Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมเวทไร้พลัง ตอนที่ 5 vote ติดต่อทีมงาน

วันรุ่งขึ้นอิกริดต้องปวดหัวด้วยกำหนดการที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่จะประลองกับมังกรปิศาจแบบหนึ่งต่อหนึ่งโดยสู้กันสามครั้งกับคู่ประลองสามคน กลับเป็นงานคัดเลือกตัวคู่หมั้นของเจ้าหญิงเสียอย่างนั้น พวกเขาสามคนกับปิศาจมังกรต้องสู้กันเพื่อหาผู้ชนะเพียงคนเดียวซึ่งจะได้หมั้นหมายกับองค์หญิง แถมคู่ประลองของอิกริดคือผู้กล้าลาเวนเดอร์!

     นางคงทำอะไรสักอย่างเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาพบกับมังกรปิศาจ อิกริดคิด นางยังสติดีอยู่หรือเปล่า บางทีอาจลืมไปแล้วว่าคราวก่อนที่พวกเขาประมือกันต้องพบกับอะไร การห้ามปรามโดยผู้กล้าในตำนาน แล้วจะสู้กันได้อย่างไรเล่า เขาคงมีแต่ต้องยอมแพ้อย่างสุภาพบุรุษเท่านั้น อิกริดกุมขมับด้วยความเหนื่อยหน่าย

     แต่ส่วนลึกเขาอยากลองสู้กับนางดูสักครั้ง อยากลองประมือกับผู้กล้าคนใหม่กับดาบวิเศษธาตุดินคู่นั้นดู

     “กำลังคิดหนักล่ะสิเจ้าหนู” เวเบอร์ปรากฏตัวอีกครั้งราวกำลังรู้ว่าอิกริดเข้าตาจน “อยากประลองกับนางล่ะสิ”

     “ท่านรู้ได้อย่างไร”

     “หนึ่งคำตอบ แล้วข้าจะช่วย ทำให้เจ้าสู้กับนางได้โดยไม่ถูกขวางโดยผู้กล้าพอลไลน์”

     ตอนนี้อิกริดไม่ได้คิดถึงความผิดชอบชั่วดีใดๆทั้งสิ้น เขาคิดแต่อยากมีพลังที่แข็งแกร่งและแสดงพลังนั้นออกมา ไม่ว่าผู้อยู่ตรงหน้าจะเป็นใครก็ตาม! ชายหนุ่มพยักหน้ายอมรับ แต่ตอบคำถามแล้วจะได้สนุกกับการต่อสู้ แค่นั้นนับว่าคุ้มแล้ว

     “ถ้าคนที่เจ้ารักคิดกับเจ้าแบบพี่ชาย เจ้าจะทำอย่างไร”

     เป็นคำถามที่ตอบยาก อิกริดคิด มีแต่ต้องจินตนาการเอาเท่านั้นว่ามีคนรักอยู่แล้ว เขาครุ่นคิดจนไม่สังเกตว่ามีบางสิ่งแปลกไปจากเดิม

     “หากเป็นความสุขของนาง ข้ายอมเป็นพี่ชาย” อิกริดหันรีหันขวางไม่ทราบว่าคำตอบนั้นหลุดออกจากปากเขาได้อย่างไร ทั้งที่เขาอยากตอบว่าจะพาหนีแท้ๆ

     คู่สนทนายิ้มอย่างมีเลศนัยเช่นเคยแล้วพยักหน้า คลื่นความร้อนหมุนวนถาโถมเข้าสู่ร่างของอิกริด ไอร้อนวนรอบกายของเขาเป็นวงกลมแล้วหยุดนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     “เท่านี้เจ้าก็สู้กับนางได้แล้ว อย่าออมมือล่ะ ไม่อย่างนั้นเจ้าลำบากแน่...จากนี้ไปอยากได้อะไรก็คิดเอา เหมือนทุกครั้ง”

     พูดจบเวเบอร์ก็หายไปเหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตาม อิกริดก็พร้อมรับผลตอบแทนที่จะตามมา

     “เข้าห้องน้ำนานจริงอิง...” แอนนาทักทายเมื่ออิกริดเดินเข้าสู่ลานซ้อมทหารซึ่งถูกใช้ต่างลานประลอง นางจ้องหน้าเขาด้วยแววตาสงสัย “เจ้าไปทำอะไรมาอิง ทำไมดวงตาเจ้าเป็นแบบนั้น!” ไม่เพียงแค่พูด แอนนาควักกระจกส่องหน้ามาให้เขาดู

     ดวงตาของอิกริดที่น่าจะเป็นสีฟ้าใสกลับเป็นสีพระจันทร์เลือด! เหมือนกับดวงตาของเวเบอร์ไม่มีผิด! เขาคิดว่าคงเป็นผลกระทบของสิ่งที่เวเบอร์ทำกับเขา ส่วนทำอะไรนั้นเขาไม่สน

     “เอาน่า สักประเดี๋ยวคงกลับเป็นเหมือนเดิมหรอก”

     อิกริดคืนกระจกเงาแล้วเดินเข้าสู่ใจกลางสนามซ้อมเพื่อประลองเป็นคู่แรก ลาเวนเดอร์ซึ่งรวบผมปลอมตัวเป็นผู้ชายทำหน้าตกใจ เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาอย่างสงบไม่มีท่าทีหัวเสียเลยสักนิด

     “ยอมแพ้เสียแต่แรกดีกว่าอิกริด เจ้าก็รู้ว่าเราสู้กันไม่ได้” ผู้กล้าหญิงคงคิดว่าเขาหวังเกทับนางด้วยสีหน้า

     แทนคำพูด อิกริดตวัดดาบออกไปเบื้องหน้า ส่งสายเปลวเพลิงออกไปฟาดฟันพื้นหญ้าแทบเท้าหญิงสาวที่กระโดดหลบแทบไม่ทัน นางทำสีหน้าไม่อยากเชื่อแต่มันคือความจริง ตอนนี้ทั้งคู่สามารถประมือกันได้แล้ว

     “รับมือ! ผู้กล้าลาเวนเดอร์!”

     อิกริดคำรามเงื้อดาบพุ่งเข้าหาอย่างอาจหาญ ฝ่ายผู้กล้ากัดฟันยกดาบเล่มหนึ่งขึ้นรับแล้วแทงด้วยดาบในมืออีกข้างหนึ่งถากสีข้างของเขาเป็นแผลตื้นๆ

     “ได้เลย จะให้เจ้าได้เห็นฝีมือของผู้กล้าคนนี้บ้าง” หญิงสาวถอยกลับไปตั้งหลัก ดาบคู่ขยับตั้งท่าพร้อมต่อกร “หากข้าชนะจะไม่สนใจเจ้าอีก!”

     “มันแน่อยู่แล้ว ข้าไม่สนผู้ไร้อำนาจหรอก มันทำให้ข้าหมดสนุก”

     แล้วทั้งคู่ก็เริ่มประดาบกันด้วยฝีมือที่ทัดเทียม ดาบคู่ของลาเวนเดอร์รวดเร็วราวจักรผันหากไม่สามารถสร้างแผลฉกรรจ์ให้กับเขาได้ ดาบปีกวิหคสะบัดอย่างรุนแรงปัดป้องผู้ใช้ไม่ให้โดนอย่างถนัดถนี่ ชายหนุ่มต้องใช้กำลังทั้งหมดเคลื่อนไหวตอบรับกับความเร็วของหญิงสาว ราวกับทั้งคู่กำลังเต้นรำกันด้วยดาบสามเล่ม

      “ใช้พลังของดาบแห่งดินคู่นั้นสิ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่อาจเอาจริงได้”

     “ข้ออ้างมากกว่า!” ลาเวนเดอร์เลิกคิ้ว นางเหนื่อยหอบกว่าอิกริดจริง หากชายหนุ่มต่างหากที่มีแผลเล็กแผลน้อยเต็มตัว “เจ้าต่างหากที่ต้องทำให้ข้าเอาจริง!”

     “อย่างนั้นข้าแสดงพลังของดาบเล่มนี้ให้ดูก่อนก็ได้” อิกริดเหวี่ยงดาบอีกครั้ง ใบดาบหายไปราวอากาศธาตุ พร้อมกันนั้นสายลมหนาแน่นก่อตัวพุ่งเข้าหาว่าที่วีรสตรีดุจลมพายุจนนางไม่ทันป้องกัน

     แทนที่สายลมจะกลายเป็นคมมีดเชือดเฉือนกลับกลายเป็นสายฟ้าแรงสูงเข้าจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวทำได้แค่กรีดร้อง ร่างบอบบางสั่นกระตุกอย่างน่าเวทนา พระราชาและคนดูล้วนแต่ร้องด้วยความเวทนาสงสารผู้กล้าหญิง

     “ไม้ก่อกำเนิดลม ลมก่อกำเนิดสายฟ้า ไม้ชนะดิน สายฟ้าย่อมชนะดินด้วย ต่อให้มีเกราะดินกันก็ป้องกันไม่ได้หรอก” อิกริดพูดอย่างผู้รู้ สายลมมารวมตัวกันเป็นใบดาบปีกวิหคอีกครั้ง

     เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ดาบทำอะไรแปลกๆได้ดังใจ อิกริดรู้สึกคึกคะนองจนบอกไม่ถูก

     หญิงสาวทรุดร่างลงกับพื้นดิน ทั่วตัวเต็มไปด้วยร่องรอยเผาไหม้ของสายฟ้า เสื้อผ้าขาดวิ่นด้วยพลังอำนาจของดาบปีกวิหค ด้วยความแกร่งจากเนื้อในทำให้หญิงสาวยันตัวขึ้นยืนอีกครั้ง

     ท่ามกลางสายตาชื่นชมของคนดูร่างของหญิงสาวก็เกิดสิ่งประหลาด ทั่วตัวเกิดฟองแสงสีเหลืองทองขึ้นแล้วจางหายไป อิกริดมองแค่ครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นมนตร์รักษา เขาหันหลังไปมองแอนนาเพราะเชื่อแน่ว่าเป็นฝีมือนาง เจ้าตัวกลับทำมองฟ้ามองฝนไม่สนใจยิ่งบอกชัดว่านางเป็นคนทำเอง

     เมื่อดูจากสีหน้าของลาเวนเดอร์แล้ว นางคงคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์เสียมากกว่า หญิงสาวกำหมัดแน่นพร้อมเข้าต่อกรกับอิกริดต่อเป็นยกที่สอง

     บางทีคราวนี้นางอาจอยากเอาจริงขึ้นบ้างแล้ว อิกริดหวังไว้ในใจ

     “หากเจ้าต้องการ ก็ได้”

     หญิงสาวไม่ได้ก้าวเข้าหาคู่ต่อสู้ทันที กลับปล่อยดาบเล่มหนึ่งออกจากมือ ทันทีที่ใบดาบปักลงบนพื้นดินพลันเกิดใบดาบนับสิบๆใบงอกขึ้นมาทั่วบริเวณ ด้วยดาบในมือที่เหลืออีกเล่ม นางพุ่งเข้าใส่อิกริดด้วยความเร็วที่มีอยู่

     สมาธิของอิกริดจดจ่ออยู่กับดาบในมือนางจนไม่ทันสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงในเสี้ยวเวลา ใบดาบบนพื้นงอกยาวขึ้นทันควันดุจกรงเล็บนับสิบทิ่มแทงทุกสรรพสิ่งเหนือผิวดิน เว้นเพียงอิกริดราวกับจงใจ ท่ามกลางความตื่นตะลึงเขารู้สึกตัวอีกครั้งก็ถูกดาบนางจ่อที่หน้าอกพร้อมแทงทะลวง

     “เจ้าทำผิดแล้วที่ไม่ฆ่าข้าเสียก่อนจะเอาจริง” ผู้กล้าสาวพูดอย่างทระนง

     อิกริดแทบหัวเราะออกมา แบบนี้ล่ะคือสิ่งที่เขาต้องการ ต่างฝ่ายต่างเอาจริง เค้นกำลังออกมาปะทะกันโดยตรง

     ดาบปีกวิหคฟาดฟันไปรอบตัว ก่อเกิดเป็นน้ำแรงดันสูงทำลายล้างรอบด้านดั่งพายุคมมีด ลาเวนเดอร์ถอยกรูดตั้งดาบรับ เมื่อน้ำจากดาบลดความรุนแรงลงนางก็พุ่งเข้าหาอิกริดซึ่งหน้าพร้อมฟาดดาบในมือเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความรุนแรง ชายหนุ่มยกดาบขึ้นรับ

     ทันทีที่ดาบทั้งคู่ปะทะกัน ดาบแห่งดินของลาเวนเดอร์กลับแตกตัวแล้วประสานเป็นคมดาบเฉือนหน้าอกของอิกริดโดยไม่มีสิ่งใดป้องกัน คราวนี้เขาเป็นฝ่ายร้องด้วยความเจ็บปวดบ้าง ถ้าเขาหันไปดูด้านหลังคงเห็นแอนนากำลังมองเขาด้วยท่าทางลังเลว่าจะช่วยดีหรือไม่

     ทว่าหลังจากตั้งสติได้เขากลับหัวเราะ หัวเราะทั้งที่เจ็บปวดสุดแสน หัวเราะด้วยความบ้าคลั่งที่มี

     “ดี! อย่างนี้ล่ะที่ข้าต้องการ”

     อิกริดออกคำสั่งเบาๆ ใบดาบปีกวิหคก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยล่องลอยล้อมเขาเอาไว้ราวกรงล้อมสะท้อนแสง หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร กำแพงดินสูงตระหง่านผุดขึ้นขวางกั้นคนทั้งคู่

     ราวกับก่อด้วยทราย เศษดาบชิ้นเล็กๆพุ่งทะลุผ่านมันไปราวไม่มีอะไรขวางกั้น

     ธาตุดินแพ้ธาตุไม้กับธาตุทอง โลหะทั้งมวลถือเป็นธาตุทอง

     ท่ามกลางฝุ่นควันจากการพังทลายเศษใบดาบแผ่กระจายราวร่างแห คราวแรกเขาคิดว่าหญิงสาวคงวิ่งฝ่าออกมาตรงๆ แต่นางมีวิธีที่เร็วกว่านั้น

     แท่งดินใต้เท้านางงอกทะยานขึ้นเป็นแนวเฉียง พาร่างของผู้กล้าหญิงพุ่งเข้าหาอิกริดผู้คอยตั้งรับอยู่แล้ว เศษใบดาบนับร้อยก็พุ่งตามร่างนางราวลมกรดเช่นกันแต่ไม่ทันความเร็วของฐานดินใต้ฝ่าเท้า กระทั่งแท่นดินนั้นถูกทำลายนางจึงถีบเท้าดันตัวเข้าหาด้วยระยะห่างไม่ถึงสองเมตร

     ผู้ครอบครองดาบปีกวิหคประมาทเกินไป แทนที่จะหลบไปทางขวาของหญิงสาว เขากลับหลบไปทางซ้าย ซึ่งโดนแขนข้างซ้ายของนางเกี่ยวจนล้มกลิ้งลงไปด้วยกัน

     “ท่าน ช่วยข้าเอาไว้อีกแล้ว”

     อิกริดมัวแต่ร้องความความเจ็บปวดจนไม่ใส่ใจร่างของหญิงสาวที่ตนเท้าแขนคร่อมร่างอยู่

     “หากท่านไม่ดันข้าไปทางด้านข้างก็คงโดนแท่งดินนั้นเสียบไปแล้ว” หญิงสาวชี้ให้เขาดูใบดาบดินแหลมคมที่ยังเล็ดลอดจากการทำลายของเขา

     สิ่งนั้นอยู่นอกเหนือการคำนวณของเขาอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่เขาทำก็แค่หลบนางเท่านั้น แค่บังเอิญประสานงากันจึงทำให้นางไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

     “เจ็บจะตายอยู่แล้ว แต่ช่างเถอะ มาสู้กันต่อดีกว่าไหม” อิกริดกัดฟันพูดกับหญิงสาวโดยไม่สนว่าร่างของทั้งสองอยู่ใกล้กันขนาดไหน “ต่อให้ไร้อาวุธข้าก็บีบคอเจ้าได้”

     “ข้ายอมแพ้ก่อนก็ได้ ยังไงผู้ชายก็แข็งแรงกว่าอยู่แล้วนี่” นางตอบ “แล้วจะคร่อมตัวข้าอีกนานแค่ไหน เสียมารยาท!”

     อิกริดลุกขึ้นทันทีที่กรรมการประกาศให้เขาเป็นผู้ชนะ แอนนารีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมแพทย์สนามอีกนายหนึ่งเพื่อช่วยรักษาพวกเขา

     “ตาเจ้ากลับเป็นเหมือนเดิมแล้วอิง เหตุใดเมื่อดวงตาเจ้าเปลี่ยนสีจึงทำอะไรแบบนั้นได้” แอนนาตั้งข้อสังเกตพร้อมทั้งดุเบาๆ “เจ้าเกือบฆ่านางแล้วนะ! หัดออมแรงบ้างสิ”

     “แล้วทีนี้เจ้าจะทำอย่างไรมังกรปิศาจ จะชนะเพื่อมาสู้กับข้า หรือยอมแพ้เสียแต่ตอนนี้”

     อิกริดพูดกับชายในชุดเกราะสีดำสนิท มังกรปิศาจในร่างเดียวกันกับที่ปรากฏตัวให้เขาเห็นเมื่อคืนก่อนมองเขาอย่างครุ่นคิด ส่วนมากเป็นแค่การคุยข่ม อิกริดยังไม่แน่ใจว่าสามารถต่อสู้ได้เหมือนเมื่อครู่หรือไม่ หลังจากพลังที่เวเบอร์มองให้กับเขาหมดไปแล้ว

     ความสามารถที่เขาใช้ไปเมื่อครู่คือสิ่งที่เวเบอร์มอบให้อย่างนั้นหรือ อิกริดยังคงคิดว่าเหตุใดตัวเขาจึงใช้เวทมนตร์ผ่านดาบได้หลากหลายถึงเพียงนั้น

     “ด้วยพลังของข้าในตอนนี้คงพอต่อกรกับเวเบอร์ในร่างท่านได้” มังกรปิศาจตอบ “แต่ข้าไม่อยากสู้กับท่านที่เคยเป็นนายของข้า ข้าขอยอมแพ้แก่ท่านผู้นี้!!” ปิศาจในชุดเกราะตะโกนร้องให้ได้ยินกันทั่ว

     อิกริดยืนนิ่งอย่างคิดไม่ถึง คู่ต่อสู้ที่หวังต่อกรด้วยกลับหนีไปเสียดื้อๆ แบบนี้ไม่เหมือนกับแผนที่เขาคิดเอาไว้เลยสักนิด

     “เป็นอะไรไปอิง แบบนี้ก็ดีแล้วนี่” แอนนาที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่เรียกสติของเขากลับคืนมา

     ถ้าอย่างนั้นคงต้องบังคับกันสักหน่อย อิกริดเหลียวซ้ายแลขวามองหาพระราชาที่ประทับอยู่บนแท่นสูง ในพริบตาอิกริดก็ใช้เวทมนตร์สร้างสายลมส่งตัวเขาไปหาผู้ครองเมืองท่ามกลางสายตาเหล่าทหาร เป้าหมายคือเพชรชมพูยอดมงกุฎ

     “ขอประทานอภัยที่เสียมารยาท”

     อิกริดฉวยมงกุฎทองคำออกมาจากพระเศียรแล้วใช้กำลังแกะเพชรยอดมงกุฎออกมา อัญมณีน้ำงามทอแสงสีชมพูในมือของเขา ตามที่มังกรปิศาจบอกเมื่อคืนนี้ แค่ได้สิ่งนี้มาเขาก็สามารถขอพรได้ทุกประการ

     “สิ่งนี้ใช่หรือไม่ ที่ว่าเพียงได้มาจะขอพรอะไรก็ได้”

     ไม่ทันตั้งตัว เพชรชมพูพลันถูกฉวยไปด้วยฝีมือของผู้กล้าสาว อิกริดหันไปเห็นแท่นดินงอกยาวมุ่งตรงสู่ปะรำพิธี นางคงใช้แท่นดินนั่นส่งตัวขึ้นมาที่นี่พร้อมกับเขา

     “ข้าขอให้เจ้าหญิงฟรอนเซียได้อภิเษกกับคนที่นางรักด้วยเถิด”

     ไม่รอพูดพล่ามทำเพลง หญิงสาวกุมเพชรเม็ดนั้นไว้ด้วยสองมือแล้วขอพร แสงสีชมพูงดงามสว่างลอดนิ้วมือออกมาเป็นความหมายว่าทำให้สมประสงค์แล้ว นางชิงขอพรในขณะที่อิกริดยืนเป็นใบ้อยู่!

     “ทำอย่างนี้ได้ยังไง” อิกริดพูดเสียงอ่อยด้วยความไม่เชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

     “ก็ทำไปแล้วล่ะ” นางย้อนพลางโยนเพชรเม็ดนั้นกลับมาให้อิกริด

     บัดนี้ประกายของเพชรได้หายไปแล้ว แสดงให้เห็นว่ามันกลายเป็นแค่เพชรธรรมดาๆไปเสียแล้ว เขาโยนมันกลับไปให้พระราชาแล้วหันไปทำท่าจะต่อว่าผู้กล้าสาว

     ระหว่างนั้นเกิดสิ่งหนึ่งซึ่งดึงความสนใจของคนทุกผู้ ทหารม้านายหนึ่งควบม้าตรงเข้าสู่ลานซ้อม แล้วเสียบหอกเหล็กลงบนแผ่นหลังของมังกรปิศาจ! ร่างที่ห่อหุ้มด้วยเกราะสีดำสนิทบิดเร่าอย่างรุนแรงก่อนล้มลงกับพื้นดิน ทุกคนล้วนคิดว่าปิศาจนั่นตายไปแล้ว ซึ่งนั่นน่าจะเป็นจุดจบของเรื่องราวในคราวนี้

     “ข้าล้มมังกรปิศาจได้แล้ว ข้าคือผู้ชนะ!” ชายบนหลังม้าป่าวประกาศ เจ้าหญิงแสนงามข้างพระราชากุมมือทาบหน้าอกด้วยความซาบซึ้งที่ผู้เป็นที่รักมาคว้าชัยชนะในตอนท้าย

     “คนนั้นคือคนรักของธิดาของข้า” พระราชาปัดมงกุฎแล้วสวมกลับเข้าที่เดิม ท่าทางไม่แยแสต่อมารยาทที่ค่อนข้างเลวทรามของอิกริด

     “รอก่อน! เจ้าต้องมาสู้กับ...” อิกริดจะแย้งแต่ถูกลาเวนเดอร์ปิดปากเสียก่อน

     “พูดแล้วย่อมต้องไม่คืนคำ” พระราชากุมขมับด้วยจนต่อสิ่งที่ตนพูดออกไปแล้ว ว่าผู้ที่สามารถชนะมังกรปิศาจได้จะสามารถขอสิ่งใดก็ได้หนึ่งอย่าง ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะขออะไร “บอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา! ข้าจะทำให้สมหวังเอง”

     “ข้าขออภิเษกกับท่านหญิงฟรอนเซีย!” ตามที่พระราชาคาด ทหารม้านายนั้นขออภิเษกกับองค์หญิงจริงๆ

     ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีผู้ถูกลืมสองคนยืนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง อิกริดอยากพ่นคำสบถใส่หน้านางสักรอบค่าที่ทำให้เขาไม่ได้ดังใจ หากด้วยความที่สู้กับนางจนพอใจแล้วจึงสร้างสายลมส่งตัวเองไปหาแอนนาที่ยืนน้ำตาคลออยู่

     “น่ายินดีจริงๆนะอิง เจ้าหญิงไม่ต้องแต่งงานกับมังกรปิศาจแล้ว” แอนนาปาดน้ำตา อิกริดนิ่งอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีก่อนถอนหายใจเบาๆ

     “เรากลับที่พักกันดีกว่าแอนนา เสร็จงานแล้ว ประเดี๋ยวจะได้เดินทางต่อ” แล้วทั้งคู่ก็กลับที่พักด้วยมนตร์เคลื่อนย้ายของแอนนา...


     ห้องพักนอนของแอนนาปรากฏขึ้นในพริบตา หากห้องที่น่าจะว่างเปล่ากลับมีสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเบาะนั่ง นางมีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ปีกสีขาวบริสุทธิ์บนแผ่นหลังบ่งบอกว่าเป็นคนในแดนเทพ และโครงหน้างดงามที่อิกริดรู้สึกคุ้นเคย

     “คุ้นๆนะ ชื่อนางติดอยู่ที่ริมฝีปากข้านี่ละ” แอนนาขมวดคิ้ว

     ลงนางพูดแบบนี้ความรู้สึกของเขาคงไม่ผิดเพี้ยนไปนัก อิกริดคิด

     “นามข้าคือเฟเรซิส เทพีเฟเรซิส”

     ชื่อนั้นทำให้ทั้งคู่ถอยหลังกลับราวครึ่งก้าว เป็นอีกครั้งที่ตำนานที่มีตัวตนมาปรากฏตรงหน้า นางคือเทพีในตำนานจริงๆหรือ เทพีเฟเรซิสภรรยาของผู้กล้วพัวร์รีน ผู้เป็นบรรพบุรุษคนหนึ่งของอิกริด!

     “ข้ามีคำถามอยากถามเจ้าหนูนั่นสักนิด” พระนางชี้มาทางอิกริด “เจ้าเลือกหรือยังว่าจะเป็นใคร สามี หรือน้องชายของข้า” เทพีเฟเรซิสทำให้อิกริดอ้าปากค้าง สามี น้องชาย นางหมายถืงอะไรกันแน่...

*****************************
คุณPsycho man  - - ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

ลิงค์

ตอนที่ 4 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12978100/W12978100.html
ตอนที่ 3 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12888111/W12888111.html
ตอนที่ 2 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12879933/W12879933.html
ตอนที่ 1 - - ลิงค์เสียครับ
บทนำ - - http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/09/W12645393/W12645393.html

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 55 19:01:45




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com