บทที่ 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12833465/W12833465.html
บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12849116/W12849116.html
บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12958370/W12958370.html
บทที่ 5.
แกเป็นบ้าอะไรของแกฮะยัยพิมพ์ รู้มั้ยพูดอะไรออกไป คนพวกนั้นเขาจะเข้าใจว่ายังไงล่ะทีนี้
แสงอุษาพูดขึ้นทันทีที่ก้าวลงรถยนต์หากพิมพ์จันทร์ไม่ได้โต้ตอบ สาวน้อยรีบเดินตรงเข้าห้องทันทีเพราะรู้ดีว่าแม่จะต้องฟื้นฝอยอีกยาว
นี่...ยัยพิมพ์แกอย่าเดินหนีฉันอย่างนี้นะ
แสงอุษายังคงเดินตามลูกสาวไปจนถึงในห้องนอนตรงรี่เข้าหาร่างแบบบางกระชากแขนอย่างแรงด้วยความโมโห
วันนี้แกทำฉันขายหน้ามากรู้มั้ย แกเนี้ยทำไมมันโง่อย่างนี้นะโง่ไปซะทุกอย่างเมื่อไหร่แกจะทำให้ฉันภูมิใจเหมือนลูกบ้านอื่นเขาได้บ้างหือ คนโดนสวดยังคงนั่งนิ่งราวไม่ได้ยินอะไร
แกคิดว่าการนิ่งจะทำให้อะไรๆดีขึ้นมาได้เหรอไง แล้วอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้แกตั้งใจจะสอบตกอยู่แล้วใช่มั้ย แกจะได้หักหน้าฉันไงล่ะ
แม่ค่ะเลิกพูดเพ้อเจ้อสักทีเถอะคะ หนูจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงแม่เป็นแม่หนูนะค่ะ
เป็นครั้งแรกที่สาวน้อยพูดขึ้นมาด้วยท่าทีและน้ำเสียงสงบนิ่งมีเพียงริมฝีปากบางเท่านั้นที่บอกถึงความเคลื่อนไหว
หื้อ...ถ้าแกคิดว่าฉันเป็นแม่แกจริงๆน่ะแกไม่ทำอย่างนี้หรอก แกอยากเอาชนะฉันทุกเวลาอยู่แล้วคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ แสงอุษาพูดแกมเย้ยหยัน จนคนฟังยิ่งรู้สึกน้อยใจ
แม่ค่ะ หนูเป็นลูกแม่จริงๆรึเปล่า
พิมพ์จันทร์ถามคำถามนั้น ช้าชัด ด้วยแววตายิ่งกว่าเย็นชา
ทำไมล่ะ ถ้าฉันบอกว่าไม่แกจะเสียใจมั้ย ในสายตาแกน่ะไม่เคยมีฉันอยู่แล้ว อะไรๆแกก็นึกถึงแต่พ่อแกโน้น แกรักพ่อแกมากกว่าฉันเสียอีก ถึงฉันบอกแกว่าแกเป็นลูกสาวฉันจริงๆแกจะเชื่อรึเปล่า แกน่ะมันลูกพ่อแกนิสัยเลวๆนั่นก็เหมือนพ่อแกไม่มีผิด
คำพูดเผ็ดร้อนยิ่งทวีอารมณ์ให้เกรี้ยวกราดมากขึ้น
ใช่ค่ะหนูรักพ่อ รักมากกว่าแม่ แล้วหนูก็ไม่เสียใจด้วยถ้าหนูรู้ว่าหนูไม่ใช่ลูกแม่ แววตาดวงโตฉายแววแข็งกร้าว ดุดัน
ยัยพิมพ์ นังลูกไม่รักดี แสงอุษาทำท่าเงื้อฝามือตรงเข้าหาบุตรสาวแต่แววตาเย็นชานั้นทำให้เธอต้องลดฝ่ามือลงแล้วเดินออกจากห้องบุตรสาวไปด้วยความกระฟัดกระเฟียด ทันทีที่ประตูห้องปิดลงแววตาที่เคยแข็งกร้าวแห้งผาด ก็นองด้วยน้ำตาอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ไม่มีความฟูมฟายโศกตรม จะมีก็แต่ความร้าวรานลึกๆในหัวใจที่หลั่งไหลออกมาเป็นน้ำใสๆนั่นแล้วไง แต่ความรู้สึกในใจมันทั่งท้นไปด้วยความชิงชังระคนน้อยเนื้อต่ำใจ แม้จะมีใครเจออย่างเธอบ้างก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
พิมพ์จันทร์กัดริมฝีปากแน่นความรู้สึกในใจมันบอกเธอว่าต้องไป เธอต้องทำในสิ่งที่เธอคิดเสมอมาว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุด และอีกครั้งที่สาวน้อยต้องวิ่งออกมาจากบ้านหลังใหญ่ทั้งๆที่ไม่มีใครรู้เห็น เมฆฝนดำทะมึนตั้งเค้ามาจากขอบฟ้าทางทิศตะวันตก
โบราณบอกว่าฝนมาจากทิศตะวันตกจะรุนแรงเกรี้ยวกราด คงไม่ต่างจากความรู้สึกของสาวน้อยในขณะนี้ คั่งแค้น มุทะลุ เหมือนห่าฝนในวันที่พายุโหมกระหน่ำ พิมพ์จันทร์เมื่อถึงบ้านจันทบุรีในเวลาย้ำค่ำ บ้านเงียบสะงัดไฟทุกดวงปิดมืดไม่มีใครอยู่บ้านสักคน สาวน้อยเปียกโซกไปด้วยน้ำฝน เสียงท้องฟ้าคำรามได้ยินเหมือนเสียงด่ากราดของใครบางคน
แสงสายฟ้าแลบแปลบสว่างวาบแล้วกลับมืดมิดอีกครั้ง สาวน้อยนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้ยางพาราตัวยาว ขดตัวห่อไหล่ขับไล่ความหนาวเหน็บทั้งในร่างกายและจิตใจ สายน้ำตาปะปนกับสายน้ำฝนเป็นสายเดียวกัน ฝนเทบ่าอย่างบ้าครั่งน้ำตาก็หลั่งรินทะลักล้น
สาวน้อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีมืออุ่นๆมาจับตัวเธอนั่นแหละ เสียงขานชื่อเธอเบาๆดังแว่วอยู่ในห้วงความฝันอยู่นานแต่สาวน้อยก็ขยับเปลือกตาเปิดมองอย่างยากเย็น อาการปวดหนึบแล่นจับไปทั้งศีรษะและลำตัวยากจะสลัดออกได้
พิมพ์ พิมพ์มาทำอะไรตรงนี้ลูก
สาวน้อยแว่วยินคำพูดนั้นอย่างเลือนราง คุณทัตพลใช้หลังมืออังไปที่หน้าผากบุตรสาว ความร้อนสัมผัสมือจนต้องรีบชักกลับ พิษไข้รุนแรงจนพิมพ์จันทร์สลบไสลไม่รู้สึกตัว คนเป็นพ่อต้องรีบอุ้มร่างบางเข้าบ้านในทันที
คุณทัตพลเฝ้าดูแลลูกสาวคนเดียวตลอดทั้งคืนจนความร้อนในตัวพิมพ์จันทร์ลดลง จึงมีโอกาสได้พักผ่อนบ้าง สาวน้อยตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอย่างกระสับกระส่ายพิษไข้ยังไม่หายไปแต่ทุเลาลงพอสมควร คุณทัตพลต้องลางานเพื่ออยู่ดูแลลูกสาวต่อ
ตื่นแล้วเหรอลูก กินโจ๊กหน่อยนะจะได้กินยา ถ้อยคำเอื้ออาทรเหมือนทุกครั้งเวลาเธอไม่สบาย
พ่อค่ะ หนูขออยู่กับพ่อที่นี้นะค่ะ พ่ออย่าปล่อยให้ใครมาเอาตัวหนูไปอยู่ที่อื่นอีกนะค่ะ สาวน้อยคร่ำครวญทันทีที่รู้สึกตัว ด้วยน้ำเสียงที่แห้งแหบเครือ
กินข้าวกินยาก่อนเถอะ เรื่องอื่นเราค่อยว่ากันทีหลังนะ แม้ลูกสาวยังไม่เล่าอะไรแต่คุณทัตพลก็พอจะเดาเรื่องราวได้
ไม่ค่ะ พ่อต้องรับปากหนูก่อน นะค่ะพ่อ นะค่ะ
พิมพ์จันทร์เขย่าแขนบิดาเบาๆ แม้จะไม่อยากรับปากแต่คนอย่างพิมพ์จันทร์หรือจะยอมง่ายๆ คุณทัตพลรู้จักนิสัยบุตรสาวดี จึงต้องจำใจรับปากไปก่อน
ก็ได้จ๊ะแต่หนูต้องกินโจ๊กให้หมดนะ
สาวน้อยพยักหน้ารับเบาๆ มุมปากขยับยิ้มแห้งๆ
คุณทัตพลมองดูบุตรสาวนึกเอ็นดูระคนเห็นใจที่สาวน้อยต้องประสบกับโชคชะตาถึงขนาดนี้ เขาทั้งรักและห่วงลูกสาวคนนี้มากตั้งใจมาตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าจะมีลูกว่าจะดูแลและสั่งสอนแกให้ดีที่สุด ให้เด็กน้อยเป็นคนดี ร่าเริง ไม่จำเป็นต้องเก่งขอแค่เป็นคนดีก็เพียงพอแล้ว
แต่วันนี้พิมพ์จันทร์กลับต้องเก็บกด น้อยใจ เสียใจ ครั้งแล้วครั้งเล่า จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่และพ่อ คนอื่นที่ทำให้ลูกสาวเขาต้องเสียใจนั้นเขาไม่นึกโกรธเกลียดเท่าไหร่หรอกเพราะยังไงเขาเหล่านั้นก็เป็นคนนอกแม้จะทำให้พิมพ์จันทร์เสียใจแต่ก็ไม่มากมายเท่าความเสียใจที่เกิดจากพ่อแม่หยิบยื่นให้ เขาไม่อยากเห็นลูกสาวต้องทุกข์ใจอีกต่อไปแล้ว
บางทีเขาอาจจะต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ทำตามสัญชาตญาณของความเป็นพ่อ ทำในขณะที่ยังทำและยังพยายามได้ ก่อนที่อะไรๆจะแย่ไปมากกว่านี้
ร่างอวบอ้วนที่นอนแผ่หลาอยู่ใต้ต้นมังคุดดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเมื่อหนุ่มน้อยผิวคล้ำใช้ยอดหญ้าเลียไล้ไปตามใบหน้า ทั้งยังคงนอนหลับอ้าปากโหวงไม่รู้สึกตัวสักนิด หนุ่มน้อยจึงเอายอดหญ้าแหย่ตรงรูจมูกอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกตัว
ยืนคิดอยู่นานสายตาก็เหลือบไปเห็นถังน้ำสแตนเลสภายในมีน้ำติดก้นถังนิดนึง หนุ่มน้อยใช้อุ้งมือตักน้ำขึ้นมาก่อนจะหยดใส่ปากคนตัวอ้วนหวังให้ตื่นนอนแต่ผิดคาดฝ่ายนั้นกลับกลืนน้ำลงคอหมด หนุ่มน้อยหมดความอดทนหยิบไม้ดุ้นเล็กขึ้นมาเคาะข้างถังน้ำเสียงดังลั่น
โจรโว้ย โจรปล้นบ้าน
ไหนครับโจร ไหน ไหน เสียงเคาะถังดังราวปืนแตกปลุกคนตัวอ้วนตื่นในทันที ทั้งยังลนลานอย่างตกใจ
โน้นไปทางโน่นแล้ว ตามมันไปเลยน้าชวน แต่มันมีปืนด้วยนะ
ว่าแล้วหนุ่มน้อยก็ปิดปากหัวเราะเบาๆ คนฟังที่ทำท่าจะวิ่งตามโจรก็รู้ในทันทีว่าโดนหลอกเข้าแล้ว
แกล้งกันอีกแล้วนะคุณเมือง โธ่เว้ยโดนเด็กหลอกอีกแล้ว คนตัวอ้วนว่าพรางเกาหัวแกลกๆ
ไม่ได้แกล้งเรื่องจริง น้าชวนก็ได้ยินเสียงปืนนิ ชายร่างอ้วนวัยเลยกลางคนทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่สายตาจะไปสบกับถังน้ำสแตนเลส
แหนะ...อย่ามาอำกันครับนี่ไงครับถังน้ำ คุณเมืองเคาะถังใช่มั้ยล่ะ เมืองเอกยิ้มร่าเมื่อโดนจับได้ แววตาขี้เล่นแวววาว ยิ้มสดใสไปทั้งหน้าทั้งตา
ไหนค่ะโจร ไหนมันอยู่ไหน ผู้หญิงร่างผอมบางผิวดำคล้ำรีบวิ่งลนลานมาหาคนทั้งสองอย่างตกอกตกใจ
มันวิ่งไปท้ายสวนโน่นแล้วครับ อีกครั้งที่หนุ่มน้อยได้ทีแกล้งคน
มันได้อะไรไปบ้างค่ะคุณเมือง
เยอะแยะเลย หอบกันไม่หวัดไม่ไหว เลยวางไว้ที่เรือนเหมือนเดิม คนขี้แกล้งยังแกล้งไม่เลิก คนฟังมองใบหน้าแต้มยิ้มนั้นอย่างงงงวย
โจรที่ไหนกันล่ะนังเนียนโดนคุณเมืองหลอกแล้ว
โธ่ คุณเมืองเล่นอะไรอย่างนี้ค่ะ เนียนตกใจหมดเลย นางเนียนยกมือขึ้นทาบอก ยิ่งทำให้เมืองเอกหัวเราะขำมากกว่าเดิม
จริงๆแล้วก็ไม่อยากแกล้งหรอก แต่น้าชวนนี่สินอนหลับปลุกยังไงก็ไม่ตื่นสักที เลยต้องใช้วิธีปลุกอย่างนี้ไงเห็นมั้ยได้ผลดีซะด้วย
เอาอีกแล้วนะเอ็งไอ้ชวนแอบหงีบในเวลางานอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะคุณสมรรู้ขึ้นมานะ เอ็งจะเข้าสวนนี้ไม่ได้อีก
ชวนและเนียนเป็นคนที่คุณสมรยายของเมืองเอกมักจะว่าจ้างมาทำงานในสวน ดายหญ้าบ้าง แต่งกิ่งบ้าง มาบ่อยจนสนิทสนมกับคนในบ้านทุกคน
ทั้งสองคนเห็นสองพี่น้องมาตั้งแต่ยังเล็กจึงทั้งรักทั้งเอ็นดูเหมือนลูกหลาน บวกกับความช่วยเหลือที่ทางบ้านหนุ่มน้อยมักจะหยิบยื่นให้ในยามที่ลำบากขัดสนจึงทำให้คนทั้งสองทั้งรักทั้งเกรงใจคนในบ้านสวนมังคุดนี้
เออ...น้าชวนน้าเนียนเห็นคุณมนบ้างมั้ยไม่รู้หายไปไหน ยายให้มาตาม
เห็นอ่านหนังสืออยู่ที่ซุ้มสายหยุดโน้นค่ะ
นางเนียนว่าพรางบุ้ยปากไปทางที่มณฑลอยู่ เมืองเอกเดินข้ามท้องร่องไปแล้วจึงวกเดินกลับขึ้นไปทางหน้าสวนที่มีสายหยุดสองต้นขึ้นเคียงกันแตกกิ่งก้านงุ้มเข้าหากันจนหนุ่มน้อยต้องทำโครงไม้ค้ำยันไว้กลายเป็นซุ้มสายหยุดให้ร่มเงา
เมืองเอกเลยหาแคร่ไม้มาวางไว้เพื่อจะได้นอนอ่านหนังสือหรือไว้นั่งเล่น หนุ่มน้อยจัดการหาไม้ไผ่มาต่อแคร่เองลงแชลแลคอย่างดีเพื่อความทนทาน ทั้งเขาและพี่ชายมักจะชอบไปนอนเล่นอ่านหนังสือกันที่นั่น
เมืองเอกเดินพ้นสวนมังคุดออกมาก็มาถึงซุ้มสายหยุดพอดี อีกด้านเป็นสวนเงาะที่กำลังออกดอกสะพรั่งไปทั้งสวน มณฑลกำลังนอนตัวยาวบนแคร่ไม้ไผ่ตรงหน้ามีตำราหลายเล่ม ในมือกำลังจดๆเขียนๆตัวอักษรลงบนสมุดชายหนุ่มหยิบปากกาลบคำผิดขึ้นมาจะใช้แต่ตัวอักษรระบุชื่อ พราวเดือน ที่ข้างหลอดปากกานั้นทำให้เขานึกถึงเจ้าของมันขึ้นมาได้อีกครั้ง
หญิงสาวที่ดวงหน้ายาวเรียว นัยน์ตาคม คิ้วดกหนา ปากนิดจมูกหน่อย เขาคงไม่มีโอกาสได้คืนสิ่งของในมือให้แก่เจ้าของมันแล้วจริงๆ มณฑลเปิดฝาปากกาจรดมันลงบนกระดาษลบคำที่เขียนผิดออกไป
คุณมนยายให้มาตาม เสียงจากน้องชายทำให้มณฑลต้องหันไปมอง
ยายให้มาตามทำไมกันคุณเมือง
จะให้เอาสะเดาน้ำปลาหวานไปให้คุณอาทัตพลหน่อย
อ้าว...แล้วทำไมคุณเมืองไม่เอาไปให้เองล่ะ
ไม่ว่างเดี๋ยวจะกลับเข้าโรงเรียนล่ะ ยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย อีกอย่างถ้าคุณเมืองเอาไปให้เองนะคุณอาจะชวนคุยจนไม่ได้กลับโรงเรียนกันพอดี คุณมนไปเองน่ะดีแล้วคุณมนคุยกับผู้ใหญ่เก่งไม่ เหมือนคุณเมือง
เออๆ ไปให้ก็ได้
ว่าแล้วมณฑลก็ลุกขึ้นในทันทีเพราะรู้ดีว่าน้องชายตัวเองคนนี้น่ะคร้านผู้ใหญ่ซะขนาดไหน เมืองเอกไม่ค่อยชอบคุยกับผู้ใหญ่เพราะเขาเป็นคนมุทะลุ ตรงไปตรงมา ปั้นหน้าปั้นคำไม่ใคร่จะเป็น
ต่างจากมณฑลพี่ชายที่ผู้ใหญ่คนไหนเจอก็ต้องรักต้องหลงเพราะเขารู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ วางตัว วางคำพูดคำจาเก่ง สองพี่น้องเลยต่างกันสุดขั้ว คนพี่นิ่งสุขุมอบอุ่น ส่วนคนน้องจะขี้เล่นตรงไปตรงมา ทั้งมณฑลและเมืองเอกต่างรู้จักนิสัยของกันและกันดีจึงไม่เคยเห็นทั้งคู่ทะเลาะโต้เถียงกัน
มณฑลจะทำหน้าที่พี่ชายดูแลและเสียสละเพื่อน้องเสมอ ส่วนเมืองเอกนั้นก็เคารพและรับฟังพี่ชายเสมอเหมือนกัน หากเมื่อมีปัญหาทั้งคู่ก็มักจะพูดคุยกันด้วยเหตุผลพี่น้องจึงรักสามัคคีกันดี
อาจด้วยเพราะต้องกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เล็กๆการเลี้ยงดูจากยายเพียงคนเดียวจึงทำให้ทั้งคู่ต้องอดทนและพยายามมากกว่าเด็กคนอื่นๆ ความลำบากจึงทำให้พี่น้องเห็นอกเห็นใจในกันและกันและสนิทสนมรักใคร่กันมากกว่าพี่น้องทั่วไป
บ้านไม้สองชั้นทาสีขาวเปลือกไข่ด้านหน้ามีเก้าอี้ตัวยาวทำด้วยไม้พาราวางอยู่ ด้านหลังบ้านมีการต่อเติมเป็นระเบียงเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ในการทำครัว บนชั้นสองด้านห้องนอนใหญ่ตรงเฉลียงมีโต๊ะไม้มะค่าสีน้ำตาลขัดมันเงางามเข้าชุดกับเก้าอี้โยกสีเดียวกัน
เจ้าของบ้านมักจะใช้มุมนี้เป็นมุมพักผ่อน อ่านหนังสือ มองทอดสายตาไปเบื้องหน้าคือทิวไม้เขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตาเป็นพื้นที่สวนผลไม้ของเพื่อนบ้าน บางครั้งกลิ่นหอมของดอกไม้ออกใหม่ก็โชยมาเป็นการบ่งบอกว่าฤดูกาลของผลไม้กำลังจะมาเยือนอีกครั้ง
มณฑลเดินถือกล่องบรรจุสะเดาน้ำปลาหวานและปลาช้อนเผาเดินลัดสวนมังคุดก็มาถึงด้านหลังบ้านพอดี สวนผลไม้ของยายเขาไม่ได้ทำรั้วกันไว้ส่วนบ้านสีขาวก็ไม่ได้ทำรั้วด้านนี้ไว้เหมือนกัน มณฑลเดินตรงไปยังหน้าบ้านร้องเรียกเจ้าของบ้านเบาๆด้วยเกรงว่าจะรบกวน
คุณอาทัตพลครับ คนมาเยือนยังคงยืนระล้าระลังอยู่อย่างนั้นจนเมื่อเจ้าของออกมานั้นแหละจึงจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้ประตูบ้านมากขึ้น
อ้าว..เจ้ามนเองเหรอมีธุระอะไรรึเปล่า
ยายให้เอาปลาช้อนเผาสะเดาน้ำปลาหวานมาให้ครับ น้าชวนแกลอกท้องร่องได้ปลาช้อนหลายตัวเลยแบ่งมาฝากคุณอาครับ
ชายหนุ่มว่าพรางยื่นกล่องบรรจุอาหารสองกล่องให้เจ้าของบ้าน
โธ่ยังอุสส่าห์นึกถึงบอกคุณยายด้วยนะว่าอาขอบคุณมากไว้วันหลังจะแวะไปคุยด้วย คุณทัตพลรับของฝากเสร็จไม่ลืมขอบคุณ
ครับแล้วผมจะบอกยายให้ครับ มณฑลพูดด้วยอย่างนอบน้อม รถยนต์คันหนึ่งเลียวเข้าบ้านมาอย่างรีบร้อน เสียงแตะเบรกดังสะนั่นบาดแก้วหู
ผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีใบหน้าลงเครื่องสำอางในขั้นจัดจ้านก้าวลงมาจากรถด้วยสีหน้าท่าทางร้อนรน
ยัยพิมพ์อยู่นี่ใช่มั้ย
โดยไม่ต้องรอให้ถามแสงอุษาพูดถึงธุระที่มาในทันที มณฑลมองคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยความงุนงงคิดว่าไม่สมควรที่เขาจะโอ้แอ้อยู่ที่นี่นานนัก
คุณทัตพลยังไม่ตอบอดีตภรรยาเขาหันหน้าไปพูดกับมณฑลด้วยสีหน้าละไมยิ้มว่า
ขอบใจเธอด้วยนะมณฑล ว่างๆอาจะเข้าไปที่บ้าน
เพียงเท่านั้นมณฑลก็รับรู้ได้ว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้วชายหนุ่มรับคำสั้นๆแล้วจึงลากลับ ปล่อยให้คนทั้งคู่พูดคุยกันเพียงลำพัง คุณทัตพลยังคงวางสีหน้านิ่งเฉยต่างกับแสงอุษาที่ยิ่งทวีอารมณ์ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก
ฉันถามว่ายัยพิมพ์อยู่ที่นี่ใช้มั้ย
ใช่ สั้นๆที่อดีตสามีตอบ ความเฉยชานั้นยิ่งเพิ่มความเคืองโกรธให้กับแสงอุษา
ยัยพิมพ์อยู่ที่นี่แล้วทำไมคุณไม่บอกฉัน
ยัยพิมพ์ไม่อยากให้บอกและผมก็เห็นด้วยเพราะถ้าบอกคุณแล้วคุณก็จะโกรธจนบ้าอาละวาดไม่เลือกอย่างนี้ไง
คุณทัตพลนี้คุณว่าฉันบ้าเหรอ
ใช่ แสงอุษายิ่งโกรธจนหน้าสั่นเมื่อได้ยินคำนั้น
ฉันจะพายัยพิมพ์กลับบ้าน
ผมจะดูแลลูกเอง ยัยพิมพ์เล่าให้ผมฟังหมดแล้วนะว่าคุณบังคับข่มเหงน้ำใจอะไรแกบ้าง ลูกมีชีวิตจิตใจนะไม่ใช่สมบัติของพ่อแม่คุณจะเอาแกไปโอ้อวดแข่งขันกับลูกชาวบ้านอย่างนั้นน่ะเห็นใจแกบ้างซิ แกไม่ใช่หุ่นยนต์ที่คุณจะบังคับให้ทำอะไรก็ได้นะ
แสงอุษาไม่ได้ฟังอดีตสามีสักนิดเธอยังคงยืนยันในความตั้งใจของตัวเอง
ฉันจะพายัยพิมพ์กลับบ้าน
พูดจบก็เดินเบียดร่างคุณทัตพลเข้าบ้านไปทันที เธอเดินตรงขึ้นไปชั้นบนของบ้านเปิดดูทุกห้องจนพบว่าลูกสาวกำลังนอนอยู่ในห้องนอนเล็ก คุณทัตพลก็เดินตามอดีตภรรยามาติดๆ
ยัยพิมพ์ลุกขึ้นกลับบ้านกับแม่
คนเป็นแม่ตรงเข้าฉุดร่างบางที่นอนซมอยู่บนที่นอนอย่างรุนแรง พิมพ์จันทร์ได้แต่เพียงเรียกชื่อแม่ตัวเองเบาๆไม่มีเรี่ยวแรงจะต้านทานแรงแสงอุษาได้
หยุดเถอะแสงอุษา คุณทัตพลพยายามร้องปราม
ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะยัยพิมพ์ แกต้องกลับบ้านกับฉัน แสงอุษายังคงฉุดกระชากร่างนั้น
ผมบอกให้คุณหยุดไง เสียงตะโกนดังก้องพร้อมความกราดเกรี้ยวทำให้แสงอุษาชะงักงันไปชั่วครู่ คุณทัตพลจึงได้โอกาสพูดขึ้นอีกที
เพราะคุณเป็นอย่างนี้ไงลูกถึงไม่อยากอยู่กับคุณ ปล่อยแกให้แกเป็นอิสระบ้างเถอะแสงอุษา ทั้งสองมีสายตาแข็งกร้าวไม่ต่างกัน แสงอุษามองหน้าอดีตสามีราวจะลุกเป็นไฟ
คุณนั่นแหละหยุด ฉันจะพายัยพิมพ์กลับบ้าน ยัยพิมพ์อยู่ในความรับผิดของฉัน ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับแกก็ได้
พูดเสร็จแสงอุษาก็ลากพิมพ์จันทร์ลงมาจากที่นอนอีกครั้ง คุณทัตพลทนมองภาพนั้นไม่ไหวจนต้องตรงเข้าไปดึงตัวแสงอุษาออกมาจากตัวลูกสาว
หยุดทำอย่างนี้สักทีแสงอุษา แรงเหวี่ยงจากอดีตสามีทำเอาแสงอุษาหลุดออกไปอยู่ห่างจากเตียงพอสมควร
ผมจะไม่ยอมให้คุณทำอะไรอย่างนี้อีกแล้ว ถ้าคุณอ้างสิทธิในการดูแลตัวยัยพิมพ์เพื่อที่จะบีบบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่ไม่อยากทำอีก ผมจะฟ้องต่อศาลว่าคุณบีบบังคับกักขังหน่วงเหนี่ยวลูก คุณกลับไปเสียเถอะต่อไปนี้ผมจะดูแลลูกเอง
คุณไม่กล้าทำอย่างนั้นกับฉันหรอกคุณทัตพล คุณแสงอุษาเรียกชื่อสามีเก่าช้า ชัดอย่างท้าทาย พ่อค่ะ แม่ค่ะ หยุดทะเลาะกันเถอะค่ะ
พิมพ์จันทร์พยายามพยุงตัวออกเสียงพูดเพียงแผ่วเบาคุณทัตพลถล่าเข้าหาร่างบุตรสาวทันที เป็นครั้งแรกที่แสงอุษาตระหนักได้ถึงอาการไข้หนักของบุตรสาวถึงรู้ว่าสาวน้อยไม่สบายหนักเพียงใด คนเป็นแม่ได้แต่ยืนนิ่งเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่ตนทำรุนแรงเกินไปจริงๆ
กลับไปเถอะแสงอุษาผมขอล่ะ ปล่อยให้ยัยพิมพ์อยู่กับผมที่นี่เถอะ ถือว่าผมขอให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อบ้างก็แล้วกัน คุณยังมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวยัยพิมพ์เหมือนเดิม ส่วนผมขอใช้สิทธิ์ของพ่อในการดูแลลูกเท่านั้น
สายตาที่เคยแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความเว้าวอนเมื่อโดนเตือนสติด้วยเสียงของบุตรสาว แสงอุษายังคงยืนเก้ๆกังๆตัดสินใจไม่ได้สักที
หนูปวดหัว ปวดมากเลยค่ะ
ไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวมันก็หาย
คนเป็นพ่อเอื้อมมือไปลูบหัวลูกสาวเบาๆพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นุ่มนวลอย่างที่แม่ลูกไม่เคยพูดต่อกัน
แสงอุษามองดูภาพนั้นแล้วตัดสินใจเดินจากไปในทันที มันผิดนักหรือที่เธอพยายามดึงตัวลูกสาวให้ไปอยู่แถวหน้าของสังคมเพื่อจะได้ทัดเทียมและไม่อายขายหน้าคนอื่น เพื่อที่จะได้เป็นที่ภาคภูมิใจของวงกระกูล
พิมพ์จันทร์มีเลือดพ่อที่คนในระดับเดียวกับเธอต่างดูถูกหยามเหยียดในความต่ำต้อยนั้น เธอเองก็เคยโดนเย้ยหยันมามากแล้วตอนที่พลาดท่าต้องรีบแต่งงานกับทัตพล เธอจึงยอมให้ลูกสาวคนเดียวต้องตกอยู่ในสถานะนั้นเหมือนเธอไม่ได้
การกระทำทุกอย่างจึงทำเพื่อให้พิมพ์จันทร์เป็นที่ยอมรับในวงสังคม มันผิดนักหรือที่เธอพยายามเลือกทางเดินที่เธอคิดดีที่สุดให้ลูก ใช่มันอาจจะผิดในสายตาของอดีตสามีมันอาจจะไม่ถูกต้องนักที่ต้องบีบบังคับลูก
หากสิ่งที่เธอบังคับให้พิมพ์จันทร์ทำในวันนี้จะทำให้สาวน้อยโตขึ้นเป็นคนที่เข้มแข็งในอนาคต และสามารถต่อสู้อยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไม่แพ้ใคร
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
สวัสดีท่านผู้อ่านที่มีพระคุณทุกท่านค่ะ บทนี้ก็ยังเป็นการปูเรื่อง แนะนำตัวละครอยากให้เห็นพัฒนาการของตัวละครค่ะ อาจจะดูดราม่าและน่าเบื่อไปบ้าง แต่ก็พยายามให้ไม่หนักมากเกินไป ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากที่เข้ามาอ่าน ทุกกิ๊ฟทุกคอมเม้นท์คือกำลังใจที่มีค่าต่อผู้เขียนค่ะ
คุณ Psycheza ขอบคุณมากค่ะที่รออ่านและขอโทษด้วยที่ลงช้าไปพอดีเดือนที่แล้วย้ายที่ทำงาน ย้ายบ้านเลยยุ่งๆนะค่ะ สำหรับคอมเม้นท์ขอบคุณมากๆค่ะ จริงๆแล้วแค่กิ๊ฟก็ชื่นใจคนเขียนมากมายแล้วล่ะค่ะ เรื่องสต็อกไว้ประมาณสิบกว่าตอนเองค่ะอาจจะลงช้าไปบ้างแต่ได้อ่านกันต่อเนื่องแน่ค่ะ
คุณ บ้านสายไหม ไม่อยากสปอยล์นักอ่านสักเท่าไหร่ ยังไงรอลุ้นต่อไปนะค่ะ แต่บอกเลยว่าประเด็นพิมพ์กับพราวนี่น่าติดตามมากๆค่ะ ขอบคุณมากๆสำหรับคอมเม้นท์นะค่ะ
คุณ lovereason ยินดีมากค่ะ ชื่อเรื่องพยายามตั้งชื่อให้สื่อถึงนางเอกนะค่ะ แต่ก็อยากให้ดูน่าค้นหาด้วย ขอบคุณที่เข้มาอ่านมากๆนะค่ะ
ขอบคุณมากๆสำหรับกิ๊ฟของคุณ ห้าสิบป่าย, Sniper-1500watt, Psycheza, นารีจำศีล, mamahuhu
แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 55 19:25:00
จากคุณ |
:
idakok
|
เขียนเมื่อ |
:
25 พ.ย. 55 19:23:37
|
|
|
|