Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 21 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12957530/W12957530.html

บทที่ 21

เจ้าฟ้าธุวชินตามหลังแม่นางกณิการ์ออกจากโถงมาอย่างกระชั้นชิด แม้จะครั่นคร้ามในความเด็ดขาดยิ่ง แต่ด้วยศักดิ์แห่งเจ้าฟ้าเขยแห่งคาม แม่นางจำต้องเกรงใจไว้หน้าบ้าง

เพียงแค่องครักษ์ต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้นเองหรือ แม่นางถึงกับกล้าลั่นวาจาว่าจะเปิดสงครามสู่คามธุมาธาร ต้องให้ทบทวนไหมว่าแม่นางคือเจ้าฟ้าชายาแห่งคามนั้น

"น้องไม่เคยลืม ระลึกได้ และตระหนักได้" แม่นางกณิการ์หันขวับมาประจันหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว "น้องคือชายา คือสะใภ้ออกเหย้าแห่งคามธุมาธาร สำนึกในความผิดเรื่อยมาว่าไม่เคยทำหน้าที่สะใภ้ได้อย่างสมศักดิ์"

"เราต้องขอบใจด้วยใช่ไหมกับการระลึกได้และตระหนักเรื่อยมาเช่นนั้น"

"ไม่ต้องหรอกเจ้าพี่ อ้อ แล้วก็ฟังให้จงดีจงจำ" แม่นางสืบเท้ามาชิดอีกก้าว เปล่งเสียงทรงอำนาจดั่งจะข่มให้ยำเกรงในทีว่า "เราแม่นางกณิการ์ชิงชังการประชดประชันเป็นที่สุด ท่านเป็นเจ้าฟ้าหน่อเนื้อ หากวันหนึ่งต้องปกครองคามดูแลประชาชน ไหนเลยจะใช้นิสัยส่อเสียดแดกดันดั่งตัวเป็นหญิงเช่นนี้ นี่ไม่ใช่วิสัยผู้นำที่ดี"

"แม่นางกณิการ์"

"อย่าบังอาจตวาดเรา"

เจ้าฟ้าธุวชินสะอึกแล้วพานสะดุ้งให้เห็น หัวใจสั่นและแกว่งไกวรุนแรงดั่งถูกม้วนเข้าไปในหมู่พายุคลั่ง แววตาแข็งประหนึ่งหินผาเช่นนั้น ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก จู่ๆ เส้นขนทั่วร่างก็พลันชูชันลุกซู่ นึกสยดสยองกับแสงเย็นเยียบที่อธิบายไม่ถูก นี่เป็นหนสองแล้วที่ปะทะด้วย

"เราอาจจะเป็นหญิงเจ้าอารมณ์ โทสะร้าย แต่เรามีเหตุผลว่าทำไมเราเป็นอย่างนั้น เราควบคุมมันได้และจะปลดปล่อยก็ต่อเมื่อถึงกาลอันควร"

"เอ้อ.. "

"เราเป็นผู้นำด้วยสายเลือดเจ้าพ่อและเจ้าแม่ อีกทั้งยังถูกอบรมบ่มฝังความรักความเมตตาต่อประชาชนให้ยิ่งกว่าตัวเอง ท่านเข้าใจในสิ่งที่เรากล่าวหรือไม่เล่าเจ้าฟ้าธุวชิน"

"แม่นาง.. "

"ท่านศมะเป็นองครักษ์แห่งเรา เป็นประชาชนภายใต้การปกครองของเรา เขาถูกลอบทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม การประลองที่แอบแฝงอุบายสกปรก ยังจะถูกเรียกขานเช่นนั้นได้หรือเล่า"

"เราก็แค่หึงหวงชั่ววูบ ไม่ทันไตร่ตรองให้รอบคอบ เอ้อ เจ้าน้องจงอภัยสักครั้ง"

แม่นางกณิการ์สูดหายใจลึกยาว ไม่ได้ปลาบปลื้มกับเสียงที่อ่อนลงของเจ้าฟ้าสามีแม้แต่น้อย ด้วยว่าน้ำเสียงนั้นมันจอมปลอมยิ่ง หมายเพียงเอาตัวรอดทั้งตนและลูกน้องในคราวนี้เท่านั้น

เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ว่าองครักษ์ศมะจะอยู่รอดหรือดับสูญ คนลงมือใจชั่วต้องได้รับโทษตายสถานเดียวเท่านั้น

"แม่นาง" เจ้าฟ้าธุวชินพอฟังอย่างนั้นก็พลันโพล่งสะท้าน ใจคอหวั่นไหวไปหมด

"น้องคงได้แต่ร้องขอนะเจ้าข้า จะไม่มีหนสองให้น้องยอมประนีประนอมเหมือนหนนี้อีก"

"โทษตายไม่หนักไปหน่อยหรือเจ้าน้อง"

"เพราะโทษเป็นมันเบาเกินกว่าที่น้องจะฝืนใจต่างหากเล่าเจ้าพี่"

"ช่างถือดีนัก เราเป็นเจ้าฟ้าเขยต่างคาม ย้ายเหย้ามาสู่คามชายา ภายนอกดูว่าน่านับถือยำเกรง หากแต่แท้จริง เราเจ้าฟ้าก็ไม่ได้ต่างไปจากประชาชนคนหนึ่งในสายตาแม่นางผู้เกรียงไกร ออกความเห็นใดๆ ไม่ได้ ทักท้วงไม่ได้"

"ทางออกมีไม่ใช่หรือท่าน หากอึดอัดไม่อาจฝืนทน ก็จงเดินไปตามทางออกสายนั้น เราแม่นางกณิการ์จะไม่เหนี่ยวรั้งขัดขวางให้ประสงค์ของท่านมัวหมอง"

"แม่นางกณิการ์ นี่เจ้ากล้าอวดดี เย่อหยิ่งยโสใส่เจ้าฟ้าสามีเจ้าถึงเพียงนี้ อย่าลืมศักดิ์ตนว่าเป็นหญิงได้ไหม"

"เราเป็นหญิงแท้จริงเจ้าพี่ ไม่ดึงดันเถียงด้วยเรื่องนี้หรอก แต่หญิงอย่างเราคือผู้นำ คือผู้ปกครอง ไม่มีสิ่งใดยึดเหนี่ยวหัวใจดวงนี้ไว้ได้เท่ากับประชาชนและคามของเรา จงตระหนักไว้เถอะเจ้าพี่"

"แม้แต่สามีที่ครองคู่ร่วมเตียงเช่นเราด้วยหรือแม่นาง"

"ถูกแล้วเจ้าพี่"

"แม่นาง"

"เราไม่ได้หลอกลวงท่านไม่ใช่หรือ ก่อนถึงฤกษ์พิธีออกเหย้า เราให้คนไปส่งสาส์นชี้แจงให้ไตร่ตรองถึงสามครั้งแล้ว เราจะไม่เป็นฝ่ายย้ายเหย้าเพราะเรามีภาระทางนี้ หากฝ่ายโน้นไม่ยินดีลงเอยก็ล้มเลิกได้โดยที่ไมตรียังคงแน่นแฟ้น"

เรื่องนี้ก็จริง เจ้าฟ้าเขยเม้มปาก จำต้องก้มหน้าอับจนเหตุผล แม่นางกณิการ์แสดงตัวตนให้ประจักษ์ชัดเจนมาแต่ต้น ในสาส์นก็สำทับหนักแน่นว่าหากประสงค์ยังไม่กลับกลาย ก็ต้องยอมตามเงื่อนไขที่ระบุ

เคืองแค้นเจ้าฟ้าบิดายิ่ง เป็นยังไงเล่า ส่งหน่อเนื้อมาต่ำต้อยด้อยค่ายิ่งเสียกว่าองครักษ์นักรบคนหนึ่งแห่งคามดารกะ ศักดิ์ศรีและเกียรติอันทระนงโดนแม่นางกร่างอำนาจตรงหน้าเหยียบย่ำจนเรียกไม่ได้ว่าอัปยศเสียด้วยซ้ำ

ยามนี้ กลับได้แต่ยืนเซื่องซึม น้อมรับบัญชาโทษตายแก่องครักษ์นักรบที่มีส่วนร่วมลอบกำจัดศัตรูจอมยโสไปอย่างอดสูใจยิ่ง




แม้จะสงสารองครักษ์นักรบเคราะห์ร้าย แต่ก็ไม่อาจปกป้องในฐานะเจ้าฟ้าแห่งคามธุมาธาร แม่นางกณิการ์ไม่ใช่แค่บัญชาโทษตายเท่านั้นหรอกนะ แต่ยังเลือดเย็นยิ่งกว่านั้น

ด้วยการป่าวประกาศให้ประชาชนทั่วคามมารับรู้ถึงความผิดร้ายแรง นักโทษจะไม่ดับสูญไปเฉยๆ แค่ว่าลงดาบ แต่ดวงวิญญาณจะต้องช่วยกันหอบหิ้วเสียงประณามสาปแช่งอันกึกก้องลงสู่ขุมนรกไปด้วย

"เราพลาดไปแล้ว" เจ้าฟ้าธุวชินเค้นเสียงพลางบดกรามคับแค้น

"เจ้าข้า" องครักษ์ประเดน้ำตาซึมเพราะสงสารพวกเดียวกัน "เราเองก็ผิดที่ประมาทความเกรียงไกรของแม่นางกณิการ์ไปอย่างโง่เขลา"

"ใช่ เรามองข้ามเพราะแม่นางเป็นหญิง คิดว่าเก่งกาจปานใดอย่างมากก็แค่แก่นแก้วไปตามประสาถูกตามใจจากเจ้าพ่อเจ้าแม่ แต่ไหนเลยจะเป็นเช่นนั้น"

เจ้าฟ้าต่างคามบดกรามแน่นขึ้นและแน่นขึ้น พลังแค้นพลุ่งระอุจนเกิดไอร้อนอบอ้าวทั่วทรวง ไม่นานนัก มันก็แปรเป็นความชิงชังจนหน้าก็ไม่อยากมอง แล้วประสาอะไรกับอยากร่วมเตียง

แม่นางกระด้างคนนั้นไม่มีคุณสมบัติคู่ควรให้รักและเทิดทูน นอกจากไม่เคยยำเกรงไว้หน้าเจ้าฟ้าสามีแล้ว ยังโอหังลำพองในบารมีแห่งตน ข่มเหงย่ำยีจิตใจด้วยวาจาอันแสนผยองถ้อยแล้วคำเล่า

"จะทำยังไงต่อไปเล่าเจ้าข้า" องครักษ์ประเดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้าชีวิตเงียบไป

"รอจนแน่ใจว่าองครักษ์ศมะไม่ดับสูญสมดั่งปรารถนาของแม่นางแล้ว ประชาชนแห่งคามธุมาธารก็เตรียมตัวย้ายคืนเถอะ มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะต้องอดทนกับแม่นางเจ้าฟ้าใจกระด้างคนนี้อีกแล้ว"

"แต่การแตกหักเช่นนี้ อาจจะส่งผลกระทบถึงไมตรีระหว่างสองคามนะเจ้าข้า"

"เจ้าไม่ได้ยินหรือองครักษ์ประเด แม่นางผู้เกรียงไกรบังอาจประกาศหยาบหยามต่อเรายังไง บอกว่าจะประกาศสงครามเพื่อแตกหักไมตรี ช่างบังอาจนัก ลำพองไปว่าคามดารกะไพศาลเกินไปกระมัง เคยหยั่งรู้ความพรั่งพร้อมของคามใกล้เคียงบ้างหรือไม่เล่า"

"แต่ว่า.. "

"อย่าแสดงความเห็นใดๆ อีกเลยเจ้า" เจ้าฟ้าหนุ่มโบกมือสะกดถ้อยคำทักท้วง "สามเดือนกับการกล้ำกลืนและก้มหัวให้แม่นางไร้หัวใจคนนี้มันนานเกินทนแล้ว บางที แม่นางเองนั่นแหละที่ควรสำนึกได้เสียบ้างว่าเป็นแค่แม่นางคนหนึ่งที่ออกเหย้าแล้ว และยามเมื่อสามีหน่ายแหนง ฝ่ายที่ควรอับอายอดสูใจ ไม่กล้าเงยหน้าสู้สายตาประชาชนก็คือชายาที่ถูกเมิน"

องครักษ์ประเดหน้าเจื่อนลง นึกถึงถ้อยสำทับของเจ้าฟ้าชราแห่งธุมาธารก่อนออกเดินทางติดตามมาคุ้มครองเจ้าฟ้าหนุ่ม แล้วอดทอดถอนใจไม่ได้

กลับคืนคามไปอย่างเสียหน้าสิ้นศักดิ์เช่นนี้ ความบาดหมางของสองคามต้องระอุเป็นเรื่องเป็นราวแน่ สงครามที่เจ้าฟ้าชราไม่ประสงค์ก็อาจจะ 'อุบัติ'

"เราไปดูอาการขององครักษ์ชั้นเลวเสียหน่อยเถอะเจ้า ป่านนี้คงจะสำออยเรียกร้องความสงสารจนแม่นางเจ้าฟ้าพลุ่งพล่านไม่เป็นสุขแล้ว"

"ดีหรือเจ้าข้า"

"ดีสิ" เจ้าฟ้าหนุ่มแค่นหัวเราะหยัน "ถือเป็นบุญตาของเจ้าแล้วองครักษ์ประเด บนโลกอันไพศาลนี้ ยังจะมีแม่นางคนใดเก่งกล้าสามารถได้เท่าแม่นางกณิการ์อีกเล่า เก่งกล้าทั้งหยาบหยามศักดิ์ศรีคนอื่นให้เกิดความอัปยศ สามารถย่ำเหยียบศักดิ์แห่งตนด้วยแรงห่วงหวงบัดสี"

พระครูลาพุชทอดถอนใจยามได้ยินประโยคดูหมิ่นเช่นนั้น ท่านตั้งใจมาเชิญไปประชุมในโถงงานตามบัญชาแม่นางเจ้าฟ้า แต่นึกไม่ถึงว่าตนต้องมายืนฟังถ้อยคำระคายหูเข้า จะทักท้วงตักเตือนก็ไม่ถนัดเพราะไม่รู้ลึกซึ้งถึงอุปนิสัยใจคอ

แม้สามเดือนที่ผ่านไป จะเห็นถึงการวางตัวที่สง่างาม ทุกย่างก้าวของเจ้าฟ้าหนุ่มจะโดดเด่นเป็นที่จับตาจับใจแก่ประชาชนและปวงข้าทาสในเขตคามยิ่ง แต่รูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่ใช่เครื่องตัดสินจิตใจภายในไม่ใช่หรือ

ร่างชราในชุดขาวขุ่นกระเถิบไปแอบหลังขอบประตู รีรอจนฝ่ายตรงข้ามหายลับไปหลังม่านลูกปัดที่ประดับประตูโค้งจึงค่อยปรากฏกายแล้วทอดถอนใจอีก ในแววตาฉายความกังวลแต่ก็ไม่รุ่มร้อน

ชะตาในกาลหน้าของคนอื่น มักปรากฏแก่สายตาก่อนคนอื่นจนท่านคุ้นเคยชาชินไปแล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องกระวนกระวายไป หากจะทำนายได้รู้ชะตาแม่นางกณิการ์ไปล่วงหน้าแล้วหนึ่งก้าว

แค่ว่าบางขณะก็อดที่จะสะทกสะท้อนไม่ได้ และอาจต้องรำพึงแผ่วเบาออกมาว่า 'อนิจจาหนอ ชะตาของแม่นาง'




องครักษ์ศมะลืมตาเพื่อปะทะเงาแรกที่ตราตรึง เขาเลิกคิ้วคล้ายตระหนกก่อน แล้วค่อยทำท่าผลุนผลันลุก แต่มืออ่อนโยนของแม่นางกณิการ์ก็สะกดหนักชิดไหล่ เสียงใสฟังรื่นคล้ายคลายกังวลว่า

"หัวแข็งจริงนะเจ้า" แล้วแม่นางก็หัวเราะขำๆ

"เสียดสีได้ดีด้วย ซาบซึ้งเลยแม่นาง"

"ดีแล้วที่ซาบซึ้งเรา เพราะถ้าไปซาบซึ้งแม่นางอื่น เราจะทำทีว่าเข้าใจผิด รีบจัดพิธีออกเหย้าสู่เจ้าทันที"

องครักษ์หนุ่มส่ายหน้า ไม่ค่อยชอบเสียงหัวเราะที่ยังดังคิกคักในลำคอเล็ก ใจก็ปวดที่ได้ฟังแม่นางพร่ำผลักไสให้ห่างวังวนเสน่หา

ไม่มีวันอัปมงคลเช่นนั้นเกิดขึ้นหรอก หัวใจต่ำต้อยดวงนี้ไม่ขอต้อนรับเงาของแม่นางใดทั้งนั้น ชั่วชีวิตจะขอภักดีตราตรึงสู่แม่นางเจ้าฟ้ายอดดวงใจเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

"เราอยากลุกขึ้น แล้วนี่แขนเราเป็นอะไร ทำไมไร้เรี่ยวแรงยิ่ง หรือว่าพิษ.. "

"เจ้ารู้ด้วยหรือว่าโดนพิษ นั่นสิ เราก็นึกอยู่แล้วว่าเจ้าต้องรู้ เพราะผิดสังเกตตั้งแต่เจ้าล้มแปลกๆ "

แม่นางกณิการ์ช่วยยกร่างร้อนขึ้นนั่งอย่างไม่ถือตัว แม้เนื้อแนบเนื้อก็ใจว่างเปล่า แม่นางน่ะเฉยสนิท แต่ท่านองครักษ์นี่สิ ใจเต้นโครมคราม อาจเอื้อมเลยฐานะไปถึงขั้นอยากโอบกอดให้เป็นบุญแก่สองแขนสักครั้งในชีวิตเชียว

องครักษ์ศมะคงลืมไปแล้วว่าตนเคยโอบกอดแม่นางกณิการ์นับครั้งไม่ถ้วนเสียด้วยซ้ำ ในยามทำศึก ในยามประลองฝีมือ ในยามควบม้าแข่งกัน

บางครั้ง แม่นางก็เสียท่าพลาดพลั้งเกือบหล่นเกือบหงายจนเขาต้องพุ่งไปประคอง และในยามฉุกละหุกเพื่อปกป้องเช่นนั้น มันไม่มีความแนบแน่นใดจะปลอดภัยได้เท่ากับ 'กอด'

"เราลงโทษคนชั่วให้เจ้าแล้ว สองคนด้วย ชั่วช้ายิ่งใช่ไหม"

"ใช่ จิตใจเช่นนั้นไม่คู่ควรให้เรียกขานว่าองครักษ์นักรบเลย ทำไมคามธุมาธารไม่ฝึกปรือคนของตนให้มีจิตใจเข้มแข็งและเกรงกลัวต่อบาปยิ่งกว่านี้"

"ไม่หรอกเจ้า อย่าได้มองภาพรวมเช่นนั้นเลย จะเป็นบาปแก่จิตใจเจ้าด้วย คามดารกะเราก็ใช่ว่าไร้คนจิตใจพาลไม่ใช่หรือ ที่ไหนๆ ก็ตาม ลองว่ามีคนเสียอย่าง ดีชั่วก็มักจะตามไปเคียงขนาน โลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดที่มีเพียงสิ่งเดียว"

"โอ้ ฟังท่านพ่อกรอกหูมามากแน่แท้แม่นาง เห็นทีว่าใกล้เวลาน้อมส่งแม่นางเจ้าฟ้าออกบวชแล้ว"

แม่นางกณิการ์หัวเราะชอบใจ องครักษ์หนุ่มแดกดันเก่งนัก ยามบาดเจ็บหน้ายังเผือด แต่ปากก็ช่างเปราะไม่สร่าง แม่นางกระเถิบมากวนยาในถ้วย ยกขึ้นสูดไออุ่นบางๆ ก็แน่ใจว่าดื่มได้หมดรวดเดียว จึงยื่นไปให้

"ดื่มให้หมด มันเป็นยาพิษนะ เค้นได้จากเจ้าของพิษ ขมมากเลย เราลองแล้วหนึ่งหยด"

"ลองแล้ว" เสียงทุ้มฟังสะท้านขึ้น หน้าเผือดก็ดูแดงๆ ขึ้น "แม่นาง ทำไมท่านซุกซนไม่เหมาะไม่ควรเช่นนั้นเล่า ยาพิษก็คือยาพิษ ไปลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง ช่างเหลวไหลแท้ ท่านพ่อเล่า ไม่ห้ามปรามหรอกหรือ"

"ปากมากจริงนะเจ้า เดี๋ยวเราก็จับกรอกเสียเลย"

"แม่นาง"

"เอ้า ดื่มเสียที เรามีงานสำคัญต้องเร่งหารือ เจ้าต้องรีบหายมาช่วยเรา"

"ดื่มก็ได้"

องครักษ์หน้าเผือดรับถ้วยยามาเขย่าให้ของเหลวสีเหมือนน้ำตาลไหม้แกว่งไปแกว่งมา ปากก็เลียบเคียงหยั่งเชิงตามประสาผู้รู้ใจไปว่า

"อย่าบอกเราว่าหารือเรื่องประกาศสงครามนะเจ้าข้า มันจะดูว่าแม่นางฮึกเหิมด้วยอารมณ์เกินไป"

"เจ้าไม่อยากให้เราทำอย่างนั้นหรือ"

แม่นางกณิการ์ย้อนถามขำๆ มือหนึ่งเท้าสะเอว อีกมือหยิบชายผ้าคาดเอวมาแกว่งเล่น ทำหน้าเป็นใส่หนุ่มหน้าขรึม องครักษ์คู่ใจเตรียมจะแยกเขี้ยวอีกแล้ว

"ไม่หรอก" แม่นางต้องยอมสารภาพอารมณ์ขัน "เจ้าไม่ดับสูญแล้วนี่"

"เพื่อเราหรือเจ้าข้า ยิ่งใหญ่เสียจริงๆ น่าดับสูญเพื่อสนองความฮึกเหิมแม่นางเจ้าฟ้าเสียนัก"

"อย่าได้พูดเล่นไปท่านศมะ" แม่นางย้อนเสียงเครียดมาทันที "เราประกาศไปเช่นนั้นแล้วจริงๆ "

"ว่ายังไงนะแม่นาง" ตาโรยเบิ่งคล้ายแตกตื่นนิดๆ

"ดูเหมือนว่าเรากับเจ้าพี่มีเค้าลางแตกหักแล้วด้วย แต่เราไม่สนใจหรอก ชีวิตของเรามอบสิ้นแล้วเพื่อคามดารกะ ทุกบทบาทของเราคือหน้าที่และภาระสำคัญ"

ยาพิษรสขมลึกแทบจะบาดลิ้นขาดเป็นริ้วๆ หมดเกลี้ยงในกลืนเดียว องครักษ์หนุ่มทำหน้าตลกมาก รสขมลึกยังตกค้างให้ทรมานอยู่ในลิ้น ในกระพุ้งแก้ม และในคอ

เขากวาดตามองหาน้ำ แม่นางเจ้าฟ้าก็รู้ใจ รีบยกกระบอกไม้ไผ่มาจ่อเหมือนแกล้ง รอยยิ้มก็ทะเล้นเร่งเร้าอารมณ์ชายให้วาบหวามเสียจริงๆ

"เราไม่สบายใจเลย" ดื่มน้ำแล้วก็ปรารภ ตระหนักว่าการแตกหักที่แม่นางเปรยเมื่อครู่ มีสาเหตุจากตน

"เราไม่จำเป็นต้องไม่สบายใจหรอกท่านศมะ เพราะคนที่เริ่มก่อนไม่ใช่ฝ่ายเรา"

"แม่นางเจ้าข้า" เสียงทุ้มทอดอ่อนแต่ก็แฝงกระแสปรามในที "ยามนี้แม่นางเป็นชายาของเจ้าฟ้าหน่อเนื้อแล้ว ไม่ใช่แม่นางไร้พันธะเหมือนก่อน ทอนความแข็งกร้าวลงบ้างเถอะเจ้าข้า"

"อ้อ นี่เจ้าสั่งสอนเรา หรือตำหนิเราหรือเจ้า"

"ใช่ เรากล้าอยู่แล้ว" องครักษ์หนุ่มรีบย้อนขึงขัง "เมื่อกี้นี้แม่นางกล่าวอะไรออกมาเล่า ทุกบทบาทคือหน้าที่และภาระสำคัญไม่ใช่หรือเล่า บทบาทชายาเจ้าฟ้าหน่อเนื้อก็เป็นหน้าที่และภาระสำคัญนะเจ้าข้า กระด้างเกินไป หัวใจเจ้าฟ้าสามีก็จะยิ่งเหินห่างนะเจ้าข้าแม่นาง"

"เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย เหมือนเจ้าใช่ไหม หัวใจเจ้าในยามนี้ก็อยู่ห่างไกลจากเรานัก คงเอือมระอาหน่ายแหนงความกระด้างของแม่นางกณิการ์ยิ่งแล้วละสิ"

"แม่นาง" องครักษ์ศมะใจสะท้าน ทำไมเข้าใจเหลวไหลอย่างนั้นเล่า

"อ้อ" แม่นางก็ซุกซนไม่มีเลิกทีเดียว "ที่แท้เจ้าอ้างเจ้าพี่เพื่อบอกความนัยตนหรอกหรือ แหม เราแม่นางเจ้าฟ้าทำไมคิดไม่ได้ไล่ไม่ทันปัญญาปราดเปรื่องของเจ้าเล่า โง่นัก โง่ยิ่ง โง่ที่สุด"

กว่าจะรู้ว่าตนตกเป็นเหยื่อความซุกซนของแม่นางเจ้าฟ้า ก็เผลออวดอาการกระวนกระวายรุ่มร้อนให้อีกฝ่ายสัมผัสผ่านดวงตาว้าวุ่นเสียสิ้น

แม่นางเจ้าฟ้าเห็นหมดด้วยใจอันซาบซึ้ง ตระหนักตื้นตันว่านั่นคือความจงรักภักดีขององครักษ์นักรบที่เติบโตมาด้วยกันอย่างไม่เคยเหินห่าง

ในโลกนี้ อาจจะมีใครสักคนที่เอือมระอาหน่ายแหนงแม่นางกระด้างทุกกิริยาอย่างตน แต่เชื่อเถอะ แม่นางมั่นใจยิ่งว่าใครคนนั้นต้องไม่ใช่ 'ท่านศมะ'

การมองตากันแน่วนิ่งไม่มีความนัยซ่อนเร้นมากไปกว่าซาบซึ้งผูกพันที่แนบแน่นมาแต่วัยเยาว์

องครักษ์ศมะแม้จะเผลอใจเสน่หาแต่ก็หักห้ามได้ และอนุญาตให้ความรู้สึกอาจเอื้อมนั้นแผ่ไพศาลได้ก็เฉพาะในใจตน สิ่งที่ผ่าเผยภายนอกคือความซื่อสัตย์และจงรักภักดีด้วยหน้าที่องครักษ์ปกป้อง

ส่วนแม่นางกณิการ์เล่า ก็เฝ้าตราตรึงซึ้งใจว่าตนมีวาสนาได้แน่นแฟ้นไมตรีกับองครักษ์นักรบหนุ่มที่เป็นได้ทุกอย่างและยิ่งเสียกว่าชีวิต หากแต่ความตราตรึงซึ้งใจก็ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็น 'เสน่หา'

แต่ไหนเลยเจ้าฟ้าธุวชินจะเข้าใจลึกซึ้งในความจริงเช่นนั้นได้ นอกจากริษยาหึงหวงกับรู้สึกว่าเสียหน้าเสียศักดิ์ที่โดนองครักษ์นักรบต่ำต้อยย่ำเหยียบเหลี่ยมหน่อเนื้อเจ้าฟ้าอย่างบังอาจ

องครักษ์ประเดก็ใช้แววตาริษยาชิงชังจ้องมองศัตรูหนุ่มอย่างอาฆาตแค้น การประลองกลางลานตอกย้ำยิ่งว่าองครักษ์ศมะฝีมือเลิศล้ำนัก หากไม่กำราบด้วยพิษลอบกัด มีหรือจะรักษาศักดิ์องครักษ์นักรบแห่งตนไว้ไม่ให้เสื่อมเสียได้

แต่แทนที่จะตระหนักและยกย่องในฝีมือที่เหนือชั้นกว่าของอีกฝ่าย ความรู้สึกพ่ายแพ้กลับบ่มเพาะเชื้อไฟริษยาให้เติบโตในใจชั่ว เพื่อเฝ้ารอเวลาลุกโชนแล้วย้อนกลับไปแผดเผาศัตรูให้มอดไหม้ดับสูญ

คนต่างคามค่อยถอยห่างจากที่พักขององครักษ์นักรบผู้กล้า ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเยี่ยมแล้วไม่ใช่หรือ

องครักษ์ผู้มีวาสนามีแม่นางเจ้าฟ้าพะเน้าพะนอไม่ห่างเสียขนาดนั้น อย่าว่าแต่คนมาเยี่ยมเลยที่ไม่จำเป็น แม้แต่ยาวิเศษที่หล่นลงจากฟากฟ้า องครักษ์ชั่วก็คงไม่ปรารถนาดื่มกลืนอีกแล้ว

พระครูลาพุชทอดถอนใจพลางส่ายหน้าหวั่นวิตก การสะบัดหน้าผละผลุนผลันด้วยกิริยาฉุนเฉียวของเจ้าฟ้าธุวชินไม่ใช่เรื่องดีเลย มันตอกย้ำให้เห็นรอยปริร้าวบนผืนความสัมพันธ์ได้อย่างชัดเจนยิ่ง อีกไม่นานแล้วผืนไมตรีนั้นก็จะ 'แตกหัก'

แต่ก็นี่ล่ะ คือชะตาของแม่นางกณิการ์ แทนที่จะรอหารือภารกิจในโถงงาน ซ้ำยังบัญชาให้ท่านไปเร่งเชิญเจ้าฟ้าเขยแห่งคามมาร่วมรู้เห็น

แล้วดูสิ ปุบปับแม่นางก็เปลี่ยนความตั้งใจ ยึดความกังวลห่วงใยองครักษ์คู่ใจเป็นที่ตั้ง ละทิ้งภารกิจสำคัญเพื่อมาดูแล ป้อนยา ถกเถียง และทะเล้นซุกซน ประหนึ่งว่าสองฝ่ายยังไม่หลุดพ้นจากวัยเยาว์อันไร้เดียงสา ณ กาลก่อน

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 55 13:24:04




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com