Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Avalon project( The new fuhrer) 946ปีก่อนสิ้นโลก vote ติดต่อทีมงาน

    บทนำ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=himan

    บทที่ 1   946ปีก่อนสิ้นโลก

    บันทึกช่วยจำ

    สงครามที่บ้าคลั่งดำเนินมากว่าเก้าร้อยปีแล้ว

    ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน

     แต่ราวกับถูกฝังมาในจิตวิญญาณ

     เรากับเจ้าสิ่งมีชิวิตน่ารังเกียจนั่น

    ไม่มีวันที่จะใกล้ชิด ไม่มีวันที่จะญาติดี มีเพียงสงครามและความตายเท่านั้นที่จะมอบให้กัน

    ความเกลียดชังถูกฝังอยู่ในหัวใจอย่างไม่เคยลืมเลือน

     ไม่มีใครรู้ว่าเรากับมัน มาจากที่ไหน และใครเกิดก่อนกัน

     เพียงแต่รับรู้ว่า เรา เคยรุ่งเรืองกว่านี้ มีตำนานเล่าขานเราเคยไปเหยียบถึงดวงจันทร์

    และดวงจันทร์เคยเต็มดวงมิใช่มีเพียงครึ่งดวงดั่งที่เป็นอยู่

    บางตำนานเล่าขาน ความรุ่งเรืองนั่นล่ะที่ทำร้ายเรา

    บางตำนานเล่าว่า มันนั่นล่ะที่ทำลายความรุ่งเรืองของเรา

     ข้าไม่มีคำตอบในเรื่องนี้

    มีเพียงศิลาแห่งปราญเท่านั้นที่คงตอบข้าได้ ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้นกับเรา

    เพียงแต่ว่าเราต้องหาค้นหามันให้เจอ

     บนทุ่งหญ้าที่แห้งผาก แม้จะมีเจ้าวัชพืชตายยากขึ้นอยู่ประปราย

    แต่ทว่า....สีเหลืองแห้งกรอบของมันบ่งบอกว่ามันไร้ซึ่งชีวิตอีกต่อไปแล้ว พื้นดินที่แตกระแหง ไร้ซึ่งสำเนียงแห่งชีวิตใดๆ สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ก็มีเพียง ลมแห้งๆที่พัดผ่านมา

    อีกา ตัวหนึ่งกำลังคุ้ยเขี่ยพื้นอย่างตั้งใจ เล็บสกปรกของมันคุ้ยเขี่ยพื้นดินลึกลงไปยิ่งขึ้น เผื่อจะเจอหน่อหญ้าสักหัว หรือหนอนสักตัว เพื่อที่จะมาประทังชีวิตอันโหดร้ายนี้ต่อไป ดวงตาสีดำของมันจับจ้องพื้นดิน แต่บางครั้ง สายตาก็คอยเมียงมองไปรอบข้าง เพื่อคอยระแวดระวังศัตรู  ในโลกที่สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กแบบนี้ การประมาทแม้เพียงเสี้ยววินาที นั่นย่อมหมายถึงความตาย

    แต่แล้ว แรงสั่นสะเทือนเล็กๆ ก็เกิดขึ้นใต้ฝ่าเท้าน้อยๆของมัน ทีแรกมันก็ไม่ได้ใส่ใจ

    แต่ทว่า มันก็มากขึ้น มากขึ้นทุกที จนในที่สุด สัญชาติญาณการเอาตัวรอด ก็อยู่เหนือความหิวโหย

    มันจึงต้องโผบินขึ้นไปอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อมันใช้สายตาสีดำเล็กๆคู่นั้นมองลงมายังพื้นดิน

    ก็พบสาเหตุ ที่ทำไม พื้นถึงสั่นราวกับฟ้าถล่มแบบนี้

     

    กองทหารขนาดใหญ่ กำลังรุกไล่กองทหารขนาดเล็กอย่างย่ามใจ

    โดยที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่คิดสู้ กองทหารขนาดใหญ่นั้น เหล่าทหารท่อนบนนั้นแต่งกายด้วยชุดแดง ส่วนท่อนล่าง นุ่งเพียงผ้าเตี่ยวผืนเดียว ไม่สวมเกราะ ผิวกายสีเขียวชุ่มเลื่อมไปด้วยเหงื่อ อันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าไทแทน หนังหยาบช้าของพวกมัน อาวุธเล็กๆไม่อาจระคายผิว พวกมันมีเขี้ยวคู่เล็กงอกออกจากมุมปาก ดวงตาสีแดงกระเหี้ยนกระหือหมายปลิดชีพศัตรูตรงหน้าให้ดาวดิ้น ในมือมีอาวุธรูปแบบแตกต่างกัน ทั้งดาบทั้งขวาน แม้จะไม่คมนัก แต่ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของพวกมัน

    ความคมไม่มีความหมาย

     

    ทาก้า  วิ่งนำหน้าพวกมันด้วยหมายจะเป็นคนที่สังหารได้มากที่สุด ผมที่ถักเป็นเปียของมันแกว่งไหวไปมา  แขนขนาดเท่าเอวผู้หญิงของมันหดเกร็ง ด้วยหมายสังหารเหล่ามนุษย์ ที่อยู่ตรงหน้าให้หมด

     ถ้าเป็นไปได้  มันอยากเป็นคนสังหารเพียงผู้เดียว มันจะได้เลื่อนเป็นนายกองกับเขาสักที  เมื่อเช้า พวกมันปะทะกับมนุษย์น่ารำคาญพวกนี้มาทีหนึ่งแล้ว สู้กันแผลบเดียวเจ้าพวกนี้ก็หนี แต่ครั้งนั้น เป็นเพียงแค่กองทหารเล็กๆ สู้กันยังไม่หายมันมือก็จบแล้ว

     

    พอตอนสายเจอกันอีก ยังไม่ทันได้สู้ เจ้าพวกนี้ก็หนีอีก วูชู (หัวหน้า)สั่งให้ไล่ฆ่าพวกมันให้หมด
    คราวนี้ล่ะจะไม่ให้หนีอีกแล้ว เจ้าสี่ขาพวกนั้นที่มนุษย์ขี่อยู่ก็วิ่งไวจริงๆ

    พวกนั้นเรียกว่าอะไรนะ อ้อ!!ม้า แต่พวกมันเรียกว่า อาก้า(สายลม) อาก้าไม่เคยยอมให้พวกมันขี่อย่างพวกมนุษย์  แต่เนื้ออาก้าก็อร่อยดีเหมือนกัน ชั่วเสียแต่ว่ามันน่ารำคาญตรงวิ่งไวนี่ล่ะ แต่มีพวกอาก้าตัวหนึ่ง วิ่งสะดุดหลุมทำให้ชักช้ากว่าพักพวก ห่างจากมันเพียงช่วงแขนเดียว

    มันยกอาวุธขึ้นสูงเตรียมสังหาร

    ในดวงตาสีแดงไม่มีเสี้ยวของ แววปราณี

    ฟิ้ว.....คมอาวุธแหวกอากาศลงมา

    ฉึก!!! ธนูดอกหนึ่งเสียบเข้ากลางหน้าผากเจ้าไทแทน จนเจ้าตัวที่วิ่งนำหน้าอยู่ล้มทั้งยืน

    ทำเอาพวกที่เหลือหยุดชะงัก ต่างหยุดวิ่งแล้วยกโล่ขึ้นมาบัง แม้จะโดนเข้าแค่ดอกสองดอกจะไม่เป็นอะไร  แต่ถ้าโดนมากเข้ามันก็ไม่ใช่เรื่องตลก แต่ไม่ทันจะดูว่าลูกธนูมาจากไหน อีกนับร้อยก็โปรยมาจากด้านหลัง  พอพวกมันหันไปด้านหลัง อีกด้านก็ยิงมา เหล่าธนูสังหารพวกมันกว่าหนึ่งในสิบ แต่ยังเหลืออีกมาก   พอดีกับที่วูซู ของพวกมันมาถึงพอดี

     “กรร...พลธนูอยู่ไหนยิงมันสิวะ“

    วูซูของพวกมันรีบสั่งการ เมื่อเห็นสภาพที่ไทแทนตายไปเรื่อยๆ  โดยที่ตัวมันเองก็หันรีหันขวาง ทำอะไรไม่ถูก

     มันเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่า ในสภาพนี้ แล้วพวกมันเข้ามาอยู่ในพื้นที่เรียกว่า พื้นที่สังหาร ด้านข้างเป็นหุบเขาสูงชัน ด้านหน้าเป็นเนิน มีเพียงด้านหลังที่มันเข้ามาเท่านั้นที่เปิดโล่ง ศัตรูเลือกยิงจากที่สูงตามสบาย โดยที่พวกมันทำอะไรแทบไม่ได้ แม้จะให้พลธนูขึ้นมา แต่ไม่ทันจะตั้งแถวยิง ก็โดนยิงร่วงเป็นแถบ

     

    พอมันหันไปมองด้านหน้า เหล่ามนุษย์ที่ตอนแรกเอาแต่หนี หยุดวิ่ง หันกลับมาตั้งแถวยืนเบียดไหล่

    เตรียมตัวเข้าปะทะ

     

    “กรร....ตั้งแถว .....เตรียมตัวฆ่ามัน “ เจ้า วูซูสั่งการลูกน้อง ก่อนจะกระชับอาวุธในมือหมายปลิดชีพ

    เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อย ที่บังอาจมาต่อกรกับพวกมัน ธงสีทองที่เหน็บไว้เป็นสัญลักษณ์ ว่าเป็นวูซูสั่นไหวไปตามลม

     

    วูด!! เสียงแตรแปลกหูดังขึ้น ลูกธนูที่เคยโปรยปรายเป็นห่าฝนก็หยุดลง

    พร้อมๆการปรากฎตัวบนยอดเนินของ คนผู้หนึ่งในชุดเสื้อเกราะสีเงิน บนหลังม้าสีน้ำตาล ใบหน้าถูกปิดไว้ด้วยหมวกโลหะ ด้านหลังมีกองทัพม้าในชุดเกราะเต็มยศ ธงประจำกองทัพรูปอีกาสีขาวปลิวไสวไปตามลม

    คนผู้นั้นยกดาบโค้งเรียวขึ้น ก่อนจะลดลงชี้ไปด้านหน้า ทหารบนยอดเนินที่ตั้งแถวอยู่ก็ออกตัวประจัญบานเข้าจู่โจมกระหนาบทั้งสองด้านทันที

    ส่วนพวกที่ตอนแรกเอาแต่หนีหันกลับมาตั้งแถว ก็เข้าปะทะเข้าไปอีกเป็นสามด้าน เมื่อถูกจู่โจมหนักเข้า  พวกไทแทนเริ่มระส่ำระส่าย จนกระทั่งมีตนหนึ่งหันหลังหนี ก็ไม่มีใครคิดสู้ ต่างแตกหนีเอาตัวรอด  คุมกันไม่ติดเป็นหมวดหมู่อีกต่อไป ต่างหนีเอาตัวรอดในทางที่พวกมันเข้ามา นั่นคือด้านหลัง

    “ กรร....อย่าหนีสิวะ “

    เจ้าวูซูสั่งลูกน้องที่ตอนนี้หนีเอาตัวรอด แต่ไม่มีใครฟัง มันเลยมันเลยจามขวานที่อยู่ในมือใส่ลูกน้องของมันตนหนึ่งที่คิดหนี ทำเอาเจ้าตัวที่อยู่ใกล้มือ ขาดเป็นสองท่อนด้วยดาบเดียว

     

    “ เฮ้ย...!!ไอ้ยักษ์ผิดตัวแล้ว “ เสียงของชายหนุ่มรุ่นๆ สักสิบเจ็ดเห็นจะได้ เรียกความสนใจของเจ้าวูซูได้มากโข ในมือของเด็กหนุ่มมีดาบสีแดงโค้งดูแปลกตา มันดูผิดตาไม่ใช่ดาบที่คนทั่วไปใช้ กว้างสักสองนิ้วได้ แต่ดาบเรียวบางแบบนั้น รับขวานเล่มโตของมันได้ไม่ถึงครึ่งทีก็หักแล้ว เจ้าวูซูกระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อเห็นข้อได้เปรียบของตน ก่อนจะเงื้ออาวุธขึ้นสูงหมายผ่ากระโหลก เจ้าตัวจ้อยที่มาท้าทายให้เป็นสองเสี่ยง

    เคล้ง!! ดาบเรียวบางถูกยกขึ้นรับ เด็กหนุ่มผ่อนกำลังที่ข้อมือลงเล็กน้อยทำให้พลังของคู่ต่อสู้ไหลไปตามคมดาบก่อนจะพลิกข้อมือแล้วสะบัดดาบ ในท่าเสือสะบัดเล็บ เป้าหมายคือที่ข้อมือของคู่ต่อสู้ แต่อารามที่คู่ต่อสู้ใส่แรงมามากเกินไปทำให้ มันถลำตัวมาข้างหน้า คมดาบจึงเลยไปถูกที่คอแทน...........

    เมื่อเหล่าไทแทนเห็นวูซูของพวกมันถูกฆ่าในดาบเดียว ที่ยังลังเลอยู่ ก็หนีเอาตัวรอดกันทันที ที่หนีอยู่ก็เร่งฝีเท้า แตกพ่ายไม่เป็นกระบวนอีกต่อไป

    เด็กหนุ่มมองเห็นเปลวเทียนแห่งชีวิตดับลงต่อหน้า จึงค้อมหัวลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเบาๆราวกับ พูดกับตัวเอง 
    “ อโหสินะเจ้ายักษ์ เดี๋ยวจะทำบุญไปให้“

     บนยอดเนิน  คนในชุดเกราะเงินมองดูการรบข้างล่าง และรู้ทันทีว่า ผลแพ้ชนะออกมาแล้ว

    เมื่อเห็นเหล่าไทแทนแตกหนี ไปด้านหลังตามทางที่ จงใจเปิดไว้ให้

    “ท่านแม่ทัพเราชนะแล้ว “ หนึ่งในเหล่าผู้คุ้มกันแม่ทัพ ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

    “นั่นสินะ “ เสียงหวานเอ่ยอย่างโล่งใจ ก่อนถอดหมวกเหล็กออก เผยให้เห็นใบหน้าผิดแผกกับเหล่าผู้คนที่อยู่รอบข้างนาง เหมือนแต่ทว่าไม่ใช่ ผู้คนในแถบนี้ถ้าไม่ผิวดำก็ขาว แต่ผิวนางกลับออกเหลืองนวลตา รูปร่างบอบบางกว่า ผมดำสวยดุจดังราตรี และมีดวงตากลมสีน้ำตาลสวยเป็นประกาย แต่ทว่า มันกลับเจือปนด้วยความเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

     หลังจากนั้นราวๆสี่ชั่วโมงต่อมา

    หลังจากทุกอย่างที่สมควรทำ ได้ถูกจัดการจนเสร็จสิ้น 

    ห่างออกไปจากสนามรบ ราวๆหนึ่งชั่วม้าหอบ (ประมาณสี่กิโลเมตร) ที่กระโจมของแม่ทัพ เด็กหนุ่มผู้สังหารเจ้าวูซู หยุดยืนตรงหน้ากระโจม บอกธุระตนแก่ เหล่าผู้คุ้มกันแม่ทัพที่ยืนเอาหอกไขว้กันเป็นรูปกากบาทหน้ากระโจม ก่อนจะตรวจดูตัวเอง ว่ามีตรงไหนไม่เรียบร้อยหรือไม่ ไม่ถึงอึดใจ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่ตนบอกคำไปเมื่อครู่

     “ เรียนท่านแม่ทัพ หัวหน้าหน่วยที่สอง ขอเข้าพบขอรับ “

     “ ให้เข้ามา “ เสียงหวานที่คุ้นเคย ดังตอบกลับมา

     ภายในกระโจมมีเพียงโต๊ะไม้ธรรมดาเท่านั้นที่ตั้งอยู่ อาวุธและเสื้อเกราะ ถูกถอดวางส่งๆอยู่ตรงมุม แผนที่ขนาดใหญ่ถูกกางอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าหวานมองออกไปนอกช่อง ที่ถูกเจาะไว้เป็นหน้าต่างอย่างเหม่อลอย

    ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเลื่อนลอย จับจ้องอยู่ที่ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ผู้คุ้มกันสองคนยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ทางด้านหลัง เด็กหนุ่มเอามือ ขวากำหมัด แล้ววางที่อกด้านซ้ายพร้อมกับชิดเท้า เป็นการแสดงความเคารพ ต่อคนที่อยู่ตรงหน้าตน  เมื่อเด็กสาวมองเห็นเด็กหนุ่ม เจ้าของริมฝีปากบางจึงกล่าวกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่คอยคุ้มกันอยู่ทางด้านหลัง

    “ ข้ามีราชการลับ พวกเจ้าออกไปก่อน “

     “ ขอรับ “ ทั้งสองทำความเคารพเฉกเช่นเดียวกับเด็กหนุ่น ก่อนจะเดินออกไป

     หลังทั้งสองเดินออกไปแล้ว จากที่เคยอยู่ในท่ายืนตรงอกผึ่งผายเท้าชิดกัน ก็ผ่อนคลายเป็นยืนธรรมดา

    “เป็นอะไร....ยัยบ๊อง นั่งเหม่อเชียว “ เด็กหนุ่มลากเก้าอี้มานั่งเอนหลังตามสบาย แทบจะเป็นท่านอน ก่อนจะหยิบผลไม้ที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อ ออกมากัดลูกหนึ่ง ก่อนจะโยนให้เด็กสาวรับอีกลูกหนึ่ง

    เธอไม่ตอบแต่ดวงตากลับยังคงมองดวงดาทิตย์ ที่กำลังจะลับขอบฟ้า มือเล็กหยิบเอาผลไม้ที่รับไว้ขึ้นมากัด
    “ แทน รู้มั้ยตรงที่เป็นสนามรบนั่น เราเคยไปเที่ยวด้วยล่ะ “

     “อ๋อ....ตรงนั้นมันเคยเป็นห้าง ซีแคว์มาก่อนนี่ “ เด็กหนุ่มตอบกลับไปส่วนมือก็ดูรื้อแผนที่บนโต๊ะ ไปเรื่อยเปื่อย อย่างไม่ใส่ใจอะไร


    “ตอนนี้ชีวิตของ เอนเลส ก็เหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังรอวันตก “เด็กสาวกล่าวด้วยเสียงสั่นๆ ราวกับอยากจะร้องไห้

     แทนไท ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืนอ้อมไปทางด้านหลัง แล้วกอดหัวทุยให้มาซบกับอกของตัวเอง “ ไม่ต้องห่วงนะ......เราจะได้กลับบ้าน แน่นอน “

     “อือ...เราจะได้กลับบ้านใช่ไหม “ เจ้าของดวงตาคู่งามกล่าวอย่างเลื่อนลอย ในมือของเธอลูบคลำแผ่นป้ายเหล็กที่ สนิมเกาะกินจนแทบไม่เห็นสภาพเดิมของมัน บ่งบอกว่าอายุของป้ายเหล็กว่า น่าจะถูกฝังดินเอาไว้นานเพียงใด ตัวอักษรที่แม้จะเลือนลางลงไปมากแล้ว แต่ก็พอยังเห็นว่า  “ ยินดีต้อนรับสู่กรุงเทพปี 2012 “

จากคุณ : sillfai
เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 23:06:57




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com