Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คนเฝ้าหนังสือ ตอนที่ 11 vote ติดต่อทีมงาน

“พี่เขามารับลูกไปเดินเล่นอีกแล้ว ดูสิ ทำท่าดีอกดีใจใหญ่เชียว”

ประตูเล็กที่ข้างรั้วถูกเปิดออก

“นี่ค่าเดินยี่สิบบาท เก็บใส่กระเป๋าไว้ให้ดี แล้วตอนขากลับ อย่าลืมเอาขนมถุงนี้ไปด้วยล่ะ ป้าทำเองเชียวนะ ดูสิ ลูกขนุนตัวน้อยของป้าดีใจใหญ่เลย”

#####

'สิ่งมีชีวิต'

นิ้วมือของ พอ ขยับเคลื่อนไหวไปบนแป้นพิมพ์ก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว ข้อมูลที่ค้นหาได้จากกลุ่มคำดังกล่าวพากันหลั่งไหลขึ้นมาบนหน้าจอโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตา คือภาพของสิงโตที่กำลังกัดกินเหยื่อของมัน แน่นอนที่เหยื่อนั้นย่อมไม่ใช่เพียงหนูตัวเล็กๆ

'สิงโตไม่จับหนูกินเป็นอาหาร' ถึงแม้เขาจะเคยได้ยินมาว่า มันเป็นญาติห่างๆ ของแมวก็ตาม เขาลังเล 'แต่ถ้าต้องอดอาหารมาหลายวัน มันคงกินได้เกือบทุกอย่าง แม้แต่หนูที่เคยช่วยมันให้รอดชีวิตจากบ่วงพราน ด้วยการกัดแทะเชือกจนขาด ก็อาจจะไม่ใช่ข้อยกเว้น' เขารีบปัดความคิดนี้ทิ้งไป ยังมีความเข้าใจบางอย่างที่สำคัญมากกว่า ความจริงง่ายๆ ที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

การกิน คือลักษณะพื้นฐานสำคัญประการหนึ่งของสิ่งมีชีวิต

ภาพของหนังสือนิทานที่วางเปิดอ้าอยู่บนโต๊ะทำงานในความทรงจำของเขา ถูกแทนที่ด้วยกองหินที่อยู่ใต้ผืนน้ำ มันสงบนิ่งอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งเมื่อปลาน้อยตัวหนึ่งว่ายผ่านเข้าไปใกล้โดยไม่ทันระวัง กองหินนั้นจึงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมันออกมา

ปลาหน้าตาประหลาดอ้าปากกว้างงับกินเหยื่อที่ยังไม่ทันรู้ตัวอย่างรวดเร็ว

ลิ้นสีแดงสดที่เคยซ่อนอยู่ภายในสันหนังสือแลบออกมา ก่อนที่ขอบกระดาษรอบเล่มจะเปลี่ยนกลายเป็นฟันคมกริบงับปิดเข้าหากัน นั่นอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็น การอยู่นิ่งๆ เพื่อให้เหยื่อเข้าใจว่าเป็นเพียงสิ่งไร้อันตราย นับเป็นการล่าที่ชาญฉลาดอย่างหนึ่ง

“พอ เป็นอะไรหรือเปล่า” ยายถามเมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของเขาที่กำลังมองจ้องเข้าไปในหน้าจอ

“เอ่อ...เปล่าครับ ไม่มีอะไร” เขาพยายามฝืนยิ้ม 'ฉันมัวคิดอะไรอยู่ ก็แค่หนังสือหายไปเล่มเดียวเท่านั้น มันต้องตกอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในห้องแน่' แต่เขาไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย เพราะพอคิดถึงหนังสือนิทานเล่มนั้นขึ้นมาครั้งใด มันก็จะวิ่งหนีหายไปทุกครั้ง 'ด้วยขาเล็กๆ ของมัน'

เสียงรถที่คุ้นเคยวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของเขาจะกลับมาแล้ว

“คืนนี้คุณแม่อย่าเผลอลุกขึ้นมาดื่มน้ำนะคะ” แม่พูดกับยายทันทีที่เจอหน้า ก่อนเดินหายไปเพื่อเก็บข้าวของ แล้วย้อนกลับมานั่งลงที่โต๊ะด้วยอีกคน

“...ทำไมล่ะ” ยายขมวดคิ้ว

“ก็พรุ่งนี้คุณแม่มีนัดตรวจ ต้องเจาะเลือดด้วย ลืมแล้วหรือคะ”

“...จริงด้วย พรุ่งนี้แล้วสินะ” ดูเหมือนคุณยายพึ่งนึกขึ้นได้จริงๆ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ “ถ้าครั้งหน้า หมอนัดห่างไปอีกหลายเดือน แม่ขอกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไหม”

“แม่คะ” แม้จะเข้าใจว่ายายคงคิดถึงบ้านมาก แต่การปล่อยให้คุณยายกลับไปอยู่คนเดียวแบบเมื่อก่อน หลังจากที่เกิดเรื่องราวความเจ็บป่วยทั้งหมดนี้ขึ้น แม่เองก็ทำใจได้ยากเหมือนกัน

ทำใจได้ยาก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยใส่ใจคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังเลยสักครั้ง แม่อาจคิดถึงยาย อาจโทรไปหาบ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะชักชวนคุณยายให้มาอยู่ด้วยกัน ชีวิตครอบครัวในเมืองนั้นลำบาก ทั้งการเดินทาง หน้าที่การงาน การศึกษาของลูก ความรับผิดชอบอื่นๆ ที่หมายถึงเวลา และค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

เวลา กับค่าใช้จ่าย สองสิ่งที่ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่เคยมีเพียงพอ

“...อยู่กับพวกเราไปก่อน อย่างน้อยก็อีกสักพักเถอะนะคะ” แม่เอ่ยออกไปในที่สุด

“จริงด้วยครับคุณยาย” พอสนับสนุน

ยายยิ้มก่อนเอื้อมมือมาลูบหัวหลานรัก “เอาเถอะ...เอาเป็นว่า อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย ไว้หาหมอเสร็จก่อน แล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย”

“แล้วลูกทำการบ้านเสร็จหรือยัง” แม่หันมาถามเขาบ้าง

“เรียบร้อยแล้วครับ” เขาตอบพร้อมกับปิดคอมพิวเตอร์

“คืนนี้อย่านอนให้ดึกนัก พรุ่งนี้เราคงต้องออกจากบ้านกันแต่เช้า” พ่อส่งเสียงสำทับมาแต่ไกล ก่อนเดินหายไปอีกครั้ง ยายได้แต่นึกในใจว่าสักวันหนึ่งทุกคนอาจต้องย้ายไปนอนกันที่ทำงาน หรือโรงเรียนเป็นแน่

“ทราบแล้วครับ” เขาตอบกลับไป

“ลืมไว้ที่นี่เอง” แม่อุทานพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่พาดเอาไว้ขึ้นมา ในดวงตาของแม่สะท้อนสีแดงสดของมันออกมาอย่างแปลกประหลาด

“ไม่รู้ทำไมหนูถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเสื้อสีแดงตัวนี้เหลือเกิน” แม่ลองสวมมันเหมือนกับที่คุณยายทำเมื่อครู่ “แม่แน่ใจนะคะว่ามันเป็นเสื้อตัวใหม่ ไม่ใช่เสื้อตัวเก่าตั้งแต่สมัยที่หนูยังเป็นเด็ก อะไรแบบนั้น”

“แม่ไม่คิดว่าลูกจะเคยมีเสื้อแบบนี้...” ยายลังเล “...ไม่น่าจะมีนะ แต่ตัวนี้เป็นเสื้อใหม่แน่ เพราะแม่พึ่งซื้อก่อนจะขึ้นรถเดินทางมานี่เอง”

“แม่ซื้อมาจากที่ไหนคะ” แม่ถอดมันออกพร้อมกับพลิกดูที่คอเสื้อ มันไม่มีป้ายเครื่องหมายใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่ป้ายบอกขนาด

“...เอ่อ” ยายแน่ใจว่าเป็นคนซื้อมันมาด้วยตัวเอง แต่เมื่อพยายามนึก กลับนึกไม่ออกว่าได้เป็นเจ้าของครอบครองมันด้วยวิธีการใดกันแน่ “แม่...ก็ซื้อมาจากร้านแถวๆ ท่ารถนั่นแหละ”

“แม่ซื้อมาเท่าไรคะ”

“...ก็ ไม่แพงหรอก” ยายตอบอ้อมๆ ไป

เขารับฟังการพูดคุย และรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

“...แม่ครับ” แม่หันมาตามเสียงของเขา “พรุ่งนี้...แม่จะใส่เสื้อตัวนี้พาคุณยายไปโรงพยาบาลด้วยหรือเปล่าครับ”

แม่พยักหน้าโดยไม่ลังเล

'อย่าใส่เสื้อสีแดงตัวนี้ไปเลยนะครับ' เขาได้แค่คิดแต่ไม่อาจพูดออกไป เพราะมันฟังดูไม่มีเหตุผล แต่เขาก็มีเหตุผลของเขา 'เพราะมันจะแอบย่องติดตามหนูน้อยหมวกแดงไป' เขานึกถึงเสียงละเมอของคุณยาย 'มันเจอฉันแล้ว' เขาไม่รู้ว่า 'มัน' ที่ว่านั้นคือใคร หรืออะไร แต่วันนี้คุณยายบอกออกมาเองว่าท่านไปที่ใด ไปพบกับใครมาบ้าง และหนึ่งในนั้นคือผู้ที่มีผมยาวรวบมัดไว้เหมือนกับหาง 'หางของหมาป่าตัวโตผู้ชั่วร้าย'

'มันไม่มีเหตุผล' เขาพยายามย้ำให้ตัวเองเชื่อ

“มีอะไรหรือเปล่า” แม่ถามเมื่อเห็นเขาเงียบไป “ถ้าไม่มีอะไรก็เตรียมตัวขึ้นไปนอนได้แล้ว”

'แม่เคยอ่านนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงไหมครับ' เวลาที่แม่ใส่เสื้อสีแดงตัวนี้แล้ว เหมือนกับตัวละครเด่นในนิทานเรื่องนั้นเลย แถมในเรื่องก็มีคุณยาย แล้วหมาป่าก็คอยคิดจะจับทั้งสองกินเป็นอาหาร 'แม่จึงไม่ควรจะแต่งตัวเป็นหนูน้อยหมวกแดง แล้วพาคุณยายไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้'

“...ครับ” เขาตอบออกไปได้เพียงแค่นั้น

#####

สะพานไม้ยังคงอยู่ที่เดิม ลำธารสายเล็กๆ นั้นก็เช่นกัน แต่มันจะไม่ใช่ลำธารสายเดิมอีกต่อไป ไม่เคยมีใครข้ามสายน้ำเดิมซ้ำถึงสองครั้งได้ ถ้ามองในแง่ที่ว่า น้ำที่เคยอยู่ตรงตำแหน่งนั้นได้ไหลผ่านไปแล้ว เหมือนกับเวลา เหมือนกับโอกาส เหมือนกับทุกสิ่ง เหมือนกับชีวิต

ทั้งหมดต่างไหลผ่านไปโดยไม่หวนคืน 'แม้แต่ในความฝัน'

แต่เนื้อก้อนนั้นยังคงอยู่ เนื้อสีชมพูที่มีไขมันแทรกกระจายเป็นลายหินอ่อน เนื้อที่มีความเป็นจริงมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ หรืออย่างน้อยก็มากกว่าเนื้อที่อยู่ในความครอบครองของคนอื่น หากเงาสะท้อนนั้นเป็นของจริง และเราสามารถพุ่งทะลุผ่านไปยังอีกด้านหนึ่งได้ เหมือนกับในกรณีนี้

เขาเริ่มมองหาไปรอบๆ ไม่มีร่องรอยผิดปกติใดๆ 'เธอยังไม่กลับมา' เขาคิดว่าอย่างนั้น ก่อนเริ่มมองดูเงาสะท้อนบนสายน้ำ แต่ก็ไม่พบเห็นสิ่งใด

เขานั่งลงบนสะพาน หย่อนขาแช่ลงในสายน้ำ รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังไหลผ่านไป ฝูงแกะยังคงและเล็มหญ้าอยู่ห่างๆ แต่ก็ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม เขาคิดอย่างนั้น

เวลาสำหรับพวกมัน เรื่องราวสำหรับพวกมันอาจจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า

'ในนั้นจะมีอยู่สักกี่เรื่องนะ' เขาหมายถึงจำนวนนิทานที่ถูกบรรจุอยู่ในหนังสือที่หายไปเล่มนั้น เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำไปว่ามันจะยังคงอยู่ภายในห้องของเขาหรือไม่

ถึงมันจะมีขา 'ไม่ มันไม่มีขา' มันก็ไม่น่าจะมีแขน หรือมือ 'มันไม่มีขา' เพื่อใช้เปิดประตูออกไปจากห้องของเขาได้ 'แต่ถ้ามันมีล่ะ'

ภาพของหนังสือเคลื่อนที่ไปบนพื้นด้วยขาเล็กๆ จำนวนมากซึ่งงอกออกมาจากปกหลัง เหมือนกับแมลง เหมือนกับกิ้งกือ มุ่งตรงไปที่ประตู ก่อนที่ลิ้นสีแดงมองดูคล้ายกับที่คั่นหนังสือจะแลบออกมา ตวัดเปิดหน้าที่คั่นอยู่ให้เผยอออก ภายในนั้นมีตาสองดวงจ้องมองออกมาจากความมืดในสันหนังสือ แต่มันอยู่ลึกเกินกว่าจะเป็นไปได้ ลึกเกินกว่าที่ความเป็นจริงจะเข้าถึง ขอบกระดาษที่อ้าค้างเหมือนกับปาก มองดูคมกริบราวกับฟันของพวกสัตว์นักล่า ก่อนที่จะมีมือข้างหนึ่งยื่นยาวออกมา

ประตูห้องถูกเปิดออก แล้วหนังสือที่หิวโหยก็คลานหายไปในความมืดมิด

'ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น'

เท่าที่รู้ในตอนนี้คือ หนังสือเล่มนั้นกำลังบอกเล่านิทานซึ่งบรรจุอยู่ภายในออกมาผ่านทางความฝัน กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขา แต่มันเป็นนิทานที่แตกต่างไปจากที่เขาเคยรู้จัก ต่างไปจากที่นิทานทั่วไปควรจะเป็น

'ถ้าเพียงแค่นั้นก็คงดี'

ยังมีอย่างอื่นที่ทำให้เขารู้สึกกังวล นั่นคือเรื่องอาการเจ็บป่วยของคุณยาย เสื้อคลุมสีแดงของแม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนี้ด้วยหรือไม่ และยังมี 'เดี๋ยวนะ' ความคิดของเขาหยุดชะงัก สะพานไม้ สายน้ำ ก้อนเนื้อ ทุกอย่างยังคงเดิม ไม่มีอะไรขาดหายไป เพียงแต่ว่า

“เฮ้ย” เขาสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างงับเข้าที่เท้า เขารีบชักขาขึ้นมาทันที

“...ช่วย...ด้วย...”

เสียงที่อ่อนแรงดังแว่วมา เขามองลงไปและทันได้เห็นบางส่วนของขนซึ่งอาจเคยเป็นสีขาว ก่อนที่ทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงเงาสีดำลอยอยู่ใต้ผิวน้ำ เขารีบกระโดดลงไปทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามเมื่อลากร่างของ ขาว ขึ้นมาที่ริมตลิ่งได้สำเร็จ เขาพบว่าบนร่างของเธอมีบาดแผลอยู่หลายแห่ง และพวกมันดูไม่ค่อยดีนัก

เธอยันตัวลุกขึ้นยืนด้วยขาทั้งสี่ ก่อนสะบัดตัวเพื่อไล่น้ำออกจากร่าง แต่เป็นเพราะขาหน้าข้างขวาที่บาดเจ็บจนทำให้ยืนได้ไม่ถนัด เธอจึงเสียหลักล้มลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง ก่อนพยายามจะลุกขึ้นใหม่

“...เธอบาดเจ็บหนักเลย สุนัขตัวนั้นโหดร้ายจริง“ เขาเข้ามาช่วยพยุง

“ไม่ใช่หรอก...เพราะฉันไม่ยอมแพ้เอง” เธอบอก แต่เขาไม่เข้าใจ “การต่อสู้ของพวกเรา ไม่เคยคิดที่จะเอาชีวิตกัน แค่ฝ่ายแพ้ยอมถอย ฝ่ายชนะก็จะไม่ซ้ำเติม...แต่ฉันมันดื้อเอง”

เขามองดูบาดแผลเหล่านั้นอีกครั้ง และดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เธอว่า บาดแผลทั้งหมดไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของร่างกาย แต่มันก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี

“ฉันแพ้ แต่ก็พลาดไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ถ้าตอนนั้นฉันกัดเขาได้...” ในน้ำเสียงที่อ่อนล้าเลือนหายไป ยังคงมีท่วงทำนองของความดื้อรั้นแฝงอยู่ เธอลองสะบัดตัวอีกครั้ง และคราวนี้เขาจับตัวเธอเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงไป

“ดูสิ เธอเองก็เปียกไปหมดเลย ขอบใจมากนะ”

“ไม่เป็นไร” เขาว่า 'มันก็แค่ความฝัน' แต่เขาพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเปียกมากนัก ใครๆ มักชอบบอกว่าความฝันที่มีน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องมักทำให้เกิดเรื่องน่าอายเกี่ยวกับ 'น้ำ' บางอย่างเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า

เธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปบนตลิ่งจนถึงระดับเดียวกับสะพาน โดยมีเขาตามไปด้วย

“อย่างน้อยฉันก็ยังมีเนื้อก้อนเดิมอยู่” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงกว่าเดิม และนั่นทำให้ความคิดของเขาย้อนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้าที่ความวุ่นวายทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น

สะพานไม้ สายน้ำ ก้อนเนื้อ ทุกอย่างยังคงเดิม ไม่มีอะไรขาดหายไป เพียงแต่ว่า 'มีอะไรบางอย่างเพิ่มมา' ที่เชิงสะพานฝั่งตรงข้าม กลางทางเดินที่เคยว่างเปล่า เขาคิดว่าได้เห็นอะไรบางอย่าง มีพุ่มไม้ขึ้นอยู่ทั้งที่ไม่ควรจะมีอะไรอยู่ตรงนั้น

“เอ่อ...” 'ผมคิดว่าบางที มันอาจจะไม่อยู่แล้ว' เขาได้แค่คิด และไม่กล้าหันมองไปทางนั้น

“มันหายไปไหนแล้ว” เธอร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่ ชั่วขณะนั้นเขาคิดว่าจะต้องโดนเธอกัดแน่ “...ช่างเถอะ” เธอหยุดขู่คำราม “เพราะเธอเป็นคนช่วยฉันเอาไว้”

“ผมเปล่านะ” เขารีบบอก “ผมหมายถึงผมไม่ได้เป็นคนเอาเนื้อก้อนนั้นไป มันยังอยู่ที่เดิมตอนที่ผมกระโดดลงน้ำ”

เขามองไปและเห็นพุ่มไม้นั้นสั่นไหวเล็กน้อย ในความมืด มีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองออกมา ดวงตาสีแดงของสัตว์นักล่าในยามราตรี เขาจำดวงตาคู่นั้นได้ดี และมันคือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด

เขาคิดว่าบางที มันอาจจะเป็นบางสิ่งที่หลุดออกมาจากหนังสือนิทานที่หายไปเล่มนั้น

คุณยาย หนูน้อยหมวกแดง และหมาป่า เป็นส่วนผสมที่เขาไม่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนิทานที่ไม่จบลงอย่างที่ควรจะเป็นซึ่งเขาต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้

'มันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่' เขายังไม่รู้ แต่เขารู้สึกไม่ดี

เธอหันมองตามเขาไปที่พุ่มไม้ ก่อนยกจมูกขึ้นสูดดมในอากาศ เขาจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน แต่สมองส่วนใหญ่ของสุนัขมีเอาไว้เพื่อการแยกแยะกลิ่น โลกที่พวกมันสัมผัสได้นั้นแตกต่างออกไป มันเป็นโลกที่ประกอบด้วยสารเคมี กลิ่นต่างๆ มากมายที่ล่องลอยปะปนกันอยู่ในอากาศ โลกที่เคลื่อนไปกับสายลม

เธอแยกเขี้ยวขู่ใส่พุ่มไม้ทันที

“สวัสดี พอ คนที่ผ่านทางมา วันนี้ข้าโชคดีเก็บเนื้อชิ้นโตน่ากินได้ด้วย” ไม่ต้องได้ยินเสียงแหบห้าวเยือกเย็นนั้น เขาก็มั่นใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นใครที่อยู่ในพุ่มไม้

“นั่นมันของฉัน” เธอส่งเสียงขู่รอดไรฟัน

“มันตกอยู่ มันไร้เจ้าของ” เสียงนั้นมีรอยยิ้ม ในรอยยิ้มมีเขี้ยวคม และเธอได้ยิน ได้กลิ่นทั้งหมดนั้นอย่างชัดเจน จนต้องเผลอก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว

“มันเป็นของเธอ ผมยืนยันได้” เขาพยายามช่วย

“ไม่ มันตกอยู่ และมันเป็นของข้า” เสียงนั้นราวกับเขี้ยวคมที่ขย้ำเข้าหากัน

“พอเถอะ...ฉันสู้อีกไม่ไหวแล้ว” เธอคอตก หางตก ยอมรับสภาพของตัวเอง “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดพลาดของฉันเอง”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร ที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลงสู่ขอบฟ้าด้านทิศตะวันตก แสงสีสุดท้ายของวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างซับซ้อนงดงาม แต่แสนเศร้า นิทานเรื่องนี้คงเดินทางมาถึงจุดจบของมันแล้ว และเป็นอีกครั้งที่ไม่เหมือนกับนิทานที่เขาจำได้ มันไม่เคยมีหมาป่าอยู่ในนิทานเรื่องนี้

“เจ้ากล้าหาญอย่างโง่เขลาที่กระโดดลงไปในเงาสะท้อนบนสายน้ำ สายน้ำเพียงสะท้อนสิ่งที่ดวงตาของเจ้าอยากมองเห็นเท่านั้น มีเนื้อชิ้นโตกว่า มีสิ่งที่เจ้าอยากได้ แต่มันจะเป็นของจริงแน่หรือ”

เขาไม่แน่ใจ แต่คล้ายกับเสียงของมันจะเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย

“บาดแผลนี้เป็นของจริง เนื้อชิ้นนั้นก็เป็นของจริงเช่นกัน” เธอคำราม

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มันส่งเสียงหัวเราะแหบห้าว “เจ้าไม่ได้มันมา เจ้าจึงไม่มีทางรู้ เจ้าไม่มีทาง...”

ดวงอาทิตย์ลาลับ ทุกสิ่งพลันดับสูญ เขาลืมตาตื่นขึ้นในความมืดของห้องที่คุ้นเคย

'...รู้'

เสียงนั้นยังคงก้องดังอยู่ในหู ก่อนที่เสียงเรียกของแม่จะซ้อนทับเข้ามา

“ตื่นได้แล้วลูก”

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 55 20:09:48




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com