บทที่ 1-2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12833465/W12833465.html
บทที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12849116/W12849116.html
บทที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12958370/W12958370.html
บทที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12981200/W12981200.html
บทที่ 6
มหาวิทยาลัยเก่าแก่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆของประเทศเปิดสอบคัดเลือกนักเรียนในระดับชั้น ม.6 เพื่อเข้ารับการศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ มีนักเรียนลงสมัครสอบจำนวนมากหนึ่งในนั้นคือหนุ่มน้อยที่มีชื่อว่า มณฑล เพชรอารี
ผู้ปกครองหลายคนมาเฝ้าคอยให้กำลังใจลูกหลานใกล้ชิดถึงหน้าห้องสอบ มณฑลมีเพียงตัวเองเท่านั้นแต่เขาก็ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาข้อนี้เลยในทางกลับกันเขาเติมเต็มความขาดหายนั้นด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ให้ได้ตามที่ตั้งใจ
ชายหนุ่มเดินเข้าห้องสอบด้วยใจที่มุ่งมั่นเขาตั้งใจทำข้อสอบทุกข้อด้วยสมาธิและสติปัญญา ความพยายามที่มณฑลเพียรทำเสมอมาไม่ไร้ผลเมื่อชายหนุ่มเดินออกจากห้องสอบมาด้วยท่าทีอิ่มเอมใจแบบคนที่มั่นใจได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจจนสุดความสามารถแล้ว
สุดท้ายแล้วแม้ผลที่ออกมาจะเป็นเช่นใดเขาก็จะยอมรับมันได้มณฑลบอกกับตัวเองเช่นนั้น เพราะอย่างน้อยในวันนี้เขาก็พยายามสุดๆแล้วกับความฝันของเขา ถ้ามันสำเสร็จนั่นหมายความว่าความพยายามของเขาเป็นผลแต่ถ้ามันพลาดแสดงว่าความพยายามครั้งนี้ยังไม่เพียงพอที่จะไต่ไปให้ถึงความฝันนั้น ชายหนุ่มเดินลงมาจากอาคารเรียนที่จัดขึ้นเป็นสถานที่สอบ
ภาพของหญิงสาวในชุดนักเรียนเสื้อขาวกระโปรงยาวคลุมเขาสีดำทั้งรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าการเดินเขาจำได้ดีเจ้าของปากกาลบคำผิดที่ให้เขายืมในวันที่แข่งขันสอบทักษะคณิตศาสตร์ มณฑลไม่รอช้าที่จะเข้าไปทักทายหญิงสาว
เอ่อ...ขอโทษนะ เธอจำเราได้มั้ย ชายหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ท่าทางนั้นร่าเริงสดใส
อ๋อ...จำได้แล้วเธอน่ะเอง พราวเดือนตอบออกไปหลังจากคิดทบทวนอยู่นาน มณฑลยิ่งเยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อรู้ว่าหญิงสาวยังจำเขาได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดต่อว่าอย่างไรดี พราวเดือนจึงถามชายหนุ่มกลับว่า
เธอมาสอบที่นี่เหมือนกันเหรอ
ออ..อ่อ...ใช่เราอยากเรียนแพทย์ เธอล่ะสอบเข้าแพทย์เหมือนกันใช่มั้ย
ใช่ ฉันก็มาสอบเข้าแพทย์เหมือนกัน ขอให้เธอสอบได้ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคนั้น นั่นหมายความว่าในอนาคตถ้าทั้งเขาและเธอสามารถสอบติดด้วยกันทั้งคู่เขาก็มีโอกาสได้เจอเธออีก
เช่นกัน หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในฐานะนิสิตคณะแพทย์เหมือนกัน หญิงสาวยิ้มเป็นรอยยิ้มหวานละมุน แม้ในยามที่ใบหน้านั้นสงบนิ่งรอยยิ้มละมุนนั้นก็ยังระบายอยู่บนหน้า
ฉันคงต้องไปแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มเรียกสติชายหนุ่มคืนมาอีกครั้ง เขาเกือบจะปล่อยให้หญิงสาวเดินจากไปเสียง่ายๆถ้าไม่นึกขึ้นมาได้ว่าแท้จริงแล้วเขามีธุระอะไรกับเธอ
เออ...เธอเดี๋ยวก่อน หญิงสาวหยุดเดินในทันที มณฑลวิ่งไปหาก่อนที่จะดึงแท่งปากกาลบคำผิดที่หนีบอยู่ที่ถุงเสื้อคืนให้หญิงสาว
ของเธอเราคืนให้ขอบใจมากนะ หญิงสาวรับแท่งปากกาคืนมา ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสดใสเช่นเดิม
ไม่เป็นไรหรอก เออ...เธอชื่ออะไรนะเผื่อเจอกันคราวหน้าจะได้เรียกถูก
เราชื่อมณฑล
เราชื่อพราวเดือน ยินดีที่ได้รู้จักนะ
พูดจบสาวน้อยก็เดินจากไปทิ้งมณฑลไว้เบื้องหลัง มณฑลคิดมาตลอดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอและได้คืนปากกาให้กับเจ้าของอีกแล้ว
แต่แล้วสิ่งที่คิดไว้ก็ผิดคาดเขาไม่นึกเลยว่าจะได้หญิงสาวอีกครั้งและที่สำคัญทั้งเขาและเธอก็กำลังจะเป็นนักศึกษาแพทย์เหมือนกัน
พราวเดือนคงเป็นเพื่อนคนแรกของเขาในรั้วมหาวิทยาลัยหากเขาและเธอสอบติดเป็นนิสิตคุณะแพทยศาสตร์เหมือนกันทั้งคู่ แน่นอนว่าเพื่อนอย่างพราวเดือนย่อมเป็นเพื่อนที่น่าคบไม่น้อย
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
หอมกลิ่นไอดินหลังฝนสาดซัดกรุ่นอวลไปทั้งบริเวณบ้าน คุณทัตพลถือส้อมพรวนดินก้มๆเงยๆอยู่ที่ต้นไม้ดอกไม้ในกระถางบ้าง ที่ปลูกลงดินแล้วบ้างอากาศหลังฝนตกสดชื่นและเงียบเหงาละคนกันไป แต่พิมพ์จันทร์กลับรู้สึกอบอุ่นใจกับบรรยากาศอย่างนี้อย่างอธิบายไม่ถูก
นี่กระมังเหตุผลที่มาของคำว่า...ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสสวยงามเสมอ...เมื่อพายุร้ายพัดผ่านไปท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าอีกครั้ง เราจะมองเห็นสิ่งดีๆและความหวังที่รอเราอยู่ตรงขอบฟ้า
ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแสงอุษาไม่เคยเยี่ยมกรายเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกเลย มีเพียงการพบเจอกันสั้นๆของสามคนพ่อแม่ลูกเมื่อตอนที่คุณทัตพลต้องไปดำเนินเรื่องย้ายโรงเรียนให้กับพิมพ์จันทร์
แสงอุษาแทบจะไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไรเพื่อทราบว่าบุตรสาวคนเดียวจะย้ายโรงเรียนตามผู้เป็นพ่อไปเรียนที่จันทบุรี เธอจะโต้แย้งอย่างไรได้ก็ในเมื่อทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นความต้องการของพิมพ์จันทร์ลูกสาวของเธอเอง
แม่อาจจะไม่เข้าใจและคงจะไม่พอใจมากด้วยแต่จะสาระอะไรกับคนที่มีชิวิตอยู่กับจิตใจที่นึกถึงแต่ตัวเองอย่างแม่ แม่ไม่เคยเข้าใจเธอพอๆกับเธอที่ไม่ค่อยจะเข้าใจแม่เช่นกัน พิมพ์จันทร์สรุปความรู้สึกต่อแม่เธอเอาอย่างนั้น
แต่ความจริงแล้วพิมพ์จันทร์รู้ มันเป็นเพียงการสร้างเกาะที่ดีงามเพื่อฉาบทาส่วนที่เน่าเฟอะของจิตใจไว้ไม่ให้ใครเห็นต่างหาก จิตใจที่สำนึกได้ในความผิดชอบแต่ไม่สำเหนียกนำพายอมทำตามในสิ่งที่ตนเองปรารถนาเพียงอย่างเดียว
พิมพ์จันทร์มาอยู่ที่นี้เพราะอยากอยู่กับพ่อแต่อีกด้านหนึ่งเธอไม่ปฏิเสธหากใครจะเข้าใจว่าเธอต้องการหนีแม่เธอไม่อยากอยู่กับแม่ ก็เพราะว่าบุคคลผู้นั้นทำให้เธอนึกหวาดหวั่นหากจะต้องอาศัยอยู่ด้วยกันต่อไป
สาวน้อยเดินออกมาจากห้องนอนตั้งใจจะลงไปช่วยบิดาดูแลต้นไม้แต่เมื่อลงบันไดมาถึงก็เห็นคนเป็นพ่อเอาอุปกรณ์ทุกอย่างเข้ามาเก็บพอดี
อ้าว...พ่อเลิกแล้วเหรอค่ะ
จ๊ะ...พ่อว่าจะไปคุยธุระบ้านยายสมรหน่อยน่ะ สิ่งที่ตั้งใจไว้ตอนแรกก็เป็นอันต้องยกเลิกไปแต่สิ่งใหม่ที่เพิ่งได้ยินมากลับเรียกความสนใจของสาวน้อยได้มากกว่า
งั้นหนูไปด้วยได้มั้ยค่ะพ่อ ตั้งแต่หายป่วยนอกจากโรงเรียนแล้วหนูก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย
เอาสิแต่เราจะชอบเหรอไปนั่งฟังคนแก่คุยกันหน่ะ
ไม่หรอกค่ะ ถ้าเบื่อเดี๋ยวหนูก็เดินเล่นแถวๆนั้นก็ได้ สาวน้อยรีบออกปากชี้แจงแม้จะรู้ว่าผู้เป็นพ่อเพียงแค่พูดเรื่อยเปื่อยและคงจะอนุญาตเธอในที่สุด
ตามใจอย่ามานั่งทำหน้าง้ำเป็นเด็กๆเวลาเบื่อก็แล้วกัน
พูดจบคุณทัตพลก็ออกเดินนำหน้าพิมพ์จันทร์เดินตามหลังบิดามาติดๆ เมื่อเดินลัดสวนมังคุดมาไม่นานก็มาถึงบ้านทรงเรือนไทยขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กแม้จะเคยเห็นบ้านหลังนี้ไกลๆมาครั้งหนึ่งแล้วแต่เมื่อมาเห็นใกล้ๆอีกครั้งพิมพ์จันทร์ก็อดรู้สึกพิสมัยไปกับเรือนไทยหลังน้อยหลังนี้ไม่ได้
หากประเมินจากสายตาแล้วดาดว่าเรือนไทยหลังนี้น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี เป็นบ้านเรือนไทยแบบชาวบ้านชนบทในต่างจังหวัดไม่ได้หรูหราใหญ่โตอย่างที่เห็นในละครทีวี ตัวบ้านทำด้วยไม้ตะเคียนไม่ใช่ไม้สักทองราคาแพงหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินขอ ใต้ถุนสูงเมื่อเดินขึ้นบันไดมาบนบ้านก็เจอกับเรือนชานกว้างขว้างอยู่ตรงกลางบ้านสองฝากฝั่งมีห้องเล็กห้องน้อยอีกหลายห้อง
บ้านไม้ที่สวยงามแบบเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นผ่อนคลายด้วยการตกแต่งที่มีเพียงตู้ไม้และเครื่องปั้นเพียงไม่กี่ชิ้น
พิมพ์จันทร์เผลอตัวมองสำรวจไปรอบๆบ้านหากจะเปรียบเทียบแล้วบ้านหลังนี้แทบจะไม่มีอะไรรั้งท้ายบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงที่เธอจากมาได้เลยแต่ความเรียบง่ายแบบชาวบ้านธรรมดาทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาบวกกับความจริงใจอย่างไร้เครื่องปรุงแต่งของเจ้าของบ้านยิ่งทำให้บ้านเป็นบ้านอย่างแท้จริง
สวัสดีครับยายสมร ยัยพิมพ์สวัสดียายซะสิลูก คุณทัตพลเรียก...ยาย...ตามหลานชายทั้งสองของเจ้าของบ้านและไม่ลืมกำชับให้บุตรสาวยกมือไหว้ผู้มากวัยกว่า
สวัสดีค่ะ พิมพ์จันทร์กล่าวพร้อมพนมมือไหว้
ไหว้พระเถอะจ๊ะนี่คงจะเป็นหนูพิมพ์ลูกสาวคุณทัตพลที่เจ้ามนกับเจ้าเมืองพูดถึงสินะ
เจ้าของบ้านละสายตาจากกะละมังใบใหญ่ที่บรรจุทุเรียนกวนสีน้ำตาลทองเหนียวหนืดกลิ่นหอมอ่อนๆชวนกินไม่เหมือนตอนสุกงอมเหม็นจนชวนเวียนหัว ในมืออีกข้างถือต้อหมากสำหรับแบ่งห่อ
ครับเด็กๆเขาเคยเจอกันแล้ว
หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแต่ไม่ค่อยมีเค้าพ่อเลยนะค่ะคงจะเหมือนแม่ ยายสมรพินิจหน้าสาวน้อยพลางพูด คุณทัตพลสะดุดลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
ครับ เหมือนแม่เลยไม่ค่อยจะถูกกัน
อืม...ลูกผู้หญิงเหมือนแม่เขาว่าจะอาภัพ ยายสมรพูดจาเรื่อยเปื่อยไปตามประสาคนแก่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนอาจจะพูดมากไปพูดเสียใหม่ว่า
แต่ดูท่าทางจะเก่งเหมือนพ่อ
จะให้เก่งเรื่องอะไรล่ะครับถ้าเรื่องไม่ยอมคนล่ะที่หนึ่งเลย
คุณทัตพลยังพูดด้วยน้ำเสียงที่รอยยิ้มที่แจ่มใส ยายสมรเหลือบมองสาวย้อนอีกครั้ง เห็นพิมพ์จันทร์มองจับจ้องอยู่ที่กะละมังทุเรียนกวนไม่ว่างตา
สงสัยคงไม่เคยเห็น อยากลองทำบ้างมั้ยล่ะค่ะยายจะสอนให้
พิมพ์จันทร์ละสายตาขึ้นมองยายสมรแล้วจึงหันไปมองหน้าบิดา คุณทัตพลพยักหน้าให้บุตรสาวด้วยรอยยิ้มละไม
ค่ะพิมพ์อยากลองทำบ้าง ยายสมรกำลังทำอะไรเหรอคะ
ยายกำลังห่อทุเรียนกวนกับต้อหมากอยู่จ๊ะปีนี้ทุเรียนออกเยอะเลยแบ่งมาทำทุเรียนกวนไว้กิน ถ้าอยากทำเดี๋ยวยายจะสอนให้ไม่ยากเลยค่ะ
คนมากวัยว่าพรางยื่นต้อหมากให้สาวน้อย พิมพ์จันทร์รับไปทำตามอย่างเก้ๆกังๆเมื่อยายสมรตักทุเรียนกวนใส่ต้อหมากสาวน้อยก็ทำบ้างจัดการม้วนคลึงให้เนื้อทุเรียนแน่นจะได้ทุเรียนห่อต้อหมากแท่งยาวๆกลมๆจากนั้นก็มัดผูกปลายทั้งสองด้านด้วยเชือกกล้วย สาวน้อยทำตามอย่างไม่รู้เบื่อ
ทำไมเราต้องห่อด้วยต้อหมากด้วยค่ะ พิมพ์ไม่เคยเห็นส่วนใหญ่ก็ห่อด้วยถุงพลาสติกกัน
ถ้าเราใช้ต้อหมากน่ะทุเรียนกวนของเราก็จะเหนียวและมีกลิ่นหอมมากกว่าการใช้ถุงพลาสติกด้วยนะ ที่สำคัญของทุกอย่างหาได้ในสวนบ้านเราประหยัดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย เรื่องพวกนี้เขาทำกันมาตั้งแต่โบราณแล้วแต่คนเดี๋ยวนี้หลงลืมไปหมด ยายสมรอธิบายเจื้อยแจ้วอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยหน่าย
อืม...คนโบราณนี้เก่งนะค่ะทันยุคทันสมัยอยู่ตลอด อย่างทุเรียนกวนของยายสมรนี่ก็ช่วยถนอมอาหารทำให้เรามีขนมอร่อยๆไว้กินนานๆช่วยลดภาวะผลผลิตล้นตลาดและที่สำคัญที่สุดก็เรื่องทำลายสิ่งแวดล้อมนี่แหละค่ะเข้ากับยุดสมัยนี้เป็นที่สุด
พูดจบสาวน้อยก็หัวเราะเสียงใสให้กับคำพูดตัวเอง ทั้งคุณทัตพลและยายสมรก็พลอยหัวเราะไปด้วย พิมพ์จันทร์อยู่ช่วยยายสมรห่อทุเรียนกวนจนหมดกะละมังแต่คุณทัตพลและยายสมรก็ยังไม่หมดเรื่องคุยกันสักทีจนสาวน้อยต้องขออนุญาตปลีกตัวออกไปเดินเล่นสำรวจบริเวณบ้านภายนอก
พิมพ์จันทร์เดินลงมาด้านล่างเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตรงตีนบันไดมีต้นดอกแก้วออกดอกเต็มพุ่มอยู่เมื่อลองมองกวาดสายตาไปรอบๆก็พบว่าต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ปลูกบริเวณรอบบ้านจะเป็นไม้ดอกให้กลิ่นหอมเสียส่วนใหญ่
ส่วนไม้ยืนต้นหรือพวกที่ให้ดอกผลไว้กินจะปลูกรวมๆกันไว้ในสวน ตรงทิศตะวันออกของบ้านก่อนจะถึงสวนเงาะมีซุ่มสายหยุดขนาดใหญ่เจ้าของบ้านดัดมันงุ้มเข้าเป็นซุ่มให้ร่มเงาด้านล่างมีแคร่ไม้ไผ่เป็นมุมที่สงบน่าพักผ่อนที่เจ้าของบ้านคงสร้างมันไว้ด้วยสาเหตุเดียวกันนี้
สาวน้อยเดินมองนั่นดูนี่เพลิดเพลินจนลืมตัวเข้ามาในสวนเงาะตอนไหนก็ไม่รู้ เสียงเอะอะของใครจากท้ายท้องร่องดังจนพิมพ์จันทร์นึกอยากรู้ที่มาของเสียง
ภาพชายหนุ่มสองคนกำลังขุดดินก่อแนวเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า กับชายหญิงวัยกลางคนอีกสองที่กำลังถางหญ้าอยู่รอบๆโคนเงาะ ทำให้พิมพ์จันทร์นึกสนุกเพิ่งจะเคยเห็นวิถีแบบเด็กต่างจังหวัดจริงๆก็วันนี้แหละ
คุณมนกำลังทำอะไรกันอยู่ค่ะ
อ้าว...คุณพิมพ์มาได้ไงครับ มณฑลพูดพรางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก
กำลังทำอะไรกันอยู่คะเนี้ย
พวกเรากำลังทำแปลงผักตั้งใจว่าจะปลูกผักไว้กินน่ะครับคุณพิมพ์อยากลองดูมั้ย ว่าแล้วชายหนุ่มก็หลีกทางให้สาวน้อยเดินเข้ามาใกล้บริเวณแปลงผักมากขึ้น
เอาสิค่ะคุณพิมพ์อยากลองทำดู
ผอมกระร่องกระเร่งอย่างนั้นจะยกจอบไหวรึเปล่าก็ไม่รู้ คนพูดแสร้งเป็นพูดขึ้นลอยๆในขณะที่มือยังไม่หยุดงานและสายตานั้นก็ยังจับจ้องอยู่ที่กองดินเบื้องล่าง
อย่าไปสนใจคำพูดคุณเมืองเขาเลยครับ คุณเมืองเขาก็พูดอะไรไม่คิดอย่างนี้แหละ
ค่ะ ต้องเริ่มอย่างไงคะคุณมน พิมพ์จันทร์แสร้งเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้นเช่นกัน นิ่งเฉยเสียทั้งที่ใจจริงอยากจะตอกกลับไปให้เจ็บแสบไม่แพ้กัน
คุณพิมพ์ต้องเริ่มจากขุดดินให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าครับจากนั้นก็ขุดดินในแปลงให้ร่วนซุน คุณพิมพ์แค่สับจอบเบาๆก็ได้แปลงนี้คุณมนขุดไว้ใช้ได้แล้ว มณฑลพูดแล้วก็ทำท่าจะหลีกทางให้พิมพ์จันทร์เข้ามาจับจองพื้นที่ในแปลงของตน
ให้คุณพิมพ์ทำเองตั้งแต่ต้นใหม่นะค่ะ คุณพิมพ์อยากมีแปลงผักเป็นของตัวเองบ้าง
จะไหวเหรอสาวน้อยชาวกรุงบุกทุ่งลุยสวนยังไงก็ไม่รอด
คนที่มั่นไส้ก็ยังกระแหนะกระแหนไม่เลิก พิมพ์จันทร์นึกฉุนจนเผลอทำตาถล่นใส่อีกฝ่ายดีที่เจ้าตัวไม่ได้สังเกตเห็นหรืออาจจะแสร้งเป็นไม่เห็น นายชวนกับนางเนียนได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆเพราะเห็นและได้ยินการกระทำของบุคคลทั้งหมด
ได้สิครับ งั้นคุณพิมพ์เอาที่ตรงนี้ใกล้ๆคุณมนแล้วกัน
พูดจบทั้งคู่ก็ช่วยกันขุดดินจัดการเตรียมแปลงผักของตัวเอง แม้จะรู้สึกว่ากิจกรรมนี้ไม่ง่ายเลยแต่เมื่อมีคนที่เธอพึงใจคอยช่วยเหลือแนะนำอยู่ใกล้ๆงานหนักที่ไม่เคยทำกลับสร้างความสุขให้อย่างเหลือเชื่อ
คุณมนจะลงผักอะไรค่ะ สาวน้อยพูดทั้งที่มือยังกำจอบขุดดินไม่เลิก
คุณมนคิดว่าจะลงกวางตุ้งดูแลไม่ยากโตเร็วด้วย
คุณพิมพ์อยากลงผักกาดค่ะ
ผักกาดน่ะดูแลยากนะครับ รดน้ำมากไปรากก็เน่าถ้ารดน้ำน้อยไปต้นก็แก่ใบแข็งกินไม่อร่อยแล้วก็ต้องคอยเอาทางมะพร้าวมามุงเป็นหลังคากันแดดให้มัน ผักกาดชอบแดดรำไรไม่ชอบแดดจ้าและอีกอย่างนะผักกาดน่ะหนอนจะชอบมากัดกินใบมัน เพราะต้นมันอ่อน เซียนแปลงผักกาดต้องยกให้คุณเมืองโน้นปลูกที่ไรก็สวยน่ากินทุกที ส่วนคุณมนถ้าปลูกผักกาดล่ะก็ไม่เคยเหลือมาถึงคนหรอกครับเสร็จหนอนตั้งแต่อยู่ในแปลงแล้ว
พิมพ์จันทร์ได้ฟังก็หันไปมองคนที่ถูกยกให้เป็น...เซียน...แม้ฝ่ายนั้นจะได้ยินคำพูดของพี่ชายทุกคำแต่การแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทำให้เขาเก็บอาการภาคภูมิไว้ได้มิดชิดที่สุด ทว่าแม้จะเก็บอาการยังไงก็อดรอดยิ้มน้อยๆมุมปากไม่ได้
แล้วถ้าคุณพิมพ์จะลองดูล่ะค่ะ พิมพ์จันทร์ยังไม่หมดความพยายามไม่ใช่ว่าเธออยากลองทำสิ่งที่เรียกว่ายาก แต่เพราะนิสัยชอบเอาชนะที่มีในตัวสาวน้อยต่างหาก
ถ้าคุณพิมพ์อยากลองจริงๆก็ลองพูดกับคุณเมืองเขาดูสิครับเพราะคุณมนไม่มีเมล็ดพันธ์ผักกาดเลย มีก็แต่ที่คุณเมือง โดยที่พิมพ์จันทร์ยังไม่ทันได้เอ่ยคำพูดเสียงของเจ้าของเมล็ดพันธ์ผักกาดก็ดังแทรกขึ้นมา
คงไม่ได้หรอกครับคุณพิมพ์เพราะคุณเมืองก็กำลังจะปลูกผักกดาอยู่เหมือนกันและคงจะปลูกทั้งหมดเลยด้วย
แทบไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมคำพูดนั้นพิมพ์จันทร์ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
คุณมนมีเมล็ดพันธ์อะไรเหลือพอที่จะให้คุณพิมพ์ปลูกบ้างค่ะ
ยังพอมีครับยังมีพันธ์ผักบุ้งคุณพิมพ์ปลูกผักบุ้งก็แล้วกันนะครับ ดูแลง่ายที่สุดโรคแมลงก็ไม่ค่อยถามหาปลูกทิ้งๆไว้ก็ได้กินแล้ว พิมพ์จันทร์หันไปมองเจ้าของพันธ์ผักกาดอีกครั้งเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าคมนั้นชัดเจน
ค่ะงั้นพิมพ์ปลูกผักบุ้งก็แล้วกัน หลังจากเตรียมแปลงดินเสร็จ ทั้งสามก็ย้ายมาเตรียมเพาะเมล็ดพันธ์ผักต่อ
ทำไมเราไม่เอาเมล็ดลงแปลงผักเลยล่ะค่ะ
ความจริงก็ทำได้แต่ที่เราต้องเพาะเมล็ดก่อนก็เพราะว่าจะได้ประหยัดเมล็ดพันธ์ คุณพิมพ์นึกออกไหมครับว่าถ้าเราเอาเมล็ดลงแปลงดินเลยเนี้ยต้นมันก็จะขึ้นเบียดกันแน่นแล้วทีนี้ผักก็จะโตได้ไม่เต็มที่เพราะมันจะแย่งอาหารกันการดูแลก็ทำได้ลำบาก การเพาะต้นกล้าแล้วค่อยเอาลงมาปลูกในแปลงใหญ่เนี้ยผักมีโอกาสรอดและโตมากกว่า การดูแลแลโรคพืชก็สามารถดูแลได้ง่ายกว่าด้วย
มณฑลอธิบายเสียยืดยาวแต่ไม่ได้ทำให้คนฟังเหนื่อยหน่ายที่จะรับฟังขึ้นมาได้เลย
แล้วเราต้องทำยังไงบ้างค่ะ
รู้อะไรบ้างเนี้ย ที่นี้บ้านสวนมังคุดของยายสมรนะไม่ใช่โรงเรียนสอนปลูกผักเรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่รู้ สิ้นประโยคนั้นกำแพงความอดทนของสาวน้อยก็พังทลายลง
คนไม่รู้น่ะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะคุณเมือง แต่คนที่ไม่มีมารยาทชอบพูดพาลคนอื่นและไม่รับรู้รับฟังคนอื่นเลยนี่สิเขาเรียกว่าคนจิตใจคับแคบ
พิมพ์จันทร์สวดยาวจนเกือบหายใจไม่ทัน คนฟังได้แต่ยืนนิ่งทำตาปริบๆด้วยคาดไม่ถึงสาวน้อยจะกล้าย้อนเขาได้ถึงขนาดนี้
เมืองเอกไม่ได้อยากนิ่งแต่เขาไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรต่างหาก นายชวนและนางเนียนฟังจบก็หลุดหัวเราะออกมานึกในใจว่านายน้อยของตนคงเจอคู่ปรับที่เหมาะสมแล้วเพราะตั้งแต่เห็นกันมาทั้งสองคนยังไม่เคยเห็นเมืองเอกจะนิ่งเฉยให้กับคำพูดของใครได้ขนาดนี้
ใจเย็นก่อนเถอะคุณพิมพ์ มานี่ดีกว่าเดี๋ยวคุณมนจะสอนวิธีเพาะเมล็ดพันธ์ให้ มณฑลพาพิมพ์จันทร์เลี่ยงมาให้ห่างจากน้องชาย รู้อยู่ว่าเมืองเอกก็ร้ายไม่เบารายนั้นเคยยอมใครง่ายเสียที่ไหน อาการนิ่งเมื่อครู่นี้ถือว่าน้องชายอดทนมากแล้ว
การเพาะเมล็ดผักนะคุณพิมพ์ทำง่ายมาก เริ่มจากนี่เลยหยอดเมล็ดเป็นหลุม ๆ ละ 3-5 เมล็ด ในกระบะที่เราเตรียมดินไว้แล้ว ให้มีระยะห่างกันหลุมละ 20 เซนติเมตร หรือคุณพิมพ์จะโรยเมล็ดเป็นแถวบางๆก็ได้ให้ห่างกันแถวละ 20 เซนติเมตรเหมือนกัน
พิมพ์จันทร์ฟังชายหนุ่มและทำตามน้ำเสียงอ่อนนุ่มท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนทำให้สาวน้อยลืมความขุ่นมัวเมื่อครู่เสียสิ้น
หลังจากนี้เราต้องทำไงต่อค่ะ สาวน้อยเอ่ยถามเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการเพาะเมล็ด
หลังจากนี้ประมาณ 10 วัน หรือเมื่อต้นกล้าออกใบจริงสัก 2-3 ใบ ก็ถอนแยกไปลงแปลงใหญ่ได้เอาไปลงหลุมๆละ 2 ต้น ระวังระยะต้นไม่ให้ชิดกันเกินไป เท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ รดน้ำวันละสองรอบเช้าเย็นก็พอ
พิมพ์จันทร์ยืนมองชายหนุ่มตรงหน้ารอยยิ้มละมุนยังคงระบายอยู่ที่มุมปากแม้ในยามที่วางสีหน้าปรกติใบหน้านั้นจึงดูหล่อเหลาสุขุมนุ่มนึกอยู่ตลอดเวลา ไรผมข้างแก้มและหน้าผากปรากฏเม็ดเหงื่อพรายยิ่งขับให้ใบพวงแก้มเปล่งปลั่งสดใส
พิมพ์จันทร์เพิ่งจะเคยเห็นผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนหวาน...เหมือนพ่อ...หากจะมีใครสักคนที่เธอจะเลือกมาแทนที่พ่อของเธอได้ก็มีเพียงผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้เท่านั้น มณฑลจะรับรู้บ้างไหมนะว่าสาวน้อยคนหนึ่งยกย่องเทิดทูนเขามากแค่ไหนในเวลานี้
ความอบอุ่นก่อขึ้นในใจสาวน้อยเขาเรียกความอบอุ่นหอมหวานอย่างนี้ว่าอะไรกันนะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ตอบคอมเม้นท์ค่ะ
คุณ บ้านสายไหม แสงอุษาเค้าก็มีเหตุผลในส่วนของเค้านะค่ะที่ทำอย่างนี้ แม้ว่าเหตุผลนั้นอาจจะดูไไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ติดตามอ่านต่อไปแล้วจะรู้ปมหลังของตัวละครจัวนี้มากขึ้นค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านนะค่ะ
คุณ Psycheza อันนี้ถือเป็นคำชมสำหรับนักเขียนนะค่ะ เพราะถือว่าเขียนให้นักอ่านอินได้ เรื่องนี้ตัวละครจะมีดีชั่วเหมือนคนทั่วไปเลยค่ะ
คุณ chenjiayi ใช่ค่ะแสงอุษาเลี้ยงลูกไม่เป็นเลย นี่คือรอยร้าวสำคัญของแม่ลูกที่จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนค่ะ
คุณ lovereason คำนี้ใช้ได้ตรงและถูกต้องที่สุดเลยค่ะ
ขอบคุณกิ๊ฟจะคุณ Sniper-1500watt, Psycheza, chenjiayi, มานีโอลา
จากคุณ |
:
idakok
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ธ.ค. 55 11:35:31
|
|
|
|