Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทอฝันเป็นรุ้งสวย : แผนพัฒนาแหล่งน้ำ vote ติดต่อทีมงาน

ทอฝันเป็นรุ้งสวย:  แผนพัฒนาแหล่งน้ำ
วันรุ่งขึ้น
             ศจ.พริน คุณสลิลลาภรรยา เลขาคนสวยและผมรวมทั้งมนัส  พาผมและมนัสเดินทางไปชมภูมิประเทศทางอากาศ   โดยมีคุณเลขาเป็นผู้บังคับยานประหลาดซึ่งไม่ได้ใช้ล้อวิ่งเหมือนรถยนต์ที่เราใช้กันอยู่   แต่จะมีล้อเล็ก ๆรองรับเมื่อลงจอด  มันจะลอยอยู่เหนือพื้นหรือลอยสูงขึ้นลักษณะเดียวกับเรือเหาะ ไม่ได้ยินเสียงดังลั่นเหมือนเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้  เพราะเป็นยานที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานพิเศษที่เพิ่งคิดค้นขึ้นมา       เขาบอกว่าเป็นพลังงานชื่อว่า         ”แอนตี้กราวิตรอนทำงานร่วมกับสนามแม่เหล็กโลก”   ซึ่งผมเองก็ยังมึนไม่หายว่ามันคืออะไร
ตอนแรกยานวิเศษพาพวกเราบินเรี่ยยอดไม้ไปเรื่อย ๆ   ต่อมาถึงจะบินสูงขึ้นไปในอากาศผ่านป่าเขาลำเนาไพรและสายน้ำ   ดูไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมดมีบ้านเรือนตั้งสอดแทรกเป็นระยะๆ   ต้นไม้แต่ละต้นล้วนมีขนาดใหญ่หลายคนโอบ  มีตะไคร่น้ำเกาะตามลำต้นและกิ่งก้าน        ราวกับว่าเป็นต้นไม้ที่ปกคลุมด้วยขนเต็มไปหมดจนแลดูน่ากลัว         เป็นป่าทึบสลับป่าโปร่งเป็นระยะ
“อาจารย์ครับทำไมจึงมีป่าไม้และแม่น้ำเต็มไปหมดอย่างนี้  แล้วบ้านเรือนทำไมมีน้อยจัง”  ผมทนไม่ได้จึงต้องเอ่ยปากถาม
“อ๋อ เรื่องนี้มันยาวครับ   ผมจะเล่าให้ฟัง”    ศาสตราจารย์พรินตอบ แล้วบรรยายความเสียยืดยาวว่า
“นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่      ที่นับว่าเป็นมหาอุทกภัยร้ายแรงที่น้ำเหนือไหลบ่าจากภาคเหนือมาออกทะเลที่ปากอ่าวไทย   อุบัติการณ์ในครั้งนั้น  หากจะมองภาพแบบเหรียญสองด้านก็จะมีอยู่สองนัยคือ    หนึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง    ก่อเกิดความเดือดร้อนแสนสาหัส    อันเนื่องจากความอ่อนด้อยประสบการทำให้ไม่ได้เตรียมการไว้เพื่อเผชิญเหตุเช่นนี้ไว้ล่วงหน้า   นัยที่สองเป็นการมองในแง่ดีคือเราได้พระแม่คงคาช่วยชะล้างแผ่นดิน   ล้างความเลวร้าย  ล้างสารพิษที่มีอยู่ในน้ำในดินให้ไหลลงทะเล   แล้วเริ่มต้นเกษตรกรรมแนวใหม่ที่มุ่งเน้นเกษตรอินทรีย์มากขึ้น     ยิ่งกว่านั้นคือแนวคิดของประชาชนได้ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดี   มีความรักความสามัคคีเกิดขึ้น  เล็งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ  ได้หันมามองกันอย่างจริงจังว่า  ดิน  น้ำและอากาศ    มีความสำคัญและจำเป็นต่อชีวิตในอันที่จะละเลยอันใดอันหนึ่งไม่ได้   จึงมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้   ได้มีการสัมมนา จัดทำประชามติ   ในที่สุดก็ตกผลึกทางความคิดเป็นแผนแม่บทที่เป็นวาระแห่งชาติ ว่า

๑ ป่าไม้คือแก้มลิงทางธรรมชาติ  ในเมื่อป่าไม้ถูกทำลายลงไปมากก็จะต้องปลูกทดแทน       แต่การปลูกป่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล   ในระยะเร่งด่วนจำเป็นจะต้องใช้วิธีสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กขึ้นมาแทนรากไม้ที่จะดูดซับน้ำไว้ในหน้าฝนและระบายน้ำออกมาใช้ในหน้าแล้ง  โดยการขุดสระลึก ๑๐ – ๑๕ เมตรหรือตามสภาพของท้องที่   มีการขุดตามไร่นาและพื้นที่ว่างที่พอจะหาได้ทั่วทั้งประเทศ   โดยเฉพาะในบริเวณภาคเหนือและภาคกลาง     รวมทั้งการขุดสระประจำหมู่บ้าน ตำบล   ให้ได้ปริมาณไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตร
              ๒.  จะต้องสร้าง”ป่าใหญ่ในเมือง”   โดยตั้งข้อสังเกตกันว่า   บรรดาอาคารสำนักงาน    ศูนย์การค้าและอาคารอื่นใดที่ปิดมิดชิดเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศทั้งหลังนั้น   ไม่มีความจำเป็น จะต้องสร้างอยู่บนพื้นดิน    เพราะไม่ต้องการอากาศถ่ายเทเหมือนบ้านที่อยู่อาศัย      ในที่สุดก็ได้มีประชามติสรุปออกว่า   จะต้องนำอาคารทั้งหลายดังกล่าวเหล่านั้นให้ลงอยู่ใต้ดินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้    ซึ่งปัญหาดังกล่าวค่อนข้างทำได้ยาก  เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงและใช้เวลานาน         แต่เพื่อความอยู่รอดของประเทศก็จำเป็นต้องทำแม้จะใช้เวลานานก็ตาม”
“ แต่เอ  ผมหวังว่ามันจะไม่ไปขวางทางเดินของน้ำใต้ดินนะครับ” ผมติง
“ก็คงเป็นอย่างนั้น  เราได้คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก  จึงได้มีการศึกษาและทำแผนที่แม่น้ำใต้ดินกันก่อนที่จะดำเนินการตามโครงการ”
                อืม! ช่าง เป็นเรื่องยิ่งใหญ่น่ามหัศจรรย์จริง ๆ
“อุแม่จ้าว !  คิดได้ยังไงกันนี่  คงจะต้องทุ่มทุนมหาศาล  แล้วมันจะไหวไหมเนี่ย”  มนัสสอดแทรกความคิด
“ไหวไม่ไหวก็เห็นกันอยู่  ตอนนี้เราอาจจะบินอยู่เหนือเมืองใต้ดินเมืองใดเมืองหนึ่งใช่ไหมครับ” ผมแย้ง
“ใช่ครับใช่   ตอนนี้เราอยู่เหนืออยุธยา  เห็นไหมมีเจดีย์เก่าเยอะแยะเลย    นั่น ถนนที่ตัดจากบริเวณวัดไปยังปล่องนั่น   นั่นแหละคือทางเข้าสู่เมืองใต้ดินล่ะ”  ศาสตราจารย์พรินอธิบายแล้วกล่าวต่อว่า    
 “ครับ ในบันทึกระบุไว้ว่า  ตอนแรก ใคร ๆก็คิดกันว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างเมืองใต้ดินเช่นนั้น   จึงต้องมีการวิเคราะห์กันอย่างหนัก   พวกท่านเหล่านั้นลงความเห็นกันว่า เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม  กอปรกับการที่มีการประกาศเสนอตัวเองว่าจะเป็นครัวของโลก    ปรารถนาจะขุดทองบนผืนแผ่นดิน      ในยุคก่อนหน้านั้นเรา มีสโลแกนว่า  ”ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ”   แต่เชื่อไหม  มันเป็นกระดูกสันหลังที่ผุกร่อน   เป็นอย่างนี้มานานตั้งสมัยปู่ย่าตาทวดสืบต่อกันมา   พวกท่านเหล่านั้นภูมิใจกันนักหนาว่ามีการส่งข้าวออกขายมากอันดับหนึ่งของโลก   และครองแชมป์เป็นเวลาหลายสิบปีติดต่อกัน   แต่การณ์ที่ชาวไร่ชาวนาต้องอพยพสู่เมืองหลวง    แบบไปตายเอาดาบหน้าเพื่อความอยู่รอดของพวกเขา  มันเป็นความขัดแย้งกันอยู่ในตัวอย่างรุนแรง  ซึ่งแตกต่างจากประเทศญี่ปุ่นที่ไม่เคยส่งออกข้าว  แต่ชาวนาเขาร่ำรวย   จึงมีคำถามว่า มีความจำเป็นแค่ไหน ที่เราจะครองสถิติเป็นจ้าวของการส่งออกข้าวของโลก  แต่ชาวนายังคงยากจนอยู่อย่างนี้  เราจะไม่ทำการใด ๆเพื่อพี่น้องเกษตรกรบ้างเชียวหรือ   ด้วยเหตุนี้สำหรับประเทศไทยเรา การปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมจึงเป็นสิ่งจำเป็น   จะเรียกว่าเป็นการปฏิวัติทั่วทั้งประเทศเลยก็ว่าได้    เป็นการปฏิวัติด้านเศรษฐกิจและสังคมแทนการปฏิวัติทางการเมืองโดยกำลังทหารดังที่เคยเป็นมาโดยตลอด  แต่ในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือทำพร้อมกันทั้งหมด  เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาล  จึงต้องใช้เวลานานหลายสิบปีเลยทีเดียว   ยิ่งกว่านั้นการเห็นต่างทางความคิดก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญ  แต่ความเห็นต่างบนพื้นฐานความบริสุทธิ์ใจก็ทำให้เกิดความรอบคอบป้องกันการผิดพลาดได้มากทีเดียว    
             ๑.  แผนงานเร่งด่วนคือ   การสร้างแก้มลิงโดยการขุดสระน้ำในผืนนาที่มีอยู่  แล้วสร้างเรือท้องแบนยักษ์ขึ้นมาทำหน้าที่แทนท้องนาเดิม  เราปลูกข้าวบนผืนนาลอยน้ำนั้น  และมันยังเป็นแหล่งเก็บกักน้ำไปในตัว  ตลอดจนมีการการขุดลอกคูคลอง เก็บน้ำไว้ในถ้ำที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว  การสร้างฝายชะลอน้ำและปลูกป่าต้นน้ำเป็นต้น
             ๒   แผนงานระที่สองคือ  การรักษาป่าต้นน้ำ  และการสร้างป่าในเมืองโดยการย้ายอาคารสถานที่ลงใต้ดิน     การบริหารการรักษาป่าโดยชุมชนเพื่อชุมชน  โดยรัฐจ่ายค่าดำรงชีพให้สมาชิกของชุมชนคามสมควรแก่อัตภาพ   นอกจากนี้ยังมืการขุดคลองเป็นตาหมากรุกเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้งและกระจายน้ำไปไกลสู่ดินแดนแห้งแล้ง  แทนที่จะกักน้ำให้รวมตัวกันอยู่แต่ในแม่น้ำ   ซึ่งมันจะยกตัวสูงขึ้นจนไหลบ่าออกท่วมบ้านเรือนริมฝั่งน้ำ  เป็นที่เดือดร้อนกันไปทั่ว  ซึ่งท่านจะทราบรายละเอียดจากการได้ไปชมของจริง  ก็แล้วกันนะครับ”
เราต่างพากันนิ่งไปชั่วขณะ  ผมปล่อยกระแสความคิดฟุ้งกระจายไปอย่างไร้จุดหมาย   อดทึ่งในแนวความคิด ความกล้าหาญของพวกเขาไม่ได้  เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่โตเสียจริงๆ  แต่ถ้าไม่ลงมือสร้างเสียเดี๋ยวนี้  เราก็จะสูญเงินเสียเวลากับการย่ำเท้าแก้ปัญหาอยู่อย่างนี้

จากคุณ : โนนิน
เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 55 20:25:10




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com