Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พระจันทร์สีเพลิง บทที่ 6 vote ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1-2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12833465/W12833465.html

บทที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12849116/W12849116.html

บทที่ 4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12958370/W12958370.html

บทที่ 5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12981200/W12981200.html








บทที่ 6


มหาวิทยาลัยเก่าแก่มีชื่อเสียงโด่งดังติดอันดับต้นๆของประเทศเปิดสอบคัดเลือกนักเรียนในระดับชั้น ม.6 เพื่อเข้ารับการศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ มีนักเรียนลงสมัครสอบจำนวนมากหนึ่งในนั้นคือหนุ่มน้อยที่มีชื่อว่า มณฑล เพชรอารี  



ผู้ปกครองหลายคนมาเฝ้าคอยให้กำลังใจลูกหลานใกล้ชิดถึงหน้าห้องสอบ มณฑลมีเพียงตัวเองเท่านั้นแต่เขาก็ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาข้อนี้เลยในทางกลับกันเขาเติมเต็มความขาดหายนั้นด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าคณะแพทย์ให้ได้ตามที่ตั้งใจ



ชายหนุ่มเดินเข้าห้องสอบด้วยใจที่มุ่งมั่นเขาตั้งใจทำข้อสอบทุกข้อด้วยสมาธิและสติปัญญา ความพยายามที่มณฑลเพียรทำเสมอมาไม่ไร้ผลเมื่อชายหนุ่มเดินออกจากห้องสอบมาด้วยท่าทีอิ่มเอมใจแบบคนที่มั่นใจได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจจนสุดความสามารถแล้ว


สุดท้ายแล้วแม้ผลที่ออกมาจะเป็นเช่นใดเขาก็จะยอมรับมันได้มณฑลบอกกับตัวเองเช่นนั้น เพราะอย่างน้อยในวันนี้เขาก็พยายามสุดๆแล้วกับความฝันของเขา ถ้ามันสำเสร็จนั่นหมายความว่าความพยายามของเขาเป็นผลแต่ถ้ามันพลาดแสดงว่าความพยายามครั้งนี้ยังไม่เพียงพอที่จะไต่ไปให้ถึงความฝันนั้น ชายหนุ่มเดินลงมาจากอาคารเรียนที่จัดขึ้นเป็นสถานที่สอบ



ภาพของหญิงสาวในชุดนักเรียนเสื้อขาวกระโปรงยาวคลุมเขาสีดำทั้งรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าการเดินเขาจำได้ดีเจ้าของปากกาลบคำผิดที่ให้เขายืมในวันที่แข่งขันสอบทักษะคณิตศาสตร์  มณฑลไม่รอช้าที่จะเข้าไปทักทายหญิงสาว


“เอ่อ...ขอโทษนะ เธอจำเราได้มั้ย” ชายหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มใสซื่อ ท่าทางนั้นร่าเริงสดใส


“อ๋อ...จำได้แล้วเธอน่ะเอง” พราวเดือนตอบออกไปหลังจากคิดทบทวนอยู่นาน มณฑลยิ่งเยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อรู้ว่าหญิงสาวยังจำเขาได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดต่อว่าอย่างไรดี พราวเดือนจึงถามชายหนุ่มกลับว่า


“เธอมาสอบที่นี่เหมือนกันเหรอ”


“ออ..อ่อ...ใช่เราอยากเรียนแพทย์ เธอล่ะสอบเข้าแพทย์เหมือนกันใช่มั้ย”


“ใช่ ฉันก็มาสอบเข้าแพทย์เหมือนกัน ขอให้เธอสอบได้” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคนั้น นั่นหมายความว่าในอนาคตถ้าทั้งเขาและเธอสามารถสอบติดด้วยกันทั้งคู่เขาก็มีโอกาสได้เจอเธออีก



“เช่นกัน หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในฐานะนิสิตคณะแพทย์เหมือนกัน” หญิงสาวยิ้มเป็นรอยยิ้มหวานละมุน แม้ในยามที่ใบหน้านั้นสงบนิ่งรอยยิ้มละมุนนั้นก็ยังระบายอยู่บนหน้า



“ฉันคงต้องไปแล้ว ไว้ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก” น้ำเสียงที่อ่อนนุ่มเรียกสติชายหนุ่มคืนมาอีกครั้ง เขาเกือบจะปล่อยให้หญิงสาวเดินจากไปเสียง่ายๆถ้าไม่นึกขึ้นมาได้ว่าแท้จริงแล้วเขามีธุระอะไรกับเธอ



“เออ...เธอเดี๋ยวก่อน” หญิงสาวหยุดเดินในทันที มณฑลวิ่งไปหาก่อนที่จะดึงแท่งปากกาลบคำผิดที่หนีบอยู่ที่ถุงเสื้อคืนให้หญิงสาว


“ของเธอเราคืนให้ขอบใจมากนะ” หญิงสาวรับแท่งปากกาคืนมา ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสดใสเช่นเดิม


“ไม่เป็นไรหรอก เออ...เธอชื่ออะไรนะเผื่อเจอกันคราวหน้าจะได้เรียกถูก”


“เราชื่อมณฑล”  


“เราชื่อพราวเดือน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”  


พูดจบสาวน้อยก็เดินจากไปทิ้งมณฑลไว้เบื้องหลัง  มณฑลคิดมาตลอดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอและได้คืนปากกาให้กับเจ้าของอีกแล้ว


แต่แล้วสิ่งที่คิดไว้ก็ผิดคาดเขาไม่นึกเลยว่าจะได้หญิงสาวอีกครั้งและที่สำคัญทั้งเขาและเธอก็กำลังจะเป็นนักศึกษาแพทย์เหมือนกัน


พราวเดือนคงเป็นเพื่อนคนแรกของเขาในรั้วมหาวิทยาลัยหากเขาและเธอสอบติดเป็นนิสิตคุณะแพทยศาสตร์เหมือนกันทั้งคู่ แน่นอนว่าเพื่อนอย่างพราวเดือนย่อมเป็นเพื่อนที่น่าคบไม่น้อย

                  ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

หอมกลิ่นไอดินหลังฝนสาดซัดกรุ่นอวลไปทั้งบริเวณบ้าน คุณทัตพลถือส้อมพรวนดินก้มๆเงยๆอยู่ที่ต้นไม้ดอกไม้ในกระถางบ้าง ที่ปลูกลงดินแล้วบ้างอากาศหลังฝนตกสดชื่นและเงียบเหงาละคนกันไป แต่พิมพ์จันทร์กลับรู้สึกอบอุ่นใจกับบรรยากาศอย่างนี้อย่างอธิบายไม่ถูก


นี่กระมังเหตุผลที่มาของคำว่า...ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสสวยงามเสมอ...เมื่อพายุร้ายพัดผ่านไปท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าอีกครั้ง เราจะมองเห็นสิ่งดีๆและความหวังที่รอเราอยู่ตรงขอบฟ้า


ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแสงอุษาไม่เคยเยี่ยมกรายเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกเลย มีเพียงการพบเจอกันสั้นๆของสามคนพ่อแม่ลูกเมื่อตอนที่คุณทัตพลต้องไปดำเนินเรื่องย้ายโรงเรียนให้กับพิมพ์จันทร์


แสงอุษาแทบจะไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไรเพื่อทราบว่าบุตรสาวคนเดียวจะย้ายโรงเรียนตามผู้เป็นพ่อไปเรียนที่จันทบุรี เธอจะโต้แย้งอย่างไรได้ก็ในเมื่อทุกการเปลี่ยนแปลงเป็นความต้องการของพิมพ์จันทร์ลูกสาวของเธอเอง


แม่อาจจะไม่เข้าใจและคงจะไม่พอใจมากด้วยแต่จะสาระอะไรกับคนที่มีชิวิตอยู่กับจิตใจที่นึกถึงแต่ตัวเองอย่างแม่ แม่ไม่เคยเข้าใจเธอพอๆกับเธอที่ไม่ค่อยจะเข้าใจแม่เช่นกัน พิมพ์จันทร์สรุปความรู้สึกต่อแม่เธอเอาอย่างนั้น


แต่ความจริงแล้วพิมพ์จันทร์รู้ มันเป็นเพียงการสร้างเกาะที่ดีงามเพื่อฉาบทาส่วนที่เน่าเฟอะของจิตใจไว้ไม่ให้ใครเห็นต่างหาก จิตใจที่สำนึกได้ในความผิดชอบแต่ไม่สำเหนียกนำพายอมทำตามในสิ่งที่ตนเองปรารถนาเพียงอย่างเดียว


พิมพ์จันทร์มาอยู่ที่นี้เพราะอยากอยู่กับพ่อแต่อีกด้านหนึ่งเธอไม่ปฏิเสธหากใครจะเข้าใจว่าเธอต้องการหนีแม่เธอไม่อยากอยู่กับแม่ ก็เพราะว่าบุคคลผู้นั้นทำให้เธอนึกหวาดหวั่นหากจะต้องอาศัยอยู่ด้วยกันต่อไป


สาวน้อยเดินออกมาจากห้องนอนตั้งใจจะลงไปช่วยบิดาดูแลต้นไม้แต่เมื่อลงบันไดมาถึงก็เห็นคนเป็นพ่อเอาอุปกรณ์ทุกอย่างเข้ามาเก็บพอดี


“อ้าว...พ่อเลิกแล้วเหรอค่ะ”


“จ๊ะ...พ่อว่าจะไปคุยธุระบ้านยายสมรหน่อยน่ะ” สิ่งที่ตั้งใจไว้ตอนแรกก็เป็นอันต้องยกเลิกไปแต่สิ่งใหม่ที่เพิ่งได้ยินมากลับเรียกความสนใจของสาวน้อยได้มากกว่า



“งั้นหนูไปด้วยได้มั้ยค่ะพ่อ ตั้งแต่หายป่วยนอกจากโรงเรียนแล้วหนูก็ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย”


“เอาสิแต่เราจะชอบเหรอไปนั่งฟังคนแก่คุยกันหน่ะ”


“ไม่หรอกค่ะ ถ้าเบื่อเดี๋ยวหนูก็เดินเล่นแถวๆนั้นก็ได้” สาวน้อยรีบออกปากชี้แจงแม้จะรู้ว่าผู้เป็นพ่อเพียงแค่พูดเรื่อยเปื่อยและคงจะอนุญาตเธอในที่สุด



“ตามใจอย่ามานั่งทำหน้าง้ำเป็นเด็กๆเวลาเบื่อก็แล้วกัน”


พูดจบคุณทัตพลก็ออกเดินนำหน้าพิมพ์จันทร์เดินตามหลังบิดามาติดๆ เมื่อเดินลัดสวนมังคุดมาไม่นานก็มาถึงบ้านทรงเรือนไทยขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กแม้จะเคยเห็นบ้านหลังนี้ไกลๆมาครั้งหนึ่งแล้วแต่เมื่อมาเห็นใกล้ๆอีกครั้งพิมพ์จันทร์ก็อดรู้สึกพิสมัยไปกับเรือนไทยหลังน้อยหลังนี้ไม่ได้



หากประเมินจากสายตาแล้วดาดว่าเรือนไทยหลังนี้น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี เป็นบ้านเรือนไทยแบบชาวบ้านชนบทในต่างจังหวัดไม่ได้หรูหราใหญ่โตอย่างที่เห็นในละครทีวี  ตัวบ้านทำด้วยไม้ตะเคียนไม่ใช่ไม้สักทองราคาแพงหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินขอ ใต้ถุนสูงเมื่อเดินขึ้นบันไดมาบนบ้านก็เจอกับเรือนชานกว้างขว้างอยู่ตรงกลางบ้านสองฝากฝั่งมีห้องเล็กห้องน้อยอีกหลายห้อง



บ้านไม้ที่สวยงามแบบเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นผ่อนคลายด้วยการตกแต่งที่มีเพียงตู้ไม้และเครื่องปั้นเพียงไม่กี่ชิ้น


พิมพ์จันทร์เผลอตัวมองสำรวจไปรอบๆบ้านหากจะเปรียบเทียบแล้วบ้านหลังนี้แทบจะไม่มีอะไรรั้งท้ายบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงที่เธอจากมาได้เลยแต่ความเรียบง่ายแบบชาวบ้านธรรมดาทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาบวกกับความจริงใจอย่างไร้เครื่องปรุงแต่งของเจ้าของบ้านยิ่งทำให้บ้านเป็นบ้านอย่างแท้จริง



“สวัสดีครับยายสมร ยัยพิมพ์สวัสดียายซะสิลูก” คุณทัตพลเรียก...ยาย...ตามหลานชายทั้งสองของเจ้าของบ้านและไม่ลืมกำชับให้บุตรสาวยกมือไหว้ผู้มากวัยกว่า



“สวัสดีค่ะ” พิมพ์จันทร์กล่าวพร้อมพนมมือไหว้



“ไหว้พระเถอะจ๊ะนี่คงจะเป็นหนูพิมพ์ลูกสาวคุณทัตพลที่เจ้ามนกับเจ้าเมืองพูดถึงสินะ”


เจ้าของบ้านละสายตาจากกะละมังใบใหญ่ที่บรรจุทุเรียนกวนสีน้ำตาลทองเหนียวหนืดกลิ่นหอมอ่อนๆชวนกินไม่เหมือนตอนสุกงอมเหม็นจนชวนเวียนหัว ในมืออีกข้างถือต้อหมากสำหรับแบ่งห่อ


“ครับเด็กๆเขาเคยเจอกันแล้ว”


“หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแต่ไม่ค่อยมีเค้าพ่อเลยนะค่ะคงจะเหมือนแม่” ยายสมรพินิจหน้าสาวน้อยพลางพูด คุณทัตพลสะดุดลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า



“ครับ เหมือนแม่เลยไม่ค่อยจะถูกกัน”


“อืม...ลูกผู้หญิงเหมือนแม่เขาว่าจะอาภัพ” ยายสมรพูดจาเรื่อยเปื่อยไปตามประสาคนแก่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนอาจจะพูดมากไปพูดเสียใหม่ว่า



“แต่ดูท่าทางจะเก่งเหมือนพ่อ”


“จะให้เก่งเรื่องอะไรล่ะครับถ้าเรื่องไม่ยอมคนล่ะที่หนึ่งเลย”


คุณทัตพลยังพูดด้วยน้ำเสียงที่รอยยิ้มที่แจ่มใส ยายสมรเหลือบมองสาวย้อนอีกครั้ง เห็นพิมพ์จันทร์มองจับจ้องอยู่ที่กะละมังทุเรียนกวนไม่ว่างตา


“สงสัยคงไม่เคยเห็น อยากลองทำบ้างมั้ยล่ะค่ะยายจะสอนให้”


พิมพ์จันทร์ละสายตาขึ้นมองยายสมรแล้วจึงหันไปมองหน้าบิดา คุณทัตพลพยักหน้าให้บุตรสาวด้วยรอยยิ้มละไม


“ค่ะพิมพ์อยากลองทำบ้าง ยายสมรกำลังทำอะไรเหรอคะ”


“ยายกำลังห่อทุเรียนกวนกับต้อหมากอยู่จ๊ะปีนี้ทุเรียนออกเยอะเลยแบ่งมาทำทุเรียนกวนไว้กิน ถ้าอยากทำเดี๋ยวยายจะสอนให้ไม่ยากเลยค่ะ”


คนมากวัยว่าพรางยื่นต้อหมากให้สาวน้อย พิมพ์จันทร์รับไปทำตามอย่างเก้ๆกังๆเมื่อยายสมรตักทุเรียนกวนใส่ต้อหมากสาวน้อยก็ทำบ้างจัดการม้วนคลึงให้เนื้อทุเรียนแน่นจะได้ทุเรียนห่อต้อหมากแท่งยาวๆกลมๆจากนั้นก็มัดผูกปลายทั้งสองด้านด้วยเชือกกล้วย สาวน้อยทำตามอย่างไม่รู้เบื่อ



“ทำไมเราต้องห่อด้วยต้อหมากด้วยค่ะ พิมพ์ไม่เคยเห็นส่วนใหญ่ก็ห่อด้วยถุงพลาสติกกัน”


“ถ้าเราใช้ต้อหมากน่ะทุเรียนกวนของเราก็จะเหนียวและมีกลิ่นหอมมากกว่าการใช้ถุงพลาสติกด้วยนะ ที่สำคัญของทุกอย่างหาได้ในสวนบ้านเราประหยัดและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย เรื่องพวกนี้เขาทำกันมาตั้งแต่โบราณแล้วแต่คนเดี๋ยวนี้หลงลืมไปหมด” ยายสมรอธิบายเจื้อยแจ้วอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยหน่าย



“อืม...คนโบราณนี้เก่งนะค่ะทันยุคทันสมัยอยู่ตลอด อย่างทุเรียนกวนของยายสมรนี่ก็ช่วยถนอมอาหารทำให้เรามีขนมอร่อยๆไว้กินนานๆช่วยลดภาวะผลผลิตล้นตลาดและที่สำคัญที่สุดก็เรื่องทำลายสิ่งแวดล้อมนี่แหละค่ะเข้ากับยุดสมัยนี้เป็นที่สุด”



พูดจบสาวน้อยก็หัวเราะเสียงใสให้กับคำพูดตัวเอง ทั้งคุณทัตพลและยายสมรก็พลอยหัวเราะไปด้วย พิมพ์จันทร์อยู่ช่วยยายสมรห่อทุเรียนกวนจนหมดกะละมังแต่คุณทัตพลและยายสมรก็ยังไม่หมดเรื่องคุยกันสักทีจนสาวน้อยต้องขออนุญาตปลีกตัวออกไปเดินเล่นสำรวจบริเวณบ้านภายนอก



พิมพ์จันทร์เดินลงมาด้านล่างเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตรงตีนบันไดมีต้นดอกแก้วออกดอกเต็มพุ่มอยู่เมื่อลองมองกวาดสายตาไปรอบๆก็พบว่าต้นไม้ส่วนใหญ่ที่ปลูกบริเวณรอบบ้านจะเป็นไม้ดอกให้กลิ่นหอมเสียส่วนใหญ่


ส่วนไม้ยืนต้นหรือพวกที่ให้ดอกผลไว้กินจะปลูกรวมๆกันไว้ในสวน ตรงทิศตะวันออกของบ้านก่อนจะถึงสวนเงาะมีซุ่มสายหยุดขนาดใหญ่เจ้าของบ้านดัดมันงุ้มเข้าเป็นซุ่มให้ร่มเงาด้านล่างมีแคร่ไม้ไผ่เป็นมุมที่สงบน่าพักผ่อนที่เจ้าของบ้านคงสร้างมันไว้ด้วยสาเหตุเดียวกันนี้


สาวน้อยเดินมองนั่นดูนี่เพลิดเพลินจนลืมตัวเข้ามาในสวนเงาะตอนไหนก็ไม่รู้ เสียงเอะอะของใครจากท้ายท้องร่องดังจนพิมพ์จันทร์นึกอยากรู้ที่มาของเสียง


ภาพชายหนุ่มสองคนกำลังขุดดินก่อแนวเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้า กับชายหญิงวัยกลางคนอีกสองที่กำลังถางหญ้าอยู่รอบๆโคนเงาะ ทำให้พิมพ์จันทร์นึกสนุกเพิ่งจะเคยเห็นวิถีแบบเด็กต่างจังหวัดจริงๆก็วันนี้แหละ


“คุณมนกำลังทำอะไรกันอยู่ค่ะ”


“อ้าว...คุณพิมพ์มาได้ไงครับ” มณฑลพูดพรางยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก


“กำลังทำอะไรกันอยู่คะเนี้ย”


“พวกเรากำลังทำแปลงผักตั้งใจว่าจะปลูกผักไว้กินน่ะครับคุณพิมพ์อยากลองดูมั้ย” ว่าแล้วชายหนุ่มก็หลีกทางให้สาวน้อยเดินเข้ามาใกล้บริเวณแปลงผักมากขึ้น


“เอาสิค่ะคุณพิมพ์อยากลองทำดู”


“ผอมกระร่องกระเร่งอย่างนั้นจะยกจอบไหวรึเปล่าก็ไม่รู้” คนพูดแสร้งเป็นพูดขึ้นลอยๆในขณะที่มือยังไม่หยุดงานและสายตานั้นก็ยังจับจ้องอยู่ที่กองดินเบื้องล่าง


“อย่าไปสนใจคำพูดคุณเมืองเขาเลยครับ คุณเมืองเขาก็พูดอะไรไม่คิดอย่างนี้แหละ”


“ค่ะ ต้องเริ่มอย่างไงคะคุณมน” พิมพ์จันทร์แสร้งเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้นเช่นกัน นิ่งเฉยเสียทั้งที่ใจจริงอยากจะตอกกลับไปให้เจ็บแสบไม่แพ้กัน


“คุณพิมพ์ต้องเริ่มจากขุดดินให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าครับจากนั้นก็ขุดดินในแปลงให้ร่วนซุน คุณพิมพ์แค่สับจอบเบาๆก็ได้แปลงนี้คุณมนขุดไว้ใช้ได้แล้ว” มณฑลพูดแล้วก็ทำท่าจะหลีกทางให้พิมพ์จันทร์เข้ามาจับจองพื้นที่ในแปลงของตน



“ให้คุณพิมพ์ทำเองตั้งแต่ต้นใหม่นะค่ะ คุณพิมพ์อยากมีแปลงผักเป็นของตัวเองบ้าง”


“จะไหวเหรอสาวน้อยชาวกรุงบุกทุ่งลุยสวนยังไงก็ไม่รอด”


คนที่มั่นไส้ก็ยังกระแหนะกระแหนไม่เลิก พิมพ์จันทร์นึกฉุนจนเผลอทำตาถล่นใส่อีกฝ่ายดีที่เจ้าตัวไม่ได้สังเกตเห็นหรืออาจจะแสร้งเป็นไม่เห็น นายชวนกับนางเนียนได้แต่มองหน้ากันยิ้มๆเพราะเห็นและได้ยินการกระทำของบุคคลทั้งหมด



“ได้สิครับ งั้นคุณพิมพ์เอาที่ตรงนี้ใกล้ๆคุณมนแล้วกัน”


พูดจบทั้งคู่ก็ช่วยกันขุดดินจัดการเตรียมแปลงผักของตัวเอง แม้จะรู้สึกว่ากิจกรรมนี้ไม่ง่ายเลยแต่เมื่อมีคนที่เธอพึงใจคอยช่วยเหลือแนะนำอยู่ใกล้ๆงานหนักที่ไม่เคยทำกลับสร้างความสุขให้อย่างเหลือเชื่อ


“คุณมนจะลงผักอะไรค่ะ” สาวน้อยพูดทั้งที่มือยังกำจอบขุดดินไม่เลิก


“คุณมนคิดว่าจะลงกวางตุ้งดูแลไม่ยากโตเร็วด้วย”


“คุณพิมพ์อยากลงผักกาดค่ะ”


“ผักกาดน่ะดูแลยากนะครับ รดน้ำมากไปรากก็เน่าถ้ารดน้ำน้อยไปต้นก็แก่ใบแข็งกินไม่อร่อยแล้วก็ต้องคอยเอาทางมะพร้าวมามุงเป็นหลังคากันแดดให้มัน ผักกาดชอบแดดรำไรไม่ชอบแดดจ้าและอีกอย่างนะผักกาดน่ะหนอนจะชอบมากัดกินใบมัน เพราะต้นมันอ่อน เซียนแปลงผักกาดต้องยกให้คุณเมืองโน้นปลูกที่ไรก็สวยน่ากินทุกที ส่วนคุณมนถ้าปลูกผักกาดล่ะก็ไม่เคยเหลือมาถึงคนหรอกครับเสร็จหนอนตั้งแต่อยู่ในแปลงแล้ว”


พิมพ์จันทร์ได้ฟังก็หันไปมองคนที่ถูกยกให้เป็น...เซียน...แม้ฝ่ายนั้นจะได้ยินคำพูดของพี่ชายทุกคำแต่การแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินทำให้เขาเก็บอาการภาคภูมิไว้ได้มิดชิดที่สุด ทว่าแม้จะเก็บอาการยังไงก็อดรอดยิ้มน้อยๆมุมปากไม่ได้



“แล้วถ้าคุณพิมพ์จะลองดูล่ะค่ะ” พิมพ์จันทร์ยังไม่หมดความพยายามไม่ใช่ว่าเธออยากลองทำสิ่งที่เรียกว่ายาก แต่เพราะนิสัยชอบเอาชนะที่มีในตัวสาวน้อยต่างหาก


“ถ้าคุณพิมพ์อยากลองจริงๆก็ลองพูดกับคุณเมืองเขาดูสิครับเพราะคุณมนไม่มีเมล็ดพันธ์ผักกาดเลย มีก็แต่ที่คุณเมือง” โดยที่พิมพ์จันทร์ยังไม่ทันได้เอ่ยคำพูดเสียงของเจ้าของเมล็ดพันธ์ผักกาดก็ดังแทรกขึ้นมา



“คงไม่ได้หรอกครับคุณพิมพ์เพราะคุณเมืองก็กำลังจะปลูกผักกดาอยู่เหมือนกันและคงจะปลูกทั้งหมดเลยด้วย”


แทบไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมคำพูดนั้นพิมพ์จันทร์ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง


“คุณมนมีเมล็ดพันธ์อะไรเหลือพอที่จะให้คุณพิมพ์ปลูกบ้างค่ะ”


“ยังพอมีครับยังมีพันธ์ผักบุ้งคุณพิมพ์ปลูกผักบุ้งก็แล้วกันนะครับ ดูแลง่ายที่สุดโรคแมลงก็ไม่ค่อยถามหาปลูกทิ้งๆไว้ก็ได้กินแล้ว” พิมพ์จันทร์หันไปมองเจ้าของพันธ์ผักกาดอีกครั้งเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าคมนั้นชัดเจน



“ค่ะงั้นพิมพ์ปลูกผักบุ้งก็แล้วกัน” หลังจากเตรียมแปลงดินเสร็จ ทั้งสามก็ย้ายมาเตรียมเพาะเมล็ดพันธ์ผักต่อ


“ทำไมเราไม่เอาเมล็ดลงแปลงผักเลยล่ะค่ะ”


“ความจริงก็ทำได้แต่ที่เราต้องเพาะเมล็ดก่อนก็เพราะว่าจะได้ประหยัดเมล็ดพันธ์ คุณพิมพ์นึกออกไหมครับว่าถ้าเราเอาเมล็ดลงแปลงดินเลยเนี้ยต้นมันก็จะขึ้นเบียดกันแน่นแล้วทีนี้ผักก็จะโตได้ไม่เต็มที่เพราะมันจะแย่งอาหารกันการดูแลก็ทำได้ลำบาก การเพาะต้นกล้าแล้วค่อยเอาลงมาปลูกในแปลงใหญ่เนี้ยผักมีโอกาสรอดและโตมากกว่า การดูแลแลโรคพืชก็สามารถดูแลได้ง่ายกว่าด้วย”


มณฑลอธิบายเสียยืดยาวแต่ไม่ได้ทำให้คนฟังเหนื่อยหน่ายที่จะรับฟังขึ้นมาได้เลย


“แล้วเราต้องทำยังไงบ้างค่ะ”


“รู้อะไรบ้างเนี้ย ที่นี้บ้านสวนมังคุดของยายสมรนะไม่ใช่โรงเรียนสอนปลูกผักเรื่องง่ายๆแค่นี้ก็ไม่รู้” สิ้นประโยคนั้นกำแพงความอดทนของสาวน้อยก็พังทลายลง



“คนไม่รู้น่ะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะคุณเมือง แต่คนที่ไม่มีมารยาทชอบพูดพาลคนอื่นและไม่รับรู้รับฟังคนอื่นเลยนี่สิเขาเรียกว่าคนจิตใจคับแคบ”


พิมพ์จันทร์สวดยาวจนเกือบหายใจไม่ทัน คนฟังได้แต่ยืนนิ่งทำตาปริบๆด้วยคาดไม่ถึงสาวน้อยจะกล้าย้อนเขาได้ถึงขนาดนี้


เมืองเอกไม่ได้อยากนิ่งแต่เขาไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรต่างหาก นายชวนและนางเนียนฟังจบก็หลุดหัวเราะออกมานึกในใจว่านายน้อยของตนคงเจอคู่ปรับที่เหมาะสมแล้วเพราะตั้งแต่เห็นกันมาทั้งสองคนยังไม่เคยเห็นเมืองเอกจะนิ่งเฉยให้กับคำพูดของใครได้ขนาดนี้



“ใจเย็นก่อนเถอะคุณพิมพ์ มานี่ดีกว่าเดี๋ยวคุณมนจะสอนวิธีเพาะเมล็ดพันธ์ให้” มณฑลพาพิมพ์จันทร์เลี่ยงมาให้ห่างจากน้องชาย รู้อยู่ว่าเมืองเอกก็ร้ายไม่เบารายนั้นเคยยอมใครง่ายเสียที่ไหน อาการนิ่งเมื่อครู่นี้ถือว่าน้องชายอดทนมากแล้ว



“การเพาะเมล็ดผักนะคุณพิมพ์ทำง่ายมาก เริ่มจากนี่เลยหยอดเมล็ดเป็นหลุม ๆ ละ 3-5 เมล็ด ในกระบะที่เราเตรียมดินไว้แล้ว ให้มีระยะห่างกันหลุมละ 20 เซนติเมตร หรือคุณพิมพ์จะโรยเมล็ดเป็นแถวบางๆก็ได้ให้ห่างกันแถวละ 20 เซนติเมตรเหมือนกัน”


พิมพ์จันทร์ฟังชายหนุ่มและทำตามน้ำเสียงอ่อนนุ่มท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนทำให้สาวน้อยลืมความขุ่นมัวเมื่อครู่เสียสิ้น


“หลังจากนี้เราต้องทำไงต่อค่ะ” สาวน้อยเอ่ยถามเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการเพาะเมล็ด


“หลังจากนี้ประมาณ 10 วัน หรือเมื่อต้นกล้าออกใบจริงสัก 2-3 ใบ ก็ถอนแยกไปลงแปลงใหญ่ได้เอาไปลงหลุมๆละ 2 ต้น ระวังระยะต้นไม่ให้ชิดกันเกินไป เท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ รดน้ำวันละสองรอบเช้าเย็นก็พอ”



พิมพ์จันทร์ยืนมองชายหนุ่มตรงหน้ารอยยิ้มละมุนยังคงระบายอยู่ที่มุมปากแม้ในยามที่วางสีหน้าปรกติใบหน้านั้นจึงดูหล่อเหลาสุขุมนุ่มนึกอยู่ตลอดเวลา  ไรผมข้างแก้มและหน้าผากปรากฏเม็ดเหงื่อพรายยิ่งขับให้ใบพวงแก้มเปล่งปลั่งสดใส


พิมพ์จันทร์เพิ่งจะเคยเห็นผู้ชายที่อบอุ่นอ่อนหวาน...เหมือนพ่อ...หากจะมีใครสักคนที่เธอจะเลือกมาแทนที่พ่อของเธอได้ก็มีเพียงผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้เท่านั้น มณฑลจะรับรู้บ้างไหมนะว่าสาวน้อยคนหนึ่งยกย่องเทิดทูนเขามากแค่ไหนในเวลานี้

ความอบอุ่นก่อขึ้นในใจสาวน้อยเขาเรียกความอบอุ่นหอมหวานอย่างนี้ว่าอะไรกันนะ



              ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


ตอบคอมเม้นท์ค่ะ

คุณ บ้านสายไหม  แสงอุษาเค้าก็มีเหตุผลในส่วนของเค้านะค่ะที่ทำอย่างนี้ แม้ว่าเหตุผลนั้นอาจจะดูไไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ติดตามอ่านต่อไปแล้วจะรู้ปมหลังของตัวละครจัวนี้มากขึ้นค่ะ ขอบคุณที่ตามอ่านนะค่ะ


คุณ  Psycheza อันนี้ถือเป็นคำชมสำหรับนักเขียนนะค่ะ เพราะถือว่าเขียนให้นักอ่านอินได้ เรื่องนี้ตัวละครจะมีดีชั่วเหมือนคนทั่วไปเลยค่ะ


คุณ chenjiayi  ใช่ค่ะแสงอุษาเลี้ยงลูกไม่เป็นเลย นี่คือรอยร้าวสำคัญของแม่ลูกที่จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนค่ะ


คุณ lovereason คำนี้ใช้ได้ตรงและถูกต้องที่สุดเลยค่ะ


ขอบคุณกิ๊ฟจะคุณ   Sniper-1500watt,  Psycheza,  chenjiayi,  มานีโอลา

จากคุณ : idakok
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 55 11:35:31




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com