บทที่ 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12833465/W12833465.html
บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12849116/W12849116.html
บทที่ 4.
เดินข้ามมาเพียงท้องร่องเดียวก็เจอห้องน้ำแบบก่ออิฐฉาบปูนหลังคามุงสังกะสีมองดูจากภายนอกสะอาดและแข็งแรงใช้ได้ สาวน้อยเดินตรงเข้าไปทันทีแต่เมื่อผลักประตูเข้าไปกลับต้องกรีดร้องเสียงดัง เมื่อสายตาประสบเข้ากับร่างผู้ชายที่กำลังยืนปลดทุกข์เบาหันหลังให้เธอ
โรคจิตค่ะ ช่วยด้วยโรคจิต
สาวน้อยแหกปากร้องเสียงดังพลางใช้มือปิดตาไม่อยากเห็นภาพบัดสีตรงหน้า คนที่กำลังถ่ายทุกข์ก็พลอยตกใจไปด้วย สายน้ำแห่งความสุขที่กำลังไหลหลากก็พลอยชะงักหาย หนุ่มน้อยรีบจัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นและเข้าใจผิดไปตามที่สาวน้อยร้องออกมา
เกิดอะไรขึ้นครับคุณพิมพ์ มณฑลที่รีบวิ่งมาทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง เอ่ยถามสาวน้อยระล่ำระลัก
โรคจิตค่ะคุณมน โรคจิตในห้องน้ำค่ะ
พิมพ์จันทร์พูดทั้งที่ยังปิดตาอยู่มืออีกข้างก็ชี้ไปยังบุคคลในห้องน้ำที่กำลังยืนงง มณฑลมองตามมือสาวน้อยไปหากเมื่อเห็นโรคจิตที่ว่าก็ต้องหัวร่อลั่น
ไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณพิมพ์คนนี้หนะไม่ใช่โรคจิตหรอกครับ พูดจบก็ยังอดขำต่อไม่ได้ พิมพ์จันทร์ค่อยๆคลายมือออกมองคนที่เธอกล่าวว่าเป็นโรคจิตชัดๆอีกครั้ง
ใครอะคุณมนทำเอาตกใจฉี่หดหมดแล้วเนี้ย หนุ่มน้อยมองจ้องหน้าสาวน้อยแต่ปากร้องถามไปที่พี่ชายแทน
คุณพิมพ์ลูกสาวคุณอาทัตพลข้างบ้าน คนนี้น่ะคุณเมืองน้องชายของคุณมนเอง ตอบน้องชายเสร็จแล้วก็ต้องหันไปชี้แจ้งแก่สาวน้อยเช่นกัน
ไม่รู้จะแหกปากอะไรนักหนาจะมองให้ดีก่อนเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนอื่นใช้อยู่ เมืองเอกเอ่ยขึ้นอย่างฉุนอารมณ์ ไม่ไว้หน้าคนเพิ่งเจอกันสักนิด
ก็เห็นประตูไม่ได้ปิด ใครจะไปรู้ล่ะว่ามีคนอยู่ คนอะไรเข้าห้องน้ำประตูก็ไม่ปิด โรคจิตชัดๆ พิมพ์จันทร์ก็ตอบโต้เผ็ดร้อนไม่ต่างกัน
ก็นี่มันห้องน้ำบ้านฉัน เคยเข้าอย่างนี้ทุกวันไม่เห็นเคยมีอะไร คนมันปวดฉี่จะราดมะรอมมะร่อ ใครจะคิดเรื่องปิดประตูทัน หนุ่มน้อยคนน้องกล่าวตรงๆจนพิมพ์จันทร์ต้องถอนหายใจอย่างระอา
เถอะน่าคุณเมือง คุณพิมพ์เธอเพิ่งเคยมาบ้านเราครั้งแรก นายก็เกินไปกะอีแค่ปิดประตูซะหน่อย
อ้าวก็บอกว่าปวดจนอั้นไม่ไหวแล้วไง
แต่อย่างน้อยก็ควรจะปิดประตูซะก่อน ทำอย่างนี้น่ะเขาเรียกว่ามักง่าย สาวน้อยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองง่ายๆ
เอ๊ะเธอนิ จะเอายังไงอีก เมืองเอกต่างจากพี่ชาย มุทะลุ ตรงไปตรงมา มณฑลจะอ่อนโยนและสุขุมกว่ามาก
พอเถอะทั้งสองคนนั้นแหละ คุณเมืองไปกินมะม่วงน้ำปลาหวานกันเถอะคุณพิมพ์เอามาฝากอร่อยล้ำทีเดียวเลยแหละ เพื่อเป็นการห้ามทัพมณฑลจึงเลือกเอาของกินมาล่อ
มะม่วงน้ำปลาหวานเหรอน่าลองแฮะ เหมือนจะลืมเรื่องอื่นไปได้จริงๆเมื่อพูดถึงของกิน
ไปเถอะ น้ำปลาหวานคุณพิมพ์ทำเองอร่อยมาก
พี่ชายว่าพรางออกเดินนำหน้าทุกคนไป น้องชายเดินตามหลังตบท้ายด้วยสาวน้อย เมืองเอกออกจะผิวคล้ำกว่าพี่ชายสักนิดทั้งใบหน้ายังคมกว่า มณฑลนั้นเรียกว่าหล่อสวยด้วยใบหน้าเกลี้ยงเกลาค่อนไปทางหวาน ส่วนเมืองเอกนั้นใบหน้าคมสันกว่า คิ้วดกหนา ขนตางอนยาวเป็นแพ ปากอวบอิ่มยักได้รูป เรียกว่าหล่อเข้มถึงจะเหมาะ ส่วนนิสัยใจคอนั้นต่างกันราวหนาวกับร้อน
พิมพ์จันทร์เดินตามหลังคนทั้งคู่ไป นึกในใจพี่น้องไม่ละหม้ายกันสักนิด มณฑลดูน่าต้องใจกว่ากันตั้งเยอะส่วนเมืองเอก คนอย่างนี้ถ้าไม่มีกิจไม่อยากจะมักจี่ด้วยจริงๆ
ผู้หญิงผิวขาววัยกลางคนที่นั่งรออยู่หน้าบ้าน ทำเอาพิมพ์จันทร์แทบอยากจะวิ่งหนีทันทีที่ได้เห็น เมื่อสาวน้อยกลับมาถึงบ้านในตอนบ่ายพบว่าคุณแสงอุษากำลังนั่งรอเธอยู่อย่างกระสับกระส่าย ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางราคาแพงไว้ค่อยข้างหนานั้น แทบจะเก็บอาการขุ่นเคืองไว้ไม่มิดเมื่อเห็นหน้าบุตรสาวเดินออกมาจากสวนมังคุดข้างบ้าน
นี่แกทำอะไรของแกฮะยัยพิมพ์ ทำไมหนีออกจากบ้านมาไม่บอกใครอย่างนี้ รู้มั้ยว่าฉันต้องวุ่นวายเรื่องแกแค่ไหน แสงอุษาระเบิดคำพูดใส่หน้าสาวน้อยอย่างฉุนเฉียว
ใจเย็นๆก่อนดีกว่านะคุณ ค่อยๆพูดกับลูกดีๆ คุณทัตพลพยายามร้องปรามอดีตภรรยาอย่างใจเย็น
ใจเย็นเหรอ ใครจะไปใจเย็นได้เหมือนคุณล่ะ รวมหัวกันทั้งพ่อทั้งลูก คิดว่าฉันเป็นอะไรไม่เห็นหัวกันแล้วรึไง เกิดเรื่องเกิดราวอะไรขึ้นไม่บอกฉันสักคำ
ก็แม่มีเวลาให้หนูตอนไหนล่ะค่ะ ปรกติแม่เคยสนใจอะไรหนูบ้าง แสงอุษายิ่งเลือดขึ้นหน้าเมื่อโดนลูกสาวยอกย้อน
ยัยพิมพ์ ทำไมแกมันก้าวร้าวเถียงฉันได้ทุกคำอย่างนี้น่ะ มานี่ฉันจะพาแกกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แสงอุษาตรงเข้าฉุดกระชากแขนบุตรสาวอย่างแรงและลากตัวไปที่รถทันที
หยุดเถอะคุณแสง เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินคำพูดนั้น ความโมโหอึงอวนไปทั้งในหูและในหัวแสงอุษายังคงพยายามลากสาวน้อยไปในขณะที่พิมพ์จันทร์ก็ขัดขืนเต็มที่
คุณแสงหยุด ผมบอกให้คุณหยุดไง คุณทัตพลโพล่งคำพูดเสียงดังด้วยหน้าตาที่เกรี้ยวกราดไม่แพ้อีกฝ่าย ทำเอาพิมพ์จันทร์ที่ไม่เคยเห็นบิดาในอาการนั้นตกใจไม่ต่างจากแสงอุษา
เลิกบังคับลูกได้แล้ว เขายังไม่อยากกลับก็ปล่อยเขาไปเดี๋ยวผมจะไปส่งเขาเอง หยุดทำอะไรตามอารมณ์ตัวเองซะที ว่าแล้วคนเป็นพ่อก็ตรงเข้าไปดึงตัวบุตรสาวออกมาจากมือแม่
ไม่ ฉันจะพายัยพิมพ์กลับบ้าน คุณนั่นแหละเลิกยุ่งกับเรื่องนี้สักที ถ้าคุณยังไม่หยุดบังคับยัยพิมพ์ล่ะก็ผมจะไม่ยอมคุณอีกต่อไป เพราะคุณเป็นอย่างนี้ไงยัยพิมพ์มันถึงไม่อยากกลับไป น้ำเสียงนั้นก้องกังวาน
อ๋อ นี่คุณว่าฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีดูแลลูกไม่ได้เหรอ
ใช่ คุณไม่เคยนึกถึงลูกเลยสักนิด
แล้วคุณล่ะดีกว่าฉันแค่ไหนกัน ก็เพราะคุณนั่นแหละเอาแต่ตามใจลูก ยัยพิมพ์มันถึงนิสัยเสียอย่างนี้ไง ถ้อยคำโต้เถียงกันของพ่อแม่สะเทือนไปถึงก้นหัวใจของสาวน้อย พิมพ์จันทร์สะอื้นไห้เอามือปิดหูก่อนจะโพล่งคำพูดเสียงดังออกมา
พอเถอะค่ะ พอทั้งคู่นั่นแหละเลิกทะเลาะกันสักที สิ้นเสียงนั้นทั้งคุณทัตพลและคุณแสงอุษาก็หันไปมองบุตรสาวเป็นตาเดียว
แม่อยากให้หนูกลับบ้านใช่มั้ยค่ะ ได้ค่ะหนูจะกลับบ้านกับแม่
พูดจบสาวน้อยก็เดินตรงไปเปิดประตูรถก้าวขึ้นนั่งในตอนหลังของรถทันที ปล่อยให้ทั้งพ่อและแม่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สักครู่คุณแสงอุษาก็เดินตามบุตรสาวเข้าไปนั่งในรถบ้างก่อนที่รถยนต์ยุโรปคันหรู่จะเคลื่อนจากไปพิมพ์จันทร์หันมาสบตากับคนเป็นพ่อเพียงแวบเดียว
แววตาดวงโศกนั้นระทมทุกข์อย่างเห็นได้ชัด แต่ยังมีแววบางอย่างซ้อนอยู่สิ่งที่คุณทัตพลเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร เหมือนมีความแข็งกร้าว ดุดันระคนอยู่ในความโศกตรมนั้น คุณทัตพลทั้งสงสารและเป็นห่วงบุตรสาวคนเดียวอย่างที่สุด หดหู่ใจที่พิมพ์จันทร์ต้องมาพอเจอความรันทดระคนเศร้าเช่นนี้
พิมพ์จันทร์ถูกลากตัวเข้าห้องนอนทันทีที่มาถึงบ้าน สาวน้อยเดินไปตามแรงฉุดของมารดาราวไร้จิตวิญญาณ คุณแสงอุษาจับร่างแบบบางของบุตรสาวเหวี่ยงลงไปบนที่นอนด้วยความโมโหสุดขีด พิมพ์จันทร์ยังคงนิ่งไม่ได้ยินแม้เสียงร้องไห้ ใบหน้านั้นไม่แสดงความเจ็บปวดเสียใจอะไรทั้งสิ้น
แกนิมันร้ายจริงๆนะยัยพิพม์ไปพูดกับคุณยายและคุณน้าอย่างนั้นได้ยังไง
หนูพูดไปตามความจริง ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงเย็นชา จนมองดูแข็งกระด้าง
ความจริงอะไรของแก อ่อ...ความจริงที่ว่าแกตั้งใจวิ่งชนยัยอันนะเหรอ
หนูไม่ได้แกล้งเขาขนาดแม่ยังไม่เชื่อหนูเลย แล้วจะให้หนูบอกแม่ได้ยังไง ทำไมถึงไม่มีใครเรียกยัยอันมาถามต่อหน้าหนูบ้าง ทุกคนเชื่อยัยนั่นแต่ไม่มีใครเชื่อหนูเลยแม้แต่แม่แท้ๆของตัวเอง สาวน้อยพลั้งพรูคำพูด น้ำตาที่เคยแห้งหายไปแล้วกลับเอ่อคลอหน่วยตาอีกครั้ง
ก็เพราะแกมันนิสัยอย่างนี้ไง ถึงไม่มีใครเชื่อแก
ที่หนูเป็นอย่างนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละ ไม่ใช่ใครอื่นเลยรู้ไว้ซะด้วย พูดจบสาวน้อยก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวปิดมิดแม้แต่หัว คุณแสงอุษาได้แต่ยืนมองก่อนจะพูดทิ้งท้ายว่า
ฉันจะกักบริเวณให้แกอยู่แต่เฉพาะในห้องนี้จนกว่าจะถึงงานวันแข่งขันคณิตศาสตร์ แกจะออกไปข้างนอกได้เฉพาะตอนที่ไปโรงเรียน และตอนออกไปกินข้าวเท่านั้น ตลอดเวลาที่แกอยู่ในห้องนี้ แกต้องพยายามฝึกทักษะคณิตศาสตร์ของแกให้ดี แล้ววันแข่งอย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังล่ะ
เสียงประตูห้องปิดลงเป็นสัญญาณว่าคนเป็นแม่เดินออกไปแล้ว พิมพ์จันทร์จึงคลายผ้าห่มออก ปลอกหมอนสีฟ้าอ่อนปักลายดอกทิวลิปสีม่วงเปียกเปื้อนไปด้วยน้ำตา สาวน้อยเพียงแค่หันหน้าไปมองประตูแล้วจึงหันกลับมาซบกับหมอนอีกครั้ง หยาดน้ำตายังคงไหลริน
พิมพ์จันทร์บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่น้ำตาจะเหือดหายไปจากใบหน้าเธอได้สักที แต่สิ่งที่รู้คือรอยช้ำในหัวใจและทุกความข่มขื่นที่เธอได้รับมันจะยังฝังใจเธอไปอีกนาน
บ้านเงียบลงไปอีกครั้งเมื่อแสงอุษามาเอาตัวลูกสาวคนเดียวของเขากลับไป คุณทัตพลเดินกลับเข้าบ้านมาอย่างเงียบๆ เหมือนมีก้อนสวะอะไรบางอย่างจุกคอ มันไม่ใช่ความโกรธทั้งยังไม่ใช่ความเกลียดแค้นอะไร แต่มันเป็นความรู้สึกของคนที่พยายามจะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดแต่ดูเหมือนว่าทุกหนทางที่คิดแก้ไขจะนำมาซึ่งความเลวร้ายมากกว่าเดิม
ครั้งหนึ่งเขาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนั้นเขาเพิ่งจะสอบบรรจุเข้ารับราชการในสถานที่เดียวกับที่ผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ ผู้หญิงที่ดูประเปรียว มีความมั่นใจสูง เขารู้สึกพึงใจผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น แต่ความต่างทางฐานะสังคมทำให้เขาต้องตกอยู่ในภาวะหมาเห่าเครื่องบิน และยิ่งตอกย้ำความแตกต่างห่างเหินมากขึ้น เมื่อสาวเจ้ามีใจผูกติดอยู่กับหนุ่มผู้ดีนักเรียนนอก ข้าราชการกินเงินเดือนอย่างเขาจึงได้แต่เฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ ดูเหมือนแสงอุษาจะดูออกอยู่หรอกว่าเขามีใจให้เธอ
แต่หญิงสาวก็ไม่ได้มีท่าทียินดียินร้ายอะไร เขายังคงไปมาหาสู่กับเธอได้บ้างเมื่อต้องทำงานที่เดียวกัน แต่ทัตพลรู้ความหวังในรักครั้งนี้นั้นริบรี่เพียงใด ทว่าโชคชะตาก็ไม่ได้เลวร้ายกับเขาซะทีเดียวเมื่อหนุ่มผู้ดีนักเรียนนอกประกาศแต่งงานและแน่นอนเจ้าสาวย่อมไม่ใช่แสงอุษาหญิงสาวที่เขาพึงใจอยู่แน่ หลังจากวันนั้นเขาดูออกชัดเจนว่าแสงอุษามีท่าทีเปลี่ยนไป หญิงสาวเอาแต่เก็บตัวไม่ค่อยพูดจากับใคร เอาแต่เที่ยวเตร่ดื่มกิน
ทัตพลรู้นั่นเป็นผลพวงมาจากความเสียใจ เขายิ่งรู้สึกเห็นใจเธอมากขึ้นในขณะที่แสงอุษาห่างไกลจากคนอื่นออกมาเรื่อยๆมีเขาเพียงคนเดียวที่ยังคอยดูแลอยู่เป็นเพื่อนข้างๆกาย ความดีและความพยายามของเขาเริ่มทำให้แสงอุษาเห็นคุณค่าขึ้นมาบ้าง ทัตพลจึงเป็นเพื่อนคนเดียวที่แสงอุษาสนิทสนมด้วยที่สุดและแน่นอนด้วยความเป็นห่วง ทุกที่ที่แสงอุษาไปกิน ดื่ม เที่ยว เขาจะต้องตามติดไปด้วยและพอจะรู้ว่าหญิงสาวยังมีเพื่อนชายอีกหลายคนนอกจากเขา สำหรับแสงอุษาสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นจะเรียกว่าความรักหรือแค่ความผูกพันเขาไม่รู้
แต่สำหรับเขาความรักมันเริ่มทบทวีคูณขึ้นตั้งแต่วันนั้น แต่แสงอุษาก็ยังไม่มีทีท่าที่จะยอมรับเขาในฐานะคู่ชีวิตสักที การใช้ชีวิตอย่างเสเพลของแสงอุษานำมาซึ่งเหตุการณ์ความเลวร้ายที่ไม่มีใครคาดถึง วันที่เธอพลาดพลั้งจนทำให้เกิดความสูญเสียต่อครอบครัวของคนที่เธอรักแต่เรื่องนี้จะโทษแสงอุษาคนเดียวไม่ได้และคนชั่วที่แท้จริงก็ได้รับผลกรรมของเขาไปแล้ว พร้อมกับทิ้งความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้กับเขา เมื่อวันที่แสงอุษาเดินมาบอกกับเขาว่า
ฉันท้องได้สองเดือนแล้ว
มันเหมือนคลื่นยักษ์เข้าถล่มชายหาดในวันฟ้าใส คลื่นแห่งความผิดพลาดไม่ตั้งใจและแน่นอนมันจะนำมาซึ่งความยุ่งยากหากจะแก้ไขให้ไปสู่ความดีงามสู่วันที่ท้องฟ้าสดใสในการใช้ชีวิตครองคู่ด้วยกัน และเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเมื่อวันที่เขาเข้าไปกราบเท้าคุณหญิงดวงแข เค้าลางแห่งความยุ่งยากเริ่มปรากฏ
กระผมมากราบขอขมาท่านครับ กระผมขอโทษและยอมรับผิดในทุกอย่างที่เกิดขึ้น และยินดีเป็นอย่างมากที่จะดูและรับผิดชอบชีวิตคุณแสงอุษาไปตลอดชีวิต
เขากราบลงแทบเท้าของคุณหญิงดวงแข และคุณหญิงก็ชักเท้าหนีเกือบจะทันที
ฉันไม่รับคำขอขมาจากเธอ คนอย่างเธอน่ะเหรอจะดูแลลูกสาวฉันได้ ทีตอนทำล่ะไม่คิดเกิดเรื่องแล้วยกบายศรีมาขอขมาแค่นี้แล้วจะให้เรื่องมันจบง่ายเหรอ
ท่าทีพูดเชิดหน้าเย่อหยิ่งแม้ตอนชำเลียงหางตามามอง ยิ่งทำให้ทัตพลลำบากใจจนปั้นหน้ายากมากขึ้น
กระผมยอมรับทุกอย่างไม่ว่าคุณหญิงจะให้ทำอะไร กระผมขอแค่ความกรุณาให้กระผมได้มีโอกาสดูแลแสงอุษาและลูกเท่านั้นครับ กระผมรักและซื่อสัตย์ต่อแสงอุษาด้วยความจริงใจ กระผมอยากจะอยู่ใกล้ๆและดูแลเธอไปตลอดชีวิต ด้วยเกียรติของข้าราชการผู้มีสัตย์ตรง กระผมขอสัญญาว่าจะรัก ซื่อสัตย์และดูแลแสงอุษากับลูกให้ดีที่สุดในชีวิตของกระผมเอง
คุณหญิงดวงแขนั่งฟังนิ่งโดยที่ไม่ทราบเลยว่าความจริงที่หน้าอดสูมีมากกว่าที่เห็น แสงอุษาก็เช่นกันเธออยู่ในฐานะที่ไม่อาจจะเรียกร้องและโต้แย้งอะไรได้
แล้วเธอจะรับผิดชอบต่อชื่อเสียงที่เสียไปของวงศ์ตระกูลฉันยังไง คุณหญิงดวงแขยังคงแสหน้ามองทางอื่นในขณะที่พูดกับทัตพล
กระผมจะจัดผู้ใหญ่ และสินสอดมาสู่ขอให้สมเกียรติของท่านและวงศ์ตระกูลครับ เขาพูดช้า ชัดเจน
ฉันไม่ต้องการให้เอิกเกริกใหญ่โต จัดทุกอย่างให้ถูกต้องสมเกียรติอย่างเงียบที่สุด
นั่นเหมือนเป็นดั่งประกาศิตสุดท้ายของคุณหญิงดวงแขในเรื่องชีวิตคู่ของเขากับแสงอุษา เขาไม่รู้ว่าแสงอุษาได้เล่าความจริงทั้งหมดให้แก่มารดาฟังหรือไม่แต่เรื่องราวความวุ่นวายก็ยังเรื้อรังจนนำความเจ็บปวดมาสู่พิมพ์จันทร์ในวันนี้
คุณทัตพลเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนแก้ปัญหาเหล่านั้นหรือเป็นคนผูกมันให้ยุ่งเหยิงมากขึ้นกันแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่ผ่านบทพิสูจน์มาแล้วก็คือ แสงอุษาไม่เคยมีใจให้เขาเลยสักนิดแม้จะนานแค่ไหน เขาจะเฝ้าพยายามทำดีอย่างไร ความดีนั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอรักเขาขึ้นมาได้ ส่วนเขาไม่ว่าแสงอุษาจะร้ายกาจแค่ไหน วันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยังจะรักเธออยู่นั้นแหละ
งานแข่งขันทดสอบทักษะทางวิชาการถูกจัดขึ้นในโรงเรียนชั้นนำแห่งหนึ่งของกรุงเทพ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เพราะมีตัวแทนของโรงเรียนชื่อดังต่างๆทั้งจากในกรุงเทพและต่างจังหวัดเข้าร่วมแข่งขันมากมาย
พราวเดือนมาถึงโรงเรียนพร้อมทั้งคุณวรเทพและคุณพัตรพิมล ผู้ปกครองมาให้กำลังใจบุตรสาวถึงหน้าห้องสอบ พราวเดือนเตรียมตัวเตรียมใจอยู่นอกห้องไม่นานก็ตัดสินลงสู่สังเวียนทันที จังหวะที่สาวน้อยก้าวเข้าสู่ห้องสอบพร้อมๆกับชายหนุ่มอีกคนจึงทำให้กระแทกกันเบาๆ สาวน้อยกล่าวคำขอโทษพร้อมๆกันกับชายหนุ่ม มองเห็นใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลานั่นเพียงเสี้ยว แต่เมื่อเดินไปนั่งตรงตำแหน่งนั่งสอบจึงมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ใบหน้าละมุนยิ้ม จมูกโด่งยาวเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป ชายหนุ่มนั่งสอบข้างๆเธอนี้เอง
กรรมการคุมสอบเริ่มแจกข้อสอบและให้ทุกคนเริ่มเขียนชื่อที่ข้อสอบก่อนลงมือทำข้อสอบ ในขณะที่พราวเดือนกำลังตั้งใจเขียนชื่ออยู่นั้นชายหนุ่มคนเดิมก็สะกิดเธอเบาๆก่อนจะพูดว่า
มีน้ำยาลบคำผิดมั้ย ขอยืมหน่อยสิ เราลืมเตรียมมา หญิงสาวหยิบน้ำยาลบคำผิดให้ชายหนุ่มในทันที ฝ่ายนั้นรับไปก็กล่าวตอบเบาๆว่า
ขอบใจเธอมากนะ แต่ยังไม่ทันที่พราวเดือนจะตอบโต้อะไรกรรมการคุมสอบท่านหนึ่งก็มองมาที่พวกเขาพร้อมกับทำเสียงดังในลำคอเท่านั้นทุกอย่างก็เงียบลงก่อนที่กรรมการจะบอกสัญญาณเริ่มทำข้อสอบ
หลังจากทำข้อสอบเสร็จหญิงสาวก็รีบสาวเท้าออกจากห้องสอบทันที ลืมเรื่องน้ำยาลบคำผิดที่ให้ชายหนุ่มยืมไปเสียสนิท ครั้นเมื่อชายหนุ่มจะคืนน้ำยาลบคำผิดให้แก่เจ้าก็ปรากฏหญิงสาวไม่อยู่แล้ว เพราะเขาทำข้อสอบเสร็จหลังเธอจึงไม่มีโอกาสเจอกันอีก ชายหนุ่มล้มลงมองหลอดน้ำยาสีขาวยาวๆในมือ ระบุชื่อด้วยปากกาหมึกติดถาวรว่า พราวเดือน ชายหนุ่มเก็บหลอดยาวๆเข้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องสอบไป
หลังจากสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องรอประกาศผลในตอนบ่ายพราวเดือนจึงไปตรวจสอบผลอีกทีหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินออกมาหาบิดามารดาแต่พบว่าทั้งสองกำลังนั่งคุยอยู่กับสตรีคนหนึ่ง หญิงสาวจำได้ในทันที คุณอาแสงอุษา พราวเดือนเข้าไปยกมือไหว้พร้อมกล่าวคำว่า
สวัสดีค่ะคุณอาแสงอุษา หญิงสาวพนมมือไหว้อย่างอ่อนช้อย
สวัสดีจ๊ะหนูพราว สอบเสร็จแล้วเหรอจ้ะ
เสร็จแล้วค่ะ
เอ่ ยัยพิมพ์ก็น่าจะเสร็จแล้วเหมือนกันนะ แต่ทำไมยังไม่ออกมาสักที คุณแสงอุษาว่าพรางสอดส่ายสายตาหาบุตรสาว
เอ๊ะ นั่นใช่หนูพิมพ์มั้ยคะ เดินมาโน้นแล้วค่ะ ทุกคนมองตรงไปที่พิมพ์จันทร์เป็นตาเดียวตามที่พัตรพิมลบอก สาวน้อยเดินตรงมาหามารดา สีหน้าไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่
เป็นไงบ้างลูกเหนื่อยมั้ยหือ คุณแสงอุษาลูบผมบุตรสาวเบาๆ
สอบกันเสร็จแล้วผลเป็นยังไงกันบ้างล่ะ ยัยพราว คุณวรเทพร้องถามบุตรสาวอย่างอ่อนโยนในขณะท่าทีที่แสดงต่อแสงอุษาและพิมพ์จันทร์ยังคงกระด้างห่างเหิน
ยัยพราวผลเป็นไงบ้างลูก คุณพัตรพิมลเอ่ยถามสำทับอีกที แต่พราวเดือนกลับใช้ใบหน้าอมยิ้มน้อยๆแทนคำตอบเท่านั้นคนเป็นพ่อแม่ก็เข้าใจได้ไม่อยาก
ยิ้มอย่างนี้แสดงว่าได้รางวัล ไหนบอกแม่มาสิได้ที่เท่าไหร่ คำถามจากแม่ทำให้พราวเดือนต้องรีบเฉลยคำตอบโดยเร็ว
ที่หนึ่งค่ะ
นั่นไงเก่งจริงๆลูกพ่อ คุณวรเทพว่าพรางโอบบุตรสาวมาแนบลำตัว แสงอุษาที่ทนดูทนฟังมานานแทบจะอดทนต่อไม่ได้ ต้องรีบแทรกขึ้นบ้าง
ยัยพิมพ์ล่ะลูกว่าไง คงไม่พลาดที่หนึ่งเหมือนกันใช่มั้ยแม่เห็นหนูตั้งใจอ่านหนังสือตั้งเยอะ
ว่าแล้วก็โอบเอวลูกมากอดบ้าง แต่ทั้งสีหน้าและแววตาของพิมพ์จันทร์บอกได้ชัดเจนถึงผลการแข่งขัน สาวน้อยยังคงนิ่งด้วยการหลบสายตาทุกคน เพียงเท่านั้นแสงอุษาก็พอเข้าใจเธอหันมองหน้าสามีภรรยาตรงหน้าก่อนจะรีบพูดขึ้นแก้สถานการณ์
ไม่ได้ที่หนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็ต้องติดหนึ่งในสามแน่ใช่มั้ยลูก อีกครั้งที่พิมพ์จันทร์ยังคงเงียบ แม่คงไม่รู้ว่ามันลำบากใจแค่ไหนที่ต้องพูดสิ่งนั้นออกไป
ว่าไงล่ะลูกยัยพิมพ์ แสงอุษายังคงคาดคั้นคำตอบจากปากลูกสาวจนพิมพ์จันทร์ต้องตอบออกไปและแน่นอนสาวน้อยย่อมตอบไปตามความเป็นความจริงที่แม่ของเธอคงไม่อยากฟังแน่
หนูตกรอบแรกค่ะไม่ได้รางวัลอะไรเลย หนูบอกแม่แล้วไงค่ะว่าหนูไม่เก่งคณิตศาสตร์แม่ก็ยังอยากให้หนูลงแข่งอยู่ได้ คำพูดของบุตรสาวทำเอาแสงอุษาแทบเป็นลมหน้าเงย ต้องรีบบีบเนื้อต้นแขนพิมพ์จันทร์ได้หยุดพูด เธอมองหน้าคุณวรเทพและคุณพัตรพิมลอีกครั้งก่อนจะพูดว่า
พูดอะไรอย่างนั้นล่ะลูก เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะสงสัยแกจะเสียใจนะค่ะ ยังไงฉันขอตัวพาลูกสาวไปปลอบใจก่อนนะค่ะ
พูดได้เท่านั้นแสงอุษาก็รีบลากกึ่งจูงพิมพ์จันทร์ออกไปจากคนกลุ่มนั้น นึกในใจ..แกฉีกหน้าแม่ต่อหน้าคนพวกนั้นอีกแล้วนะพิมพ์จันทร์ สาวน้อยเดินตามมารดาไปพอจะคาดเดาชะตากรรมต่อไปของตนเองได้ไม่ยาก
คุณวรเทพพร้อมภรรยามองดูท่าทีของสองแม่ลูกอย่างนึกสงสัย เหมือนรักกันอบอุ่นดีแต่มองดูขัดๆยังไงไม่รู้ พิมพ์จันทร์เหมือนจะเครียดและกังวลอยู่ตลอดเวลา พราวเดือนมองตามหลังสาวน้อยไปนึกสงสาร เธอเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นลูกดี เมื่อโดนคาดหวังจากครอบครัวมากย่อมเกิดความกดดัน คนเป็นลูกนั้นไม่อยากทำให้พ่อแม่ผิดหวังเลยสักนิดแต่บางครั้งบางอย่างมันก็ยากเกินความพยายามจริงๆ
เธอเองก็เคยประสบกับเหตุการณ์และความรู้สึกเช่นนี้แต่ดีหน่อยที่เธอพยายามจนเรียนเก่งความคาดหวังของพ่อแม่เธอจึงไม่เคยผิดหวังสักครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่เธอพยายามอย่างหนักเพื่อครอบครัวเสมอมา อะไรก็แล้วแต่ที่พ่อแม่จะมีความสุขเธอจะทำให้ในทัน เธอจึงพยายามเรียนให้เก่งที่สุดเพื่อพ่อแม่จะได้ภาคภูมิใจ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ขอโทษด้วยนะคะที่ลงบทนี้ช้าไปหน่อย ยังไงก็ฝากแนะนำติชมด้วยนะค่ะ
แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 55 19:54:48
จากคุณ |
:
idakok
|
เขียนเมื่อ |
:
20 พ.ย. 55 19:52:40
|
|
|
|