Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 27 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13032596/W13032596.html

บทที่ 27

'ไสยเวทย์ลี้ลับหรือ' แม่นางกณิการ์ทวนเบาๆ แววตาเกรียมด้วยความชัง ทรวงอกกระเพื่อมถี่เผยถึงความพลุ่งพล่านใคร่กำจัดซาตานกำแหง

หุ่นอรชรเคลื่อนไหวงุ่นง่าน หากยามนี้องครักษ์ศมะอยู่ด้วย ก็คงพอช่วยหันเหด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง แต่เมื่อในนี้มีเพียงพระครูลาพุชผู้เคร่งขรึมสำรวมตลอดเวลา แม่นางจึงได้แต่ระบายกิริยากระสับกระส่ายวนไปเวียนมาอยู่เช่นนั้น

"แล้วเราต้องทำยังไง ท่านบอกวิธีกำจัดมันให้รู้แจ้ง เราจะลงไปจัดการมันด้วยตัวเราเอง"

"เท่าที่เคยศึกษามาบ้าง ไสยเวทย์ลี้ลับเป็นของกลุ่มชนแคระลึกลับที่รอนแรมกลางป่าดิบอันสันโดษเจ้าข้า ผู้นำกลุ่มจะคิดค้นหมกมุ่นวิชาอาคมที่สามารถชุบคนตายให้ฟื้น แต่ลักษณะการฟื้นจะไม่ใช่คนดังเดิม หากแต่เป็นซาตานอมตะ"

"แล้ววจาสันดานหยาบไปเจอคนกลุ่มนั้นได้ยังไง"

"เราไม่ทราบเรื่องนี้หรอก แต่คะเนได้ว่าก้นเหวลึกนั้น น่าจะเป็นที่ซุ่มซ่อนของพวกเขา และบังเอิญว่า.. "

"ใช่ เราเข้าใจแล้ว"

แม่นางย้ายร่างไปกระแทกนั่ง สองมือกำหมัดเกร็งเหนือเข่า ดวงตาคมกริบเต้นไหวด้วยรังสีทรงอำนาจ คงเป็นเพราะแม่นางเองที่บัญชาโทษตายในคราวก่อน

วจาสันดานหยาบคงดับสูญกลายเป็นซากศพยังก้นเหว ฝ่ายโน้นคงไปเจอเข้า จึงถือโอกาสใช้เป็นเครื่องทดลองวิชาเสียเลย แล้วมันก็บังเอิญว่า 'สำเร็จ'

แต่ถึงจะสำเร็จ ในวันมงคลเช่นนี้ อริชั่วกลับกล้าโผล่มาอาละวาดอย่างจงใจ ก็ย่อมหมายความว่าอยากลองดี จะอมตะหรือไม่ แม่นางก็หาได้ครั่นคร้ามแม้แต่น้อย ไม่เชื่ออีกด้วยว่าจะมีคนหนีพ้นการดับสูญได้

ต้องไม่มีไสยเวทย์ใดชุบร่างศพให้อมตะได้แน่ ไม่อย่างนั้น บนโลกใบนี้ก็คงเต็มไปด้วยซาตานเดินเพ่นพ่านปะปนกับคนทั่วไปจนแยกไม่ออกแล้ว สิ่งที่พระครูลาพุชศึกษามา อาจเป็นแค่ตำราเก่าแก่ที่จารึกสืบต่อกันมาเท่านั้น

"แม่นางไม่เชื่อเราหรือ" พระครูมองตากร้าวที่วาววับเช่นนั้นก็พอคาดเดาใจได้

"ใช่ว่าเราจะลบหลู่ท่านนะ แต่เราไม่เคยเชื่อว่าในโลกนี้จะมีวิชาใดวิเศษปานนั้น ถ้ามีจริง เราแม่นางกณิการ์จะบุกบั่นลงไปควานหาให้เจอ แล้วลากคอคนกลุ่มนั้นมาทั้งยวง บัญชาให้ขุดซากศพเจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าพี่มาชุบให้ฟื้นคืน เป็นซาตานเราก็ไม่เกี่ยง"

"แม่นาง เหลวไหลยิ่ง นำเรื่องนี้ไปโยงเกี่ยวกันได้ยังไง ด้วยบารมีอันสูงส่งของเจ้าฟ้ามีหรือจะตกต่ำลงสู่ชีวิตซาตานอันดำมืดได้ เราไม่ชอบใจเลย เป็นถึงแม่นางเจ้าฟ้า กลับผุดวาจาเอาแต่ใจไร้การใคร่ครวญนัก"

พอโดนเอ็ดหนักเข้า แม่นางกณิการ์ก็ค่อยคลายสีหน้าเกรี้ยวกราดลงเล็กน้อย หุ่นอรชรลุกมากุมมือสะอาดแกมสั่นอย่างสำนึกผิด กล่าวเสียงอ่อนลงว่า

"เราขอโทษ ปากเราไม่ดี ก็ใครใช้ให้ท่านดีแต่ดุด่าติเตียนเล่า นี่ท่านศมะไปไหน มีแต่เขาที่เข้าใจทุกถ้อยคำเรา"

"เข้าใจหรือตามใจเจ้าข้า"

"ทั้งสองอย่าง"

แม่นางกณิการ์ตอบสวนว่องไว ไม่เห็นว่าพระครูส่ายหน้าระอาเพราะเคลื่อนปราดออกไปหน้าระเบียงโค้ง ส่ายตาดุร้ายมองหาองครักษ์คู่ใจ จนเจอว่ากำลังควบคุมกองทัพนักรบอยู่ตรงมุมหนึ่ง แม่นางจึงร้องเรียก

"เจ้าขึ้นมาหาเราเดี๋ยวนี้"

"ไม่ได้หรอกเจ้าข้า ข้างล่างนี้เหตุการณ์กำลังชุลมุนหนัก เราไม่ไว้ใจผู้บุกรุก กำลังจะตามเข้าโถงไป"

"ท่านศมะ จงอ้อมโรงนาฏศิลป์เลียบลานสวนขึ้นมาบนนี้ เจ้าไม่อาจเข้ามาโดยตรงจากทางโถงหน้าได้"

พระครูลาพุชตามมาชี้แนะ ด้วยประสบการณ์ของท่าน ย่อมตระหนักว่าหน่อเนื้อหนุ่มไม่อาจต่อกรกับซาตานอมตะได้ ไปอวดกล้าไม่เกรงดับสูญก็จะพานดับสูญอย่างไร้ค่าไปเสียเปล่าๆ

"เราไม่ชอบเสียงท่านเลย" แม่นางกณิการ์หันไปตำหนิ "ท่านทำเหมือนว่าเกรงกลัวซาตานชั่วตนนั้น"

"ก็ต้องกลัวเจ้าข้า แม่นางเองก็ต้องระวังให้จงหนัก เลิกลำพองในอาวุธประจำกายได้เลย ต่อให้ลงวิชาอาคมขลังแค่ไหนก็ไม่อาจระคายผิวแข็งดั่งเนื้อหินของเจ้าซาตานได้ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีอาคมแก่กล้าขึ้นมากด้วย เพราะทั้งตัวของมันถูกหล่อหลอมให้ฟื้นคืนด้วยบรรดาไสยเวทย์ดำมากมาย"

"แต่มันก็ไม่กล้ารุกล้ำขึ้นมาบนนี้" แม่นางเถียง "แสดงให้เห็นว่าอาคมแห่งเราแม่นางขลังยิ่งกว่า รอให้มันฝ่าม่านวิชาของเรามาถึงบนนี้ได้เสียก่อนเถอะ แล้วค่อยมาบัญชาให้เราเกรงกลัวมัน"

พระครูส่ายหน้ากับถอนใจ แม่นางเจ้าฟ้าช่างฮึกเหิมดื้อรั้นยิ่งนัก หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ กลับไม่ยอมลดความแข็งกร้าวรับฟังคำแนะนำทัดทานทั้งปวง คิดหาญกล้าอยู่แต่ว่าพร้อมรบและกำราบศัตรู

"ใครกันที่บังอาจนัก กล้าทำลายพิธีมงคลในวันนี้ได้ ไม่เจียมวาสนาแท้ ต้องสั่งสอนกำราบให้หลาบจำเสียแล้ว"

องครักษ์หนุ่มปรากฏกายพร้อมเสียงเหิมเกริมอีกคน พระครูได้ยินเข้าก็ได้แต่ส่ายหน้ากับขึงตาขุ่นใส่ การบ่นเช่นนั้นเท่ากับหยดน้ำมันลงในกองไฟแท้ๆ แม่นางเจ้าฟ้ายิ่งมุ่งมั่นรุ่มร้อนอยู่ด้วย

"ใช่ เจ้าพูดถูกใจเรามาก เห็นไหมพระครูท่าน มีแต่ท่านศมะที่คิดไปในทางเดียวกับเรา ที่ไหนจะรีรอโอ้เอ้กลัวนั่นกลัวนี่เช่นท่าน"

นั่นยังไง คิดยังไม่ทันขาดสายในสมองกลัดกลุ้ม แม่นางก็รีบร้องรับ แววตาลิงโลดฮึกเหิมขึ้นในทันทีทันใด อึดอัดขัดใจมากเข้า พระครูชราก็ปรี่ไปตวาดหน่อเนื้อเสียอีกคน

"หุบปากพร่ำเพรื่อของเจ้าลงท่านศมะ ไม่รู้ความมาก ก็พูดให้น้อยเท่าที่รู้น้อยเถอะ ไม่ต้องพูด"

หน่อเนื้อหนุ่มอ้าปากจะเถียงก็โดนตวาดกลบเสียงเสียสิ้น จึงได้แต่สบตากร้าวกับแม่นางเจ้าฟ้า แล้วค่อยเดินไปประกบเยื้องหลังหุ่นอรชร รอฟังว่าบิดาจะแนะนำประการใด ก็เห็นว่าหน้าเคร่งจัดกว่าที่เคยเห็นนัก

"จงฟังและเชื่อเราเจ้าข้าแม่นาง ต่อสู้พอแค่กำราบให้หยุด ซาตานวจาฆ่าได้แต่จะไม่ดับสูญ"

"เราไม่เชื่อ ท่านเลิกพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จงบอกวิธีกำราบมันแก่เรา ขอถ้อยความที่สำคัญเท่านั้นนะท่าน อย่าได้ข่มขู่เราด้วยเรื่องฆ่าไม่ดับสูญอีก เราหงุดหงิดมากพอแล้ว อย่าให้เราบัญชาลงโทษพระครูชราเลย"

"บัญชาลงโทษบ้างก็ได้ แต่เราศมะจะขอรับแทนเอง พระครูชรามากแล้ว แบกรับไม่ไหวหรอก"

"ท่านศมะ เจ้าไม่ได้ยินหรือ เราสั่งว่าหุบปากไม่ใช่หรือ" บิดาเอ็ดตวาดมาเลย

"อ้อ จริงสิ ลูกลืมชั่วขณะ ขออภัยยิ่ง"

"แม่นาง อย่าเพิ่งไป"

แม่นางกณิการ์ไม่สนใจสองพ่อลูกต่อปากต่อคำ หรือแม้แต่เสียงเรียกปรามหนักของพระครูชราก็ไม่อยากฟัง ด้วยว่าชิงชังเสียงหัวเราะคำรามที่แว่วขึ้นมากระตุ้นจิตอันฮึกเหิมให้ยิ่งเร่าร้อนต่อการกำราบและกำจัด

ซาตานวจาตนนี้ช่างโอหังนัก ตอนมีชีวิตก็สันดานหยาบย่ำยีแม่นางจงอรจนอับอายไปทั่วคาม คิดลอบฆ่าเจ้าฟ้าจ่างอย่างไม่เจียมวาสนา

พอดับสูญตกตามแม่นางแพรผู้น้องไปไม่ทันไร ก็ย้อนคืนมาทวงแค้นด้วยร่างอมตะหรือ รอสักครู่เถอะ อมตะหรือเปล่า ฆ่าให้ดับสูญได้ไหม เป็นได้รู้ได้เห็นกันล่ะ

"จงฟังและเชื่อคำเราเถอะแม่นาง" พระครูตามมาประกบแล้วกำชับเสียงอ่อน "ทั่วร่างของซาตานวจาไม่ระคายต่ออาวุธ แม่นางใช้กำลังกำราบมันไม่ลงแน่ ต้องใช้สติปัญญาเจ้าข้า"

"หมายความว่าเราทำให้มันบาดเจ็บไม่ได้อย่างนั้นหรือท่าน"

"เจ้าข้า มีทางเดียวที่จะสยบมันได้คือกักขังเจ้าข้า"

"กักขัง" แม่นางเจ้าฟ้ากับองครักษ์คู่ใจอุทานทวนพร้อมเพรียง

"ทั่วร่างนั้นแข็งแกร่งประหนึ่งเนื้อหิน อาวุธใดๆ ก็เชือดเฉือนไม่เข้า แม้แต่ดวงตาคู่นั้น แม่นางจะควักจะปักด้วยยอดธนูมีดแหลมอันใดก็ทำไม่ได้"

"มันต้องมีจุดอ่อนบ้างสิ"

องครักษ์ศมะอดแทรกไม่ได้ตามประสานักรบกรำศึกมาหลายสงคราม คนเก่งแค่ไหนยังไงก็ต้องมีจุดอ่อนให้ฉวยเพื่อสยบอย่างน้อยก็ต้องหนึ่งจุด ซาตานก็ไม่น่าจะมีข้อยกเว้นได้

"ใช่ เจ้าพูดถูกท่านศมะ คราวนี้เจ้าพูดเข้าท่าและรื่นหูพ่อนัก"

"อย่ามัวแต่ค่อนขอดกัน" แม่นางตวาดรำคาญ

"มุ่งไปที่ปากเจ้าข้า" พระครูบอกเลย "หลอกล่อยังไงก็ได้ แล้วใช้ดาบใหญ่แทงทะลวงเข้าไป แม่นางจงตระหนักด้วย โอกาสมีแค่ครั้งเดียวนะเจ้าข้า ถ้าพลาดแล้วมันจะนึกรู้ ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็จะย้ายมาที่เรา"

"มันจะดับสูญใช่ไหม"

"มันแค่หยุดให้เรากักขังได้เท่านั้น เอาเถอะ" พระครูโบกมือตัดบท สกัดมือที่ยกโบกรำคาญของแม่นางเจ้าฟ้า "ยังไม่ต้องเชื่อเรื่องนี้ในตอนนี้ก็ได้ รอให้แม่นางสยบมันให้สำเร็จก่อน แล้วแม่นางก็จะเชื่อไปเอง"

"เราจะติดตาม.. "

"ไม่ต้องท่านศมะ เราแม่นางกณิการ์เป็นถึงเจ้าฟ้าแห่งคามดารกะ ศัตรูที่เราจะออกไปกำราบก็เป็นถึงซาตานอมตะฆ่าไม่ดับสูญ ภารกิจนี้สำคัญและอันตรายถึงแก่ชีวิตนัก เราคงให้เจ้าติดตามไปเสี่ยงด้วยไม่ได้"

"แต่ว่า.. "

"ท่านศมะ เราจะจัดการเอง เราทำได้ ไม่เคยมีเรื่องไหนที่เราแม่นางกณิการ์ทำไม่ได้มาก่อน"

"แม่นาง"

"ท่านสองจงฟังบัญชา หากบังเอิญไปว่าครั้งนี้เราทำไม่สำเร็จ เป็นฝ่ายสังเวยชีวิตแก่ศัตรูชั่วแล้วละก็ ท่านสองจงปกป้องแม่นางมัลลิกาแทนเรา รอจนแม่นางเติบใหญ่ ก็ให้ปกครองคามดารกะต่อจากเราสืบไป"

"แม่นาง"

องครักษ์ศมะใจหายวาบ ทำท่าจะตามติดหุ่นอรชรที่พลิ้วออกนอกโถงไปแล้ว พระครูรีบถลันไปดึงแขนใหญ่ส่ายหน้าปรามว่าอย่าหุนหันวู่วาม ยังมีภารกิจมากมายรอให้ทำ

"แต่ว่า.. "

"ท่านศมะ ทุกอย่างฟ้าได้ลิขิตแล้ว เชื่อพ่อเถอะ สงบและสำรวมใจรอเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงนับจากนี้ดีกว่า แม่นางเจ้าฟ้าจะไม่เป็นไรหรอกเจ้า มันยังไม่ถึงเวลา เจ้าเข้าใจที่พ่อพูดดีอยู่ใช่ไหม"

กิริยากลืนน้ำลายว้าวุ่นบอกในทีว่าเข้าใจ องครักษ์หนุ่มสืบเท้าไปหยุดหน้าระเบียง รับรู้ถึงแรงสะเทือนครืนๆ ที่ไหวมาเป็นระลอกและอย่างต่อเนื่อง คงเป็นฤทธิ์เดชกำแหงของซาตานชั่วข้างล่างกระมัง

ตอนไม่รู้ว่าศัตรูจากที่ไหนกำแหงมารุกรานป่วนพิธีมงคล ใจก็เดือดดาลอยากกำจัดให้สิ้นซาก ครั้นยิ่งมารู้ว่าศัตรูคือวจาช่างตีดาบที่เคยโดนบัญชาโทษตาย แต่กลับมาคราวนี้แปรชีพเป็นซาตานอมตะไปเสียแล้ว หัวใจก็แสนพลุ่งพล่านเร่าร้อนเหมือนโดนกองไฟใหญ่โอบล้อม

และแม้ว่าจะเชื่อในทุกคำทำนายของบิดา ด้วยว่าท่านไม่เคยผิดพลาดมาก่อนก็เถอะ แต่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่แม่นางเจ้าฟ้าต้องไปเสี่ยงตามลำพังด้วยแล้ว ยังไงก็อดไม่ได้ที่จะ 'ห่วงใยสุดซึ้ง'




ในที่สุด แม่นางน่าชังก็ลงมาจนได้ ในสายตาทื่อของซาตานวจา เรือนร่างอ้อนแอ้นนั้นคือสนิมที่เกาะแน่นอยู่ในบ่วงอาฆาตระคนหื่นสวาท

เอาเถอะ กาลก่อนโน้น มันไม่อาจต้านทานบารมีอันร้อนกล้า แต่ ณ ยามนี้ มันคือซาตานอมตะ จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวแม่นางเจ้าฟ้าที่ก้าวเนิบอวดมาดทรงอำนาจมาประจันหน้าอย่างไม่ครั่นคร้ามอีกต่อไปแล้ว

ทันทีที่แม่นางปลดเข็มขัดปิดกั้นแสงบารมีแห่งอาคมขลัง มันพลันลอยร่างเห็นสองเท้าใหญ่เปลือยลอยเหนือพื้น วืดเดียวไม่ทันกะพริบตา มือใหญ่หยาบก็ตะปบลำคอระหงฮึกเหิม

องครักษ์ศมะบนระเบียงก็พลันขยับตัวซัดมีดสั้น องครักษ์ประเดด้านข้างก็รีบตวัดลูกดอกอาบยาพิษ แต่ก็เป็นไปตามที่พระครูลาพุชเตือนย้ำนั่นเอง อาวุธใดๆ ไม่อาจระคายผิวที่แข็งดั่งเนื้อหิน ซ้ำยังดีดกระดอนย้อนกลับสู่เจ้าของด้วยวิถีพิฆาตเสียอีก

แม่นางกณิการ์บดกรามขึงตาดุร้ายและร้อนโชนไปด้วยไฟกำจัด อันว่ากับคนชั่วแม่นางก็ไม่เคยมีจิตปรานีอยู่ก่อน

ยิ่งมาเจอคู่อริที่เคยเคียดแค้นชิงชังกันมา ซ้ำยังหยาบหยามย่ำยีแม่นางจงอรผู้พี่จนต้องตรอมใจดับสูญหนีอายก่อนเวลาอันควรอีก มีหรือจะยอมให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเหิมเกริมได้

ลำคอถูกตะปบแน่นแล้วก็จริง แต่อวัยวะอื่นยังคงเสรีเต็มที่ แม่นางเกร็งแขนขึ้นดันข้อมือสกปรกจนเห็นเส้นเอ็นโปนเขียวจาง

ครั้นเห็นว่าไม่ประสบผล นิ้วแข็งทั้งห้าไม่ยอมขยับให้เกิดช่องว่าง แม่นางก็เดือดดาลร่ายมนตราขนนกเพียงวูบ สายลมอ่อนก็พลิ้วมา หุ่นอรชรก็ไหลไปตามวิถีนุ่มของมัน

ซาตานวจาคำรามคลั่งแค้น รีบสาวเท้าตามติดหนักหน่วง ทุกย่างก้าวของมันก่อเกิดเสียงครืนครั่น โถงสั่นลั่นร้าว ข้าวของล้มระเนระนาดแตกหัก ประชาชนที่ยังถูกกักขังรวมตัวเป็นกลุ่มก็พานกลิ้งหลุนๆ กรีดเสียงร้องตระหนกแหลม

ชายแส้เข็มขัดแม่นางโดนยึดแล้วดึงอย่างอาจหาญ ร่างอ้อนแอ้นพลันชะงักหงายหลัง แต่สองเท้ายังว่องไว แม้จะม้วนตัวอย่างซวนเซก็สามารถฟาดหน้าชั่วของซาตานได้เต็มเหนี่ยว เสียงทึบหนักดังเต็มหู ตัวมันใหญ่ยักษ์แค่ไหนก็ยังมีอันเซส่ายไปสองสามก้าว

แม่นางไม่รอช้าให้มันตั้งตัว รีบพุ่งปราดตามประกบกระตุกแส้ทองกลับมาตวัดฟาดไปบนลำตัวที่อาวุธไม่อาจระคาย

เสียงที่อุบัติกลับคล้ายแส้อ่อนกระแทกกับแผ่นเหล็กกล้าหนาทึบ แรงดีดสะท้อนหนักหน่วงผลักร่างแม่นางปลิววืดไปชนเสากลมต้นใหญ่ แล้วกระอักเลือดอย่างไม่อาจหักห้าม

"แม่นาง"

สิบพระครูลาพุชก็คงยับยั้งองครักษ์หนุ่มหัวใจกระเจิงไม่ได้อีกแล้ว ทันทีที่สิ้นเสียงอุทานตระหนก เขาก็รีบพลิ้วร่างปราดเปรียวดั่งสายลมร้าย ยื่นเหยียดขาเพรียวถีบสกัดศัตรูที่กำแหงพุ่งถลันเข้าหาหมายซ้ำเติม ทั้งที่เห็นว่าแม่นางเพลี่ยงพล้ำเลือดทะลักเต็มปากแล้ว

หากแต่ก็แค่สกัดหรอกนะ ไม่อาจขัดขวางใดๆ ได้มากกว่านั้น เพราะพลังของซาตานนั้น ฮึกเหิมเกินกว่าองครักษ์ศมะจะหาญสู้ แค่มันโบกมือเดือดดาล รังสีอาคมร้ายก็พัดร่างกำยำปลิวละลิ่วราวกับโดนพลังพายุโถมเข้าใส่

เสียงทึบแน่นดังจากเสากลมอีกต้นทำให้พระครูผู้รอบรู้ถอนใจกับหลับตาร้อนรุ่ม องครักษ์ประเดเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงทำท่าถลันเข้าไปร่วมวงช่วยเหลือ หากเจ้าชีวิตกลับกระตุกแขนขึงตาปราม

"ทำไมละเจ้าข้า ดูท่าเจ้าผีตนนั้นมากวิชานัก ลำพังแม่นางเจ้าฟ้าคงต้านรับไปตามลำพังไม่ไหวแน่ ดูแต่องครักษ์ศมะเถอะ ยังสิ้นท่ากระอักเลือดถึงเพียงนั้น เราจะเข้าไปช่วยอีกแรงนะเจ้าข้า"

"มันธุระฝ่ายเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่หรือท่านประเด จงอยู่อย่างสำรวมในฐานะแขกต่างคามเถอะ"

"อ้าว ทำไมกล่าวเช่นนั้นเล่า"

"จะให้กล่าวแบบไหนเล่าเจ้า สวรรค์กำหนดมาอย่างนี้แล้วนี่"

"เราไม่เข้าใจ"

"ต้องเข้าใจอะไรนักหนา อยู่นิ่งให้จงหนักไว้ หาทางหนีทีไล่ลอบขึ้นสู่โถงชั้นบน เราจะไปคุ้มครองหน่อเนื้อมัลลิกาแห่งเรา ป่านนี้คงตกใจกับเสียงอันครืนครั่น ร้องไห้จ้ายิ่งแล้ว"

"เอ้อ แต่แม่นางกณิการ์.. "

"ท่านประเด" เจ้าฟ้าธุวชินกระชากเสียง "หรือท่านลืมไปแล้วว่าสัมพันธ์ระหว่างสองคามของเรากับแม่นางเจ้าฟ้าผู้เกรียงไกรสิ้นสะบั้นนานแล้ว ที่เรามาในวันนี้ก็ด้วยว่าร่วมพิธีมงคลหน่อเนื้อแห่งเราเท่านั้น การอยู่อย่างดีหรือดับสูญอย่างอนาถของแม่นางกณิการ์ ย่อมไม่ใช่กิจธุระที่เรากับเจ้าต้องเข้าไปข้องแวะ"

"แต่ว่า.. "

"จงฟังคำเราให้ดี หากแม้แม่นางกณิการ์ดับสูญภายใต้เงื้อมมือเจ้าตัวประหลาดคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่ใช่ในกาลนี้ เราจะดูแลแม่นางมัลลิกา เป็นตัวแทนปกครองดารกะระหว่างรอให้แม่นางหน่อเนื้อเติบใหญ่"

องครักษ์คู่ใจเบิกตากว้าง นึกไม่ถึงว่าเจ้าชีวิตจะคิดการณ์ได้ไกลเหลือแสนในภาวะล่อแหลมตรงหน้า กระแสพายุหรือก็กระโชกนัก การต่อสู้กลางโถงก็ชุลมุนดุเดือดไปด้วยเสียงตวาดคำรามไม่สิ้น กระทั่งเสียงวัตถุแตกเปรื่องหักบิ่นก็ดังก้องต่อเนื่อง

โถงอันงดงามเกือบจะถูกเรียกว่าซากชำรุดอยู่แล้ว แต่เจ้าชีวิตกลับมุ่งไปยังวาสนาในกาลหน้า มันหล่นร่วงลงมาจากฟากฟ้าให้ฉกฉวยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวทีเดียว ยังได้ยินเสียงเหิมเกริมลำพองนั้นกล่าวต่อไปอีกเล็กน้อยว่า

"หรือถ้าถึงกาลนั้นนะเจ้า หากแม่นางหน่อเนื้อแห่งเราด้อยวาสนาไร้ฝีมือให้ควรยำเกรง เราเจ้าฟ้าบิดาก็จะตั้งตนเป็นผู้ปกครองเสียเอง คามดารกะต้องตกอยู่ใต้อาณัติบารมีแห่งเราสืบไป เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง ไป รีบหาลู่ทางพาเราลอบขึ้นสู่โถงชั้นบนได้แล้ว อย่ามัวพิรี้พิไรกับการต่อสู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายเราอยู่อีกเลย"

พอสิ้นคำเร่ง รังสีอาคมร้ายของซาตานวจาก็สาดทอมาเฉือนชายผ้าคาดเอว เจ้าฟ้าหนุ่มสะดุ้งโหยงใจหายวาบ แต่ก็ยังทันพลิ้วกายบ่ายหลบได้หวุดหวิด

และว่องไวพอที่จะดึงมีดสั้นมากระชับด้วยท่วงท่าตั้งมั่นตอบโต้ องครักษ์ประเดก็รีบปราดตัวไปขวางคุ้มครองตามหน้าที่ สองขาแยกหยัดกางแขนกำหมัดพร้อมปะทะ

แต่ก็ไม่ทันได้ทำอะไรเลย เพราะสายลมร้อนหอบหนึ่งเหวี่ยงวิถีมาอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับแส้ทองที่พลิ้วตวัดลำคอใหญ่ของซาตานวจา

แม่นางกณิการ์บดกรามดุร้ายขณะเกร็งข้อมือ ตระหนักว่ากำลังของร่างใหญ่ยักษ์นั้นแน่นหน่วงเกินกว่าจะกระชากให้เสียหลักได้โดยง่าย

องครักษ์ศมะเห็นแม่นางสูดหายใจลึกพลิ้วตัวลอยกลางอากาศพร้อมกับโยนชายแส้ที่เหลือส่งมาให้

เขารีบรับแล้วกระตุกตึงตั้งมั่น รอรับร่างอรชรที่ค่อยหย่อนเท้าลงบนผืนแส้ พร้อมกับดึงสายคาดเอวตวัดเหวี่ยงรัดลำคอหนาอีกชั้น สองมือกำแน่นออกแรงกระตุกดึงจนตัวเกร็ง เขาจึงรีบช่วยอีกแรงด้วยการโถมตัวพลิ้วลอยข้ามศีรษะแม่นางตวัดปลายเท้าพรักพร้อม

แม่นางก็พลันพลิ้วลอยถอยอย่างรู้วิถี ก่อนจะหมุนเกลียวลงสู่พื้น มือข้างหนึ่งกำแส้ อีกข้างกำผ้าคาดเอว แยกสองขาตั้งหยัดมั่นคง รอจังหวะว่าองครักษ์หนุ่มคู่ใจฟาดซอกคอเหยื่อชั่วอย่างอำมหิตได้แล้ว ก็จะร่ายมนตราสยบภูตกำราบ

แต่กลายเป็นว่าซาตานอมตะกลับคว้าข้อเท้าข้างนั้นไว้ได้ มันกระชากจนกายกำยำไหลเข้าหาอย่างกระชากกระชั้น

โอ้ แย่แล้ว ใครก็ดูออกกันทั้งนั้นว่าทันทีทีร่างเพลี่ยงพล้ำถึงมือใหญ่หยาบ องครักษ์หนุ่มต้องโดนขย้ำลำคอแหลกเหลวจนเลือดทะลักไหลโกรกไม่ผิดเพี้ยนจากเหยื่อประชาชนที่ดับสูญล่วงหน้าไปก่อนแล้วเป็นแน่

แม่นางผู้เกรียงไกรก็คิดได้เช่นนั้น ในยามฉุกละหุกและไร้สิ้นเวลาให้ใคร่ครวญ แม่นางก็ไม่ขอคิดมาก นอกจากพุ่งปราดตามองครักษ์คู่ใจไปติดๆ

ก็ต้องมาดูกันว่าลำคอองครักษ์หนุ่มจะถึงมือซาตานวจาก่อน หรือว่าแม่นางกณิการ์จะสามารถพลิกวิกฤติให้แปรเปลี่ยนไปในรูปแบบใดได้ก่อน

แน่นอน ช่วงเวลาเป็นตายที่เท่าเทียมเช่นนี้ พระครูลาพุชบนระเบียงก็ย่อมต้องเห็นทั้งหมด ยามนี้ท่านก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากวางมาดสุขุมเข้าไว้ หากแต่ในใจนั้น 'ระทึกยิ่ง'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 55 13:49:50




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com