Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กับดักรักสองโลก 15. vote ติดต่อทีมงาน

.

.


15.


อาหารทะเลสดจำพวก กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก หลังผ่านการปิ้งย่างจนสุกได้ที่ ส่งกลิ่นหอมโชยปะทะจมูกพากระเพาะร้องดังเกรียวกราว คงถึงเวลาเสียทีกับการติดตามนางพรายที่หลงระเริงอยู่ในท้องทะเล งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ได้เวลายุติความสนุกสนานของค่ำคืนไว้เพียงเท่านี้


กันยวัฒน์ก้าวเดินลงยังชายหาด มองหาเงือกพรายที่เคยเวียนว่ายอยู่อย่างมีความสุขยังท้องน้ำแห่งนี้ หากทว่าเวลานี้ทุกอย่างสงบนิ่ง ไร้สิ่งใดเคลื่อนไหวนอกเสียจากแรงกระเพื่อมของคลื่นทะเลที่พัดพาตามกระแสลมโบก สายตาพยายามกวาดมองโดยรอบ ในใจเริ่มมีอาการวูบไหว สองเท้าก้าวเดินลัดเลาะตามชายทะเลอย่างร้อนรนไม่เป็นสุข


“นีลา!”


เสียงตะโกนดังกังวาน พยายามเรียกหาพรายสาวให้นางปรากฏกาย ‘นี่คุณหายไปไหนนีลา’ ความกังวลแทรกซึมผ่านความรู้สึก หันมองทางใดยังคงไร้วี่แววไม่เห็นแม้แต่เงาเงือกพราย


“นีลา!! คุณอยู่ไหน”


เสียงเรียกหาเริ่มเปล่งดังขึ้น พอกับความรู้สึกกังวลใจที่มากตามเป็นเท่าตัว หรือนางจะหนีเขาไปเสียแล้ว ความร้อนรนในอกกำลังระอุลุกโชน ร่างสูงสาวเท้ารวดเร็วเดินลงยังท้องทะเล เขาพยายามลุยน้ำฝ่าระลอกคลื่นลึกลงเรื่อยๆ สายตายังคงสอดส่ายหาเงือกพรายต่อเนื่อง จู่ๆ ความเงียบสงบเกิดถูกทำลายด้วยเสียงฟ้าคำรามสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับกำลังจะเกิดพายุโหม ท้องฟ้ามืดมิดเมื่อครู่บัดนี้ค่อยๆ ถูกกลืนกิน กลับกลายเป็นสีแดงฉานดูน่ากลัวราวกับมันกำลังปั่นป่วนอย่างสาหัส สายฟ้าสว่างวาบวิ่งผ่าลงมาเป็นสาย ลมโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นตามลำดับ


กันยวัฒน์ไม่ได้รู้สึกถึงความหวาดระแวงบรรยากาศรอบกายเท่าใดนัก หากในใจยังคงห่วงหาและติดตามเงือกพรายต่อไป ร่างสูงเดินหน้าพยายามต้านทานแรงลมกรรโชก ฝ่าฟันโต้คลื่นพยุงกายมั่นคง หากเวลานี้ถ้าเขารู้ทิศทางสักนิดว่านีลาน่าอยู่แห่งใด เขาคงดำดิ่งตามไปจับตัวนางเสียให้รู้แล้วรู้รอด เหตุใดจึงต้องทำให้พะวงเพียงนี้ หน่ำซ้ำท้องฟ้าเบื้องบนยังมาเกิดอาเพศราวกับกำลังจะมีมรสุมครั้งใหญ่ก็ไม่ปาน ระหว่างกวาดสายตามองหาพรายสาว ปลายหางตาเหลือบเห็นบางสิ่งบางอย่างพอดูคุ้นตาลอยคว้างอยู่กลางทะเลลิบๆ เขาไม่รอช้ากระโจนว่ายตามน้ำเอื้อมคว้าสิ่งนั้นไว้ในมือ และเขาจำได้ดีว่าของสิ่งนี้เป็นของนีลาน่าอย่างแน่นอนไม่ผิดเพี้ยนเพราะเขาเป็นผู้เลือกซื้อเองกับมือ เหตุใดรองเท้าผ้าใบที่เคยถอดวางกองไว้บนพื้นดินจึงล่องลอยไกลอยู่กลางท้องทะเลเช่นนี้ ความห่วงใยเพิ่มทวีคูณ


“นีลา!!”


กันยวัฒน์ยังคงตะโกนดังกึกก้องทั่วท้องน้ำแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามครื้นๆ ไม่ขาดระยะ อีกไม่นานสายฝนคงโปรยปรายอย่างหนัก เขาควรทำอย่างไรดีกับการตามหานีลาน่า บุรุษหนุ่มส่งสายตาทุกข์ร้อนมองหาพรายสาวจนทั่วบริเวณ ระหว่างหันหลังกลับเพื่อตรวจตรา รอบกายคล้ายมีบางอย่างเคลื่อนที่วนเวียนรวดเร็วอยู่เบื้องล่างจนทำให้เกิดเป็นน้ำวนรุนแรง สิ่งๆ นั้นคงต้องการกักขังเพื่อไม่ให้เขาก้าวเดินไปไหน และเป็นอีกครั้งที่สิ่งๆ นั้นสร้างความประหลาดใจให้แก่มนุษย์โลก เนื่องจากมันหยุดการเคลื่อนไหวและดักอยู่ด้านหน้าของเขา กันยวัฒน์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง ใจเต้นโครมคราม ตกตะลึงรุนแรงถึงขีดสุด เนื่องจากภาพที่ค่อยๆ ปรากฏแก่สายตาเป็นสิ่งเลวร้ายที่หน้าสะพรึงกลัวสุดชีวิต ไม่ว่าจะลืมตาดูโลกใบนี้มากี่ปีก็คงไม่เคยได้เจอะเจออะไรที่น่าสยดสยองเพียงนี้


ดวงตาเบิกกว้างพยายามจับจ้องสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าที่ค่อยๆ โผล่กายาขึ้นเหนือน้ำ ผมยาวปกคลุมใบหน้าจนเกือบมิดมองเห็นเพียงดวงตากลมโตดุดันน่ากลัว นัยน์ตาสีไฟเพลิงแดงกล่ำจ้องยังกันยวัฒน์เขม็ง ราวกับมันคือปีศาจร้ายต้องการจะฉีกร่างเขากินเป็นอาหารไม่ให้เหลือเศษซาก ข้างใบหูมีครีบยาวคล้ายปลา ผิวหนังเป็นมันวาวหุ้มเกร็ดออกสีเขียวคล้ำเกือบจะกลายเป็นดำทมึน เขี้ยวยาวงอกโผล่พ้นริมฝีปากจนเก็บไม่มิด บนมือมีกรงเล็บยาวแหลมเอื้อมกระชากแขนมนุษย์โลกไว้พร้อมกดแน่นจนกระดูกแทบแหลกคารอยบีบ


กันยวัฒน์กัดฟันฝืนทนความเจ็บปวด ต่อให้อมนุษย์เบื้องหน้าจะกลายเป็นปีศาจร้ายน่าเกลียดน่ากลัวมากมายเพียงใด หากแววตาข้างในเขายังคงเชื่อสนิทใจว่านั้นคือนีลาน่า..


“นีลา! คุณมองผมสิ นี่ผม เจ้าโลกันต์ของคุณไง คุณต้องจำผมให้ได้!”


น้ำเสียงดุดันพยายามฝืนแรงต่อสู้แต่ยากเกินเยียวยา แรงบีบมหาศาลยังคงกดกรงเล็บจิกฝังเข้าผิวหนังจนเลือดสีแดงสดไหลลงเป็นทาง ทำให้เขาเจ็บปวดเข้าถึงกระดูกดำ


“นีลา.. คุณต้องกลับมาเป็นคนเดิม.. คุณต้องตั้งสติ! ตั้งสติสิ!!”


ไม่ทันสิ้นเสียงเจรจาปีศาจร้ายใช้มืออีกข้างคว้าคอบีบหนักตามด้วยจิกกรงเล็บฝังมิดจนเลือดซิบซึมและค่อยๆ ทะลักไหลเป็นทางอาบรดเสื้อผ้าสีขาวจนเปลี่ยนสีเป็นแดงเถือก ลมหายใจขาดห้วง สติเริ่มพล่าเบลอจนต้องควบคุมสมาธิ กำหนดลมหายใจ เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งความรู้สึกรับรู้ หรือวันนี้เขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของนางพรายแล้วจริงๆ


“คุณ.. ต้องไม่เป็นแบบนี้.. ไม่!! มันต้องไม่เป็นแบบนี้ นีลา!!”


“เจ้าโลกันต์..”


“...” ร่างสูงสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นนั่งออกอาการผวาสุดขีด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า มิหน่ำซ้ำตามร่างกายยังเปียกโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อโซมกาย


“เจ้าโลกันต์ เจ้าฝันร้ายงั้นหรือ..”


กันยวัฒน์ตวัดดวงตามองตามเสียงเรียกชื่อที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขาจ้องมองจนแน่ใจแล้วว่าความสะพรึงกลัวเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน ร่างสูงถอนใจพลางโผ่เข้ากอดพรายสาวเบื้องหน้าแนบแน่นเต็มวงแขน เขากระชับอ้อมกอดราวกับนางเป็นหมอนข้างไร้กระดูก นีลาน่านิ่งอึ้งก่อนรวบรวมสติยกมือขึ้นตบแผ่นหลังกว้างเบาๆ คล้ายปลอบประโลม บุรุษผู้นี้คงฝันร้ายเป็นแน่ เขาถึงได้ดูหวาดกลัวหนักหนาเพียงนี้


“คุณไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม!”


เสียงตระหนกระคนสั่นเครือถามไถ่ พาคนในอ้อมแขนงุนงงกับประโยคคำถามขึ้นมา นางยังคงไม่เข้าใจในความหมาย


“เราไม่ได้เป็นอะไร.. เจ้าจะให้เราเป็นสิ่งใด..”


“ผมเห็นคุณเป็นปีศาจ..”


น้ำเสียงหวาดผวาพาพรายสาวหลุดหัวเราะร่วน นางจะเป็นปีศาจไปได้อย่างไร ในเมื่อนางยังนั่งมีตัวตนอยู่ตรงนี้


“เจ้าจะเพี้ยนไปใหญ่แล้ว นี่เราก็เป็นมนุษย์เช่นเจ้า เหตุใดจึงเห็นเราเป็นปีศาจไปได้ ว่าแต่.. ปล่อยเราได้หรือยัง เราเจ็บไปหมดแล้ว”


ประโยคเตือนสติ แขนแข็งแรงค่อยๆ คลายออกจนหลุดพันธนาการ ใจแกร่งยังคงเต้นตูมตามสั่นไหว กันยวัฒน์พยายามจ้องมองใบหน้านวลเนียนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเพียงภาพฝันเท่านั้น เวลานี้เขาคงหวาดระแวงต่อทุกสิ่งรอบกายไปแล้วจริงๆ บุรุษหนุ่มได้แต่ย้อนลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงเย็นที่พานีลาน่าออกไปเดินเล่นยังชายหาด จนนางขอลงว่ายน้ำในท้องทะเล แต่ไม่นานนีลาน่าก็เดินกลับขึ้นมาตามสัญญา ซึ่งนางเคยเอ่ยวาจาไว้ว่านางไม่เคยคิดหนีไปไหน หลังจากนั้นก็รับประทานอาหารค่ำ และปฎิบัติภารกิจหน้าที่ก่อนเข้านอนตามปกติ จนเกิดฝันบ้าๆ ขึ้นมา พาปั่นป่วนจิตใจไม่เป็นสุข


“ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ”


“ก็เจ้าเรียกชื่อเราเสียงดังลั่น เราตกใจเลยเดินออกมาดู เห็นเจ้านอนหลับแล้วทำท่าทางคล้ายกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง”


“มันคงเป็นแค่ฝันร้าย..”


“เจ้าไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่ เราจะได้ขอตัวเข้าห้องตามเดิม” นีลาน่าขยับกายเคลื่อนไหวเตรียมลุกยืนแต่ถูกมือแข็งแรงดึงรั้งเอาไว้


“เอ่อ.. คุณง่วงนอนแล้วงั้นเหรอ”


“เจ้าก็รู้ว่าเงือกพรายอย่างเรา ไม่เคยหลับไหล เว้นเสียแต่ อ่อนเพลียดังเช่นที่ผ่านมาก็เท่านั้น”


“งั้นคุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้หรือเปล่า..”


นีลาน่างุนงงได้แต่มองใบหน้าคมคายอย่างประหลาดใจ เหตุใดวันนี้เจ้ามนุษย์โลกจึงดูกังวลหวาดหวั่น แปรเปลี่ยนอารมณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือเพียงนี้ ทุกครั้งนางจะโดนขับไสให้ไปเสียพ้นๆ คืนนี้กลับร้องขอให้อยู่เป็นเพื่อน ฝันร้ายคงหลอกหลอนประสาทจนเสียสติไปแล้วก็เป็นได้


นีลาน่ายวบกายนั่งกอดเข่าจ้องมองบุรุษเบื้องหน้าที่หลับตาถอนใจคล้ายกำลังวิตกจริต จู่ๆ สายตาเกิดมองเห็นเงาทมิฬวูบไหวยังด้านนอกเขตอาศัย กลายเป็นจุดสนใจดึงดูดให้พรายสาวมองตาม


“เจ้าโลกันต์..”


“อืม..”


“เราเห็นบางสิ่งด้านนอก..”


กันยวัฒน์เปิดเปลือกตามองนีลาน่าก่อนหันเหตามความสนใจ เขาไม่รอช้าและไม่ปล่อยให้บางสิ่งที่ว่าสร้างความกังวลใจต่อไป เขาลุกยืนเต็มความสูงก้าวเดินยังประตูทางเข้าพร้อมเปิดออกเพื่อมองสำรวจความสงบเรียบร้อย โดยมีพรายสาวเดินตามติดด้านหลัง


“คุณตาฝาดหรือเปล่า.. ผมไม่เห็นมีอะไรเลยนะ”


“เราเห็นเงามนุษย์เดินผ่านตรงนี้”    


นีลาน่าส่งมือชี้ไปทางระเบียงนอกชานเสมือนเป็นที่นั่งเล่นพักผ่อน กันยวัฒน์ก้าวตามทางเดินมองทั่วบริเวณอีกครั้ง


“เจ้าโลกันต์ทางโน้น..”


นีลาน่าวาดสายตามองไปทางพุ่มไม้ข้างเขตที่พักอาศัยเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างทำให้มันขยับเคลื่อนไหว กันยวัฒน์เหวี่ยงสายตามองตามยังจุดหมายพลางก้าวกระโจนโดดลงจากระเบียงเพื่อยืนยังพื้นทรายเบื้องล่าง สองเท้าก้าวยาวส่งมือแหวกค้นพุ่มไม้จุดเกิดเหตุ สายตาคมกริบปะทะกับแววตาประกายสะท้อนแสงสลัวจ้องมองเขาอยู่ในเงามืดพากันยวัฒน์ถึงกับผงะร่างกายออกห่างพุ่มไม้นั้นทันที ใจหายวูบ พยายามตั้งสติ


“เจ้าเจอสิ่งใดหรือไม่..”


“คุณอย่าเข้ามา ยืนอยู่ตรงนั้นล่ะ!”


ประโยคออกคำสั่งตวาดดังพาพรายสาวถึงกับชะงักฝีเท้าหยุดยืนมองสถานการณ์นิ่งๆ กันยวัฒน์พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมสมาธิและความกล้าทั้งหมดเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่ตาฝาดหรือจิตสร้างภาพหลอนขึ้นมากัดกร่อนสมองตนเอง มือแข็งแรงส่งยื่นแหวกสัมผัสพุ่มไม้อีกครั้ง..


“เฮ้ย!!” บางสิ่งที่หลบซ่อนกระโจนออกพุ่งใส่หน้าพรวดเดียวทำเอาเขาหงายหลังล้มตึงไม่ทันตั้งตัว


“เจ้าโลกันต์!” นีลาน่าไม่รอฟังเสียงใด นางวิ่งเข้าประคองกันยวัฒน์ที่ล้มลงนอนกับพื้นด้วยความตกใจ พลางหันสายตากลมกลิ้งมองตามสิ่งมีชีวิตที่ยืนจ้องนางอยู่เช่นกัน


“ไอ้แมวบ้า!! ทำตกใจหมด อย่าให้เจออีกนะ จะจับโยนทะเลให้เข็ด”


กันยวัฒน์บ่นอุบ พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมปัดเศษเม็ดทรายออกจากร่างกาย พลางเหวี่ยงสายตาโกรธเคืองมองยังตัวการที่ทำให้เขาเสียหลักล้มนอนกองกับพื้น


“ทำไมเจ้าขนปุยมาอยู่ยังบริเวณนี้”


“คุณถามผม.. แล้วผมจะถามใครดีล่ะ..”


“เราจับมันได้หรือไม่”


“มันคงจะให้คุณจับตัวมันง่ายๆ หรอกนะ ขนาดกับผมยังเล่นซะหงายท้องเลย”


นีลาน่าผละจากร่างสูงเดินหาสัตว์โลกตัวน้อยที่ยืนมองตาแป๋วไม่เคลื่อนหนีไปไหน เสียงร้องเงี๊ยวงาวออดอ้อนน่าเอ็นดู พราวสาวพยายามส่งจิตสื่อสารกับแมวน้อยน่ารัก เพียงไม่นานมันกลับกระโดดขึ้นมาอยูในอ้อมอกให้นางได้อุ้มราวกับต้องมนต์ เชื่องและเชื่อฟังคำสั่ง นีลาน่าหันมองทางกันยวัฒน์พร้อมส่งยิ้มอวดความสามารถเมื่อนางจับตัวแมวน้อยได้สำเร็จ


ร่างสูงลุกยืนเต็มตัวพร้อมเดินมาหยุดยืนข้างพรายสาวโดยเว้นระยะห่างพอสมควร เนื่องจากจะให้ทำอย่างไรเขายังคงไม่คุ้นเคยกับเจ้าสัตว์โลกขนปุยอยู่ดี


“มันบอกเราว่า มันไม่ชอบเจ้า..”


นีลาน่าปล่อยประโยคสนทนาส่งหากันยวัฒน์ที่กำลังฟาดฟันสายตากับเจ้าแมวน้อยในอ้อมอกราวกับเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาเป็นสิบชาติ


“นี่คุณคุยภาษาแมวกับไอ้ตัวนี่งั้นหรอ” มือแข็งแรงยกชี้ยังแมวน้อย เลิกคิ้วต้องการคำตอบ


“ใช่.. มันอยากอยู่กับเรา”


“หยุดเลย.. ไม่ได้เด็ดขาด.. ผมไม่อนุญาต ต่อให้มันดิ้นตายตรงนี้ผมก็ไม่ให้คุณเอามันเข้าบ้านแน่นอนรับรองได้”


“เหตุใดเจ้าจึงใจร้าย ไม่ยอมให้มันไปอยู่กับเราเล่า”


“ผมไม่ถูกกับมัน ผมแพ้ขนแมว คุณเข้าใจหรือเปล่า”


“แพ้ขนแมว..” นีลาน่าได้แต่ทำหน้างุนงงทวนประโยคบอกเล่า ไม่เข้าใจเท่าไรกับคำว่าแพ้ขนแมว  


“จะให้ผมอธิบายให้คุณเข้าใจยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า.. คุณต้องปล่อยเจ้านั่นไว้ตรงนั้น แล้วคุณกับผมก็กลับเข้าบ้านไปนอนพักผ่อนกันได้แล้ว”


“มันบอกว่าเจ้าใจร้ายมาก.. เราขอร้องเถอะนะเจ้าโลกันต์ ให้เรานำมันเข้าไปดูแลด้านใน เจ้าก็เห็นท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี ฝนกำลังจะเทลงมา”


“ไม่ได้! วางมันลงเถอะนีลา ผมขอร้อง”


“...”


สายตาละห้อย คำอ้อนวอนร้องขอคงไม่มีผลใดๆ กับมนุษย์โลกใจร้ายผู้นี้ พรายสาวได้แต่ขัดใจยอมวางแมวน้อยลงบนพื้นดินตามเดิม ไม่นานสายฝนก็โปรยปรายดังคำนางพรายว่าไว้จริงๆ กันยวัฒย์เดินรวดเร็วคว้าแขนนีลาน่าดึงให้นางเดินตามไปพร้อมกัน ถึงแม้สายตากลมโตจะดูเศร้าสร้อยเพียงใด แต่เขาคงยอมใจอ่อนให้นางไม่ได้เช่นกัน ทว่ายังไม่ทันได้เดินไปไหน นีลาน่ายอมขัดคำสั่งสะบัดมือจนหลุดพ้นการจับกุม นางเดินกลับไปหาแมวน้อยแล้วอุ้มมันไว้ พยายามยกมือปกป้องสัตว์โลกไม่ให้โดนละอองฝนจนเปียกปอน


เม็ดฝนร่วงหล่นไม่ขาดสาย ความชุ่มฉ่ำกระทบโดนร่างกายนางพรายจนขึ้นเหลื่อมแวววาวเป็นประกายสะท้อนตามสายฝนที่โปรยปรายสัมผัสร่างกายนวลเนียน


“โอเค โอเค ผมยอมให้คุณเอาเจ้านั่นขึ้นบ้านก็ได้ รีบเดินมาเร็วเข้า เปียกฝนเดี๋ยวจะไม่สบายเอา”


กันยวัฒน์ถอนใจทิ้ง เหตุใดใจจึงอ่อนยวบยาบเพียงนี้ นี่เขาห่วงนางพรายจนต้องยอมนำสิ่งที่เกลียดกลัวไม่อยากจะเข้าใกล้ที่สุดในชีวิต ให้เข้าไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเชียวหรือ สงสัยสมองคงเริ่มกลับด้านแล้วจริงๆ หากทว่าการยอมอ่อนข้อของเขาทำให้พรายบางตนถึงกับยิ้มสดใสก้าวเดินว่องไวนำพาร่างตนเองและสัตว์โลกที่ขอออกตัวเลี้ยงดูขึ้นยังถิ่นที่พักอาศัยก่อนเจ้าของสถานที่จะเปลี่ยนใจขึ้นมา


สัตว์โลกขนปุยสีขาวสลับเหลืองทอง นัยน์ตาประกายเพชรแวววาวสะบัดขนไล่ความเปียกชื้นเมื่อได้เข้าหลบอยู่ใต้ชายคาบ้านพักสมดังตั้งใจของเงือกพรายที่ร้องขอนำมันมา เสียงร้องคล้ายเด็กออดอ้อนเคล้าคลอเคลียเกลี่ยขานวลเนียนก่อนกระโดดขึ้นนั่งบนตักซบนอนหลับตาพริ้ม ทำเอาบุรุษหนุ่มถึงกับหมั่นไส้ตวัดสายตาขุ่นเคืองใส่ รอให้เม็ดฝนขาดสายเมื่อไหร่ คงได้ระเห็ดออกไปนอกบ้าน หมดเวลาออดอ้อนเป็นแน่


“เราว่ามันน่ารักน่าชังเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ชอบมัน”


คำถามกระแทกความรู้สึก ในเมื่อเจ้าตัวปัญหาเป็นสิ่งที่เขาเกลียดกลัว ต่อให้มันน่ารักเพียงใดตามคำกล่าวอ้าง เขาคงทำใจยอมรับได้ยาก หรือไม่ก็คงต้องใช้เวลาปรับอารมณ์ความรู้สึกยกใหญ่เพื่อให้อยู่ร่วมเคียงกับมันเจ้าสัตว์โลกหน้าขน


“ก็ผมบอกคุณแล้วว่าผมแพ้ขนมัน คุณเคยอึดอัดเวลาไม่ได้อยู่ในน้ำไหม”


“...” นีลาน่าส่ายศรีษะ เพราะนางเป็นอมนุษย์ครึ่งบกครึ่งน้ำไม่ว่าจะอยู่แห่งใดนางก็สามารถปรับสภาพร่างกายให้กลมกลืนกับสภาวะแวดล้อมได้เสมอ


“งั้น คุณจำตอนที่ผมให้คุณดมยาวันที่ลงจากเครื่องบินได้ไหม คุณรู้สึกยังไง อึดอัด ไม่ชอบ หายใจไม่ออก ใช่หรือเปล่า”


“...” นีลาน่าพยักหน้าหงึก นางเข้าใจความรู้สึกครั้งนั้นได้ขึ้นใจ เป็นอะไรที่เลวร้ายสำหรับนางถึงที่สุด


“นั่นล่ะ ความรู้สึกคงคล้ายๆ กัน”


“แล้วเจ้าจะให้เราทำอย่างไรกับเจ้าขนปุย”


ดวงตากลมกลิ้งสลดวูบ นางรู้ดีอีกไม่นานบุรุษผู้นี้คงใช้ความเป็นเจ้าของสถานที่ขับไล่มันไปให้พ้นหน้าพ้นตาอย่างแน่นอน นีลาน่าถอนใจพลางก้มมองแมวน้อยผู้น่าสงสารที่นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ ไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง


“คุณอยากเลี้ยงมันงั้นเหรอ” พรายสาวหูผึ่งสะบัดใบหน้านวลเนียนมองตามคนตั้งคำถาม


“เจ้าอนุญาตแล้วงั้นหรือ”


“อืม.. ผมยอม.. แต่เจ้านั่นต้องอยู่ห่างผมในระยะไกลๆ ตกลงไหม”


“...” พรายสาวพยักหน้ารับอย่างยินดียิ่ง มือบอบบางลูบไล้ขนปุยนุ่มระบายยิ้มดีใจ ทำคนมองตามหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นนางตรงหน้าดูมีความสุขบนใบหน้าชัดเจน


“ผมว่าคุณพามันไปนอนในห้องก่อนดีกว่าไหม แล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน เมื่อกี้โดนฝนเดี๋ยวคุณก็ไม่สบายกันพอดี”


“ได้.. เราจะพามันเข้าห้อง แต่.. เจ้าก็เปียกเช่นกัน”


“ผมดูแลตัวเองได้ คุณรีบไปเถอะ” นีลาน่าพยักหน้ารับก่อนก้าวเดินพร้อมกับโอบอุ้มเจ้าสัตว์โลกขนปุยหายเข้ายังห้องพัก กันยวัฒน์ได้แต่ยืนมองจนนางพรายพ้นสายตา ความอบอุ่นวิ่งวนในใจ


++++


“นี่ ยัยขี้เหร่ จะกลับกรุงเทพวันไหนเหรอ ฉันเหงาปากจะแย่แล้วนะ ไม่มีเพื่อนเม้าส์เลย รีบกลับมาเร็วๆ นะจ๊ะ ฝากบอกกันย์ที่รักด้วยว่าคุณสมชายคิดถึ๊ง คิดถึง”


เครื่องมือสื่อสารถูกต่อสายสนทนาถามไถ่จนเสร็จสิ้นกระบวนการและกดวางสายเมื่อจบธุระ สมชายได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หายคิดถึงเสียทีกับลูกศิษย์คนสำคัญที่เคยสอนสั่งให้เรียนรู้การศึกษา


“ไอ้ชาย ตกลงไอ้กันย์จะพานีลาน่ากลับมาเมื่อไหร่ แล้ววันนี้เอ็งมีเรื่องอะไรถึงแวะมาหาข้าแต่เช้า หรือวันนี้เอ็งว่างมากไม่มีอะไรจะทำว่างั้น”


“โอ๊ย!! ถามทีละประโยคได้ไหม อยากคุยกับชายมากขนาดต้องถามยาวเป็นขบวนรถไฟเลยหรือไงกันจ๊ะพ่อคุณแฟรงค์"


“เอ็งอยากเป็นศพนอนจนกองเลือดเพราะฝ่าเท้าข้าตรงนี้ใช่ไหม”


“อ๊ายยย! โหดซะไม่มีนะนายแฟรงค์ คนที่ชายจะให้โหดใส่ได้มีแค่กันย์คนเดียวเท่านั้น คนอื่นห้ามเด็ดขาด!”


“บ๊ะ!! ไอ้นี่ ยังๆ จะต่อความยาวสาวความยืด ตอบคำถามซะที!”


น้ำเสียงเอ็ดตะโรพาสมชายนิ่งเงียบ ดูจากสถานการณ์คงทำเป็นเล่นไม่ได้เสียแล้ว เขาคงต้องหัดจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวก่อนจะกลายเป็นศพตามสหายตั้งคำข่มขวัญเอาไว้


“โอเคๆ เข้าเรื่องก็ได้ แฟรงค์รู้ไหมว่าชายได้ยินข่าวอะไรมา”


“ข้าจะรู้กับเอ็งไหมวะ!”


“อย่าเพิ่งมีน้ำโหสิจ๊ะ ชายได้ข่าววงในมาว่า.. ยัยพรีมกำลังจะถูกถอนหมั้น”


“เฮ้!! เป็นไปได้ไง”


“อันนี้ชายก็ไม่รู้ละเอียด แต่ข่าวลือให้แซ่ดแพร่กระจายมาว่างั้นนะ”


“ไอ้กันย์มันกำลังจะทำอะไรของมัน วันก่อนพรีมไม่สบายข้าให้มันไปหาพรีม บอกให้เคลียร์กันซะให้จบเรื่อง มันไม่ได้ไปหาเธอ แถมคู่หมั้นพรีมกำลังจะถอนหมั้นอีกแบบนี้ ข้าว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ”


“นี่แฟรงค์!! ทำไมต้องให้กันย์ไปหายัยพรีม กันย์ไม่ได้เป็นอะไรกับยัยพรีมแล้วซะหน่อย ชายว่านะกันย์ต้องรู้แน่ๆ ว่ายัยพรีมป่วยการเมือง เลยดัดหลังให้คุณรุธไปแทน หึ สะใจสมชายซะจริง ร้ายกาจกับยัยขี้เหร่ดีนัก”


“ไอ้ชาย.. พรีมก็เพื่อนเอ็งนะเว้ย ทำไมต้องสมน้ำหน้าหนักขนาดนั้นด้วย”


“หรือแฟรงค์จะเถียงว่ายัยพรีมไม่ได้ทำเกินไป”


“ก็ไม่ได้ว่า.. แล้วก็ไม่ได้เถียง.. จริงๆ พรีมก็ทำกับนีลาน่าเกินไป แต่เรื่องทั้งหมดเพราะไอ้กันย์ไม่ใช่หรือไง หนีปัญหา ไม่เคลียร์ให้จบ ตกลงมันกลับวันไหนข้าจะต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องว่ามันจะเอาไงกับพรีมแล้วก็นีลาน่าด้วย”


“ทำไมต้องเกี่ยวกับยัยขี้เหร่ด้วยล่ะแฟรงค์”


“เพราะข้าเริ่มสงสัยว่าไอ้กันย์คิดไม่ซื่อกับนีลาน่า มันต้องหลงรักเงือก.. เอ้ย!! หลงรักนีลาน่าแน่ๆ ข้าว่าข้าดูไม่ผิด”


“...” สายตาจับผิดจ้องสำรวจคู่สนทนาที่ดูอึกอักมีพิรุธจนเริ่มผิดสังเกตุ แฟรงค์เกนสไตล์ได้แต่ปาดเหงื่อ กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง หลังเอ่ยประโยคเมื่อครู่จบ เนื่องจากเกือบหลุดคำไม่สมควรอย่างยิ่งออกไป


“ว่าไงไอ้ชายจะตอบได้หรือยังไอ้กันย์จะพานีลาน่ากลับมาเมื่อไหร่”


“พรุ่งนี้คงกลับถึงกรุงเทพฯ นี่แฟรงค์มีอะไรปิดบังชายหรือเปล่า”


“ไม่มี้ ไม่มีเลยจริงๆ ไอ้ชาย ข้าไม่มีอะไรต้องปิดบังเอ็ง”


“นี่แฟรงค์ กันย์ตกหลุมรักยัยขี้เหร่เหรอ น่านะ บอกชายหน่อยสิ นะ นะ”


บุรุษผู้ถูกถามถึงกับลุกหนีสายตาตรวจจับเท็จรวดเร็ว จนสมชายต้องลุกตามพร้อมวิ่งพันแข้งพันขานัวเนีย ต้องการคำตอบที่ยังสงสัยเคลือบแคลงในใจ จะจริงไม่จริงอย่างไรแฟรงค์เกนสไตล์คงต้องรอให้ตัวปริศนากลับมาเพื่อจะได้คาดคั้นเอาความให้จงได้


++++

โปรดติดตามตอนต่อไป..

แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 55 20:18:13

จากคุณ : มาโซคิส
เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 55 19:26:02




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com