กลรัก เสน่ห์ลวง บทที่ 1 แรกพบ
|
|
บทที่ 1 แรกพบ
แสงอาทิตย์ในช่วงบ่ายยังคงจัดจ้ามาตลอดระยะเวลาสามวันที่ฟูจิวาระ บันซาคุ ได้มาเยือนประเทศไทย ทั้งที่เขาทราบจากมารดาบุญธรรมว่าฤดูนี้เป็นฤดูฝน และภาคกลางตอนบนจะมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นในช่วงหัวค่ำ แต่สภาพภูมิอากาศที่เด็กหนุ่มได้สัมผัสคือร้อน ร้อนมาก และร้อนที่สุด ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกลงมาเลยสักหยด ทว่าแม้เหงื่อจะไหลเต็มแผ่นหลังที่ซ่อนอยู่ในชุดสูทสีดำ บันซาคุก็ยังตีสีหน้าได้นิ่งสนิทเหมือนกับว่าอากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย
บันคุง ถอดเสื้อสูทออกก็ได้จ้ะ บนบ้านไม่มีแอร์ เดี๋ยวลูกร้อนแย่เลย ปิยรัตน์ หรือที่ทั้งครอบครัวเรียกว่า อุซางิ แม่บุญธรรมของเขาหันมาบอก ขณะที่นางกำลังจะก้าวขึ้นบันไดบ้านโดยมีเก็นจิ พ่อบุญธรรมของเขาตามหลังไปอย่างกระชั้นชิด
ผมว่าจะไปดูมิโอะก่อนครับ เด็กหนุ่มพูดพลางชำเลืองมองกลุ่มเด็กที่กำลังเล่นก่อปราสาททรายบริเวณลานโล่งไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก ซึ่งปิยรัตน์ก็เข้าใจดีว่าลูกชายจะยังไม่ตามขึ้นบ้านไปด้วยในตอนนี้ นางจึงเหยียดแขนไปหาเขา
ถ้าอย่างนั้นก็ถอดสูทมาฝากแม่ก่อน ลูกจะได้เดินเล่นสบาย ๆ
บันซาคุถอดสูทตัวนอกส่งให้นางโดยดี ปิยรัตน์รับไปพับตามความยาว พาดไว้กับแขนของตัวเองและพูดต่อ
บอกน้องด้วยว่าลุงเสือสั่งขนมไทยมาหลายอย่าง ถ้าอยากลองชิมก็ให้ขึ้นบ้านมา กำชับให้น้องล้างมือด้วยนะ
ครับแม่ บันซาคุตอบ เมื่อยืนส่งพ่อกับแม่บุญธรรมขึ้นบ้านแล้ว เขาจึงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวลงสองเม็ด พับแขนเสื้อขึ้นและถอดเนกไทสีดำใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะตรงไปยังจุดที่มีกลุ่มเด็กวัยประถมสี่ห้าคนนั่งเล่นทราย หนึ่งในนั้นคือมิโอะ น้องสาววัยแปดขวบของเขา แต่เด็กหนุ่มไม่ได้เข้าไปใกล้ เขาเพียงยืนมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยสายตาเป็นห่วง และเมื่อรอดูจนแน่ใจแล้วว่าน้องสาวปลอดภัยแน่นอน เขาก็กวาดตามองไปรอบบริเวณเพื่อสำรวจ บ้าน ที่มีรูปทรงแปลกพิกล
แม่อุซางิอธิบายให้เขาฟังแล้วในวันที่ครอบครัวฟูจิวาระมาถึงบ้านของครอบครัวอนันตรัยเป็นวันแรกว่า บ้านของครอบครัวอนันตรัยเป็นบ้านทรงไทยเก่าแก่ ปลูกสร้างมาตั้งแต่สมัยที่บิดาของมังกร พ่อของลุงเสือยังมีชีวิตอยู่ ห้องแต่ละห้องจะแยกกันเป็นสัดส่วน โดยตรงกลางจะเป็นชานโล่งมีหลังคา ไว้สำหรับให้ครอบครัวนั่งเล่น ปรึกษาหารือและรับประทานอาหารร่วมกัน
แต่ตลอดสามวันที่ผ่านมา ครอบครัวฟูจิวาระไม่ได้พักในบ้านหลังนี้ แต่เป็นโรงแรมระดับสี่ดาวที่ใกล้กับวัด สถานที่ซึ่งเป็นจุดหมายที่แท้จริงของการเดินทางมาเยือนประเทศไทย มารดาของแม่อุซางิเสียชีวิตเมื่อเก้าวันก่อน ทำให้บันซาคุและมิโอะต้องทิ้งการเรียนไว้เบื้องหลังเพื่อเดินทางมาร่วมพิธีศพ และเป็นครั้งแรกที่ลูกชายหญิงทั้งสองของครอบครัวฟูจิวาระได้มาเหยียบแผ่นดินไทย บ้านเกิดของมารดา
ความจริงแล้วการเดินทางจะไม่ล่าช้านักถ้าเขาอยู่ในญี่ปุ่น แต่เพราะตอนนี้บันซาคุกำลังศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ครอบครัวฟูจิวาระที่อยู่ในญี่ปุ่นจึงต้องรอเขาตามมาสมทบในกรุงเทพฯ ก่อน จึงค่อยเดินทางมายังจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทาง
เมื่อเริ่มชินกับบ้านรูปทรงแปลกตาแล้ว บันซาคุจึงเหลือบมองน้องสาวของเขาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเบนสายตาสำรวจจุดอื่นบ้าง เขาพบว่าบ้านอนันตรัยมีต้นไม้ไม่ค่อยหนาแน่นนักทั้งที่มีบริเวณกว้างขวาง เมื่อลองใช้เท้าเขี่ยพื้นดินดู เขาก็เดาว่าอาจเป็นเพราะดินของที่นี่มีทรายปะปนอยู่มากจึงเพาะปลูกอะไรไม่ค่อยงอกงาม ผิดกับบ้านที่ญี่ปุ่นของเขาซึ่งรกครึ้มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิดที่พ่อของเขาเป็นคนดูแลอยู่
เสียงเจื้อยแจ้วเป็นภาษาญี่ปุ่นของมิโอะสลับกับภาษาไทยทำให้บันซาคุเหลือบมองน้องสาว และยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องน้อยพยายามคุยจ้อกับชาวต่างชาติต่างภาษาเป็นวรรคเป็นเวร ซึ่งเด็กเล็กทุกคนในกลุ่มนั้นก็รับมุกกันดี เพราะเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากดังตลอดเวลาที่พวกเขาคุยกัน
แล้วเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งห่างออกไปก็ดึงความสนใจของบันซาคุ เด็กหญิงผมยาวที่มีใบหน้าสวยหวานกำลังสวมกำไลที่ทำจากดอกไม้ให้เด็กหญิงผูกแกละที่มีใบหน้าอ้วนกลม เด็กหนุ่มสังเกตเห็นว่านัยน์ตาของเด็กหน้ากลมคนนั้นแดงก่ำคล้ายเพิ่งผ่านการร้องไห้มา
แล้วเด็กอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนกับเด็กหน้าสวยแต่ผมสั้นเต่อเหมือนเด็กผู้ชายก็วิ่งเข้าไปหาทั้งสอง เด็กผูกแกละหน้ากลมคนนั้นทำท่าผงะและน้ำตาหยดแหมะทันที เด็กหญิงผมยาวจึงทำท่าอะไรสักอย่างคล้ายกับไล่เด็กผมสั้นคนนั้น เด็กผมสั้นเกาศีรษะจนผมยุ่งเหยิงก่อนจะผละออกมา
บันซาคุสังเกตเห็นว่าเด็กผมสั้นใส่ชุดเหมือนชุดคาราเต้ และสิ่งที่สะดุดตาเขาที่สุดคือสายคาดเอวสีดำ ดูจากอายุอานามเด็กคนนั้นน่าจะมากกว่ามิโอะไม่กี่ปี แต่กลับได้สายดำของคาราเต้มาครอบครองแล้ว
น่าสนใจ บันซาคุคิดและยืนมองเด็กผมสั้นคนนั้นวิ่งเหยาะ ๆ ตรงมาทางเขา แม้ว่าเด็กหนุ่มจะเป็นหนึ่งในอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยที่อาจารย์ทาบทามให้เรียนต่อระดับด๊อกเตอร์ แต่กิจกรรมยามว่างที่บันซาคุโปรดปรานมากที่สุดคือศิลปะการต่อสู้ และตั้งแต่เป็นนักเรียน MBA เขาก็ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อยนัก
ดังนั้น ก่อนที่เด็กผมสั้นสายดำจะวิ่งผ่านเลยไป เขาจึงตัดสินใจเรียก
Excuse me ได้ผล เด็กคนนั้นชะงักและเหลียวมองเขา บันซาคุจึงพูดต่อ
I am Fujiwara Banzaku, Can you understand English or Japanese language ?
ปรากฏว่าเด็กเอียงคอ บันซาคุแทบจะเห็นเครื่องหมายคำถามอยู่รอบตัวเด็กคนนั้น เขาจึงตัดสินใจใช้คำพูดง่าย ๆ เพื่อสื่อสาร
You can do Karate
เด็กผมสั้นยิ้มกว้าง พยักหน้าเร็ว ๆ พร้อมกับพูด Yes ! ไอ แอม คาราเต้ คิด
บันซาคุพับแขนเสื้อขึ้นอีก และทำท่าเหมือนชวนเด็กคนนั้นต่อสู้ด้วยคาราเต้กับเขา
ไม่ดีม้างงง เด็กผมสั้นลากเสียงด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจก่อนจะชี้ลงพื้น พื้นแข็งแบบนี้ เดี๋ยวก็เจ็บตัวกันพอดี
คราวนี้คนที่เอียงคอเป็นเขาเอง เด็กผมสั้นจึงกลอกตาขึ้นฟ้าเป็นเชิงครุ่นคิดก่อนจะเหลียวมองรอบตัว จากนั้นก็ทำท่ากวักมือ
ตามมาสิ ฉันจะพาไปโรงฝึก
บันซาคุชำเลืองไปทางมิโอะ สายตาเป็นห่วงเป็นใยของเขาทำให้เด็กผมสั้นคนนั้นเข้าใจในทันทีและรีบโบกไม้โบกมือ
ด้อนเวอรี่ ด้อนเวอรี่ แม่เกดของฉันอยู่แถวนี้เอง เดี๋ยวฉันฝากให้ดูแลได้ เทกแคไง เทกแค โอเค้ ?
ไม่พูดเปล่า เด็กผมสั้นยังจรดนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นวงกลมและยกสามนิ้วที่เหลือขึ้นสูง แต่บันซาคุก็ยังเอียงคอ สุดท้ายเด็กจึงตัดบท
พลีส เวท รอแป๊บ เดี๋ยวฉันมา จากนั้นก็วิ่งตื๋อไปทางใต้ถุนของบ้านและหายตัวไปด้านหลัง บันซาคุเข้าใจว่าเด็กคนนั้นให้เขารอ แต่ไม่เข้าใจว่ารออะไร ไม่นานนัก เด็กผมสั้นก็ลากผู้หญิงผมยาวดัดเป็นลอนคนหนึ่งมาด้วย
อะไรเจ้าเขียว อยากวิ่งก็ไปวิ่งสิ มายุ่งกับแม่เกดทำไม
ไม่ใช่แค่สีหน้าที่ดูเหมือนคนกำลังหงุดหงิด แต่ในมือผู้หญิงคนนั้นยังมีถาดที่วางจานขนมหลายใบอยู่ด้วย บันซาคุเข้าใจว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะกำลังติดธุระบางอย่างจึงรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน ความเร่งร้อนทำให้เขาเผลอพูดภาษาญี่ปุ่น
ขอโทษครับ ไม่รบกวนดีกว่า
ผู้หญิงคนนั้นเลิกคิ้วและจ้องเขาเหมือนเพิ่งเห็น ลูกชายของเจ้ากระต่าย นี่นา เราเจอกันที่งานศพแล้ว จำได้ไหม
บันซาคุยังคงส่ายศีรษะ ไม่ใช่ว่าเข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่เพราะเขาไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายให้ช่วยดูแลน้องสาวต่างหาก ทว่าเด็กผมสั้นกลับดึงความสนใจของเจ้าหล่อนไป
แม่เกดช่วยดูแลเด็ก ๆ ให้ทีได้ไหม เขียวจะไปฝึกฝีมือกับหมอนี่สักหน่อย
จะดีหรือ หญิงสาวถามพลางเหลือบมองเด็กหนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัย เดี๋ยวเราก็ไปทำลูกเจ้ากระต่ายหัวร้างข้างแตกหรอก แม่เกดได้ยินว่าเด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะด้วยนะ ขืนสมองกระทบกระเทือนไปละก็ บ้านนั้นได้ยิงเขียวหมกป่าแน่
ก็เขาชวนเขียวก่อนนี่ เด็กผมสั้นบอก ก่อนมองไปทางเด็กหนุ่มที่ตัวโตกว่า นายไม่กลัวหัวแตกใช่ไหม
บันซาคุส่ายศีรษะ เขียวจึงตีขลุมเอาว่าเขาไม่กลัว เห็นไหม เขาบอกว่าไม่กลัว
ใช่ที่ไหนกันล่ะยะ เธอเสยผมพลางถอนหายใจกับความกวนประสาทของลูกบุญธรรม เอ้า ไปก็ไป แต่ให้เขาใส่เครื่องป้องกันด้วยนะ แม่เกดขีดเส้นใต้ย้ำเลยนะเขียว ถ้าเขาบาดเจ็บขึ้นมาละก็เรื่องใหญ่แน่
ไว้ใจเขียวได้เลย จากนั้นเด็กผมสั้นก็ตรงเข้าไปดึงแขนเสื้อของบันซาคุเป็นเชิงบอกให้ตามไป แต่เด็กหนุ่มไม่ขยับ เขาทอดมองน้องสาวด้วยสายตาห่วงใย
ไปเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลให้เอง หญิงสาวตวัดมือเป็นเชิงไล่ก่อนจะนั่งลงตรงม้าหินอ่อนที่ตั้งอยู่แถวนั้น จากนั้นเจ้าหล่อนก็หยิบจานฟักทองนึ่งออกจากถาดและกัดกินหน้าตาเฉย พวกเด็ก ๆ เห็นดังนั้นจึงรีบกรูกันเข้ามาขอขนมเป็นการใหญ่ มิโอะก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
จากคุณ |
:
g_maru
|
เขียนเมื่อ |
:
วันพ่อแห่งชาติ 55 12:06:44
|
|
|
|