++++++++++++ บทที่ 1 ++++++++++++
ท้องฟ้าสีใสถูกระบายด้วยสีเทาครึ้มเนื่องมาจากความขุ่นมัวของชั้นบรรยากาศที่กำลังจะตกลงมาเป็นเม็ดฝน ความมืดครึ้มในเวลานี้ทำให้หญิงสาวรูปร่างเล็กกะทัดรัดไม่เกินหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรต้องรีบก้าวเท้าเดิน ไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุดก่อนที่เธอจะต้องติดฝนอยู่แถวนี้...
จากการเดินกึ่งวิ่งของเธอนั้นทำให้มาหยุดยืนอยู่หน้าสถานที่ดังกล่าวโดยที่มีเพียงเม็ดฝนตกลงมาเล็กน้อย เธอเงยหน้า ขึ้นมองป้ายที่เขียนไว้ด้านบนเล็กน้อยซึ่งเขียนไว้ว่า เรือนจำกลางจังหวัด ด้วยความรู้สึกชั่งใจบางอย่างว่าควรหรือไม่ ที่จะต้องมาพบกับคนที่อยู่ด้านหลังของกำแพงหนาสูงใหญ่เช่นนี้ แต่เมื่อใช้ความรู้สึกตัดสินใจแล้วจึงค่อยย่างเข้าไป ด้านในโดยมีผู้ชายในวัยกลางคนสวมใส่ชุดแต่งกายสีกากีดังเช่นผู้คุมขัง เธอจึงยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าด้วยความนอบน้อม
วันนี้เป็นวันเยี่ยมผู้ต้องขังใช่มั้ยคะ
ใช่ นักโทษชื่ออะไรละ เดี๋ยวจะเรียกให้ออกมา เธอไปรอที่ห้องพบญาติก่อน ผู้คุมขังเอ่ยถามเสียงเข้มอย่างเหนื่อยหน่าย ที่วันนี้ญาติมากันเยอะเหลือเกิน
การันต์ วงศ์นฤนาถคะ เธอเอ่ยตอบคำถามไป แล้วจึงเดินตรงไปยังห้องด้านในซึ่งมีผู้ต้องขังและญาตินั่งกันอยู่หลายคน ขณะที่นั่งรอนั้นพลางคิดในใจว่าจะบอกเรื่องราวดังกล่าวนั้นอย่างไรดี เธอเป็นห่วงความรู้สึกของพี่ชายยิ่งกว่าสิ่งใด...
ประตูห้องด้านในถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า โดยมีผู้คุมคนก่อนหน้านี้เดินออกมาเป็นคนแรกตามด้วยชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง มีผิวขาวหากแต่คล้ำลงไปบ้างเล็กน้อยอาจเพราะต้องตรากตรำทำงานหนักอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นเปรอะเปรื้อน ไปด้วยสีดำเหมือนน้ำมันหรืออะไรสักอย่าง...
การันต์ส่งยิ้มให้กับกานต์รวีพร้อมกับใบหน้าที่แสดงความดีใจออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อได้เห็นว่าคนที่มาเยี่ยมนั้นเป็นใคร
สบายดีหรือเปล่าคะพี่รันต์ หญิงสาวยกมือพนมไหว้ผู้เป็นพี่ชายที่เดินเข้ามานั่งใกล้ตัวเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างเช่นที่เธอมักเห็นในบ่อยครั้ง... แม้ว่าพี่ชายคนนี้จะรู้สึกทุกข์ใจอย่างไร แต่ก็ไม่เคยเผยความรู้สึกเหล่านั้นให้เธอได้รับรู้เลย
การันต์นั่งมองกิริยาของน้องสาวคนนี้ด้วยความรู้สึกแปลกใจตัวเอง ที่ตอนนี้เธอดูเหมือนจะเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัวแล้ว คงไม่เหมาะหากเขานึกอยากจะกอดเธอให้สมกับความคิดถึง ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาเพียงแค่ปีกว่าๆ หลังจากที่กานต์รวี เข้ามาเยี่ยมเขาครั้งที่แล้ว ท่าทางของเธอคล้ายจะดูเป็นหญิงกุลสตรีมากขึ้นเป็นกอง...
หากแต่แววตาของเธอยังคงดูเศร้าสร้อยดังเช่นเมื่อวันวานไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าความทรงจำที่เลวร้ายนั้นได้ถูกลบเลือนออกไป แต่เธอก็กลับกลายเป็นคนเงียบขรึมเช่นนี้โดยไม่มีสาเหตุ
ชายหนุ่มรู้สึกละอายตัวเองที่ไม่สามารถคอยดูแลน้องสาวของตนที่กำลังเติบโตคนนี้ได้เลย กำพร้าทั้งพ่อและแม่ตั้งแต่ยังเด็ก เรื่องนี้คงทำให้เธอผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาด้วยความยากลำบากสินะ แม้ว่าจะอาศัยอยู่กับป้าซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่ก็คงไม่ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจได้เท่ากับคนที่มีสายเลือดเดียวกัน...
พี่สบายดีจ๊ะ แล้วน้องละเป็นอย่างไรบ้างมีความสุขดีหรือไม่
เขาพยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนปกติที่สุด ทั้งที่ในใจแล้วมันยากเหลือเกินที่จะตอบคำถามเช่นนี้ การถูกกักขังอยู่ในสถานที่ซึ่งมีกำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบ คงไม่มีใครคนไหนรู้สึกมีความสุขไปได้
กานต์สบายดีคะพี่รันต์... จริงสิ! กานต์จะมาบอกพี่รันต์ว่ากานต์เรียนจบชั้นมัธยมแล้วนะ
กานต์รวีเอ่ยกับผู้เป็นพี่ชายด้วยน้ำเสียงดีใจ เพราะนี่คือสิ่งที่เธอรู้สึกภูมิใจมากที่สุดในตอนนี้... และเธอก็อยากจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกดีใจไปกับเธอด้วย
จริงหรือ! ยินดีด้วยนะกานต์ พี่ภูมิใจในตัวกานต์มากเลย
คนตัวโตกว่าเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะของกานต์รวีด้วยความรักความห่วงใย แม้ว่าภายในจิตใจจะมีด้านมืดที่ แอบรู้สึกอิจฉาน้องสาวคนนี้อยู่เล็กน้อย
แล้วจะทำอย่างไรต่อไปละ จะหางานทำเลยหรือไม่ จบถึงชั้นมัธยมนี่คงหางานทำได้ไม่ยากนะพี่ว่า
กานต์... กานต์อยากเรียนต่อระดับวิทยาลัย... กานต์อยากจะไปลองสอบเข้าวิทยาลัยดู
เธอก้มหน้าด้วยความรู้สึกประหม่าใจหลังจากเอ่ยประโยคดังกล่าวออกไป ซึ่งอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด... การันต์ที่กำลังสัมผัสศีรษะของเธอนั้นค่อยๆ ดึงมือของตัวเองกลับมา อาการตกใจของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้กานต์รวี ต้องรีบยื่นมือออกไปสัมผัสมือใหญ่ของผู้เป็นพี่ชาย
นะคะพี่รันต์ ให้กานต์ได้ทำในสิ่งที่กานต์ฝันไว้เถอะนะคะ
เลิกคิดเสียเถิด... ในเมื่อเราไม่มีเงิน ใครจะส่งเสียน้องเรียนหนังสือต่อ ลำพังรบกวนคุณป้าจนจบมัธยม เช่นนี้พี่ก็รู้สึกละอายใจพอแล้ว การเรียนในระดับวิทยาลัยมันไม่ใช่เงินแค่สิบยี่สิบสตางค์
กานต์ได้รับทุนคะพี่รันต์... มีคนใจดีรับอุปการะนักเรียนไปเรียนหนังสือต่อที่พระนคร ทางโรงเรียนจะมอบให้กับ คนที่สอบได้ที่หนึ่งของระดับจังหวัด หญิงสาวไม่พูดเปล่ารีบเปิดกระเป๋าควานหาซองจดหมายฉบับสำคัญซึ่งบอก ถึงรายละเอียดของการให้ทุนเอาไว้ด้านใน เพราะถ้าเพียงแค่คำพูดพี่ชายของเธอคงจะไม่เชื่อเป็นแน่
การันต์จ้องมองจดหมายฉบับตรงหน้าอย่างไม่ลังเลใจ แล้วจึงค่อยยื่นมือออกไปหยิบมันมาจากมือของน้องสาวเพื่อเปิดอ่านเนื้อความด้านใน...
ครู่หนึ่งเมื่ออ่านจนจบแล้วเขาก็พับจดหมายลงยัดใส่ซองจดหมายเช่นเดิมเพื่อยื่นกลับไปให้กานต์รวี โดยมีสายตาอ้อนวอนของเธอส่งมาให้อย่างเด็กมีความหวัง
หากเป็นเช่นนี้พี่หวังเพียงว่าคนที่รับอุปการะน้องจะเป็นคนจิตใจดีดังเช่นน้ำใจที่เขามอบมา...
สิ้นคำพูดดังกล่าวของผู้เป็นพี่ชาย กานต์รวีจึงรีบโผเข้ากอดผู้เป็นพี่ชายอย่างลืมตัวเนื่องมาจากความดีใจ ที่แสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด ทำให้คนเป็นพี่ชายหัวเราะออกมาเบาๆ และยกมือขึ้นโอบตอบ...
เขาคงไม่คิดเห็นแก่ตัว กักตัวเธอเอาไว้กับเขาตลอดไป น้องสาวของเขาควรจะมีอนาคตที่ดีอย่างที่อยากเป็น แม้ว่ามันจะทำให้เขาและเธอห่างไกลกัน เขาอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เมื่อนึกว่าเธอจะต้องไปเรียนหนังสือถึงพระนคร โดยที่เขายังคงอยู่ที่นี่...
จะไปเมื่อไหร่กันหรือกานต์ แล้วเดินทางอย่างไรกันเล่า คุณป้าขึ้นไปส่งที่บางกอกด้วยหรือไม่
วันมะรืนนี้แล้วคะพี่รันต์ กานต์จะขึ้นรถไฟไป ส่วนคุณป้าเห็นทีคงจะไม่สะดวกเพราะมีงานตัดเสื้อรออยู่ เป็นกองพะเนินช่วงเทศกาลงานเดือนสิบที่จะถึงนี้... พี่รันต์ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกคะ น้องสาวของพี่รันต์คนนี้เก่งอยู่แล้ว
กานต์รวีตอบพลางส่งยิ้มทะเล้นกลับไปให้ผู้เป็นพี่ชาย ทำให้เจ้าตัวอมยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู... เพียงแค่ได้เห็นน้องสาวมีความสุขเช่นนี้ เขายังจะต้องการอะไรอีกเล่า
น้องต้องรู้จักการชีวิต อย่ายอมอ่อนข้อให้กับใคร พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่ากานต์จะอยู่ด้วยตัวคนเดียวได้หรือไม่ เพราะญาติหรือคนรู้จักก็หามีอยู่สักคนไม่ที่นั่น จริงสิ... วันนี้พี่มีของอยากจะให้กานต์ด้วยนะ
การันต์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบของสิ่งนั้นออกมา... สร้อยเงินลายเรียบถูกยัดใส่มือหญิงสาวตรงหน้า เธอยกมันขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นจี้เป็นรูปดาวห้าแฉก
ชอบหรือไม่ พี่ทำมันเองเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่เขาสอนงานฝีมือ
กานต์รวีพยักหน้าด้วยความดีใจเพราะเธอชอบมันเหลือเกิน ยิ่งผู้เป็นพี่ชายเป็นคนทำเองแล้วเธอก็ยิ่งชอบมันเข้าไปอีก
ชอบมากเลยคะพี่รันต์ กานต์จะใส่มันติดตัวไปจนชั่วชีวิตของกานต์เลย
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พี่กลัวว่ามันจะลอกเสียก่อนถึงสิ้นปีนี้เสียด้วยซ้ำสิ
กานต์รวีส่งยิ้มหวานไปให้กับพี่ชายพลางส่ายหน้าว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด... แต่แล้วเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็ทำให้เธอเงียบลง
กานต์จะพยายามช่วยให้พี่ออกจากเรือนจำนี้ให้ได้ กานต์เชื่อคะว่าพี่ชายที่แสนดีอย่างพี่รันต์ไม่เคยฆ่าใครอย่างแน่นอน
สิ้นคำพูดดังกล่าว การันต์ที่กำลังยิ้มอยู่นั้นกลับหน้าซีดลงโดยทันที... น้องสาวของเขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนั้นไม่ได้ โดยเธอคิดว่าคืนนั้นตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะเธอได้รับอุบัติเหตุรถชนจนต้องเข้าโรงพยาบาล อีกทั้งเรื่องที่เธอโดยสารรถมากับเอกภพเพื่อนสนิทของเขานั้นก็ไม่มีใครรู้เช่นเดียวกัน เพราะเพื่อนสนิทของเขาได้เขาพยายาม ปกปิดเรื่องทั้งหมด เพื่อไม่ให้สืบมาได้ถึงตัวของเขา...
แม้ว่าเอกภพจะหายตัวไปหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่นาน แต่เขาก็อยากที่จะขอบใจเพื่อนคนนี้สักครั้งนึงหากว่ามีโอกาส
ให้มันเป็นไปตามสิ่งที่สวรรค์ขีดเอาไว้เถิด หากถึงเวลาที่พี่ชดใช้ความผิดหมดสิ้น พี่ก็จะได้เป็นอิสระออกจากที่นี่ไปได้ ตอนนี้พี่ขอให้น้องตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดเพื่ออนาคตของตนเอง"
มันไม่ใช่อนาคตของกานต์คนเดียวนะคะ กานต์จะเรียนให้สูงๆ เพื่อที่จะคอยดูแลพี่รันต์เมื่อพี่รันต์ออกมาแล้ว
คิดว่าพี่จะดีใจหรือ หากต้องให้น้องสาวมาหาเลี้ยงพี่
การันต์อมยิ้มพลางยกฝ่ามือขึ้นขยี้ผมคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู
ไปได้แล้วละ เดี๋ยวมืดค่ำแล้วจะกลับบ้านลำบากเอาหญิงสาวตัวคนเดียว พี่ก็จะต้องกลับไปทำงานเช่นเดียวกัน
กานต์รวีเห็นพี่ชายของตนลุกขึ้นยืนเป็นเชิงว่าถึงเวลาต้องบอกลากันแล้ว เธอจึงพยักหน้ารับคำ แล้วยื่นมือออกไปจับข้อมือใหญ่ของผู้เป็นพี่ชายด้วยความห่วงใย
แล้วกานต์จะเขียนจดหมายมาหาพี่นะจ๊ะ พี่ต้องตอบจดหมายน้องด้วย
เธอสั่งเสียด้วยประโยคสุดท้ายแล้วจึงยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นพี่ชายซึ่งหันกลับมาส่งยิ้มให้กับเธอเป็นครั้งสุดท้าย...
คนที่ยังคงยืนอยู่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ดีนะที่เธออดกลั้นมันได้จนถึงตอนนี้... กานต์รวีคลายฝ่ามือ ที่กำแน่นของตนให้คลายออก เธอสัญญาจะเก็บรักษาสร้อยที่พี่ชายของเธอทำให้นี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าชีวิตที่เธอได้พบเจอ ในเมืองหลวงจะเป็นเช่นไร เธอก็พร้อมที่จะรับมันได้ทุกอย่าง...
+++ เดี๋ยวมาต่อนะคะ +++
จากคุณ |
:
SAI_NANA
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ย. 55 20:34:41
|
|
|
|