Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Love Like Blood - รักรสเลือด - เลือดหยดที่สิบสอง ;คำสาบานที่ลบเลือน Episode 2 vote ติดต่อทีมงาน



เรื่องสั้นชุด Love Like Blood - รักรสเลือด

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 1
http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/07/W12451148/W12451148.html

เลือดหยดที่หนึ่ง บึงนางพราย Part 2

http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/08/W12462582/W12462582.html

เลือดหยดที่สอง กลิ่นคาวของความตาย
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12527580/W12527580.html

เลือดหยดที่สาม ทรายในหลุมดำ ฉบับไฟเขียว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12670872/W12670872.html

เลือดหยดที่สี่ ขย้ำ

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12683725/W12683725.html

เลือดหยดที่ห้า คำขอร้องของตั๊กแตน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12733988/W12733988.html

เลือดหยดที่หก แดนบูชายักษ์

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12766041/W12766041.html

เลือดหยดที่เจ็ด รักรสเลือด

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12797419/W12797419.html

เลือดหยดที่แปด เชือด/ชม/ชิม

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12835086/W12835086.html

เลือดหยดที่เก้า บ้านริมป่าช้า

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12869611/W12869611.html

เลือดหยดที่สิบ นางฟ้าในเมืองมาร

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12896120/W12896120.html

เลือดหยดที่สิบเอ็ด ภาพถ่ายซาตาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12990319/W12990319.html

เลือดหยดที่สิบสอง คำสาบานที่ลบเลือน Episode 1

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13020430/W13020430.html

Love Like Blood - รักรสเลือด

เรื่องที่ 12

คำสาบานที่ลบเลือน Episode 2


- 6 -

“ความสามารถพิเศษ?” ลลิตาส่งเสียงถามอย่างงุนงง “มันคืออะไรคะ?”

นทีหัวเราะฝืดฝืนก่อนเริ่มต้นย้อนความหลังกลับไปในวัยเด็ก

“มันคือความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติที่ทำให้พวกเราทั้งสี่คนได้มาเจอกัน ตอนนั้นเราเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมต้นที่เดียวกัน ผมกับพากย์อยู่ห้องสอง ส่วนอลิสากับประกายรุ้งอยู่ห้องหนึ่งซึ่งเป็นศูนย์รวมของพวกเด็กหัวกะทิ ผมกับพากย์เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน พวกเราไม่มีเพื่อนคนอื่นอีก ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีใครชอบเล่นกับเรานัก

บางทีอาจเป็นเพราะบุคลิกของเราเองนั่นแหละที่ทำให้ไม่มีใครอยากคบด้วย คุณนึกออกไหม? ในชั้นเรียนทุกชั้นมักจะมีเด็กที่แปลกแยกแตกต่างกว่าคนอื่นๆ เสมอ นั่นแหละ ผมกับพากย์เป็นเด็กประเภทนั้น พวกเราชอบเก็บตัวเงียบ ไม่ชอบพูดชอบคุยกับใครเพราะไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

ตัวผมเองนั้นมีพลังพิเศษที่ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่าไซโคเมทรี่ คือพลังที่เรียกดูความทรงจำจากสิ่งของต่างๆ โดยการใช้มือสัมผัส ส่วนพากย์ เขาเป็นมนุษย์ล่องหน ตกใจใช่มั้ยล่ะ แต่บนโลกนี้มีมนุษย์ล่องหนอยู่จริงๆ หากเขาถอดเสื้อผ้าออกหมด เขาก็สามารถเดินไปที่ไหนก็ได้โดยไม่มีคนเห็น เขาเคยใช้ความสามารถนี้เข้าไปในห้องพักครูเพื่อดูโพยเฉลยข้อสอบด้วย แต่พลังของเรามีขีดจำกัด ถ้าเราใช้งานมันมากเกินไป ร่างกายจะรับไม่ไหวและมันอาจส่งผลสะท้อนกลับมาอย่างรุนแรง”

“เหมือนตอนนี้ที่คุณตัวร้อน มีไข้” ลลิตาพูด จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ด้านตรงข้ามโต๊ะอาหารอย่างพินิจพิเคราะห์ “แล้วอลิสาล่ะ เธอมีความสามารถพิเศษอะไร ทำไมเพื่อนสนิทในโรงพยาบาลอย่างฉันถึงไม่เคยรู้เลย?”

“เราไม่เคยบอกความสามารถพิเศษนี้กับใครหรอก แม้แต่พ่อแม่และน้องสาวของผมยังไม่รู้เลยว่าผมสามารถทำอะไรได้ มันเป็นเรื่องน่าตลกที่ใครสักคนบอกว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษในยุคที่ผู้วิเศษหยั่งรู้ฟ้าดินเต็มบ้านเต็มเมืองอย่างนี้” นทีหลับตาอย่างเศร้าใจเมื่อคิดถึงความหลัง “อลิสามีความสามารถพิเศษในด้านการสะกดจิต เธอสามารถทำกระถางต้นไม้แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยได้เพียงแค่จ้องมองตอนโมโห นอกจากนี้เธอยังสามารถสะกดจิตคนได้โดยแทบไม่ต้องพยายามทำอะไรมากนอกจากการจ้องตา”

“สะกดจิต?” พยาบาลสาวทวนคำด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด ทันใดนั้น เธอก็โพล่งออกมาเหมือนนึกอะไรออก “คิดว่าฉันเคยเห็นเธอสะกดจิตคนไข้นะ พวกที่ชอบโหวกเหวกโวยวายชนิดที่ฉีดแวเลี่ยมยังเอาไม่อยู่น่ะ ให้อลิสาไปจัดการทีไร ไม่ถึงสองนาทีถ้าไม่นั่งฮัมเพลงเบาๆ เหมือนกลายเป็นคนละคน ก็หลับคร่อกทุกที”

นทีลืมตาขึ้นและพยักหน้า “ใช่แล้ว นั่นคือความถนัดของเธอ”

“แล้วเพื่อนคุณที่เหลืออีกหนึ่งคนล่ะ?” ลลิตาถามต่อ

“ประกายรุ้ง เธอมีความสามารถในการได้ยินเสียงวิญญาณ รวมถึงเสียงของเหตุการณ์สำคัญที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตของสถานที่ที่เธออยู่ในเวลานั้นๆ” ชายหนุ่มอธิบาย “ความสามรถพิเศษของอลิสากับประกายรุ้งแตกต่างจากของผมกับพากย์ตรงที่พวกเธอสามารถใช้มันได้โดยเกิดผลกระทบตามมาที่น้อยกว่ามาก”

“แล้วเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้ยังไง พวกคุณไปข้องเกี่ยวกับไอ้ฆาตกรโรคจิตตั้งแต่ตอนไหน” พยาบาลสาวกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ

“มันเริ่มขึ้นเมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่ไอ้ฆาตกรลงมือฆ่าเหยื่อเป็นรายที่สาม” เสียงของนทีเต็มไปด้วยความขมขื่น “เหยื่อคนนั้นคือประกายรุ้ง เพื่อนของพวกเรา เธอหายตัวไประหว่างเดินทางกลับบ้านหลังจบคอร์สสอนเต้นบัลเลย์ให้เด็กนักเรียน”

ลลิตาพยักหน้า เรื่องราวของฆาตกรโรคจิตนักข่มขืนศพที่ออกอาละวาดในจังหวัดบ้านเกิดของเธอเป็นข่าวดังไปทั่วเมือง แต่ลลิตาไม่ใช่คนที่ชื่นชอบเรื่องประเภทนี้นัก หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าอลิสาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอกลายเป็นหนึ่งในเหยื่อของมัน ลลิตาก็คงไม่ได้เริ่มต้นให้ความสนใจค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับไอ้โรคจิตผู้ลึกลับนั่นถึงขนาดรู้ว่าเหยื่อรายที่หนึ่งเป็นโสเภณี รายที่สองเป็นนักศึกษาสาวนักท่องราตรี รายที่สามคือครูสอนเต้นบัลเลย์ในสถาบันการดนตรีเอกชนแห่งหนึ่ง และรายที่สี่คือเด็กหญิงมัธยมปลาย ก่อนจะมาถึงคิวของพยาบาลสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทของเธอในรายที่ห้า


“คุณสามคนก็เลยใช้ความสามารถพิเศษของตัวเองสืบหาตัวฆาตกร” ลลิตาพูด “แล้วไอ้ฆาตกรมันก็รู้ตัว”

“ทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างนี้ถ้าตำรวจมีประสิทธิภาพ” นทีส่ายหัวอย่างหงุดหงิด “พวกเขาทำงานอืดอาดเกินไป ดีแต่ปล่อยให้ไอ้โรคจิตนั่นปั่นหัว – ”

“ – เป็นตำรวจน่ะมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป จับคนบริสุทธิ์ที่บังเอิญไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา มันจะเลวร้ายกว่าไม่ได้จับใครเลย การทำอะไรทุกอย่างมันต้องใช้เวลา” ลลิตาแทรกชายหนุ่มอย่างพยายามโต้แย้งแทนพวกตำรวจที่ถูกเขากล่าวโทษ

นทีหยุดชะงักและหรี่ตามองพยาบาลสาวด้วยความประหลาดใจ และโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาของเขาก็เลื่อนลงไปสะดุดเข้ากับประกายวับวาวของแหวนทองวงหนึ่งที่นิ้วนางข้างซ้ายในมือของเธอซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ

ฉับพลันนั้น มันก็ไม่เป็นการยากเลยที่จะเข้าใจว่าทำไมเธอถึงต้องออกตัวแรงปกป้องตำรวจขนาดนั้น

นทีแค่นยิ้ม ยกสองมือเป็นเชิงบอกให้เธอใจเย็นๆ และกล่าว “โอเค เราจะไม่ไปพูดถึงพวกตำรวจของคุณอีก แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำงานกันอย่างเช้าชามเย็นชาม ทำไมถึงไม่เคยมีตำรวจหน้าไหนมาสอบปากคำผมสักคนเลยล่ะ ผมเป็นคนสุดท้ายที่ได้อยู่กับอลิสาก่อนเธอจะหายตัวไปเชียวนะ”

“นั่น...” ลลิตาพยายามหาข้อแก้ต่าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าหาไม่ได้ จึงเปลี่ยนเรื่องพูด “...แต่คุณยังไม่ได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดเลยว่าหลังจากตัดสินใจสืบเรื่องไอ้นักข่มขืนศพด้วยตัวเองแล้ว ได้ผลออกมาเป็นยังไงบ้าง?”

นทีฉีกยิ้มให้กับการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแบบดื้อๆ ของเธอ ก่อนตอบเสียงเศร้า “มันคงดีกว่านี้ถ้าความสามารถพิเศษของพวกเราคนใดคนหนึ่งในสามคนที่เหลืออยู่ จะมีในส่วนของการสื่อสารจากโลกคนตายเหมือนที่ประกายรุ้งมี พวกเราแกะรอยข้อมูลอย่างยากลำบาก ก็อย่างที่คุณรู้ ไอ้ฆาตกรมันนำศพของเหยื่อทุกคนมาทิ้งในสภาพเปลือยเปล่า ไม่มีของใช้อะไรติดตัวเลยสักชิ้น ไม่หลงเหลืออะไรให้ผมใช้พลังไซโคเมทรี่ ไม่มีพยานรู้เห็นให้อลิสาสะกดจิต ไม่มีเป้าหมายให้พากย์ล่องหนเข้าไปค้นหาหลักฐาน จนกระทั่งพากย์นึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมาได้โดยบังเอิญ”

“คนๆ นั้นเป็นใครคะ?”

“เขาเป็นเพื่อนในโรงเรียนเดียวกับเรา ชื่อนายจอน เป็นลูกสัปเหร่อจ้อย นิสัยเงียบขรึม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครยิ่งกว่าผมกับพากย์รวมกันเสียอีก ตลอดเวลาหลายปีที่เราเรียนด้วยกัน จอนไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน” นทีตอบ ยกมือนวดขมับตัวเองที่เพิ่งคลายอาการปวดหนึบไม่นานนัก

“แล้วอะไรที่ทำให้พวกคุณคิดว่านายจอนคนนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้?” ลลิตาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่

“ตอนมอสอง เขาถูกเรียกพบผู้ปกครอบเป็นร้อยครั้งเพราะชอบย่องไปแอบดูพวกนักเรียนหญิงเข้าห้องน้ำ แต่เขามีสัปเหร่อจ้อยเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียว และเป็นที่รู้กันดีว่าสัปเหร่อจ้อยขี้เมาขนาดไหน เขาไม่เคยมาตามคำเรียกพบหรือมาร่วมประชุมผู้ปกครองเลยสักครั้ง”

นทีวางมือลงบนพนักพิงด้านข้างของวิลแชร์

“จอนกลายเป็นเด็กเหลือขอในโรงเรียนที่ร่ำๆ จะถูกไล่ออกเต็มทน เขามาโรงเรียนเพื่อจ้องมองหน้าอกของนักเรียนหญิงตาเป็นมัน  ถึงเวลาเข้าเรียนก็ไม่ค่อยเข้า ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นเขาที่โรงเรียนก็คือก่อนสอบใหญ่เพื่อขึ้นมอสาม จอนไม่ได้มาเข้าเรียนทั้งคาบเช้า ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน จนกระทั่งถึงตอนพักกลางวัน พวกเรากำลังจะเดินไปที่โรงอาหาร ก็เห็นพวกนักเรียนหญิงวิ่งแตกตื่นออกมาจากฝั่งห้องน้ำหญิง บางคนยกมือปิดหน้าร้องไห้ด้วยความกลัว พวกเรานักเรียนชายเลยวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราก็ได้พบกับภาพที่ไม่มีวันลืมเลือนได้อย่างเด็ดขาด”

“พวกคุณเห็นนายจอนกำลังทำอะไรงั้นหรือคะ?”

“ใช่ พวกเราได้เห็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียน เราน่าจะรู้ว่ากำลังจะพบอะไรเมื่อได้ยินเสียงหมาตัวหนึ่งร้องโหยหวนมาจากหลังห้องน้ำหญิง” นทีส่ายศีรษะอย่างหดหู่ “พวกเราวิ่งอ้อมมุมทางเดินเข้าไป พบว่าจอนยืนอยู่ด้านหลังหมาที่ภารโรงเลี้ยงเอาไว้ กางเกงของเขาถูกปลดลงมากองที่ข้อเท้า เขากำลัง...”

เสียงของชายหนุ่มขาดหายไป เขาไม่สามารถฝืนความพะอืดพะอมพูดออกมาจนจบประโยคได้

“โอเค ฉันเข้าใจแล้วว่าเขากำลังทำอะไร” ลลิตาเอ่ยเสียงแปร่งปร่า เธอหลับตาลงและสะบัดศีรษะ พยายามลบภาพอุบาทว์ที่ชายหนุ่มบอกเล่าออกจากสมอง

ผ่านไปครู่หนึ่ง พยาบาลสาวลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอถามเขาอย่างลังเลใจ “พวกคุณก็เลยสงสัยว่าเขาเป็นคนทำสินะ...แต่ว่า...ฉันว่ามันก็ยังไม่มีน้ำหนักมากพอ เหมือนกับว่าพวกคุณกำลังใช้อคติในอดีตมากล่าวโทษหาคนผิดในปัจจุบัน อะไรทำนองนั้น”

“มันไม่ใช่อคติ” นทีตอบ รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้ามีความคิดถี่ถ้วนเหมาะสมสำหรับการเป็นตำรวจหน่วยสืบสวนมากกว่าพยาบาลเสียอีก ท่าทางคงติดนิสัยมาจากเจ้าของแหวนวงนั้น เขาคิดก่อนกล่าวต่อ “ทายสิว่าตอนมอสอง นักเรียนหญิงที่นายจอนมักจะแอบดูเวลาเข้าห้องน้ำคือใคร?”


“ถ้าให้เดา” ลลิตาตอบอย่างรวดเร็ว “คงเป็นประกายรุ้ง?”

“ถูกต้อง เธอเป็นคนที่นายจอนคลั่งไคล้เอามากๆ  คงเป็นเพราะเธอนิสัยดี ไม่เคยรังเกียจใคร โอบอ้อมอารีกับทุกคนที่พบหน้า” นทีพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะจางหายไปอย่างรวดเร็วและถูกแทนที่ด้วยความเศร้า “เหนือจากนั้น ประกายรุ้งก็ไม่ใช่คนที่จะมีใครทำอะไรเธอได้ง่ายๆ”

“ทำไมคะ?”

“เพราะนอกจากเป็นครูสอนเต้นบัลเลย์แล้ว งานของเธออีกหนึ่งอย่างก็คือการเป็นครูอาสาสมัครสอนศิลปะการป้องกันตัวมาร์เชียล อาร์ตให้สาวๆ เยาวชนช่วงอายุระหว่างสิบห้าถึงยี่สิบปีรู้ไว้ใช้ป้องกันตัว” นทีเว้นวรรคเล็กน้อย “ดังนั้น ในความคิดของพวกเรา ไอ้ฆาตกรน่าจะเป็นคนที่เธอรู้จัก เธอน่าจะจำนายจอนได้หากหมอนั่นเข้ามาทักและรื้อฟื้นความหลังนิดหน่อย นายจอนคงหลอกล่อเธอให้ไปคุยอะไรบางอย่างกับมัน แล้วมันก็เล่นเธอทีเผลอ”

“แล้วมีเหตุผลอะไรรองรับอีกมั้ยคะว่านายจอนคนนั้นเข้าข่ายเป็นไอ้โรคจิตนักข่มขืนศพจริงๆ?” ลลิตาถาม สัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นที่ปะทุขึ้นในน้ำเสียงของชายหนุ่ม พยาบาลสาวเริ่มสงสัยใจว่าระหว่างนทีกับประกายรุ้ง น่าจะมีอะไรบางอย่างต่อกันลึกซึ้งเกินเพื่อนหรือเปล่า?

“เมื่อปีที่แล้ว นายจอนเพิ่งพ้นโทษออกมาหลังติดคุกฐานข่มขืนและพยายามฆ่าเจ้าของร้านเสริมสวยคนหนึ่งเป็นเวลาเก้าปีครึ่ง” นทีบดกรามกรอด “เพียงเท่านี้คงพอแล้วใช่มั้ยถึงน้ำหนักที่จะใช้กล่าวหาไอ้โรคจิตนั่น”

ลลิตาตะลึงไปไม่น้อยกับคำตอบข้อสุดท้ายของชายหนุ่ม นักโทษคดีข่มขืนและปูมหลังแสนวิตถารงั้นหรือ? มันช่างเหมาะสมเหลือเกินกับการเป็นฆาตกรโรคจิตที่มีการกระทำวิปลาสกับศพคนตาย ไหนจะอดีตที่เติบโตมากับพ่อที่เป็นสัปเหร่ออีกล่ะ ซึ่งไม่ว่าจะมากน้อยอย่างไร นายจอนในวัยเด็กก็คงได้คลุกคลีกับศพของคนตายมาบ้าง นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของอาชญากรรมสะเทือนขวัญครั้งนี้ก็ได้

พยาบาลสาวชักประหลาดใจเหมือนคนไข้ของเธอเสียแล้วว่า พวกตำรวจมัวไปงมโข่งอยู่ที่ไหนกันนะ?

“และที่สำคัญ จู่ๆ พากย์เพื่อนผมก็หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากที่เขาบอกว่าจะไปสืบข้อมูลที่บ้านเก่าของไอ้หมอนั่นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” นทีโพล่งขึ้นทำลายความคิดของพยาบาลสาว “พากย์เคยบอกว่าถ้าเขาไม่ติดต่อกลับมาเกินหนึ่งวัน แสดงว่าเกิดบางสิ่งบางอย่างกับเขา ให้ผมกับอลิสาเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลคลองวาฬที่เขาเช่าเอาไว้ เขาจะพยายามดั้นด้นนำหลักฐานที่ได้มากลับไปไว้ที่นั่นให้ได้ และคืนที่เกิดอุบัติเหตุ คือคืนที่ผมกับอลิสาเดินทางไปที่บ้านหลังนั้น”

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ คุณกับอลิสาไปถึงที่นั่นหรือเปล่า?”

“ไปไม่ถึง มีใครบางคนดักเล่นงานพวกเรากลางทาง มันขับรถไล่ยิงผมจนเกิดอุบัติเหตุ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด “ทีนี้เป็นตาคุณบ้างล่ะที่ต้องเล่าเรื่องการตายของอลิสาให้ผมรู้”

พยาบาลสาวนิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากเล่าออกมาได้ “เธอก็เหมือนเหยื่อคนอื่น ถูกพบในสภาพเปลือยกาย ใบหน้าบอบช้ำเพราะถูกทุบตี มันแต่งหน้าทาปากให้เธอเช่นเดียวกับศพอื่น ไม่มีร่องรอยใดชี้เบาะแสว่าฆาตกรเป็นใคร มันนำศพมาทิ้งตอนหาดร้างคนและกล้องวงจรปิดทุกตัวในบริเวณทิ้งศพก็เกิดเหตุขัดข้องใช้การไม่ได้”

“คุณบอกว่ามันนำศพมาทิ้งสองอาทิตย์ก่อนใช่มั้ย?” นทีถาม ลลิตาผงกศีรษะตอบ เขากล่าวต่อ “นั่นหมายความว่าผ่านมาสิบกว่าวันแล้วมันยังไม่ได้ลงมืออีก ผมคิดว่าไอ้โรคจิตทนเหงาได้ไม่นานหรอก มันต้องออกล่าเหยื่อภายในเร็ววันนี้แน่ๆ”

“เสียงของคุณเหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง” ลลิตาขมวดคิ้ว “คุณคิดจะทำอะไร?”

“สิ่งแรกที่ผมคิดจะทำในตอนนี้” นทีกล่าว นัยน์ตาเป็นประกายกระตือรือร้น “คือติดต่อหาพากย์ให้พบให้ได้ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย – และผมคงทำทุกอย่างไม่ได้ ถ้าไม่มีคุณ”

แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 55 17:37:02

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 17:35:32




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com