Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กับดักรักสองโลก 14. vote ติดต่อทีมงาน

.

.

14.

คอนโดสูงตระหง่านใจกลางเมืองย่านสังคมธุรกิจ ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกเบาๆ เมื่อใช้คีย์การ์ดปลดล็อคเป็นที่เรียบร้อย บุรุษหนุ่มก้าวเท้าย่างเหยียบเข้ายังด้านในของห้องกว้างที่มืดสนิทไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆ มีเพียงความสลัวจากไฟฟ้าของสังคมเมืองด้านนอกเท่านั้นที่เล็ดลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามา สายตากวาดมองโดยรอบบริเวณ พยายามปรับภาพให้ชัดเจนในความมืดมิดรางเลือน จากความสว่างเพียงน้อยนิดทำให้พอมองเห็นห้องอีกห้องที่มีบานประตูเปิดแง้มไว้เล็กน้อย สองเท้าพาร่างกายก้าวเดินอย่างระมัดระวัง คลำทางไปยังจุดหมายพร้อมผลักประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า


เตียงนอนขนาดใหญ่เกิดสัมผัสรับรู้ถึงการยวบยุบตามน้ำหนักตัวของร่างมนุษย์ที่นั่งลงข้างๆ หญิงสาวเจ้าของห้องที่นอนตะแคงหันหลังเมื่อครู่ จัดแจงพลิกกายกลับพยายามพยุงร่างตนเองลุกขึ้นนั่ง สองมือโอบกอดบุคคลที่เธอกำลังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ


“กันย์.. กันย์มาหาพรีมแล้ว กันย์เป็นห่วงพรีม กันย์ยังรักพรีม ใช่ไหม..”


“...”


“พรีมยังอยู่ในใจกันย์ใช่หรือเปล่า.. กันย์ถึงยอมมาหาพรีมวันนี้”


“...”


“กันย์รู้ว่าพรีมไม่สบาย.. เพราะแฟรงค์บอกใช่ไหม”


“...”


“กันย์รู้ไหม.. พรีมยังรักกันย์ไม่เคยเปลี่ยน และไม่อยากให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับกันย์ทั้งนั้น กันย์เข้าใจหรือเปล่า”


“...”


“กันย์เปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอ เมื่อก่อนกันย์ไม่ได้ใช้กลิ่นนี้นี่หน่า”


บุรุษผู้โดนโอบกอดผละร่างกายออกจากอ้อมแขนของพรีมาดา มือแข็งแรงจับแขนสองข้างของเธอบีบหนักคล้ายกำลังควบคุมอารมณ์หลากหลายเอาไว้


“พรีม.. ยังรักเขาอยู่ใช่ไหมครับ”


เสียงคุ้นหูดังผ่านโสตประสาท ทำใจหล่นวูบสูญหายจากร่างกายกะทันหัน ตกตะลึงจนต้องตั้งสติ พรีมาดาขยับกายเอื้อมมือกดสวิทต์โคมไฟข้างเตียงอย่างรวดเร็ว พลางตวัดสายตาหันกลับมามองบุคคลเบื้องหน้าอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้างโตเท่าไข่ห่าน


“พี่รุธ!”


“ครับ.. พี่เอง”


“เอ่อ.. ทำไมพี่รุธถึงมาอยู่ที่นี่คะ”


“อย่าเพิ่งถามอะไรพี่เลยครับ พรีมช่วยตอบพี่มาก่อน ว่าพรีมยังไม่ลืมเขาใช่ไหม พรีมยังรักเขาใช่ไหม พี่จะไม่รั้งพรีมเอาไว้หากพรีมต้องการกลับไปหาเขา”


พรีมาดาได้แต่นิ่งเงียบทำสิ่งใดไม่ถูกเอาเสียเลย ทั้งความคิดและคำพูดต่างๆ ร่วงหายจนหาไม่เจอ เวลานี้เธอตันหนทางไม่อาจหาเหตุผลใดมาอ้างเพื่อแก้ต่างให้ตนเอง เกิดความอึกอักกระวนกระวายต่อเนื่อง เหตุใดทุกเรื่องราวกลับเสียแผน พังทลายไม่เป็นท่าเช่นนี้ ทุกสิ่งที่วางไว้คือต้องการให้คนรักเก่ากลับมาหาเพราะถึงอย่างไรเธอก็ยังเข้าใจว่าความสำคัญของเธอไม่เคยลดน้อยลงเลย แล้วเหตุใดบุคคลที่มานั่งอยู่ตรงนี้ถึงเปลี่ยนเป็นคู่หมั้นของเธอไปได้ หลังจากนี้เธอจะแก้ไขปัญหาอย่างไร


“พี่รุธ.. พี่รุธมาที่นี่ได้ยังไงคะ” ประโยคคำถามสร้างความสงสัยแก่เธอหนักหนา


“กันย์วัฒน์โทรติดต่อพี่ครับ เขาบอกให้พี่มาดูแลพรีม เพราะพรีมกำลังไม่สบายหนัก และเขาฝากคีย์การ์ดของที่นี่คืนให้พรีมด้วย” ทุกอย่างกระจ่างแจ้งไขข้อสงสัยหมดสิ้น


“คราวนี้ถึงเวลาของพรีมแล้วครับ บอกมาสิครับว่าพรีมยังรักเขาอยู่ พี่พร้อมจะถอนหมั้นให้พรีมเป็นอิสระ”


“เอ่อ.. พรีม..”


“...”


“พรีมขอโทษค่ะพี่รุธ”


++++


ณ. ห้องพักนักดนตรีอีกครั้ง เมื่อกันยวัฒย์กลับมายืนยังจุดเดิม พาเพื่อนเกลอที่หันมาเห็นมองตาค้างตกตะลึงไม่น้อย ไม่เข้าใจเหตุใดปัญหาคาใจถึงเคลียร์จบง่ายดายในเวลาอันรวดเร็วเพียงนี้


“เห้ย! ทำไมไปหาพรีมกลับมาเร็วจังวะ”


“เปล่า.. ไม่ได้ไปหา”


“อ้าว! แล้วถ้าพรีมไม่สบายจริงอย่างที่เธอว่าทำไง แล้วเอ็งไม่ต้องเคลียร์ปัญหาแล้วเหรอวะ”


“ก็เธอมีคู่หมั้นดูแลอยู่แล้ว เอ็งอย่าห่วงไปเลย แล้วปัญหาอะไรก็ไม่เห็นต้องเคลียร์เพราะมันจบไปตั้งนานแล้ว”


ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นเสียที ยังนับว่าโชคดีที่เขารู้จักกับเพื่อนๆ ของพรีมาดาอยู่หลายคนจึงทำให้ง่ายต่อการหาข้อมูลพร้อมเบอร์โทรศัพท์เพื่อนัดติดต่อคู่หมั้นของเธอให้รับหน้าที่จำเป็นครั้งนี้ เพราะหลังจากนี้พรีมาดาคงเป็นได้แค่คนอื่นคนไกลสำหรับเขา


“เฮ้! ไอ้กันย์ ไอ้แฟรงค์ ทำงานได้แล้วโว้ย ถึงเวลาแล้ว”


เสียงแหบห้าวตะโกนเรียกเพื่อนร่วมวง เพื่อปฎิบัติหน้าที่ในลำดับถัดไปจากนี้ เวลานี้กันยวัฒน์รู้สึกจิตใจเข้มแข็งมากกว่าเดิมหลายสิบเท่า อาจจะหนักแน่นและแกร่งขึ้นจนทำให้เขากลายเป็นมนุษย์เลือดเย็นไปเลยก็ว่าได้


เสียงดนตรีแนวร็อคเริ่มต้นแสดงเมื่อนักดนตรีทั้งสี่ขึ้นพร้อมหน้าบนเวที ความสุขที่พวกเขาทั้งหลายได้รับคือความสนุกสนานที่ได้ปลดปล่อยออกมาให้ผู้ชมได้รับรู้และร่วมสัมผัสไปด้วยกัน หน้าที่การงานเปรียบเสมือนส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิต แต่ดนตรีที่พวกเขารักเกิดจากจิตใจที่หล่อหลอมรวมกันทำให้ทุกสิ่งประสบผลสำเร็จ



“เห้ย! ไอ้กันย์ ไปกินเหล้ากัน เพิ่งเที่ยงคืนกว่าเอง ไอ้เกล้ากับไอ้แฟรงค์มันเบี้ยวข้า”


นักดนตรีในกลุ่มเดินลงจากเวทีคว้าคอเพื่อนเกลอกอดกุมไว้ในวงแขน หลังจากเสร็จสิ้นหน้าที่การงานที่เพิ่งบรรเลงจบไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา


“ไม่ไป จะกลับบ้าน”


“ไรว่ะ รีบกลับกันหมด ไหนเมื่อก่อนก็ไม่เห็นรีบแบบนี้ นั่งเมายันเช้าไม่เห็นเอ็งจะสะทกสะท้าน เดี๋ยวนี้เป็นอะไรไป ทำเป็นเด็กติดนมแม่ไปได้ อยากกลับบ้าน เอ๊ะ.. หรือติดสาวในบ้าน”


“ไอ้วิณ.. พูดมากน่า ข้าว่าเอ็งไม่ต้องกินแล้วล่ะเหล้าหน่ะ แค่นี้เอ็งก็เมามากแล้ว”


“อย่าตีมึน พูดโดนใจดำก็บอกดิ”


สายตาพราว นัยน์ตาทะเล้น หยอกล้อแหย่เพื่อนสนิทอย่างสนุกสนาน กันยวัฒน์ได้แต่สะกดอารมณ์ทำนิ่งเฉยกลบเกลื่อนความรู้สึกวูบวาบในใจ ไม่ชอบเสียเลยกับคนรู้ทัน ช่วงนี้จิตใจสับสนแปลกๆ เกือบจะตลอดเวลาที่นีลาน่าเข้ามาอยู่ในความคิดและจิตใจ ทำให้เขานึกถึงแต่นางเกือบทุกวินาที เหตุผลคงเพราะเรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นได้ ถึงทำให้เขาสะบัดนางไม่หลุดเสียที กันยวัฒน์ครุ่นคิดพลางเก็บเครื่องดนตรีเข้าที่เข้าทางตามที่มันควรจะอยู่


“ไงข้ากลับก่อนนะไอ้วิณ ไว้เจอกัน เอ็งก็กลับบ้านเหอะ ไม่ต้องกินมันหรอกเหล้า ไม่ดีต่อสุขภาพเชื่อข้า”


คำพูดเสี้ยมสอนหลุดจากลำคอ หากก่อนหน้านี้คำเตือนเหล่านี้ ได้กระแทกสติตนเองก็คงดี เขาคงไม่ต้องตกหลุมความทรมานแสนสาหัสอย่างที่เคยผ่านมา


“ทำเป็นสอน เออๆ ไม่มีเพื่อนอยู่ ข้าก็คงกลับเหมือนกัน โชคดีเว้ย”


ประโยคร่ำลาจบลงเมื่อต่างฝ่ายต่างแยกย้ายเดินทางกลับยังที่พักอาศัยของตนเอง กันยวัฒน์พาร่างกายเดินออกมายังลานจอดรถหน้าสถานความบันเทิง พร้อมติดเครื่องยนต์และขับออกไปอย่างรวดเร็ว ใกล้หมดแล้วเวลาแห่งการรอคอย เพราะอีกไม่นานเขาคงได้ใช้สายตาทอดผ่านความสดใสของสิ่งสวยงามที่อยากเจออย่างถึงที่สุด


++++


รถยนต์ขับเคลื่อนใกล้ถึงที่หมายเต็มที สายตาเหลือบเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ข้างกำแพงที่พักอาศัย สมองสั่งการให้เท้าเหยียบเบรคและเปิดประตูมุ่งหน้ายังบุคคลผู้ต้องสงสัย กันยวัฒน์เร่งรุดก้าวเดินยื่นมือยาวคว้าไหล่ของมนุษย์ผู้ซึ่งส่อแววพิรุธ


“นี่คุณ.. มาด้อมๆ มองๆ อะไรข้างบ้านผม”


“อัยย่ะ!! ตกใจหมดเลย”


“ผมถามว่ามาทำอะไรบ้านผม..”


“ปละ เปล่าครับ ไม่ได้มาทำอะไรครับ”


เสียงสั่นเครือเนื่องจากโดนจับได้ของบุรุษแปลกหน้าพาสร้างความโทสะให้กับเจ้าของบ้านอย่างถึงที่สุด ก็เห็นอยู่ว่ามาป้วนเปี้ยนวุ่นวายหน้าบ้านคนอื่น ยังจะกล้าเอ่ยออกมาว่าเปล่า..


“ไม่มีได้ไง แล้วนี่อะไร!!”


กันยวัฒน์ ตวาดความอำมหิตใส่ พาบุรุษผู้นั้นถึงกับหน้าถอดสี ขาวเผือกราวไก่ถูกต้ม มือแข็งแรงจับคว้ากล้องถ่ายรูปยึดถือไว้ เวลานี้คำว่ามารยาทคงต้องตัดทิ้งออกจากสามัญสำนึกส่วนดีไปชั่วคราว เนื่องจากอารมณ์โกรธเคืองกำลังแทรกซึมความรู้สึก ดึงความอดทนใกล้ขาดเต็มที


“เอ่อ..”


“นี่คุณเป็นใคร!! แล้วถือกล้องมาดักซุ่มทำอะไรหน้าบ้านผม คุณต้องการอะไรกันแน่!!”


แววตาดุดันจ้องเขม็งราวกับสิงโตทำท่าตะครุบกวางน้อยที่ไร้หนทางหนีรอด บุรุษลึกลับหันรีหันขวางหาทางหนีทีไล่ไว้แต่เนิ่นๆ  


ระหว่างที่สองบุรุษยื้อยุดฉุดกันอยู่ชั่วครู่ นีลาน่าคว้าประตูบ้านเปิดออก พร้อมก้าวเดินมาหยุดมองเหตุการณ์ด้วยสายตากลมโตอย่างอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากเสียงของมนุษย์โลกทั้งสองดังเอ็ดตะโรไปสามบ้านแปดบ้านเห็นจะได้ ร่างบางเคลื่อนไหวภายในเขตรั้วกั้นทำให้กันยวัฒน์ปรายหางตาตาม ละทิ้งความสนใจจากบุคคลแปลกหน้า หันเหหาผู้อาศัยที่ยืนมองตาแป๋ว สื่อสารผ่านกระแสจิตถามไถ่เขาว่าเกิดอะไรขึ้น


ประจวบเหมาะกับการพบหนทางหนีเอาตัวรอด บุรุษผู้ซึ่งถูกจับไหล่ไว้สะบัดร่างกายรวดเร็ว วิ่งหนีโกยแนบแทบไม่คิดชีวิต พร้อมยังทิ้งหลักฐานสำคัญอย่างกล้องถ่ายภาพไว้ในมือกันยวัฒน์โดยไม่ได้คิดเสียดาย หรือคงเพราะไม่มีเวลาให้บุรุษผู้นั้นคิดถึงสิ่งใดอีกแล้ว ณ ตอนนี้ หนีเท่านั้นคือโอกาสสุดท้าย


“ไอ้พวกบ้าเอ้ย!!”


เสียงสบถดัง เจ็บใจ เนื่องจากไม่สามารถจับพวกมิจฉาชีพส่งตำรวจ เผลอๆ วันข้างหน้าบุคคลดังกล่าวที่หนีรอดไปได้อาจย้อนกลับมาทำอะไรไม่สมควรอย่างเช่นวันนี้อีกก็เป็นได้ ไม่น่าพลาดให้มันหนีไปได้เลย ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดในใจ


“มีเหตุอะไรกันงั้นหรือ”


“วันนี้คุณออกมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านบ้างหรือเปล่า”


นีลาน่าส่ายหน้าอย่างใสซื่อ เพราะวันนี้ทั้งวันนางหมกตนเองอยู่แต่บนห้อง ฝึกหัดการเขียนหนังสือที่ครูผู้สอนสั่งการบ้านไว้ให้ทำ เนื่องจากสมชายมีธุรจำเป็นจึงต้องเดินทางกลับก่อนถึงเวลาเลิกสอนนักเรียน


กันยวัฒน์ยื่นกล้องในมือให้นีลาน่าถือไว้ ส่วนเขาพาร่างกายตรงดิ่งขึ้นรถยนต์ส่วนตัว เคลื่อนจอดยังหน้าเขตที่พักอาศัยจนเรียบร้อย จึงก้าวกลับมายืนข้างพรายสาวที่มองตาปริบๆ อีกครั้ง


“ไป เก็บของ ผมจะพาคุณไปหาที่พักผ่อน หลบไอ้พวกบ้าๆ พวกนี้ซักพัก”


“เจ้าจะพาเราไปแห่งใดกัน”


“เอาน่า.. อย่าถามมาก รับรองคุณต้องชอบแน่ๆ ไปเก็บเสื้อผ้าเร็ว”


คงถึงเวลาเสียทีกับการพักผ่อนสมอง สละความยุ่งเหยิงทิ้งซักระยะ และคงเป็นการดีหากสถานที่แห่งนี้จะทำให้พละกำลังของนีลาน่าฟื้นคืนกลับมาแข็งแรงดังเดิมอีกครั้ง หากเขาคิดถูกต้องกับสิ่งที่เคยกังวลในใจ เพราะนางพรายดูอ่อนแอเกินไปแล้วกับเวลานี้


++++


ดวงตะวันเคลื่อนย้ายโผล่พ้นจากเส้นขอบน้ำจรดขอบฟ้า เผยแสงอ่อนเรืองรองสีเหลืองผ่องอำไพ แดดอ่อนสัมผัสรับรู้อบอุ่นสร้างความประทับใจไม่มีสิ้นสุดกับอมุษย์ผู้หลงใหลอย่างนีลาน่า ร่างบางเดินสูดอากาศรับความสดชื่นของกลิ่นไอน้ำทะเล นางก้มมองระลอกคลื่นวิ่งม้วนเป็นเกลียวเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างลากผ่านกระทบผิวน้ำทะเลสีฟ้าคราม


“เป็นไง ชอบไหมแบบนี้”


เสียงคุ้นเคยดังแว่วใกล้ ดึงความสนใจให้พรายสาวหันมองตาม กันยวัฒน์หยุดยืนด้านข้างมือยกจับขอบเรือเฟอรี่ขนาดใหญ่ก้มมองท้องน้ำกว้างไพศาลสุดลูกหูลูกตา  


“ข้าคิดถึงเมืองบาดาล” เสียงหวานใสแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยพากันยวัฒน์ตวัดสายตามองเจ้าของประโยคที่กำลังจะสนทนา


“ถ้าจากตรงนี้คุณคิดว่า คุณจะเดินทางกลับบ้านคุณได้ไหม”


“เจ้าจะปล่อยให้เรากลับเมืองบาดาลจริงอย่างนั้นหรือ”


ท่าทางตื่นเต้น แววตาส่อประกายดีใจสุดกลั้น พาจิตใจแกร่งห่อเหี่ยวลงทันใด เหตุใดต้องรู้สึกเช่นนี้ เพราะในเมื่อสักวันเงือกพรายที่อยู่ในการดูแลของเขาต้องกลับยังถิ่นบ้านเกิดของนางไม่วันใดก็วันหนึ่ง


“ผมถามเผื่อไว้.. ถ้าจากตรงนี้ คุณกลับบ้านเกิดคุณได้หรือเปล่า มันไกลกันมากเลยนะ ไกลเป็นซีกโลกเลยก็ว่าได้”


“ถ้าเจ้าปล่อยให้เรากลับ เราจะหาหนทางกลับให้ได้ พวกพ้องใต้ท้องน้ำรอช่วยเหลือมากมาย”


ความมั่นอกมั่นใจของพรายสาว สร้างความหดหู่ไม่น้อยแก่บุรุษด้านข้างที่เวลานี้ใจเต้นช้าลงราวกับจะหยุดเคลื่อนไหวเสียให้ได้


“เตรียมตัวเถอะ ใกล้ถึงเกาะเต็มที”


นีลาน่าส่งยิ้ม แสดงความกระตือรือร้นเดินตามร่างสูงเพื่อรอคอยลงจากเรือโดยสาร เตรียมเดินทางต่อยังจุดหมายปลายทางที่กันยวัฒน์จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยทุกกระบวนการ


++++


บ้านพักตากอากาศริมทะเลบนเกาะแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่มุมเงียบสงบไร้ผู้คนพลุกพล่าน เนื่องจากบริเวณนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของญาติสนิทที่กันยวัฒน์เคยติดต่อเพื่อยืมอาศัย เดินทางมาพักผ่อนหลบนอน โดยไม่ต้องวุ่นวายกับการติดต่อเข้าพักตามโรงแรมหรือรีสอร์ทหรูหราที่แออัดไปด้วยมนุษย์โลกมากมาย หากเทียบกับที่นี่แล้วสงบกว่าเป็นไหนๆ และที่สำคัญคงจะเป็นการดีเสียกว่าหากต้องการให้เงือกน้อยลงเล่นน้ำทะเลโดยปราศจากผู้คนจับตามองว่าตัวประหลาดอะไรมีหางสวยงามโผล่ออกมาให้ประสบพบเจอ


“คุณเอาของไปเก็บไว้ในห้องนั่นล่ะกัน เดี๋ยวผมนอนตรงห้องนั่งเล่นนี่เอง”


บ้านพักตากอากาศชั้นเดียวทรงตึกด้านบนไม่มีหลังคามุงแหลมปรากฏให้เห็น กำแพงรอบตัวบ้านทุกด้านเป็นกระจกใส มีม่านสีขาวสะอาดตากั้นไว้ ความหนาของผ้าบดบังบรรยากาศภายในมิดชิด ไม่อาจเล็ดลอดให้สิ่งใดภายนอกมองทะลุผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เมื่อกันยวัฒน์ได้ลองเปิดกระจกรับลมทะเล ผ้าม่านเหล่านั้นลอยพลิวปลิวไสวตามแรงลมพัดผ่าน ทำให้อากาศถ่ายเทเข้าปอดอย่างเต็มที่ ด้านในบ้านพักถึงแม้จะมีห้องนอนเพียงหนึ่งเดียวแต่คงไม่ใช่ปัญหาอะไรกับบุรุษหนุ่มอกสามศอก ไม่ว่าจะมุดนอนที่ใดหากหัวถึงหมอนคงหลับเป็นตายไม่ต่างกัน ผิดกับหญิงสาวที่บอบบาง สมควรแล้วกับการสละห้องที่มีเพียงหนึ่งให้นางครอบครอง


นีลาน่าหยิบกระเป๋าเดินทางที่ขนสัมภาระมาจนเต็ม จากมือแข็งแรงที่ยื่นส่งให้เมื่อหยุดยืนตรงหน้าประตูทางเข้าห้อง พรายสาวดูตื่นเต้นออกนอกหน้าไม่แสดงท่าทางเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด คงเพราะได้มาอยู่ยังสถานที่และบรรยากาศคุ้นเคยคล้ายได้กลับมาใกล้ชิดบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งจึงทำให้นางพรายกระปรี้กระเปร่า ดีอกดีใจยกใหญ่ ร่างบางเดินหายเข้าห้องพักพร้อมประตูปิดลง กันยวัฒน์จึงก้าวเดินยังรถยนต์อีกครั้งเพื่อขนข้าวของ อาหาร เครื่องดื่ม ที่แวะหาซื้อระหว่างทางเข้าเก็บยังตู้แช่เย็นที่อยู่ด้านในห้องครัว เตรียมไว้จัดการทำของสดๆ ให้สุกพร้อมเป็นอาหารรับประทานต่อไป


หลังจากเก็บข้าวของสัมภาระเข้าที่เข้าทางและพักเหนื่อยได้ไม่ทันไร นีลาน่าย่างกายออกจากห้องตรงดิ่งหาบุรุษหนุ่มที่นอนพักผ่อนเอาแรง เนื่องจากเดินทางมาทั้งคืนเขายังไม่ได้สัมผัสกับคำว่าปิดตาหลับสนิทเสียที พรายสาวคิดแล้วคิดอีกระหว่างก้าวเดิน จะดีหรือไม่หากต้องสะกิดปลุกให้เจ้ามนุษย์โลกตื่นขึ้นมาแล้วหงุดหงิดใส่นาง หากทว่า ไม่ลองก็คงไม่รู้ ว่าแล้วนีลาน่าส่งมือยื่นสัมผัสไหล่กว้างเขย่าเบาๆ เพื่อให้เขาลืมตาตื่นขึ้น


“นี่เจ้าโลกันต์..”


“...”


“เจ้าโลกันต์ ลืมตามองเราก่อน เรามีเรื่องเจรจากับเจ้า”


“มีไรก็ว่ามา”


กันย์วัฒน์ส่งเสียงสนทนาโดยที่ยังหลับตานิ่งอยู่อย่างนั้น ฟังจากน้ำเสียงไม่มีแววอารมณ์เสียแต่อย่างใด ทำให้พรายสาวใจชื้น เพิ่มความหาญกล้าเอ่ยในสิ่งที่ต้องการออกไป


“เราขอไปเดินเล่นตรงแนวน้ำได้หรือไม่”


“ไม่ได้..”


เปลือกตาเปิดกว้างทันทีเมื่อได้ยินประโยคร้องขอเมื่อครู่ ความรู้สึกกังวลใจวิ่งผ่านเข้าสมองรวดเร็วราวกับฟ้าผ่าลงกลางศรีษะ เขาคงอนุญาตให้นางออกไปสัมผัสแตะน้ำในช่วงที่ท้องฟ้ายังคงสว่างโล่ไม่ได้เด็ดขาด หากในใจลึกๆ อีกสิ่งหนึ่งที่เขาเองอดกลัวไม่ได้ยังคงวนเวียนอยู่ไม่ขาดตอน คงไม่พ้นห่วงกลัวนางจะหนีห่างเขาไปตลอดกาล


“เหตุใดเราจึงออกไปไม่ได้ ในเมื่อเจ้าพาเรามายังที่แห่งนี้เอง”


“ตอนนี้ยังไม่ได้ คุณรอเวลาหน่อยแล้วกัน ยังไงหลังพระอาทิตย์ตกดินผมจะพาคุณไปตามที่คุณต้องการ”


คิ้วเรียวดำบนใบหน้านวลเนียนขมวดผูกโบว์ รู้สึกขัดใจอย่างยิ่ง นางไม่คิดจะทำให้บุรุษเบื้องหน้าต้องเดือดร้อนแต่อย่างใด กับแค่ไปสัมผัสแตะน้ำทะเลนิดหน่อยคงไม่น่าจะเสียหายตรงไหน เหตุใดกลับถูกปฎิเสธคำร้องขออนุญาต นีลาน่าหันหลังกลับเดินเข้าห้องพักอย่างเงียบเชียบ พากันยวัฒน์ถึงกับนิ่งคิดหรือเขาเองจะสั่งห้ามนางมากเกินไป พรายสาวถึงมีสีหน้าสลดวูบราวเสียขวัญกำลังใจหนักหนา ออกอาการไม่พอใจเดินกลับเข้าไปยังห้องของตนเอง แต่ถึงอย่างไรเขาคงใจอ่อนตามใจนางไม่ได้เช่นกัน เพื่อความปลอดภัย กันไว้ดีกว่าต้องตามแก้ทีหลัง


ภายในห้องพัก นีลาน่าได้แต่ทำนิ่งเฉยกับเสียงทุกอย่างรอบด้าน แม้บางครั้งเหมือนบุคคลภายนอกจะเคาะเรียกชื่อนางเบาๆ ก็ตาม พรายสาวพยายามสงบสติอารมณ์ขุ่นเคืองที่กำลังคุกรุ่น นั่งจับปากกาขีดเขียนบางอย่างลงสมุดบันทึกคล้ายระบายอารมณ์ลงกระดาษ รอเพียงให้ถึงเวลาย่ำค่ำเท่านั้นนางจะได้ออกไปเดินเล่นให้สมดังที่รอคอยเนิ่นนาน


เวลาล่วงผ่าน จากนาที เป็นชั่วโมง จนเลยเถิดไปค่อนวัน จิตใจคนห้ามปรามกลับว้าวุ่นรู้สึกผิดจนหลับไม่ลง นานหลายนาทีเห็นจะได้ที่กันยวัฒน์เอาแต่เดินวนไปเวียนมาหน้าประตูห้องที่ปิดสนิทโดยไม่อาจทราบได้เลยว่าบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังประตูบานนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ร่างสูงหยุดยืนนิ่งหันหน้าเข้าหาประตูยกมือเตรียมเคาะเรียก หากทว่าจิตใจฝ่ายค้านยังคงมีอำนาจเหนือการควบคุมสั่งให้ชะงักมือเสียดื้อๆ ลักษณะท่าทางของเขาแสดงออกมาอย่างนี้เป็นชั่วโมงมาแล้ว เนื่องจากหลายต่อหลายครั้งที่เขาเคาะประตูเบาๆ เรียกชื่อนีลา ทุกอย่างเงียบสงบ ไร้เสียงตอบรับใดๆ ประตูห้องยังคงปิดสนิทดังเดิมอย่าหวังจะมีใครมาเปิดมันออก นางคงโกรธเคืองเขาแล้วจริงๆ


หลังจากยืนสงบความฟุ้งซ่านชั่วครู่ กันยวัฒน์คิดว่าคงปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว จิตใจสั่นไหวคงทนรอต่อไปไม่ไหว หากปล่อยไว้อีกเพียงนาทีเดียวเขาคงคลั่งตาย กันยวัฒน์ตัดสินใจยกมือขึ้นทุบประตูหนักหน่วงสามถึงสี่ครั้งเพื่อส่งสัญญาณให้นางพรายรับรู้


“นีลา เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้ ผมยอมพาคุณออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้”


สิ้นเสียงกังวลใจ ประตูบานที่เพิ่งถูกทุบเมื่อครู่ค่อยๆ แง้มเปิดออก ปรากฏใบหน้านวลเนียนให้เห็นแก่สายตา พาคนมองถึงกับโล่งอกโล่งใจ ดูท่านางตรงหน้าคงยอมสงบศึกแต่โดยดีเพียงแค่มีสิ่งล่อใจสะกิดความต้องการ นีลาน่าจ้องมองวงหน้าคมสันนิ่งๆ รอดูสถานการณ์ว่าเขาจะทำอย่างไรกับนางต่อไป


“...”


“คุณโกรธผมเหรอ.. ผมขอโทษก็ได้เอ้า ก็แค่เป็นห่วง เกรงว่าจะมีใครคนอื่นผ่านมาเห็นตอนที่คุณมีหางโผล่ออกมาก็เท่านั้น”


“เจ้าให้เราลงเล่นน้ำได้อย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจ ตากลมใสลุกวาว


“ครับ.. ไปเลยไหมนี่ก็เกือบจะเย็นมากแล้ว ไปรอดูพระอาทิตย์ตก แล้วค่อยลงเล่นน้ำ”


นีลาน่าคลี่ยิ้มกว้าง พาจิตใจคนมองเต้นรัวแทบระเบิด เขาต้องพยายามข่มใจสุดฤทธิ์กับอาการประหลาดที่ควบคุมไม่อยู่ ช่างดื้อรั้นเกินเยียวยา พรายสาวเดินกลับเข้าห้องพักชั่วครู่ก่อนเดินมายืนจุดเดิมอีกครั้งพร้อมรองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่ติดมือมาด้วย


“เราทั้งสองจะไปกันเลยหรือไม่” นีลาน่าคลี่ยิ้มสดใสอีกครั้ง


“คุณจะเอารองเท้าผ้าใบไปทำไม เหยียบย่ำทรายเดี๋ยวก็เปื้อนกันพอดี หรือถ้าคุณไปเล่นน้ำก็ต้องถอดอยู่ดี”


“เราอยากลองสวมใส่ดูบ้าง ตั้งแต่เจ้าหามาให้ เรายังไม่เคยได้ลองสัมผัสสักครั้ง”


กันยวัฒน์ได้แต่นิ่งอึ้งมองร่างบางที่เดินนำหน้าออกไปนั่งลงยังประตูทางเข้าของที่พักอาศัย พลางสวมใส่รองเท้าอย่างพิถีพิถัน


“คุณใส่แบบนั้น คืนนี้จะได้ไปเล่นน้ำไหมนั่น มานี่ผมสอน”


ร่างสูงก้าวเดินผ่านนางพราย ยุบกายลงนั่งเบื้องหน้า สองมือยื่นจับรองเท้าสวมใส่แย่งหน้าที่ซึ่งหน้า กันยวัฒน์บรรจงผูกเชือกรองเท้าให้อย่างประณีต พรายสาวได้แต่มองวิธีการที่มนุษย์โลกสอนทำเป็นตัวอย่าง สายตาจดจ้องอยู่แค่รองเท้าเบื้องล่างชั่วครู่ ก่อนจะเลื่อนขึ้นมองบุรุษตรงหน้าด้วยความแปลกใจ นีลาน่ายื่นมือทาบวางตรงอกกว้างด้านซ้ายของกันยวัฒน์ จนเขาเลื่อนดวงตาคมกริบมองนางด้วยอาการตะลึงเล็กน้อย


“เหตุใดในอกเจ้าถึงเต้นแรงเช่นนี้”


คำถามใสซื่อของอมนุษย์ทำเอามนุษย์โลกถึงกับอึ้งนิ่ง ร้อนวูบตั้งแต่อกแกร่งถึงใบหน้า อาการตัวแข็งทื่อแวะเยี่ยมเยียนร่างกาย หัวใจสั่นสะเทือนหนักหนากว่าเดิม กันยวัฒน์รวบรวมสมาธิที่แตกกระเจิง ดึงสติกลับมา สายตาหลบลงต่ำพยายามทำนิ่งเฉยสงบจิตใจ เขาจับมือนีลาน่าออกจากแผ่นอกแล้วปล่อยให้เป็นอิสระ พยายามปฎิบัติหน้าที่ใส่รองเท้าให้เสร็จสิ้น หลังจากนั้นเขาลุกยืนเต็มความสูงแล้วหันหลังเดินนำยังหาดทราดเบื้องหน้า พลางยกมือขึ้นปิดปากตนเอง วงหน้าคมคายอุ่นวูบราวโดนไฟรนอ่อนๆ ในใจยังคงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย


นีลาน่าได้แต่มองตามปริบๆ งุนงงกับเจ้ามนุษย์โลกที่มีอาการแปลกประหลาด นางตัดความคิดทิ้งพร้อมลุกเดินตามสู่จุดหมายเบื้องหน้า น้ำทะเล..



ลมโชยเอื่อยยามเย็นพัดพาหมู่เกลียวคลื่นส่งเสียงครวญตามธรรมชาติ ฟังเพลินเสนาะโสตประสาท พาจิตใจสงบนิ่งล่องลอยไกลตามจินตนาการ เกลียวคลื่นม้วนตัวเข้าหาฝั่งซัดสาดกระทบบนผืนทรายละเอียดก่อนถูกดึงกลืนกลับราวกับซึมหายเข้ายังพื้นดินจนแห้งเหือด


ร่างสูงก้าวนำมือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเลาะเรียบชายหาดมองดูพรายสาวเหยียบย่ำน้ำทะเลด้วยสองเท้า เสียงใสฮัมเพลงในลำคอราวกับมีความสุขสราญพาชวนมองไม่อยากละสายตา รอยยิ้มจางๆ ระบายวาดบนดวงหน้านวลเนียนนางคงหลงปลื้มกับความคุ้นเคยที่ห่างหายเนิ่นนานจนเกือบจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัสน้ำทะเลเมื่อใด


กันยวัฒน์ทรุดกายลงนั่งบนแผ่นพื้นทราย สายตาทองมอดไกลยังดวงอาทิตย์อัสดงที่คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ จนเกือบลับเส้นขอบฟ้า ถึงแม้บรรยากาศจะดูเงียบเหงาเศร้าสร้อย แต่ภายในจิตใจของใครบางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น ความรู้สึกในเวลานี้มีแต่อบอุ่นคล้ายเป็นความสุขวิ่งวนในหัวใจ พร้อมจังหวะการเต้นยังคงสั่นไหวระส่ำระส่ายเพียงปรายสายตามองยังความงดงามเบื้องหน้า มือแข็งแรงยกแตะสัมผัสหน้าอกตนเอง กับความรู้สึกวูบวาบในใจมันคืออะไร หรือเพราะเขาหลงรักนางพรายเข้าให้แล้วจริงๆ


“เจ้าโลกันต์.. ดวงตะวันลับขอบฟ้าแล้ว เราสามารถลงว่ายยังท้องน้ำแห่งนี้ได้แล้วหรือไม่”


ดวงอาทิตย์ลาจาก แปรเปลี่ยนเป็นดวงจันทร์แทนที่ นีลาน่าก้าวเดินพลางนั่งลงข้างกายบุรุษหนุ่มขออนุญาตในสิ่งที่นางรอคอยอย่างใจจดจ่อมาทั้งวัน ดวงตากลมกลิ้งหันมองบุคคลด้านข้างรอฟังคำตอบ กันยวัฒย์นิ่งเงียบไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกจากปาก เนื่องจากเวลานี้นางตรงหน้าดึดดูดความสนใจจนหมดสิ้น มือแข็งแรงยกขึ้นแตะใบหน้านวลเนียนอย่างอ่อนโยน ผิวขาวเปล่งประกายรับกับแสงจันทร์ที่สาดส่อง บางสิ่งบางอย่างที่ถูกสะกดอยู่ภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจถูกปลุกให้ตื่นจากหลับใหล มันคือความต้องการอยากจับสัมผัสความงดงามที่ตรึงตราตรึงใจ


นีลาน่าจับมือแข็งแรงกุมไว้ พากันยวัฒน์หลุดจากภวังค์ได้สติคืนกลับมา พลางเลื่อนสายตาหันมองทางอื่น พรายสาวได้แต่เขย่ามือที่กุมไว้เบาๆ ย้ำคำถามอีกครั้ง


“ตกลงเราลงเล่นน้ำได้แล้วหรือไม่”


“อืม.. ครับ.. ไปสิ” กันยวัฒน์ดึงมือตนเองออกจนหลุดพ้นพันธนาการ


นีลาน่าส่งยิ้มก่อนลุกยืนแต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหนแม้ซักครึ่งก้าวก็ต้องหยุดกึกกะทันหันเนื่องจากมือบอบบางโดนดึงรั้งเอาไว้


“คุณคงไม่คิดหนีผมไปไหนใช่ไหม”


คำถามส่งตรงพร้อมเลิกคิ้วรอคอยคำตอบ นีลาน่าพยักหน้าหงึกตอบคำถาม


“เราไม่เคยคิดหนี นอกจากเจ้าจะปล่อยให้เราเป็นอิสระ กลับยังแดนบาดาลเอง”


ประโยคกระแทกจิตใจจนสั่นสะเทือน เขาสมควรดีใจหรือเสียใจ ที่ได้ยินคำพูดของพรายสาว ที่นางไม่คิดหนีเพราะเขากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้อย่างนั้นหรือ มือแข็งแรงค่อยๆ คลายออก ปล่อยให้เงือกน้อยเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเบาหวิวในใจชอบกล


นีลาน่าค่อยๆ ก้าวเดินลงทะเลด้วยรู้สึกเปี่ยมสุข ขาเรียวแปรสภาพเป็นหางงดงาม ผิวหนังขึ้นเหลื่อมแวววาวเป็นเกราะเกร็ดประกายรับกับแสงจันทร์นวลผ่อง พรายสาวโผ่กระโจนกระโดดลงน้ำ ดำผุดดำว่าย วนเวียนราวกับโหยหารอคอยเวลาอย่างนี้มาแสนนาน


กันยวัฒน์ได้แต่นั่งมองสิ่งอัศจรรย์ที่โลกใบนี้สร้างขึ้น นี่คงเป็นครั้งแรกที่เห็นความสุขของนีลาน่าตั้งแต่ได้ครอบครองเงือกพรายไว้ในการดูแล ถึงแม้นางจะได้แปรสภาพเป็นเงือกอยู่บ่อยครั้งแต่มันคงจะแตกต่างกับเวลาได้เวียนว่ายอยู่ในท้องทะเลเช่นนี้


++++

โปรดติดตามตอนต่อไป..

จากคุณ : มาโซคิส
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 09:26:34




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com