ยิ่งนาน ภาพสายฝนและเสียงลมหวีดหวิวภายนอกยิ่งน่ากลัวขึ้นทุกที น่ากลัวจนกันตาต้องลุกเดินฝ่าความมืดไปปิดมูลี่หน้าต่างในห้องรับแขกเสีย คราวนี้ภายในบ้านมืดสนิทจริงๆ มืดจนต้องคลำทางกลับมาที่เดิม ความเคยชินช่วยให้หาเก้าอี้ตัวที่นั่งมาหลายชั่วโมงแล้วนั้นได้ไม่ยาก พอกลับนั่งลง ก็ควานหารูปถ่ายของผู้เป็นสามีจากโต๊ะมากอดไว้แนบอก ดึงผ้าห่มกลับขึ้นคลุมขา เอนหลังพิงพนักแล้วหลับตาเสีย เพราะถึงลืมตาก็มองอะไรไม่เห็นอยู่ดี
หลับตาปิดกั้นความเป็นไปรอบตัวอยู่ได้เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงเหมือนใครทุบประตูหน้าบ้านโครมๆ แรกๆ เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงที่คิดว่าได้ยินจริงหรือไม่ ใครกันจะฝ่าพายุขึ้นมาบนนี้ในเวลาแบบนี้ หรืออาจเป็นเสียงลูกเห็บที่เริ่มตกอีกครั้ง ครั้งนี้คงมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อครู่หลายเท่า
เสียงทุบนั้นดังขึ้นอีก คราวนี้ชัดเจนเลยทีเดียว กันตาตลบผ้าห่มออกจากตัว วางรูปในกรอบกลับไว้บนโต๊ะดังเดิม แล้วก้าวเดินอย่างระวังระไวไปที่ประตูหน้าบ้าน แม้ว่าภายในบ้านจะมืด แต่คราวนี้ตาซึ่งคุ้นเคยกับความมืดแล้วนั้นช่วยให้คลำทางไปถึงได้ไม่ยาก
มือควานเปะปะหาลูกบิดแล้วปลดล็อก เพียงดึงประตูเปิดฝนก็ซัดกระหน่ำเข้ามาพร้อมกับอะไรบางอย่างซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬารพรวดพราดตามเข้ามาด้วย เธออุทานอย่างตระหนกตกใจ เป็นเวลาเดียวกับที่ลำแขนล่ำสันและแข็งแกร่งโอบทั้งร่างของเธอไว้ แล้วดันเบาๆ ให้ถอยไปข้างหลังเพื่อให้ตัวเองพ้นธรณีประตูเข้ามาภายใน จากนั้นก็ใช้เท้าเขี่ยประตูให้ปิดตามหลัง เพื่อกันสายฝนและกระแสลมไว้เพียงภายนอก
ประตูปิดแล้วนั่นแหละกันตาจึงรู้สึกตัว ถอยห่างออกมา และเพิ่งสังเกตเห็นแสงจากอะไรบางอย่างวูบวาบ สิ่งแรกที่เห็นอยู่ในระดับสายตาคือผ้าหนาๆ สีน้ำตาลอมเขียวเปียกโชก มีเครื่องหมายอะไรบางอย่างทางด้านขวา
เสียงห้าวๆ ที่ตามมาช่วยเรียกสติเธอกลับคืน
"ผมคิดว่าคุณจะลงไปหลบพายุที่โรงยิมเสียอีก"
เขาส่งอะไรบางอย่างให้ พอเธอก้มลงดูก็เห็นว่าเป็นไฟฉาย และเธอก็รับมาอย่างงุนงง เขาถอดเสื้อแจ็คเกตมีตราประจำตำแหน่งออกเพราะเปียกจนน้ำหยดเป็นทาง
"ผมทำให้คุณเปียกหรือเปล่า" เขาถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย เมื่อครู่เขาแทบจะโอบเธอไว้ทั้งตัวเพื่อพาตัวเขาเองเข้ามาภายในบ้าน และเพื่อกันไม่ให้ฝนสาดเข้ามาถึงตัวเธอ
กันตาตั้งสติได้ "เปล่าค่ะ เปล่า"
คุณน่าจะลงไปข้างล่างนะ บนนี้อันตราย
คนเมืองนี้เรียกบนยอดเขาว่าข้างบน ส่วนตัวเมืองซึ่งอยู่ในหุบเขาเรียกข้างล่าง คำศัพท์ลักษณะนี้กันตาคุ้นเคยดีเพราะแวะเวียนมาที่นี่ปีละหลายครั้ง
"คิดว่าไฟฟ้าที่โรงเรียนในเมืองก็คงจะดับเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าจะอยู่ที่นี่จนกว่าฝนจะหยุด"
เธอแก้ตัวเมื่อเห็นแล้วว่าเขาต้องเดือดร้อนเพราะเธอเพียงไร นี่ขนาดเสี่ยงภัยขึ้นมาตามถึงที่นี่ ในสภาพอากาศแบบนี้มีใครบ้างกล้าขับรถขึ้นมาบนยอดเขาสูงชันขนาดนี้
"ที่โรงยิมมีเครื่องปั่นไฟครับ" เขาบอกขณะก้มลงดูรองเท้าที่สวม บู้ทหนังทั้งหนาและหนักคู่นั้นเปียกและเปรอะเปื้อนโคลน เพราะเหตุนั้นเขาจึงยังคงยืนคาอยู่เพียงหน้าประตู
และเธอก็เข้าใจ
"เข้ามาเถอะค่ะ ไม่เป็นไรหรอก ถอดเสื้อกับรองเท้าเสียก่อน เปียกแบบนั้นจะไม่สบายไปเสียเปล่าๆ หนาวด้วย"
ไม่เพียงแต่รองเท้าของเขาและเสื้อแจ็กเกตที่ยังคงอยู่ในมือเธอเท่านั้นที่เปียก เสื้อเชิ้ตเครื่องแบบและกางเกงก็เปียกด้วยเช่นกัน
จะไปหาเสื้อมาให้เปลี่ยนไปก่อนนะคะ เธอบอกพร้อมกับวางกระบอกไฟฉายลงบนโต๊ะในห้องอาหาร คลี่แจ็กเกตของเขาพาดไว้กับพนักเก้าอี้ แล้วหายเข้าไปในห้องนอน กลับออกมาอีกครั้งพร้อมด้วยเสื้อยืดเก่าๆ ของสามีที่เธอติดตัวมาด้วยเพื่อใช้ใส่นอนก็พอดีเห็นเขาถอดเสื้อเชิ้ตเครื่องแบบออกแล้ว และกำลังเก้ๆ กังๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
เธอดึงเสื้อตัวนั้นมาเสีย แล้วส่งตัวในมือให้
"คุณคงใส่เสื้อตัวนี้ไปพลางๆ ก่อนได้ เสียดายไม่มีกางเกงของเขา"
เขารับเสื้อตัวใหญ่นั้นไปสวมอย่างรวดเร็ว
"ถนนสายขึ้นมาที่นี่คงถูกฝนตัดขาดภายในคืนนี้แน่ๆ" เขาพึมพำเหมือนบ่นกับตัวเองเมื่อกลับไปที่หน้าต่างข้างประตูและมองออกไปภายนอก
"เมื่อกี้ที่ผมขึ้นมา น้ำท่วมทางหมดแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีโคลนถล่มร่วมด้วย ผมเป็นห่วงหลังบ้านของคุณ"
เขาเหลียวไปดูเมื่อเห็นผู้เป็นเจ้าของบ้านเงียบไป เธอกำลังจุดเทียนไขเล่มใหญ่ แล้ววางไว้บนจานพลาสติกบนโต๊ะอาหาร เสื้อของเขานั้นเธอพาดไว้กับพนักเก้าอี้อีกตัวเรียบร้อยแล้ว
คุณก็เลยต้องมาติดอยู่บนนี้ด้วย เธออ้อมโต๊ะมาหา
ผมห่วงคุณถ้าต้องอยู่บนนี้คนเดียว ประโยคนั้นแผ่วเบาเมื่อใบหน้าคมคายหันกลับมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ข้างล่างไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรน่าห่วง
ที่จริงจะว่าไม่ห่วงก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ส่วนหนึ่งของจิตใจเขามีความรู้สึกว่ากำลังละทิ้งหน้าที่ เวลานี้เขาควรออกตระเวณดูว่ายังไม่ใครติดค้างอยู่ที่ไหนอีกบ้างมากกว่า มีชาวเมืองจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีรถหรือไม่ก็อยู่ห่างไกลในบริเวณทุรกันดาร แต่เขากลับมาติดอยู่ที่นี่
เพราะห่วงผู้หญิงเพียงคนเดียว
มีเสียงฝีเท้าแผ่วๆ ทางด้านหลัง เขาหันมาดูก็พอดีกับเธอมาหยุดยืนข้างๆ ตาทอดมองออกไปภายนอก
นานไหมคะกว่าฝนจะหยุด
จะตกแบบนี้อยู่ทั้งคืนนั่นแหละครับ
เขาลอบพิจารณาใบหน้านวลกระจ่างในท่ามกลางแสงเทียนอย่างเคลิบเคลิ้ม จมูกเล็กๆ ได้รูปสวยนั้นทอดเงาลงบนสันแก้มเนียนละเอียด ริมฝีปากเต็มดูนุ่มละมุน ผมเหลือบสีน้ำตาลรวบไว้หลวมๆ บางส่วนหลุดลุ่ยมาเคลียอยู่ข้างแก้ม เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกงดงามและอ่อนหวานจับใจ เธอตัวเล็กกว่าเขามาก เมื่อยืนเคียงกันแบบนี้เธอสูงเพียงไหล่เขาเท่านั้นเอง
และโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเขาไล้หลังมือไปตามผิวแก้มเนียนละมุนมือ สัมผัสนั้นเพียงแผ่วเบา หากส่งผลรุนแรงราวฟ้าถล่ม หญิงสาวหันขวับมามามอง นัยน์ตาดำขลับเบิกกว้าง ตื่นตระหนกราวตานางกวางตื่นแสงไฟ ร่างบอบบางผงะถอยห่าง
แต่กลับชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงครางจากนายอำเภอหนุ่ม
"กันตา
"
เสียงห้าวๆ นั้นเป็นเสียงของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าแน่นอน แต่สำเนียงไม่ใช่ ไม่มีทางที่คนอเมริกันซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่อของเธอนั้นเป็นภาษาอะไรจะออกเสียงได้ชัดเจนขนาดนี้
เธอจ้องเขาเขม็ง ทั้งสับสนทั้งงุนงง
และพยายามทำความเข้าใจ
"กันตา" เขาทวนชื่อเธออีกครั้งเหมือนเป็นการยืนยัน
เขาหันมาหาเธอทั้งตัว พอใบหน้าพ้นเงามืดเธอก็เห็นรอยยิ้มที่จำฝังใจไม่เคยลืม นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายระยับ สำหรับเธอไม่มีใครอื่นอีกแล้วในโลกนี้ที่มีรอยยิ้มชวนหลงใหลแบบนี้
หากเธอก็ยังไม่เข้าใจ จนเขาต้องยืนยันอีกครั้ง
กันตา
ผมเอง
สองมือแข็งแรงประคองใบหน้าเธอให้แหงนเงยขึ้นหา กันตาจำสัมผัสนั้นได้ดี
"คุณ
"
ไม่มีอะไรให้สงสัยอีกแล้วแม้ยังไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร
ความสุขสมใจนี้รุนแรงและกะทันหันเสียจนเธอแทบประคองตัวให้คงยืนอยู่ไม่ได้ เธอทรุดฮวบลงในอ้อมแขนแข็งแกร่งของนายอำเภอหนุ่ม และเขาก็รวบตัวเธอมาโอบไว้แนบแน่น ก้มลงกระซิบบอก
"ผมคอยเวลานี้มานาน" คำพูดประโยคนั้นเป็นภาษาไทย
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 10:17:27
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 10:15:46
แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 10:13:55