงกังวลใดๆ เลย พี่รับรองว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี”

“อย่างนี้ทุกที จันทรมัสก็เป็นบ้านเมืองของหญิงเหมือนกันนะคะ”

“อย่าเพิ่งแสนงอนสิหญิง” เจ้าชายกฤตตินตรัสกลั้วสรวล “เอ้า พี่สัญญา เสร็จเรื่องแล้วพี่จะบอกเธอกับเจ้าอาทุกอย่างเลยเชียว เป็นพระจันทร์แสนสวยของกฤตตินก่อนนะคนดี”    

เจ้าหญิงอินทุมณฑลเม้มโอษฐ์อย่างเคืองๆ แล้วทรงตั้งท่าจะซักเอาความอีก ร้อนถึงพระราชาธิบดีภูบดีที่ต้องทรงโบกพระหัตถ์ขึ้นยุติการโต้วาทีย่อมๆ ก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้

“เชื่อพี่เขาเถอะหญิง อย่าเพิ่งซักตอนนี้เลย เวธัสบดี กฤตติน ไม่ว่าหลานจะทำสิ่งใด อาขออวยพรให้หลานทั้งสองจงประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อจันทรมัส แต่เพื่อแคว้นธยามันของเรา”

พระวาจาชัดเจน จันทรมัสพร้อมผนวกเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นธยามันโดยเปิดเผย ไม่ใช่เพียงแค่เชื่อมสายสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองรัฐด้วยการอภิเษกของเจ้าชายกฤตตินกับเจ้าหญิงอินทุมณฑลอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ ที่เหลือก็แค่รอมีพระราชโองการประกาศในที่ประชุมอย่างเป็นทางการเท่านั้น

ทุกพระองค์ทรงทราบดี ไฟกองหนึ่งถูกจุดติดขึ้นแน่นอนแล้ว จันทรมัสไม่ใช่รัฐอิสระอย่างที่คนกลุ่มหนึ่งต้องการให้เป็นไป ส่วนไฟกองอื่นนั้นยังไม่ปรากฏ แต่เชื่อเถิด ยังมีอีก เพียงแต่ที่ไหน และเมื่อไหร่เท่านั้น

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 21:09:10




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com