บทที่ ๑
"ผมว่าคุณไม่ควรนอนที่นี่นะคืนนี้ อย่างน้อยก็จนกว่าประตูบ้านจะล็อคได้เสียก่อน"
กันตาละสายตาจากรอยแตกที่กรอบประตู เหลียวมองคนพูดอย่างคับข้องใจ บ้านของเธอเองแท้ๆ แต่กลับต้องไปนอนที่อื่น เพียงรู้ว่ามีคนลอบเข้ามาในบ้านเวลาที่เธอไม่อยู่ก็ร้ายพออยู่แล้ว
ขับรถมาถึงบ้านบนเขากันตารู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติ ประตูบ้านซึ่งล็อคไว้แน่นหนาก่อนจะเดินทางไปประเทศไทยมีร่องรอยว่าถูกงัด ข้าวของภายในถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย แม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่มีของมีค่าใดๆ แต่ความรู้สึกที่ว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในเวลาที่ไม่อยู่เป็นเรื่องซึ่งเธอรับไม่ได้
เธอโทรศัพท์ไปที่สถานีตำรวจ หลังจากคอยอยู่ไม่นาน รถสีน้ำตาลอ่อน มีคำว่านายอำเภออยู่ข้างตัวถังก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้าน กันตารู้จักนายอำเภอของเมืองดี แต่คนที่ลงจากรถกลับเป็นคนอื่น และเขาก็แนะนำตัวเองทันทีที่เห็นสีหน้าแสดงความกังขาของเธอ
เวสครับ เวส แกร้นท์ ผมย้ายมาประจำที่นี่ได้เกือบปีแล้ว บ๊อบเกษียณแล้ว"
เวสหนุ่มกว่านายอำเภอคนก่อนที่ชื่อบ๊อบมาก กันตารู้จักบ๊อบมานาน เพราะพ่อแม่ชาวอเมริกันของเธอซื้อบ้านบนเขาหลังนี้เมื่อกว่ายี่สิบปีมาแล้ว บ๊อบเป็นนายอำเภอมาตั้งแต่สมัยนั้น สมัยที่เมืองนี้ยังมีบ้านอยู่เพียงไม่กี่หลัง สมัยที่บ๊อบยังเป็นายอำเภอบ้านนอก และรู้จักผู้อยู่อาศัยในเมืองนี้ทุกคน แม้แต่กันตาและครอบครัวซึ่งจริงๆ แล้วอยู่เมืองอื่น จะใช้บ้านที่เมืองนี้เป็นที่พักก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว เขาก็รู้จัก หลังจากที่พ่อและแม่เสียชีวิต เธอมาพักที่บ้านหลังนี้แทบจะเดือนเว้นเดือน เพราะขับรถจากบ้านใกล้มหาวิทยาลัยที่สอนมาไม่เกินสองชั่วโมง เธอจึงรู้จักบ๊อบดียิ่งขึ้น
ท่าทางของเวสเป็นกันเอง คาดคะเนว่าคงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ผมสีน้ำตาลอ่อนของเขาตัดสั้น ตาสีฟ้าแจ่มใสดูขี้เล่น รูปร่างสูงใหญ่ แต่ไม่สูงและไม่บึกบึนเท่าสามภพ เธอเริ่มรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าคอยแต่จะเปรียบเทียบคนที่พบเห็นกับสามีผู้เสียชีวิตไปแล้วบ่อยขึ้น
"กันตาค่ะ กันตา วัลละวงศ์"
เธอภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้แนะนำตัวเองด้วยนามสกุลของสามีแทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรก สำหรับคนที่เติบโตในสหรัฐอเมริกา และใช้ภาษาอังกฤษเพียงภาษาเดียวมาตลอดชีวิต แม้ว่าจะมีหลายๆ คำในภาษาไทยที่ยังออกเสียงได้ไม่ชัดเจน แต่นามสกุลของคนที่รักยิ่งชีวิต กลายเป็นคำหนึ่งในภาษาไทยที่เธอมั่นใจว่าจะออกเสียงได้ไม่มีผิดเพี้ยน
เวสจับมือเล็กๆ ที่ยื่นมาก่อนอย่างมีมารยาท ให้สงสัยว่าย้ายมาอยู่เมืองนี้ก็นับได้หลายเดือนแล้ว ทำไมจึงไม่เคยเห็นหญิงสาวชาวเอเชียคนนี้มาก่อน เขาชอบนัยน์ตาของเธอ ตากลมโตดำสนิทและใสจนส่งประกายคู่นั้นสวยอย่างที่ไม่เคยเห็นใครมีดวงตาสวยขนาดนี้มาก่อน แต่ตาคู่งามดูเศร้าจนน่าใจหาย ทำให้สงสัยต่อไปว่าในชีวิตของหญิงสาวผู้นี้ มีเรื่องราวอะไรที่ฝังลึกอยู่ภายในใจจนทำให้เศร้าได้ถึงขนาดนี้
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
เพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอกำลังท้อง แม้จะยังเห็นไม่ชัดเสียทีเดียว แต่ก็พอบอกได้ แล้วสามีเธอไปอยู่เสียที่ไหน ทำไมปล่อยให้ภรรยามาพักอยู่บนยอดเขาเพียงคนเดียวอย่างนี้
เขาเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย แต่ก็ไม่ใช่แหวนทองเกลี้ยงๆ แบบแหวนแต่งงาน
เขาตรวจสอบภายในบ้านเล็กๆ หลังนั้นอย่างละเอียด ตั้งแต่พิจารณาสภาพของประตูที่ถูกงัด เรื่อยไปจนถึงหลังบ้านซึ่งเป็นลาดเขาสูงขึ้นไปอีก จากประสบการณ์พอบอกได้ว่านี่ไม่ใช่ผลงานของมืออาชีพ คงเป็นใครที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้ พอเห็นว่าบ้านปิดทิ้งไว้เฉยๆ ทั้งยังตั้งอยู่ห่างตัวเมืองออกมามาก ก็เลยงัดเข้ามารื้้อค้นข้าวของ
"มีอะไรหายไปบ้างล่ะครับ" เหลียวหลังมาถามหญิงสาวเจ้าของบ้าน
"เท่าที่จำได้ก็มีโทรทัศน์ เป็นเครื่องเก่าแล้วค่ะ คงไม่มีราคาอะไรแล้ว แล้วก็เครื่องเล่นดีวีดี นอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่มีมูลค่า ถึงจะหายไป ก็ช่างมันเถอะ"
"แล้วนี่ไม่มีใครพักอยู่ที่นี่กับคุณด้วยหรอกหรือ" ตั้งใจจะเรียบๆ เคียงๆ ถามถึงสามี ไม่คิดว่าผู้หญิงสวยขนาดนี้ ทั้งยังมีรูปร่างบอบบางอย่างนี้จะมาพักอยู่บนยอดเขาเปลี่ยวๆ ห่างไกลตัวเมืองเพียงคนเดียว
"ไม่มีใครค่ะ ฉันอยู่คนเดียว" ตอบไปแล้วก็คิดได้ว่าอีกฝ่ายคงสงสัยเมื่อเห็นว่ากำลังท้อง จึงต่อด้วย "สามีของฉันเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี่เองค่ะ"
เสียงพูดแผ่วหวิว ทั้งยังฟังดูเศร้าสร้อยนั้นทำเอานายอำเภอหนุ่มถึงกับชะงัก เหลียวหลังมามองอีกครั้ง ทันได้เห็นใบหน้าหมดจดสลดลง แน่ใจว่าเห็นเงารื้นในดวงตาคู่นั้นด้วย
"ผมเสียใจด้วย" สุ้มเสียงเขาอ่อนลง แน่ใจว่าคงเป็นเพราะเหตุนี้เองหญิงสาวจึงดูหมองเศร้าเสียนัก
"ขอบคุณค่ะ" มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ พอเป็นพิธี
และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาเห็นใจ อะไรบางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ทำให้อยากปกป้องและดูแล
"ขอโทษค่ะ" ตาคู่สวยกระพริบถี่เพื่อไล่น้ำตา "เขาเพิ่งเสียได้ไม่นาน ยังทำใจไม่ได้น่ะค่ะ"
"ผมเข้าใจ" เสียงเขานุ่มนวล "ผมว่าคุณเข้าไปในเมืองพร้อมผมจะดีไหม คุณไม่น่าจะอยู่ที่นี่คนเดียวเมื่อประตูบ้านล็อคไม่ได้แบบนี้"
เขายืนยันคำเตือนนั้นอีกครั้ง อาจดูเหมือนห่วงใยจนเกินเหตุ แต่อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอผู้นี้ทำให้เป็นห่วง จะเป็นเพราะท่าทีเศร้าสร้อยเมื่อเพิ่งสูญเสียสามี หรือเป็นเพราะเธอดูเปราะบางน่าทะนุถนอมนั้นด้วยก็ได้
คำตอบของเธอกลับทำให้เขาแปลกใจ
"เปลี่ยนล็อคนี่ไม่ใช่เรื่องยากหรอกค่ะ ซื้อล็อคใหม่มา ปลดตัวเก่าออก เอาตัวใหม่ใส่แทน เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ฉันต้องเข้าเมืองอยู่แล้วด้วย"
เขาอดทึ่งเสียมิได้ มีผู้หญิงสักกี่คนที่เปลี่ยนล็อกกุญแจบ้านของตัวเองเป็น
เก่งนี่ครับ กวาดสายตาดูรอบห้องอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้พลาดส่วนไหนไป บ้านเล็กๆ หลังนี้มีห้องทางตอนหน้ากว้างๆ เพียงห้องเดียว เป็นห้องซึ่งรวมหมดตั้งแต่รับแขก นั่งเล่น เรื่อยไปจนถึงห้องครัวซึ่งมีฝากั้นอยู่เพียงครึ่งๆ เห็นสภาพที่ถูกรื้อค้นแล้วก็ให้หนักใจแทน
"นี่คุณคงต้องใช้เวลาจัดบ้านใหม่ทั้งหมดเลยละซี"
คงอย่างนั้นแหละค่ะ ก็ดีเหมือนกัน อะไรที่ไม่ได้ใช้แล้วจะได้ทิ้งไปเสียบ้าง เธอพยายามมองไปในแง่นั้น เพื่อปลอบใจตัวเองมากกว่าอะไรอื่น
ก็ดีครับที่คิดได้อย่างนั้น
และแล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้
"ว่าแต่โทรศัพท์ของคุณยังใช้ได้หรือเปล่า"
โดยไม่คอยให้อีกฝ่ายตอบ เขาเดินไปหยิบหูโทรศัพท์ซึ่งเห็นวางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟาขึ้นมาฟังเสียงสัญญาน เห็นว่าโทรศัพท์ยังใช้การได้ จึงจดเบอร์โทร.จากที่เห็นเขียนไว้บนเครื่องลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กในมือ
คุณลองดูรอบบ้านหรือยังว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
ยังเลยค่ะ พอมาเห็นว่าประตูบ้านถูกงัด ภายในบ้านอยู่ในสภาพแบบนี้ ฉันก็โทรศัพท์ไปที่สถานีตำรวจเลย
แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 55 08:33:32