Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<< บัลลังก์ลูกไม้ ::..[44]>> vote ติดต่อทีมงาน

-สี่สิบสี่-


ฟ้ามืดเคยเป็นสีน้ำเงินเข้ม คืนนี้กลับดำด่างด้วยเมฆหนา ลอยระกะเป็นปื้นๆ ลมราตรีริมทะเลสาบรุนแรง สดับเสียงไหวสะท้านแห่งผืนไพร ผนวกรวมแมลงระงม ช่างฟังวังเวงชวนไหวหวั่น

แสงระเริงแห่งเพลิงกอง ก่อเงาดำเหยียดยาว เต้นระริกบนพื้นฉากสีส้มซึ่งค่อยกลืนสู่ความมืดมิดในระยะไกล เสียงปะทุพร้อมสะเก็ดไฟกำจาย ครั้นพระหัตถ์แข็งแรงสอดฟืนไม้แห้งๆ เติมลงอีกครั้ง

“อาจจะต้องรอจน...พรุ่งนี้เพคะ...”

เสียงกราบทูลดังเบาๆ เบื้องปฤษฎางค์ ต่อเมื่อทรงหันไป...สายพระเนตรกลับให้ความสนพระทัยร่างน้อยที่อยู่ห่างออกไปมากกว่า

...หลังจากสะท้านขึ้นเพื่อขับน้ำออกทางปาก เจ้าของร่างนั้นกลับหลับใหลไม่ได้สติ พระพี่เลี้ยงเป็นผู้ดูแล พาตัวซบซุกใต้ซุ้มไม้อยู่จนบัดนี้

เมื่อเสสายพระจักษุคืนมาสู่ผู้ดูแล...ความอาดูร กดดัน โดยเฉพาะเงาแรแห่งรางไฟ บ่มให้เอลินอร์ดูซูบซีดผิดเคย ขอบตาและตอบแก้มลึกโหล นัยน์ตาแห้ง หันเข้าหากองไฟแท้ๆ แต่ดูแล้งแทบสิ้นแวว

“แปลก...” เสียงใหม่ดังขึ้นด้วยความเรียบเนือยมิผิดไป

“พอเช็ดตัว...ใต้คราบมอมแมมมีรอยฟกช้ำ คล้ายถูกเฆี่ยนตีเต็มไปหมด เป็นรอยทั้งเก่าทั้งใหม่ที่ไม่น่าใช่...”

เจ้าของคำหยุดนิดหนึ่ง ใช้สายตาแทนการชี้ชักยังนายทหารคนเดียว ผู้บัดนี้ถูกความเงียบเฉยของผู้ร่วมทาง อัปเปหิให้ห่างไปในแพแทน

“...เหมือนถูกกระทำทารุณสะสมนานมาเพคะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กตัวแค่นี้จะต้องเผชิญอะไรแบบนี้...ที่นี่...”

คำสุดท้ายทอดหายไปในลำคอ เพราะที่สุด...มักจะจุดเชื่อมสู่ภาพวรองค์อ้อนแอ้น วิลาสล้ำ ผู้ยังไม่รู้จะทรงเป็นตายร้ายดีเยี่ยงไรจนเดี๋ยวนี้

คงไม่ใช่...คงไม่ทรงโชคร้าย เผชิญในรูปรอยเดียว...!

“เรา ‘เคลื่อนไหว’ มากเกินไปแล้ว...” สุรเสียงเริ่มขึ้นเบาแผ่ว ทว่ามีความมั่นคงอยู่ข้างใน

ค่าที่ไม่มีเฟร็จอยู่ใกล้ ทรงทอดถอนปัสสาสะแล้วตัดสินพระทัย เล่าสิ่งที่คงค้างในคำนึง

“มีบางอย่าง...ไม่ชอบมาพากลจริงในโมลาสโม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ตบตาผู้มาเยือน...นี่อาจเป็นเหตุผลที่แท้แห่งการตั้งพระทัยเสด็จขององค์กษัตริย์...

“การแสดงออกโจ่งแจ้งมากไปกว่านี้...โดยยังไม่มีเบาะแสมากพอ รังแต่จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เราจะคว้าน้ำเหลวอีกไม่ได้...เราต้องรอ ‘เขา’!”

สุรเสียงและแววพระเนตรบ่งชัด...ทรงพยายามสลัดจินตนาการในมุมร้ายทิ้งให้สิ้น แล้ว...รอ!

เด็กคนนั้นน่าจะให้เงื่อนงำสำคัญได้...บ้าง...

ความวาดหวังอันรุดโรจน์ในดวงนัยนาสีฟ้าคราม แท้จริงย่อมคือเงาสะท้อนแห่งความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิงผู้สูญหาย

วรกายสูง โปร่ง ในความสง่างาม พระอังสะกว้าง กลับลู่ห่อลงน้อยๆ อย่างคนเต็มทุกข์ พระเกศาสีทองจางๆ คลับคล้ายของเจ้าหญิงเอลีโอน่า ทว่าอ่อนจางมากกว่า เมื่อละจากการชโลมน้ำมันเรียบ จึงค่อนข้างยุ่งสะบัด แนวหนุบึกบึน อันเคยช่วยทอนความหวานและงามประหนึ่งเพาโพทในวงพักตร์ คราวนี้ครึ้มด้วยปื้นเขียว คลุมไปถึงพื้นที่ใต้พระนาสิกสูง ทำให้ริมโอษฐ์บาง เล็ก และเป็นสีจ้าน ยิ่งดูตัดกันเด่น คงเฉพาะดวงพระเนตรใต้แผงขนพระนัยนาสีทองหนา ซึ่งคงความงามจรัสไว้ได้ ต่อให้ความโทมนัสจะถั่งถม

มิได้งาม...อ่อง

หากเป็นภาค ‘ลำลอง’ ที่ปฏิเสธมิได้อยู่ดีว่า...ช่างเลิศด้วยรูป

อย่างนี้นี่เล่า เจ้าหญิงเอลีโอน่าจึงทรง ‘เหหัน’ ไปง่ายๆ!

จะว่าไป...ก็ไม่แปลก ในเมื่อความจริง เจ้าชายทีเบอร์เทียซดูจะทรง ‘สม’ กับเจ้าหญิงพระองค์ใหญ่ยิ่งเสียกว่าพระคู่หมั้น มิว่า ‘ภายนอก’ ฤ ‘ภายใน’

อดีตเจ้าชายไอเนซ มิใช่ไม่งามสู้ ทว่าเป็นความงามเข้ม ขัดกันกับพระสิริโฉมเฉกหล่อด้วยกระเบื้องเคลือบของเจ้าหญิงเอลีโอน่าอยู่ในที เฉพาะอย่างยิ่ง...ที่ทำให้แทบทรง ‘ไปด้วยกันไม่ได้’ คือพระอุปนิสัยหยิ่งยโส เฉยเมย แข็งกระด้าง รับสั่งตรงทุกครั้ง ฉุดความเดือดดาลในพระคู่หมั้นมิรู้แล้ว ผิดกับลูกล่อลูกชน ความอ่อนโอน ประโลมประเล้า เปี่ยมด้วยจิตพิทยาชั้นเลิศแห่งองค์อาคันตุกะ ประหนึ่ง ‘หมอถูกโรค’ สามารถรักษาแผลร้ายในพระหทัย ทั้งชักนำความอ่อนหวานน่ารัก ซึ่งเจ้าหญิงผู้น่าสงสาร ทรงเก็บสมสุดลึก จนองค์เองยังแทบไม่รู้พระองค์ ให้กลับเป็นที่ประจักษ์

ความละเอียดลึกซึ้ง ทั้งปรารถนาดี มิน่าต่าง

‘วิธีการ’ ต่างหาก...สำคัญ

ใช่...เอลินอร์มั่นใจในความอ่อนละเอียดแห่งองค์นรังสรรค์

แผนการ ‘งูในกรงนก’ ยังไม่ลืมเลือน

น่าเสียดาย...หากทรงแสดงจะแจ้งสักหน่อย กับอีกอย่างน้อย...หากพระกามเทพจะไม่ทำผิดฝา สลับเจ้าชายผู้ควรเสด็จร่วมคณะครานี้...

เพราะอย่างนี้ ในเมื่อไม่มี ‘มือ’ ไหนช่วยได้...

และต่อให้รู้...อยู่ระหว่างสถานการณ์อัน...ไม่บังควร ทว่าครั้นทบทวนแล้วไม่พบช่วงเวลาเหมาะใจยิ่งไปกว่า คนเป็นพระพี่เลี้ยงจึงยอมตัดสินใจ...

เถอะน่า...ดีกว่าปล่อยให้เลยเถิด...จนเกิน ‘ตัดพระทัย’ กันไปกว่านี้...

การเริ่มที่เจ้าชายทีเบอร์เทียซ น่าจะดีกว่าเจ้าหญิงเอลีโอน่า ซึ่งมีพระทัยบอบบาง ทั้งอ่อนไหวเสียยิ่งกว่า...

“บางที...” ประโยคใหม่ พระพี่เลี้ยงควบคุมเสียงให้เป็นปกติ

“องค์เหนือหัวอาจเสด็จมาถึงในอีกไม่ช้า เราจะมีกำลังช่วยตามหาเจ้าหญิงเอลีโอน่า และครั้นพบ...ความรู้สึกระหว่างสองพระองค์คงจะดีขึ้นได้ด้วยสถานการณ์นี้...”

ชั้นต้น คนสดับน้ำเสียงอ่อนเอื่อย ทรงชะงักค้างไปชั่วครู่...แสดงถึงมิได้ทรงคาดเหตุการณ์ต่อจากนี้จริงๆ

ต่อเมื่อรู้สึกองค์ ทั้งแน่นอนว่าต้องทรงทราบ...ความตั้งใจลึกล้ำในเจ้าของคำ รอยสรวลขำๆ จึงปรากฏ ทั้งที่นัยนาคงขุ่นด้วยความคิด

“เป็นอีกครั้งที่เจ้าทำให้เราอิจฉาเจ้านายอะแลมเบิร์ก เอลินอร์...ทั้งจงรักภักดี ละเอียดรอบคอบ และฉลาดเป็นกรด!”

“ขอบพระทัย แต่รับสั่งเกินไป...หม่อมฉันเห็นจะน้อมรับได้เพียงแค่ประการแรก...”

คำพูด และการสบสายพระเนตรโดยตรง คือการพยายามส่งความบริสุทธิ์ใจ และปรารถนาดีที่มีอยู่ทั้งหมด

“เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่า วีรบุรุษของสถานการณ์นี้...ในสายตาเอลีโอน่าอาจมิใช่เช่นนั้น”

“ไม่มีประโยชน์อย่างใดสำหรับสมุฏฐานนั้นเพคะ”

“เพราะ?”

“เพราะสุดท้าย ‘วีรบุรุษ’ ที่จะทรง ‘มี’ ได้...มีแค่หนึ่งเดียว!”

เสียงย้ำหนัก หากไม่ได้กระด้างลงไป เสมือนทั้งปลอบพระทัย ทั้งกระตุ้นเตือนอยู่ในที

จวบสังเกตว่า ผู้ได้รับ ‘คำเตือน’ ถึงกับทรงงันไป คำพูดต่อมา...อ่อนลงยิ่งกว่า...จึงค่อยต่อตะล่อม

“ทางทั้งสอง แต่ละทางถูกวางไว้ชัดเจนแล้ว ไม่ว่าวิธีไหน ย่อมไม่สามารถเบนสองทางนี้มาจบร่วมกันได้ และในเมื่อ...ถึงอย่างไร ‘ต้อง’ เป็นเช่นนั้น จึงดีกว่า...ถ้าส่วนที่ ‘เฉ’ ไปบ้าง จะถูกรั้งคืนมาใหม่ หาไม่...ต่างฝ่ายจะเสียเวลา เสียกำลัง...พระทัย และสุดท้าย...ทางทั้งสองก็จะไม่สวยงามได้ดั่งที่ควรเป็น”

“แต่เรากับเอลีโอน่า...”

“มีแต่ ‘บูเลทิน’ กับ ‘อะแลมเบิร์ก’ เพคะ!”

คำสวนทันควัน ทำให้ทุกรับสั่งต่อจากนั้น มลายหายเหลือเพียงริมโอษฐ์ระริก

“ฝ่าบาท...ได้โปรดพระราชทานอภัยแด่หม่อมฉัน แต่เท่านี้...น้ำพระทัยที่ทรงฉุดช่วยเจ้าหญิงเอลีโอน่าขึ้นจากปลักตรมยังเป็นสิ่งดี แต่เท่านี้...ได้เพียงเท่านี้จริงๆ เพคะ!”

“ทำไม? ทำไมจะไม่มีทางมากไปกว่านี้?!” สุรเสียงเริ่มตวัด

“เพราะอะไรที่ ‘มากจนเกินไป’ ไม่เคยส่งผลดีทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ” คำตอบยังรักษาความสงบ ทว่าหนักแน่นแห่งเหตุผล

“ด้วยศักติ ด้วยหน้าที่ ด้วยเลือดแห่งขัตติยะ จะทรงเห็นแก่เฉพาะพระองค์เองมิได้...”

“ทำไม?! อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก็ได้! มิใช่หรือเอลินอร์? ระหว่างบูเลทินกับอะแลมเบิร์ก...นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีก็ได้! ในเมื่อระหว่างเอลีโอน่ากับองค์เหนือหัวก็ไม่...”

“เป็นไปไม่ได้เลยเพคะ!”

“ทำไม?”

“เพราะว่า...” คำพูดดูจะเอ่ยยาก...และคนพูดคงไม่อยาก หากจำยอม เห็นได้จากการพยายามกล้ำกลืนความรู้สึกบางประการที่ขวางขืน

“น่าจะพอทรงทราบ...จากเจ้าหญิงซาบรีเนีย...แท้ที่จริงเจ้าหญิงวีเลมิน่าทรงมีเชื้อสายบูเลทินกึ่งหนึ่ง”

ถ้อยนั้นคาดการณ์ได้...ทั้งที่ถูกผู้เป็นนายกันห่างทุกครั้งครั้นองค์อาคันตุกะเสด็จพระตำหนัก หากคนเป็นพระพี่เลี้ยงคงมิเคยวางตา

“นั่นสิ!” ผู้รับคำ ขมวดขนงแน่นเข้า

“มิใช่เรื่องดีประการหนึ่งหรอกหรือ?”

“เรื่องร้ายต่างหากเพคะ...ต้นกำเนิดของเรื่องร้ายทั้งหมดทีเดียว!”

ความมั่นใจในคนตอบ ยังให้สีพระพักตร์ผู้สดับ เผือดลงอย่างทรงคาดไม่ถึง

ผู้ทูลเล่า รำลึกความหลังจากม่านตา

“เรื่องเริ่มต้นเมื่อพระมารดาของเจ้าหญิงเอเดรียน่า...สมเด็จยายขององค์เหนือหัวรัชกาลปัจจุบัน...สิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระธิดายังทรงแบเบาะ พระสวามีทรงโศกศัลย์อยู่เป็นนาน กระทั่งตามเสด็จแปรพระราชฐานสู่พระตำหนักฤดูร้อนในครั้งหนึ่ง แล้วพบกับสาวชาวบ้านโฉมงาม ทว่าขี้อายอย่างยิ่ง ถูกสัตว์มีพิษทำร้ายสลบอยู่กลางป่า...”

...เมื่อนั้น เพียงเห็นหน้าก็ทรงนึกรัก หลังจากช่วยชีวิตนางบ้านนอกคืนสติ องค์นริศรจึงพระราชทานนางเป็นรางวัล ซ้ำยังรับสั่งติดตลกว่า

‘เจ้าคืนชีวิตให้แก่นาง ต่อไป...นางจะคืน ‘ชีวิตชีวา’ ให้แก่เจ้าเป็นแม่นมั่น!’

ไม่มีใครรู้เลยว่ารางวัลนั้นต้องสาป

เอลินอร์มิได้เท้าความ...ภายหลังถึงกับมีผู้โจษจัน ...นางนั้นอาจวางแผนฝังคมเขี้ยวอสรพิษลงบนต้นขาตนเองแต่แรก เพื่อเรียกร้องความสนพระทัยด้วยซ้ำ!

“นางคือคนบูเลทิน?”

ถ้อยรับสั่งเดาแฝงนัย... ‘คนของบูเลทิน’

เอลินอร์พยัก

“ชายาพระองค์ใหม่ทำหน้าที่พระวิมาดาได้ดี ช่วงแรกที่ไม่ยอมเสด็จออกงานคู่กับพระสวามี ทรงให้เหตุผลว่า อยากดูแลเจ้าหญิงเอเดรียน่าอยู่กับพระตำหนักมากกว่า ใครๆ ต่างพากันเอ็นดู เพราะคิดว่าเจ้านางพระองค์ใหม่ น่าจะยังเคอะเขิน และหาข้ออ้างปฏิเสธเพราะเกรงทำเรื่องป้ำเป๋อ

“แต่ไม่ช้าคำกล่าวนั้นก็สิ้นไป เพราะการแสดงความรัก ความเอาอกเอาใจแก่พระธิดานอกโสทร ดูจะมีสายสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างแท้จริง โดยเฉพาะยิ่งกว่าในพระธิดาแท้ๆ คือเจ้าหญิงวีเลมีน่า ที่ทรงประสูติตามมาในไม่ช้าเสียอีก!”

เรื่องนี้...ไม่มีใครรู้ดีกว่านางข้าหลวงเด็ก...ผู้แทบกำเนิดแต่เขตพระราชวัง แล้วได้รับคำสั่งให้เป็นเพื่อนเล่น ทั้งถวายการดูแลน้องน้อยเฉกเจ้าหญิงวีเลมิน่า

“พระมารดาไม่ทรงใส่พระทัยพระธิดาที่แท้ แม้เจ้าหญิงพระองค์น้อยทรงร้องเรียกหา ก็มัวทรงโอภาอยู่กับเจ้าหญิงเอเดรียน่า...

“องค์เชษฐภคินีต่างพระมารดาต่างหาก...ยังดูจะทรงรักและพระกรุณาพระน้องนางเธอเสียยิ่งกว่า และต่อเมื่อเสด็จมาทรงเล่นด้วยเท่านั้น เจ้าหญิงวีเลมิน่าจึงจะได้พบพักตร์พระมารดา...ทรงน่าสงสาร...”

คนเล่ากลืนน้ำในตาและในอก

“...ทรงน่าสงสารยิ่งกว่าเจ้าหญิงเอลีโอน่าเสียอีกนะเพคะ!”

“แล้วทำไม...ในเมื่อองค์เองเคยประสบความทุกข์เช่นนั้น แต่ยังทรงกระทำกับพระธิดาเช่นนี้?!”

“ฝ่าบาทไม่เข้าพระทัย” คนเถียงคงใช้น้ำเสียงสงบ

“ทุกการกระทำของแต่ละคน แทบจะมีพื้นฐานจากอดีต อันก่อปมในหัวใจทั้งนั้น”

...เริ่มต้น...คนเป็นน้องต้องอิจฉาคนเป็นพี่ ที่ทั้งสิริโฉมกว่า สูงศักดิ์กว่า ที่สำคัญคือ เป็นที่รัก และยกย่องของคนรอบกาย โดยเฉพาะในสายตาของผู้เป็นแม่แท้ๆ ยิ่งกว่า!

“เจ้าหญิงวีเลมิน่าทรงพยายามกลั่นแกล้งและหาทางเอาชนะพระพี่นางทุกวิถีทาง ทั้งนี้ก็เพื่อเรียกร้องความสนพระทัยจากพระมารดาเท่านั้น แต่การณ์กลับตาลปัตร ทุกครั้งที่ทรงชนะ พระมารดากลับทรงโอ๋แต่พระเชษฐภคินี แรกๆ ถูกจับได้ว่าทรงโกงก็ถึงกับถูกลงโทษ หากต่อมา...มาตรว่าทรงชนะด้วยพระปรีชาที่แท้ พระมารดาก็ทรงไม่เชื่อและไม่สนพระทัยอยู่นั่นแล้ว”

“เป็นผู้หญิงที่แปลก...” ผู้สดับทรงปรารภ

“คือเป็นแม่ที่แย่ แต่เป็นแม่เลี้ยงที่ประเสริฐ”

“ที่ถูกคือ...ทรงเป็น ‘บูเลทิน’ ที่ประเสริฐเพคะ!”

คำย้ำหนักแน่น ทั้งที่ทูลต่อพักตร์ผู้เป็น ‘บูเลทิน’ เต็มพระองค์

มกุฎราชกุมารบูเลทินทรงมุ่นขนง ความไม่พอพระทัยแต่ต้น สงบลงด้วยเค้ารางใหม่ที่แทบไม่อยากทรงเชื่อ

เมื่อนั้น จุดวาวสว่าง หากก็หม่นเศร้า จับกลางดวงพระเนตรสีครามฟ้า

“เจ้ากำลังจะบอกว่า...นี่คือทั้งหมดที่ ‘คนของเรา’ ...วางไว้แต่ต้น?”

รับสั่งแต่ละคำล้วนลำบาก ในเมื่อทรงทราบดี...มิใช่เป็นไปไม่ได้!

ก็เพราะอยู่ในพระตำแหน่งนี้หรอก จึงทรงคลุกคลีจนเชื่อแน่...วงศ์กษัตริย์เมืองพี่สามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อปลดไขสัตย์สัญญาแต่บรรพกาล!

คำทูลเล่าต่อจากนั้น สายตาของคนเล่าเต็มไปด้วยเงาตัดพ้อ ขัดเคือง ระคนเจ็บปวด

“เป็นโชคร้ายที่ ‘หน้าที่’ นั้น สำคัญยิ่งจนจำพระทัยแข็งแม้กับพระธิดาในองค์เอง และเป็นโชคร้าย...ที่ทรงพยายามใช้ทุกโอกาสที่มีเพื่อ ‘หน้าที่’ โดยมิสนพระทัยว่าพระธิดาจะทรงรู้เห็น และท้ายสุดคือทรงคาดเดาความเป็นไปได้หมดจด!”

ทุกคราวที่ทรงเข้าใกล้ จะเป็นทุกครั้งเช่นกันที่เจ้าหญิงวีเลมิน่าจะทรงสดับ...ความดีงามของเมืองพี่ ความเหนือกว่าของเมืองพี่ และเป้าประสงค์สำคัญของเมืองพี่!

‘เอเดรียน่า จงจำคำแม่ไว้...บูเลทินคือเบ้าหลอมที่ยิ่งใหญ่ อะแลมเบิร์กต่างหากคือกบฏ...คือผู้ทุรยศ! ต่อไป...ลูกจะได้เป็นใหญ่...ในฐานะเจ้าหญิงพระคู่หมั้น อีกไม่นานมงกุฎราชินีอะแลมเบิร์กจะเป็นของเจ้า วาระนั้น โอกาสสำคัญจะตกอยู่ในมือเจ้า จงอย่าเสียดายเครื่องแสดงอำนาจอันจอมปลอม...อำนาจสกปรกที่หยิบฉวยเขามา ลูกแม่...แม่รักเจ้าเท่านั้น เพราะเจ้าคือความหวังทั้งหมด เจ้าจะต้องทำสิ่งที่ถูก...จงหาทางลบล้างตราบาปของอะแลมเบิร์กซะ จงคืนอะแลมเบิร์กให้แก่บูเลทิน จำคำแม่ไว้นะจ๊ะ...เจ้าต้องจำคำของแม่!’

นั่นคือ ‘หน้าที่’!

หน้าที่ในองค์ชนนี ที่ค่อยกรีดลาก กลายเป็นรอยสลักแห่งความชิงชังในพระธิดาที่แท้!

แม่เห็นพี่ดีกว่า สำคัญกว่า...ทั้งหมดเป็นเพราะ ‘พวกมัน’!

ฐานะของพี่ทำให้เป็นผู้ถูกเลือก...มิใช่เรา...ก็เพราะ ‘พวกมัน’!

ดี! ต่อแต่นี้...เราสัญญากับองค์สุริยะ จะทำทุกอย่าง... ‘ทุกอย่าง’ ให้อยู่เหนือขึ้นไป! ต่อให้เป็นราชินี...พี่จะไม่มีอำนาจหรือสิทธิ์ขาดพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้

และกับบูเลทิน...นครนามนี้จะไม่มีวันผงาดแม้เหนือยอดตฤณชาติอะแลมเบิร์ก! ไม่มีวัน!

นี่...คือสัจจะวาจา!


ดูเอาเถิด ‘เพื่อชาติ’ ของหญิงนางหนึ่ง กลับให้กำเนิดขวากสำคัญ ด้วยก้อนเลือดของนางนั่นเอง!

นอกจากน้ำพระทัยและพระสติปัญญาจะทำให้เจ้าหญิงเอเดรียน่าไม่เคยทรงเบนบ่าย ความหวังของพระวิมาดายังไม่เคยเป็นจริงได้ ก็ด้วยน้ำหัตถ์แห่งพระธิดาในอุทร!

แล้วแม่ก็ทรง...จากไป...ทั้งที่พระนัยนาไม่อาจปิดสนิท...

เป็นพระประสงค์ของเจ้าหญิงวีเลมิน่าไม่ให้ปิดได้สนิท เพราะแม่จะต้อง ‘เห็น’ ความพ่ายแพ้อันเกิดแก่ลูกรัก และเมืองรักทุกช่องทาง!

นี่ล่ะจุดกำเนิด...

กงกรรมได้เวียนซ้ำรอยเก่า ทั้งความเจ็บช้ำในพระธิดา และอัปราชัยแห่งมหานครสับปลับเฉกเช่นบูเลทิน!

‘เจ้า’ แห่งบูเลทินย่อมทรงทราบดี...ถูกของเอลินอร์...

ด้วยความเกลียดชังไพศาลชนิดนี้ ที่ทรงหวัง...มิใช่แค่เลือนราง...หากทุกความหวังปลาสนาการโดยสิ้นเชิง!

โอ...เอลีโอน่า...

จะไม่มีทางเป็นอื่นนอกจากนี้จริงล่ะหรือ?

“เอลินอร์...” สุรเสียงแห้งผากเพรียกหา

“เอลีโอน่ารู้เรื่องพวกนี้บ้างหรือไม่?”

“หม่อมฉันไม่แน่ใจ...เจ้าหญิงเอลีโอน่าอาจไม่ทรงทราบ แต่ไหนแต่ไร ไม่ใคร่ใส่พระทัยข่าวลือเสียๆ หายๆ ของพระมารดา”

“ควรจะเป็นเช่นนั้น...” ถ้อยรับสั่งแผ่วจนละม้ายภาวนา

“ขอให้เป็นเช่นนั้น...”

ในกาลที่ความรู้สึกดีงามภินท์พัง ยังกลับทรงห่วงเจ้ายอดดวงหทัยเสียยิ่ง

ชั่วขณะแห่งความมืดมนอันโหดร้าย พระหฤทัยดูจะถูกฉุดดิ่งลงไปอีก ด้วยเสียง...

“ไม่...ไม่!”

ลมที่ลอดจากริมฝีปากระแหงแห่งผู้นิทรา รัวและร้อนอย่างเพียบด้วยความหวาดหวั่น กระนั้นเหนื่อยล้าอันมีมากกว่า ยังทำให้อาการน่าจะตะโกน กลับกลายแค่ครวญสะอื้น

“โถ...คงละเมอเพราะฝันร้าย...”

มืออูมของเอลินอร์กำลังจะวางลงบนศีรษะเจ้าของเสียงอย่างเวทนา ทว่าต้องชะงักเพราะ ‘สำลัก’ ที่หลุดต่อ

“ได้โปรด...ไม่ใช่ข้า...อย่า! อย่าทำ! อย่า!”

ใช่เพียงเสียงหอบสะพรึง ดวงตาใต้เปลือกปิดสนิท กลิ้งเกลือก เนื้อตัวบิดเร่าหลีกเร้น มือไม้ป่ายปัด

“...ไม่ใช่เจ้าเล่ห์ร้อยกล ไม่ใช่นางทรยศผู้นั้น...ไม่ใช่มาโด อย่า...!”

เสียงคล้ายคนจมน้ำตา เมื่อสองมือเล็กๆ สะบัดต่อสู้มาหยุดอยู่ ณ จุดสุดท้ายบนเรือนร่าง...

จุด...ที่ฉุดให้สองผู้สังเกตการณ์ ถึงกับขนลุก ตาเบิก

“อย่าา...!”

สองมือเล็ก...เด็กหญิงยังไม่เยี่ยมวัยกำดัดด้วยซ้ำ...ปิดป้อง ทุรนทุราย!

“ไม่...!”

โมลาสโม่มีปริศนาน่าสะพรั่นนั่นแน่! และหากปริศนานั้นโยงสู่เจ้าหญิงเอลีโอน่าเช่นกัน...

“ม่ายยย...!!!”


ภาพจำลองแห่งความทุเรศร้าย บังคับให้เจ้าชายทีเบอร์เทียซไม่อาจทรงทน วรร่างสูงถลา สองพระหัตถ์คว้าบ่าน้อยเขย่า

“ตื่นเดี๋ยวนี้! ตื่น!”

“ฝ่าบาท!” พระพี่เลี้ยงตระหนกตะลึง รีบถลันเข้ายันพระกร

“ทำอะไรอย่างนี้เพคะ?! ฝ่าบาท!”

ความโกลาหลปลุกคนฝันร้ายได้สัมฤทธิ์ กระนั้นเด็กหญิงกรีดทั้งเสียงแหบแห้ง

“อย่าทำข้า! กลัวแล้ว...ฮือออ...!!!”

ความหวาดกลัวคงทะลุขีด เพราะร่างน้อยถึงกับกระชากตัวห่าง คลานโผเผไปขดชิดลำไม้ ยกสองมือชูปิดศีรษะ ทั้งเนื้อตัวสั่นระริก

ภาพดังกล่าวเรียกพระสติ ตลอดจนความสมเพชกลับมายังองค์อาคันตุกะได้เช่นกัน ทรงขึงค้าง ปล่อยให้เอลินอร์วางใจ ผละแล่นไปจัดการอีกรายแทน

“หนู...อย่ากลัวจ้ะ ปลอดภัยแล้วนะ! อยู่ที่นี่ปลอดภัย...ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้แล้ว...”

คำปลอบนอกจากสามารถบรรเทาอาการกลัวลาน ยังช่วยให้สายพระเนตรของอีกผู้ ลากสู่คนบนโจมแพ

เฟร็จคงหลับอุตุ จนไม่รู้ไม่ยินกระไร

“ขอโทษ...” รับสั่งเสียพระทัยหลังจากทรงหันกลับมา ท่ายกหัตถ์แบระดับอุระ อีกพระนัยนา หมายความตามรับสั่งแท้จริง

“ขอโทษ...เจ้าจงวางใจ เราจะไม่ทำอย่างนั้นอีก...”

ถึงอย่างไร ร่างในวงกอดของเอลินอร์ยังสั่นเทาด้วยแรงสะอื้น ดวงตาจับมาไม่วางใจ เจ้าของวงแขนต้องส่งสัญญาณทางสายตามาให้

‘ขอเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเอง’

ผู้ระเบิดพระอารมณ์เมื่อครู่จึงทรงยอมนิ่งอยู่...ห่างๆ รอให้พี่เลี้ยงผู้ชำนาญการ...ค่อยกล่อม เริ่มจากลูบแผ่นหลังนั้นแบบเบา น้ำเสียงอบอุ่น อ่อนโยน

“ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัวแล้วนะจ๊ะ หนูชื่อว่าอะไร?”

ตาดำจัด ระมัดมั่นที่เจ้าฟ้าชาย ค่อยเลิกขึ้นมองคนถามด้วยความไม่แน่ใจนัก

“บี” คำตอบเบาแทบเป็นเพียงลม

รอยยิ้มละมุนละไม เผยไมตรีบนใบหน้าอ้วนของเอลินอร์

“บี...ชื่อเพราะ เราสองคนแค่อยากถาม...อยากจะขอความช่วยเหลือจากหนู มันเป็นเรื่องเร่งด่วน หนูพอจะตอบ...พอจะช่วยเราได้มั้ยจ๊ะ บี? สัญญาว่าแค่คำสั้นๆ ก็ได้...”

ในความไม่แน่ใจ...และยัง...กลัว เด็กน้อยยอมพยักด้วยพิสุทธิ์ใสที่เหลืออยู่น้อยนิดกลางความเขรอะคล้ำ

คนกล่อมถอนใจ ไม่รู้ว่าโล่งไปเปลาะ หรือเพราะหนักอกเนื่องความร้อนรนที่ลุกขึ้นมาอีกในดวงเนตรองค์อาคันตุกะ

“ลูกสาวของฉันหายตัวไป หนูพอจะเห็นเขาบ้างมั้ยจ๊ะ? ผู้หญิงสวย ตัวสูง ใส่ชุดขาวคล้ายๆ กันกับฉันอย่างนี้ ผมยาวสีทอง แล้วถักเปีย ไม่ว่าใครเพียงมองผ่านครั้งเดียวยังต้องจำได้...”

มีรอยครุ่นคำนึงแค่นิดเดียว...นิดเดียวจริงๆ ก่อนคำตอบจะตามมาด้วยการ...

พยักรับ!

“พ...พวกมัน...พวกมันเอาตัวเธอไป...!”

ประหนึ่งร้อยพันสรรพาวุธ แทงกระหน่ำกลางดวงหทัยเจ้าชายทีเบอร์เทียซ!

เรื่องราวที่เพิ่งได้รับการถวายเล่ายาวเหยียด หย่อนความตึงเครียดลงพลันจนไม่อาจเทียบกันได้ ในเมื่อ...

สุริยะเทวะ!

ไม่ว่า ‘พวกมัน’ เป็นใคร แม้แต่เด็กน้อยเท่านี้ ‘มัน’ ยังลงมือได้! แล้วกับดรุณีงาม...งามยิ่งงามถึงเพียงนั้นเล่า...

เจ้าหญิงเอลีโอน่า...ป่านนี้จะเผชิญชะตากรรมเยี่ยงไหน?!

เรื่องราวต่อจากนั้นของเจ้าของนามบีกระท่อนกระแท่น...เพราะเป็นเด็กจึงยังไม่ใคร่รู้กระไร หากผู้ฟังยังพอจับได้ถึงเค้าแรงร้ายในโมลาสโม่

วินาทีที่เจ้าของความห่วงใยต้องตัดสินพระทัย...เสี่ยงคลำเข้าถ้ำเสือ เสียงเสนาะหนึ่งดังแผ่วราวแว่วจากสรวงสวรรค์

แสงไฟอ่อนไม่ทำให้เห็นสีสันชัดแจ้ง หากช่วงแผงคอ ปลายปีก และปลายหาง ยังขลิบด้วยประกายพรายอย่างหาได้ยากในนกสามัญ กับทั้งดวงตาสุกปลั่ง นอกจากแววโสมนัส ยังมีความเชื่อง และเคยคุ้นเสียยิ่งนัก

“เดสิท!”

. . . . . . . . . .
ปราปต์
19/11/12

 
 

จากคุณ : งี่เง่าบอย
เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 18:44:41




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com