Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มายาหิมาลายัน บทที่ 7 และ 8 vote ติดต่อทีมงาน

ขอลงใหม่นะคะ  คือก่อนหน้านี้ ลงแล้วกระทู้หายไปค่ะ




บทที่ 7  ผู้หญิงธรรมดา vs เซเลบ



ราชาวดีจ้องผู้ชายร่างสูงสง่าที่ยืนนัยน์ตาขุ่นอยู่ในกระจกเงาบานเดียวกับหล่อนอย่างที่เรียกได้ว่า “ตาไม่กระพริบ”

“ ใครเนี่ย ทำไมหล่อจัง” แบคแพคเกอร์สาวหลุดปาก พลางทำตา”ปริ๊บๆ”


“ไม่ตลก” หนุ่มหล่อปราม หน้านิ่ง เปลี่ยนเป็นนิ่วน้อยๆยามตวัดสายตาขึ้นลงไปตามแผ่นหลังของหล่อน

“ทำไมโป๊นัก” ว่าพลางเขาก็หันไปหาศกุนตลาด้วยสายตามีคำถาม ภายในห้องเงียบกริบทีเดียว ก่อนที่สตรีสาวในส่าหรีสวยจะทันขยับตัว เขาก็ได้ยินสาวเตี้ยแทรกขึ้นมาเสียงแจ๋ว

“ขอเซ๊กซี่หนึ่งวัน เราเป็นคนบอกกุนเองว่าจะเอาแบบนี้ เราว่ามันไม่โป๊นะ แบบว่ากำลังดีอ่ะ งานกลางคืนนี่นา”

“มีผ้าคลุมอีกผืนค่ะ” ศกุนตลาส่งผ้าส่าหรีผืนงามที่ประยุกต์มาเป็นผ้าคลุมไหล่ ความจริงชุดของราชาวดี ดัดแปลงมาจากแบบที่ชายหนุ่มช่วยเลือก เป็นชุดที่ประยุกต์มาจากเครื่องแต่งกายของสตรีอินเดียประเภทหนึ่ง โดยตัวเสื้อเข้ารูป ด้านหน้าศกุนตลาออกแบบให้เป็นคอปาดกว้างแต่ไม่ลึก ปกปิดหัวไหล่และต้นแขน  และกระโปรงทิ้งชายยาวเลยเข่า ปลายบานแผ่กว้าง ยิ่งหากยามผู้สวมใส่หมุนกาย ชายกระโปรงจะแผ่สบัดพลิ้วไหวคล้ายกับกำลังเริงระบำทีเดียว  ซึ่งแบบเดิมจากนิตยสารนั้น ด้านหลังตัวเสื้อจะคว้านลึกเกือบถึงเอวโดยไม่มีอะไรมาบดบัง หากชายหนุ่มแนะนำว่าให้เปลี่ยนแบบเป็นปิดแผ่นหลังผู้สวมเสีย

เจ้าตัวคนใส่เลยมากระซิบบอกหล่อนภายหลังว่าขอแบบไม่ต้องซับในเพื่อให้เป็นซีทรู จะได้ดูหรูและเปิดเผยผิวเนื้อนวลของเจ้าหล่อนนิดหน่อยเนื่องจากเป็นชุดราตรี เจ้าหล่อนอยากจะแอบเซ๊กซี่เล็กๆ  ซึ่งศกุนตลาเองก็เห็นด้วยเนื่องจากเนื้อผ้าและลายปักก็ค่อนข้างที่จะอำพรางผิวอยู่มากทีเดียว  อันที่จริงหากจะคว้านลึกให้เหมือนแบบเลยก็ทำได้ด้วยราชาวดีมีแผ่นหลังที่สวยเนียนเรียบ ทั้งผิวขาวเหลืองของเจ้าหล่อนก็ผุดผ่องละออตาน่ามองเป็นที่สุด หากเจ้าตัวนั้นใจไม่ถึงพอ แบคแพคเกอร์สาวมักแต่งกายมิดชิดไม่เคยโชว์เนื้อตัว เจ้าหล่อนไม่เคยใส่เสื้อไม่มีแขนด้วยซ้ำ


“ไม่ต้องใช้หรอก ผ้าคลุมน่ะ เกะกะ”  ยัง ยายเตี้ย ยังไม่วาย


ชายหนุ่มไม่พูดไม่จา คว้าผ้าคลุมได้ก็หันกลับไปใส่ใจกับคนผมสั้นอีกครั้ง เขาคลี่ผ้าคลุมลงบนหลังไหล่หญิงสาว มันกว้างพอที่จะคลุมไปถึงศรีษะและปกปิดความเซ๊กซี่ทั้งมวลได้อย่างมิดชิด  เขาสั่งให้หญิงสาวคลุมไหล่ไว้ตลอดเวลา


ศกุนตลาเห็นหน้าเพื่อนในกระจกว่าบึ้งจัด และคาดว่าจะอาละวาดเล็กๆอยู่แล้ว แต่แค่เพียงชายหนุ่มก้มลงไปกระซิบอะไรเบาๆกับเจ้าตัว เธอก็เห็นว่าราชาวดีมีอาการเหวอน้อยๆ และหยุดการประท้วงลงแต่โดยดี


ชายหนุ่มหันมากล่าวขอบใจช่างผมช่างเสื้อก่อนจะแนะนำให้เลขาสาวจัดการส่งทั้งคู่พร้อมกับรวบรวมสิ่งของส่วนตัวของราชาวดีและศกุนตลาไปมอบให้คนขับรถ ก่อนไปเตรียมตัวเพื่อไปพบกันที่สถานที่จัดงานเลี้ยง ก่อนหันมาหาคู่ควงเฉพาะกิจแล้วเปิดกล่องเครื่องประดับที่เตรียมมา


“ทำไมครับ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วน้อยๆถามสองสาวที่ออกอาการ “ถอยกรูด”เมื่อเห็นของในมือเขา

สองสาวส่ายหน้าดุกดิกเป็นการปฏิเสธ เสียงชิงกันอธิบายลั่นว่าไม่อยากรับผิดชอบ

“ ถ้าทำหล่นหาย ซวยตายเลย เนอะกุนเนอะ ต้องทำงานหาเงินใช้หนี้กี่ชาติวะเนี่ย”

เสียงคนตัวเตี้ยงึมงำอะไรกับเพื่อน เขาฟังไม่ออก แต่พอจะเดาออก

“ นี่มันของปลอม มาเถอะ จะใส่ให้ เราต้องรีบไปกันแล้วนะ เดี๋ยวแขกก็คงมากันแล้ว” เขาจัดแจงลากตัวทีละสาวมาสวมสร้อยคอให้

“อะไร สองคนนี่ ไม่ได้เจาะหูเหรอเนี่ย อุตส่าห์เอาตุ้มหูมาให้ด้วย ” ชายหนุ่มอมยิ้ม ไม่เคยสังเกตเลย   รู้แต่ว่าราชาวดีไม่เคยใส่เครื่องประดับแม้แต่นาฬิกา ส่วนศกุนตลาเองก็ใช้แต่เครื่องประดับ ที่ไม่ใช่ของมีค่า แต่เพียงตกแต่งเสื้อผ้าให้ดูเก๋ไก๋ขึ้นเท่านั้น


“ จิมมี่ แล้วจะให้เราสองคนช่วยอะไรมั่งคะ งานคืนนี้น่ะ” ยายคนอยากเซ๊กซี่เดินตามต้อยๆ

ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มใส่ตาคนถาม “ช่วยอยู่ใก้ลๆ”  ก่อนจะเปิดประตูและก้าวออกไป

“ อ๋อ จิมมี่เค้าให้เรามาเป็น ไม้กันหมา ประมาณนั้นมั้งวะกุน”



ก่อนเข้างานเล็กน้อย ราเชนทราโทรศัพท์เข้ามาแสดงความยินดีกับเพื่อนสนิท และขอทักทายสองสาวด้วย

ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในเครื่องแต่งกายตามแบบอินเดีย ปรายตามองตอนราชาวดีสัญญิงสัญญาว่าจะเล่าบรรยากาศงานคืนนี้ให้นายแพทย์หนุ่มทราบทางอีเมลล์ ก่อนจะวางสาย

.....................................................................................................................................................

ในฐานะหนึ่งในตัวแทนของเจ้าภาพคืนนี้ ราชาวดีและศกุนตลารู้สึกว่าจิมมี่ดูจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษจากทั้งแขกที่มาร่วมงานและสื่อมวลชน

ทั้งคู่พึ่งรู้ ว่าเพื่อนหนุ่มชาวอินเดีย ไม่ได้เป็นแค่พนักงานระดับสูงธรรมดา  หากเป็นหนึ่งในตัวแทนของกลุ่ม “ตาช กรุ๊ป” จากอินเดีย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนและบริหารจัดการธุรกิจโรงแรมสุดหรูประเภทที่นำเอาวังเก่าของเหล่าอดีตมหาราชามาดัดแปลงเป็นที่พักสำหรับนักเดินทางกระเป๋าหนัก

งานคืนนี้หรูหราเอาเรื่อง ทั้งราชาวดี และศกุนตลาพึ่งเคยมาเป็นส่วนหนึ่งของงานที่มีผู้หญิงแต่งตัวชุดหรูหราฟู่ฟ่าไปด้วยเครื่องประดับอย่างนี้ เป็นครั้งแรก และผู้ชายที่มาร่วมงาน ก็ล้วนแล้วแต่แต่งสูทและทักซิโด้สุดเนี้ยบกันมาทั้งนั้น  นอกเหนือจากนั้นก็เป็นชุดตามธรรมเนียมนิยม


“ ไอ้กุน “ ช่วงหนึ่งที่ชายหนุ่มผละไปทำหน้าที่ของตัวเอง  ราชาวดีก็ได้โอกาสกระซิบถึงความคับข้องใจ “แกว่าไอ้สร้อยที่เราใส่นี่มันของเก๊แน่รึปล่าววะ ชั้นรู้สึกเสียวๆยังไงไม่รู้”


“ ชั้นก็ชักไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าแก กะชั้น คอยช่วยกันดูให้มันอยู่ที่คอตลอดเวลาแล้วกัน แล้วพองานเลิกเรารีบถอดคืนเลย อยู่กับเรานานๆมันอึดอัดว่ะ” สาวสวยในชุดส่าหรีลายนกยูงรำแพนกระซิบตอบทันใด  ไม่อยากคิดมาก แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะทั้งคู่รู้สึกคล้ายมีสายตาของสตรีที่มาร่วมงานหลายคนชำเลืองมองเครื่องประดับที่คออยู่บ่อยๆ รวมถึงตอนไปเข้าห้องน้ำด้วย


เมื่อพ้นจากช่วงพิธีการ งานเลี้ยงก็เริ่มครึกครื้นมากขึ้น จิมมี่มีเวลามาเอาใจใส่ทั้งสองสาว  ความจริงทั้งศกุนตลาและราชาวดีก็เที่ยวเล่นหาความเพลิดเพลินใส่ตัวกันเองได้ และสารภาพจากใจ ทั้งคู่ไม่ค่อยอยากอยู่ใก้ลๆกับจิมมี่เลย ด้วยชายหนุ่มค่อนข้างเป็นจุดเด่น เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญแถมยังหล่อเหลา เขาดูแปลกตาในเครื่องแต่งกายตามแบบกึ่งประเพณีนิยม  เสื้อคอปิดตัวยาวแขนยาวตัดด้วยไหมสีขาวนวลเนื้อดีประดับลายปักทำด้วยดิ้นไหมสีทอง แถมยังมีผ้าโพกศรีษะที่ประดับอัญมณีอยู่ด้านหน้า อย่างที่ราชาวดีฟันธงว่าเป็น”ของจริง” เมื่อเป็นอย่างนี้ แน่นอนว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาก็พลอยติดร่างแหตกเป็นเป้าสายตาไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้


แถมญาติสัญชาติไทยของชายหนุ่มก็เกิดจะมารวมกลุ่มอยู่ด้วยอีก ราชาวดีและศกุนตลาพนมมือไหว้ชายหนุ่มด้วยให้เกียรติที่อาวุโสกว่า  ทั้งคู่เคยได้พบกับ “ศีตภาณุ จันทรคุปต์” ญาติคนหนึ่งของจิมมี่ซึ่งเคยไปปรากฏตัวที่งานศพของบิดาและมารดาของหล่อนโดยเขาเป็นตัวแทนของจิมมี่ไปพร้อมกับเลขาส่วนตัวนำพวงหรีดไปที่วัดแทนจิมมี่ที่ยังเดินทางมาร่วมงานไม่ได้

วันนี้ก็พึ่งได้รู้ ว่าชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี พูดไทยชัดคนนี้ เป็นทายาทคนสำคัญของจันทรากรุ๊ป  ผิวผ่องๆของเขา ทำเอาสาวๆหลายคนต้องอิจฉาเลยทีเดียว  แต่ตอนนี้ทั้งสองสาวเริ่มรู้สึกว่าสายตาของสตรีสาวในชุดสุดหรูหลายคนเริ่มมองมาที่หล่อนทั้งคู่อย่างอยากรู้และอาจเจือด้วยความหมั่นไส้เล็กน้อย (ถ้าอ่านสายตาไม่ผิดนะ) เพราะว่าด้วยทั้งจิมมี่และศีตภาณุผู้ฉายเดี่ยวไร้คู่ควงข้างกายพากันดูแลเอาใจใส่หล่อนทั้งคู่เป็นอย่างดี  ยิ่งศกุนตลาที่งดงามอยู่ในส่าหรีแสนสวยดูเหมือนจะตกเป็นเป้าสายตาของทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษในงานเป็นพิเศษ


“จิมมี่คะ” เสียงใสเสนาะของเซเลบคนดังแทรกผ่านเข้ามา คืนนี้มณีกัญญาหรูหรางดงามในชุดราตรีและเครื่องประดับที่ขับเน้นเรือนร่างของนางแบบชื่อดังให้ระเหิดระหงและดูแพงไปทั้งตัว  ไฮโซสาวเยื้องกรายมาทักทายจิมมี่ด้วยอาการปานนางหงส์


เออ คนเป็นนางแบบนี่ ทำอะไรก็ดูดีมีมาดไปเสียทั้งหมด แม้แต่อาการ “มองข้ามหัว” สาวตัวเตี้ยอย่างหล่อน ก็ยังดู ไม่น่าเกลียด

ราชาวดีมองเห็นนางแบบสาวส่งมือเรียวให้ ฝ่ายชายรับไว้เพียงชั่วครู่แล้วปล่อยอย่างนุ่มนวลขณะทักทายได้ตามมาตรฐานเป๊ะ

“สวัสดีครับมณีกัญญา ขอบคุณที่ให้เกียรติมาร่วมงานคืนนี้”

“งานสำคัญของเพื่อนคนสำคัญ กัญญาจะไม่มาได้อย่างไรกันคะ ว่าแต่จิมมี่ วันนี้ไม่เห็นกัญญาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้วหรือไงคะ ถึงไม่ทักทายกัญญาอย่างเคย”  ว่าพลางนางแบบสาวก็ส่งมือเรียวสวยให้ชายหนุ่มอีกครั้ง  พร้อมกับดวงตาพราวพรายที่ราชาวดีคิดว่ามันมีประกายท้าทายเจืออยู่น้อยๆ

แบคแพคเกอร์สาวแอบลุ้นตัวโก่ง ขณะทำเนียนที่จะพยายามเลื่อนตัวออกห่างจากวงสนทนานี้อย่างช้าๆ  หล่อนอยากรู้จังว่า ไอ้ “อย่างเคย” เนี่ย มันเป็นยังไง  เลยกะว่าจะถอยออกไปสังเกตการณ์ที่ชายขอบเสียหน่อย


กำลังลุ้นฉากสำคัญ หนุ่มอินเดียก็ทำเสียเรื่องด้วยเขายื่นมือข้างหนึ่งมาแตะเอวเอาไว้เบาๆ ในขณะที่อีกมือก็รับมือเรียวของนางแบบสาวมาแตะปลายจมูก ก่อนจะเอ่ย

“คุณจำคุณราชาวดี และคุณศกุนตลาเพื่อนของผมกับราชได้ไหมครับ” ตอนนี้ชายหนุ่มปล่อยมือจากเอวราชาวดีแล้วล่ะ แต่เลื่อนมาแตะที่ข้อศอกแทน  ส่วนหน้าก็หันไปยิ้มให้ศกุนตลาที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างกายของศีตภาณุ


“อ๋อ จำได้ค่ะ เจอที่สนามบินใช่ไหมคะ แต่ เอ กัญญาคิดว่าไม่เคยพบ คุณ... ”  นางแบบสาวปรายตามองสองสาวก่อนจะสบตาตรงๆกับทายาทของจันทรากรุ๊ปพร้อมรอยยิ้มหวาน “ มาก่อนใช่ไหมคะ”


แม่เจ้าโวย  ถ้าอยากมีมาดเด็ดขาดขนาดนี้ ต้องไปเรียนที่สำนักไหนวะเนี่ย  ราชาวดีคิดขำๆ สงสัยต้องไปที่ จอน ระเบิด พังเวอร์


ไม่เลวเลย งานคืนนี้ ว่าที่จริงเป็นบรรยากาศแปลกตาน่าสนุกและเป็นสีสันของชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างหล่อนจริงๆ อาหารก็อร่อย เครื่องดื่มก็หลากหลายและเป็นชั้นเลิศ ดนตรีและการแสดงที่เจ้าภาพจัดมาสีสันน่าตื่นใจ  เสียแต่หล่อนไม่ค่อยมีโอกาสได้เดินไปหยิบอะไรมากินได้บ่อยๆ เพราะชายหนุ่มคอยพาเดินตามเขาไปทักทายแขกที่มาร่วมงาน  และมีอาการคล้ายต้องการให้สองสาวอยู่ใก้ลตัวอยู่ตลอดเวลาถ้าเป็นไปได้ จะมียกเว้นก็แต่เวลาที่เขาคุยกับแขกเหรื่อผู้ชายเท่านั้น ที่ทั้งสองสาวพอจะมีเวลาถอยฉากออกไปหาความบันเทิงกันเองได้บ้าง แต่ก็ต้องอยู่ใก้ลในระยะส่งสายตาเรียกถึง

จิมมี่แสดงออกชัดเจน ว่าไม่ต้องการให้แขกเหรื่อสาวๆมาป้วนเปี้ยนกับเขานานเกินจำเป็น ศีตภาณุก็พลอยเอากับเขาด้วย  ซึ่งราชาวดีคิดว่ามันแปลกๆ ความจริงเขาน่าจะแฮปปี้กับสาวๆสวยๆในงาน  และงานคืนนี้ มีสาวสวยตั้งแยะที่ดูท่าทางอยากจะคุยกับสองหนุ่มนี้ให้นานหน่อย  ไม่เห็นต้องเอาเธอสองคนมาให้เกะกะเลยนี่นา หากพอแอบเปรยถามเข้า ก็ต้องเบ้หน้า

“ผมชอบล่า มากกว่าถูกล่ามั้ง ดีดี้”  วุ้ย ตาแขกนี่ ตอบได้เพลย์บอยมากเลย ให้ตายเหอะ

.............................................................................................................................................................................


มณีกัญญายืนถือแก้วเครื่องดื่มร่วมวงคุยกับเพื่อนสาวในแวดวงสังคมเดียวกัน   งานเลี้ยงคืนนี้หรูหราและออกแบบมาได้น่าประทับใจไม่แพ้งานหรูๆงานอื่นที่เธอเคยไป  กว่าครึ่งของแขกที่ได้รับเชิญเป็นคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาในวงสังคม  หากที่โดดเด่นแปลกไปคือเจ้าภาพของงานซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจจากอินเดีย และนักธุรกิจไทยเชื้อสายอินเดีย บรรยากาศของงานแปลกตาด้วยการตกแต่งและดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งกลุ่มเจ้าภาพและแขกรับเชิญอีกส่วนหนึ่งก็มาร่วมงานด้วยชุดหรูหราแปลกตาตามประเพณีนิยมแบบ”แขกๆ”


หากแต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอที่สุดในคืนนี้เห็นจะเป็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าที่เธอเคยคุ้นมาก่อนตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่ที่อเมริกา  น่าแปลกที่ครั้งนั้น แม้จะยอมรับว่าจิมมี่เป็นผู้ชายรูปงามคนหนึ่ง  เรือนร่างของเขาได้สัดส่วนพอเหมาะ สูงสง่าไม่แพ้เหล่าหนุ่มหุ่นนักกีฬาตาน้ำข้าว  แต่มณีกัญญาเพียงแค่ให้ความสนใจในฐานะเพื่อนสนิทของเชื้อพระวงศ์หนุ่มจากเนปาล ผู้ชายที่คบหาในฐานะ “คนรัก” ของเธอเท่านั้น  ในความรับรู้ของมณีกัญญา แม้อินเดียจะเป็นประเทศใหญ่โต หาก “แขก” ก็ยังเป็น”แขก” อยู่ดี ยกเว้นก็แต่ราเชนทราของเธอ ที่แม้จะมาจากประเทศที่ติดอยู่ในกลุ่มที่เรียกได้ว่ายากจนที่สุดประเทศหนึ่งในโลกใบนี้ แต่ราเชนทราพิเศษตรงฐานะ และฐานันดร ที่เขาดำรงอยู่อันแบ่งแยกเขาออกจากสามัญชนธรรมดาอย่างเด็ดขาดในความคิดของเธอ และในฐานะคนรักของชายผู้สูงศักดิ์ หน้าตาดี และมีอุปนิสัยแบบเจ้าชายในอุดมคติอย่างแท้จริงทำให้มณีกัญญารู้สึกว่าเธอ “พิเศษ” กว่าผู้หญิงอื่นๆอีกมากมาย


ในฐานะเพื่อนสนิทของราเชนทรา หนุ่มอินเดียคนนี้เคยดูเรียบง่าย ธรรมดาสามัญ และออกจะใช้ชีวิตอย่างหนุ่มเจ้าสำราญไปวันๆในสายตาของเธอ จนเธอไม่เคยคิดที่จะใส่ใจหาความรู้เกี่ยวกับตัวเขาเมื่อครั้งอยู่ที่อเมริกา  หากคืนนี้เขาดูแตกต่างจากที่เคยเป็น  คืนนี้เขาสลัดยีนส์ทิ้งและดูสง่างามในชุดตามธรรมเนียมนิยม  รูปร่างสูงใหญ่ อกกว้าง คางแกร่ง จมูกโด่งและนัยน์ตาคมกริบ บุคลิกเฉียบขาดหากก็ไม่ขาดความนุ่มนวลของมาดนักธุรกิจผู้รอบรู้ และมีวิสัยทัศน์  คืนนี้ศรีษะได้รูปสวยของเขาตั้งตรง และมันดูเย่อหยิ่งอย่างน่ามองไม่น้อยเมื่อโพกพันด้วยผ้าไหมสีขาวนวลและประดับไว้ด้วยเข็มกลัดมรกตประดับเพชร


มณีกัญญาไม่แน่ใจว่าประกายจากอัญมณีและแสงจัดจ้าจากนัยน์ตาคมๆของเขา อย่างไหนมันจะ “แรง” กว่ากัน

ไม่น่าเชื่อแต่หากข้อมูลที่ได้รับมาไม่ผิดพลาด จิมมี่คือทายาทของหนึ่งในสามผู้ถือหุ้นหลักแห่ง “ตาช กรุ๊ป”

นางแบบสาวส่งยิ้มให้คนคุ้นหน้าในแวดวงเดียวกัน ถือเป็นการทักทาย ก่อนจะเบนสายตาไปที่ผู้ชายในความคิดของเธออีกครั้ง

งานคืนนี้ เธอมาด้วยบัตรเชิญที่ส่งมาให้บิดา   ขัดใจที่จิมมี่ไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้เธอโดยตรง  ไม่แม้แต่จะติดต่อเธอ และนั่นทำให้นางแบบสาวหงุดหงิด ทำไมกันนะ ก็ในเมื่อเป็นคนคุ้นเคยและเขาต้องมาอยู่ที่เมืองไทยนี่เป็นประจำ  แล้วทำไมเขาจึงไม่คิดจะติดต่อคบหากับเธอไว้  ผู้หญิงอย่างมณีกัญญา ไม่ใช่ว่าจะคบค้าสนิทสนมกับใครได้ง่ายๆ นักธุรกิจหน้าใหม่สำหรับเมืองไทยอย่างเขาควรจะให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่จะทำให้เขาเป็นที่รู้จักมากกว่าที่จะไปคบค้ากับผู้หญิงพื้นๆบ้านๆอย่างแม่สองสาวที่เขาเอามาควงคืนนี้


นี่ถ้าจิมมี่ไม่เอ่ยปาก มณีกัญญาคงจำไม่ได้ ว่าแม่สองสาวนั่น คือผู้หญิงกะโปโล ที่ตามไปส่งราเชนทราที่สนามบิน  วันนั้นคนหนึ่งอ้วนเตี้ย นุ่งยีนส์ สวมเสื้อเชิ๊ตพับแขนปล่อยชาย แถมใส่รองเท้าผ้าใบวัยรุ่น แบบเอาง่ายเข้าว่า  ส่วนอีกคน หน้าตาพอดูได้อยู่หรอก หากก็ธรรมดาจนไม่น่าจดจำ แต่วันนี้ ทั้งคู่ทำเอาพวกช่างเม้าท์หลายคนในงานแอบซุบซิบถามกันว่าเจ้าหล่อนทั้งคู่เป็นลูกหลานใคร


นางแบบสาวเยื้องกรายไปทั่วงานอย่างช้าๆ กับเหล่าเพื่อนฝูงไฮโซ เพื่อให้เป็นเป้าสายตา และหาข้อมูลไปในตัว

งานคืนนี้ มีผู้หญิงหลายคนแสดงออกชัดเจนว่าอยากทำความรู้จักกับทายาทของ ”ตาช กรุ๊ป” และ”จันทรา กรุ๊ป” ที่แหล่งข่าวในงานยืนยันมาแล้วว่าเขาทั้งคู่ “ยังโสด”

แต่หนุ่มโสดทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองเท่าไหร่ สำหรับจิมมี่นั้น มณีกัญญาคิดว่าเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะสมัยอยู่อเมริกา เขาเดตสาวไปทั่ว สิ่งที่พบในวันนี้ เลยทำให้เธอสงสัย  หรือว่าหนึ่งในสองสาว จะเป็น “ตัวจริง” ในปัจจุบัน?

ส่วนศีตภาณุ นี่ก็แปลก เขารอดพ้นสายตาของบรรดาเหยี่ยวสาวมาได้อย่างไรกันนะ เท่าที่สาวๆคุยเล่นเป็นการเช็คข้อมูลกันในวันนี้  ไม่มีใครเคยเดต หรือรู้จักทายาทของจันทรากรุ๊ปมาก่อนเลยสักคน

บรรดาเหยี่ยวสาวหลายคนแสดงอาการขัดใจ ที่มีผู้หญิงสองคนคอยประกบสองหนุ่มที่ “น่ารู้จัก” ที่สุดในงานอยู่เกือบตลอดเวลา  หากเท่าที่มณีกัญญาสังเกต  ดูเหมือนจะไม่มีอาการหวานชื่นใก้ลชิดระหว่างหนุ่มสาวสี่คนนั่น  ดูไม่เหมือนคู่รัก ไม่ใช่เลขา และไม่น่าจะใช่ญาติ

ไม่เป็นไร ในฐานะ “เพื่อน” ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา จิมมี่กับหล่อนยังมีเวลาที่จะได้พบปะกันอีกมากนัก

.......................................................................................................................................................................

ราชาวดีเริ่มรู้สึกหิว ไอ้งานเลี้ยงแบบนี้ มันมีของอร่อยหลายอย่าง แต่ก็เบาหวิว เพราะตกแต่งไว้เป็นชิ้นสวยแบบพอดีคำ  ถ้าจะให้หายหิวต้องกินหลายอย่าง และอย่างละหลายคำหน่อย  แต่หล่อนไม่มีโอกาสไปหยิบไปฉวยอะไรมากินเท่าไหร่เลย

เฮ่อ ไอ้ค่าตอบแทนส่าหรีผืนงามมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เมื่อยก็เมื่อย หิวก็หิว จิมมี่เดินไปไหน ก็ใช้สายตาบังคับพ่วงเอาหล่อนกับไอ้กุนไปด้วยเกือบตลอดเวลา  สายตาคมๆเข้มงวดมาก มันออกแวว “สั่ง” ให้อยู่ใก้ลๆ ต้องอยู่ในสายตาระยะเหล่ปุ๊ป ต้องเดินไปกันสาวๆให้เขาปั๊ป  เป็นอย่างนี้พักใหญ่ จนหล่อนต้องตกลงกับคู่หูผลัดกันทำตัวเป็นกันชน จะได้ผลัดกันแว่บไปหาอะไรรองท้อง แต่เอ็นจอยของกินได้นิดเดียว ศกุนตลาก็โดนรุม มีผู้หญิงหลายคนเข้ามาล้วงแคะหาข่าว อีกทั้งยังหนุ่มๆอีกตั้งหลายคนที่พยายามเข้ามาขอเบอร์  ราชาวดีแนะนำเพื่อนไป ว่าให้แจกเบอร์หนุ่มๆไป ส่วนพวกสาวๆ ก็ “ช่างหัวมัน” อยากรู้อะไร ก็ไม่ต้องบอก จะทำไม แต่ไม่ทันไรคุณศีตภาณุก็หนีสาวๆ เข้ามาเกาะหนึบอีกคน คราวนี้ ก็เลยต้องแบ่งกันรับมือ


อารมณ์ชื่นมื่นสนุกสนานตอนงานเลี้ยงเริ่มใหม่ๆมันหายไปเกือบจะหมดแล้ว  หญิงสาวเริ่มสลับขาแกว่งเตะลมเบาๆคลายอาการ “ขาแข็ง”  หากยังพยายามทำหน้าที่กันชนที่ดีต่อไป พยายามเบิ่งลูกตาให้สดใสเข้าไว้  ยิ้มหวานและแสดงอาการรับรู้การมีอยู่ของชาวบ้าน


เอาน่า ก็ไม่ได้เป็นสาวบ้านนาป่าเถื่อนมาจากหลังเขาหนไหน รู้หรอกน่า ว่างานเลี้ยงมันก็อย่างนี้แหละ ถ้าเป็นแขก ก็แอบหนีกลับก่อนได้ แต่บังเอิญ หล่อนมากับเจ้าภาพ คนสำคัญเสียด้วย ก็คงต้องอยู่จนงานเลิก เฮ้อ ก้มมองดูชุดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะคุ้มกันหรือเปล่า จะได้ใส่กี่ครั้งก็ไม่รู้ แถมยังต้องส่งร้านซักแห้งด้วย  อีกกี่ร้อยวะเนี่ย  เฮ้อ!

เสียงหนุ่มอินเดียกระซิบถามอาการของหล่อนเบาๆ ตอนปลอดคน

.................................................................................................................................................

“ หิว”

คำตอบสั้นๆจากหญิงสาวข้างกายทำให้เขาหัวเราะได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์ดี งานคืนนี้กำลังจะผ่านไปอย่างเรียบร้อยและบรรลุผลตามวัตถุประสงค์   เหลือบดูนาฬิกาข้อมือก่อนให้สัญญากับคนตัวเตี้ยว่าจะหาอะไรให้กินทันทีที่งานเลี้ยงเสร็จสิ้น


“ทนอีกนิดนะ วันนี้คุณน่ารักมากเลยรู้ไหม ช่วยผมมากเลยนะ” เขาหยอดให้อีกหน่อย เผลอยกมือแตะผมสั้นๆของเจ้าหล่อนที่ถูกจัดทรงไว้อย่างน่ารัก  ไหนๆยายตัวเตี้ยนี่ก็วางตัวดีมาตลอดแล้ว ชมสักนิดก็ได้


“ ความจริงจะต้องทั้งน่ารัก ทั้งเซ็กซี่เล็กๆด้วย ถ้าคุณยอมให้เราไม่ต้องใส่ผ้าคลุมไหล่”

หนอย ยายตัวแสบ ได้คืบ จะเอาศอก อยากจะแกล้งล้อหล่อนเล่นให้แรงๆจะได้เข็ดหลาบ แต่ก็กลัวไอ้ตัวโมโหหิวของหล่อนมันจะก่อเรื่อง

ชายหนุ่มแตะข้อศอกคนตัวเตี้ยให้เดินช้าๆไปใก้ลประตูทางออก  ตอนนี้เริ่มมีแขกทยอยกลับบ้างแล้ว ในฐานะหนึ่งในเจ้าภาพ
ชายหนุ่มถือเอาการทักทายส่งท้ายก่อนแขกกลับเป็นการให้เกียรติและกระชับความสัมพันธ์ไปในตัว อีกอย่างอาจมีแขกบางคนต้องการคุยกับเขาก่อนจะกลับ  ระหว่างเดินก็อดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องที่สาวข้างกายเกิดอยากจะเซ๊กซี่ขึ้นมา


ยังจำความรู้สึกของตนเองตอนเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัวของสองสาว  เขาเองเดาได้อยู่แล้ว ว่าศกุนตลาต้องสะสวยในส่าหรีผืนงาม และก็ไม่ผิดคาด ด้วยหญิงสาวมีเรือนร่างบางระหง  เอวบางอ้อนแอ้น แขนเรียวเสลา ส่าหรีลายปักรำแพนนกยูงขับผิวขาวๆของหญิงสาวให้กระจ่าง เรือนผมยาวๆของเจ้าตัวถูกช่างจัดแต่งไว้ในสไตล์อันเปิดเผยให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิง ใบหน้าถูกแต่งแต้มไว้ให้ทั้งคมทั้งหวาน ชายหนุ่มมองเห็นศีตภาณุพาหญิงสาวเดินเคียงมาสู่บริเวณใก้ลทางออกเช่นกัน ศกุนตลามีกริยาเยื้องย่างอย่างอ่อนหวาน หากก็แฝงไว้ด้วยความมั่นใจของสาวยุคใหม่ อัญมณีที่ลำคอของหญิงสาวส่องประกาย เธอกลายเป็นงามอย่างเจ้าหญิงในวรรณคดีไปได้ในคืนนี้


ส่วนยายเตี้ยนี่สิ ชายหนุ่มปรายตามองเจ้าของข้อศอกที่เขาแตะอยู่  หนอย ทอมบอยสาว ยายแบคแพคเกอร์ กล้าดียังไง ไปตัดชุดราตรีซีทรูมองเห็นแผ่นหลังทะลุตลอด ขัดใจสปอนเซอร์อย่างเขามากๆ ให้ตาย แถมยังตีหน้าซื่อ บอกมาได้หน้าตาเฉยว่าขอเซ๊กซี่หนึ่งวัน ตอนที่เห็นเจ้าหล่อนยืนอยู่หน้ากระจกก็อยากจะชมอยู่หรอกนะ ว่าสวยน่ารักผิดหูผิดตา แต่ไอ้ท่าทางจะดื้อแพ่งโชว์แผ่นหลังนั่นแหละ ที่ทำเขาทนไม่ได้ ต้องหาไม้ตายมากำหราบ กับยายนี่น่ะจัดการไม่ยากเท่าไหร่หรอก ขอให้รู้จุดอ่อนของเจ้าหล่อนเถอะ

ยังจำได้ แค่กำหราบไปสั้นๆ ยายตัวดีก็หน้าตาตื่น หายซ่า สะใจเขาจริงๆ

“ รู้ไหม ผู้ชายที่เห็นผู้หญิงในชุดแบบนี้ เขาจะพูดว่าอะไร”

เขากวาดตาขึ้นลงตามแผ่นหลังของเจ้าหล่อนอย่างช้าๆ ก่อนก้มลงกระซิบที่ข้างหู
ตาสบกันในกระจกเงา  ตอนนั้น นัยน์ตาใส ยังส่องประกายดื้อดึงเต็มพิกัด

“เขาจะคุยกันว่า เฮ้ นายดูผู้หญิงคนนั้นสิ หล่อน โนบรา”

...................................................................................................................................

หลังจบงานเลี้ยงสองหนุ่มจัดการพาหญิงสาวทั้งคู่ไปหามื้อดึกรับประทานทันทีที่ห้องอาหารของโรงแรม ฝ่ายชายทั้งคู่เองก็หิวเช่นกัน ด้วยต่างก็ยุ่งอยู่กับการดูแลความเรียบร้อยของการเตรียมงานและรับรองแขกมาตลอดตั้งแต่ช่วงบ่ายจนจบงาน
ก่อนอาหารถูกยกมาเสริฟ สองสาวขอตัวไปล้างมือ ปล่อยให้ชายหนุ่มทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง

“น่ารักมาก ทั้งคู่เลย” ศีตภาณุ หนุ่มนักธุรกิจไทยเชื้อสายอินเดียเอ่ยลอยๆ

“อืมห์  ฉลาดด้วย  แต่เสียใจด้วยว่ะ ภาณุ สองคนนี่ไม่ได้เกิดมาเพื่อนาย” หนุ่มอินเดียสบตาเพื่อนก่อนเอ่ยออกมาจากใจ

“แล้วคนไหนล่ะ ที่เกิดมาเพื่อนาย จิมมี่” ศีตภาณุเอ่ยเรียบๆ ก่อนลงท้ายอย่างแผ่วเบา
“ฉันหวังว่านายจะโชคดีกว่าฉันนะเพื่อน ”

“ ไม่รู้สิ ภาณุ  ฉัน...........”

“อาหารมาเสริฟหรือยังคะ หิววววววววววววว มากกกกกกกกกเล้ยยยยย ตอนนี้อ่ะ”

ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าไอ้พฤติกรรมแบบนี้ มีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกที่กล้าทำ!

........................................................................................................................

จากคุณ : หนอนแบกเป้
เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 13:19:54




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com