Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เลขาเนื้อทอง :: ยอแสงแข - 21 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12976625/W12976625.html

บทที่ 21

ทำงานกับณพนามาหลายปี ไม่เคยมีสักครั้งที่เขากับหล่อนจะเผยความสนิทสนมแตะเนื้อต้องตัว ก็อย่างที่บอก ในที่สาธารณะ เขาต้องเดินสองมือไพล่หลังเยื้องห่างเจ้านายสาวใหญ่อย่างน้อยก็สามก้าวและอย่างสำรวมเสมอ

แต่ดูพลิ้วแพรทำสิ แย่มากจริงๆ ก็สมแล้วที่เรียนไม่จบ ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมาบ้าน เพราะแม้แต่สีหน้าอึดอัดของเขา แม่สาวใจแตกก็ยังดูไม่เป็นอ่านไม่ออก ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นน้องสาวของเจ้าชีวิต เขาคงเอ็ดหนักแล้วไล่ตะเพิดให้อับอายพนักงาน

"คุณพลิ้ว ปล่อยตัวผมเสียที เห็นสายตาของพนักงานไหม พวกเขามองเราอยู่ คุณเป็นเจ้านายนะ กิริยาสำรวมน่ะ ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ต้องฝึก"

"ทำไมต้องฝึก"

ตรงฉัตรอยากจะบ้า เขาอุตส่าห์กระซิบทั้งเตือนทั้งปราม แต่หล่อนกลับจงใจส่งเสียงดังๆ ให้ชาวบ้านได้ยินกันทั่ว ทำไมหล่อนเป็นคนไร้สาระและไม่เอาไหนแบบนี้ ฟ้าต้องเล่นตลกแน่ๆ ถึงได้ส่งหล่อนลงมาเป็นน้องสาวของพี่สาวที่เก่งแสนเก่ง ทนแสนทน และอึดแสนอึด

"คุณพลิ้ว ผมขอพูดอีกครั้ง ปล่อยตัวผมเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ผมอึดอัดและเสียการปกครอง ไม่อย่างนั้น เราคงไม่มีอะไรต้องพูดกัน"

"ไม่พูดก็ไม่พูด แล้วจะทำอะไรดี อืม ปากของคนเรานี่ นอกจากพูด กิน แล้วทำอะไรได้อีก จูบได้ไหม"

"อุ๊บ คุณพลิ้ว"

ณพนาเลิกคิ้วตกใจ แต่ก็ยังว่องไวอยู่ หล่อนถลันไปรับร่างน้องสาวที่โดนผลักเหวี่ยงปุบปับ

ตรงฉัตรนี่ยังไงกัน เอาใหญ่แล้วนะ ก้าวร้าวต่อน้องสาวหล่อนแบบนี้ได้หรือ อ้อ เห็นหล่อนไม่ถือตัว รักใคร่ผูกพันเข้าหน่อย ทำท่าจะลามปามลืมว่าตัวเป็นใคร หล่อนเป็นใคร แล้วน้องสาวหล่อนเป็นใครหรือ

'เดี๋ยวแม่ก็ตบสั่งสอนเสียเลย' แววตาวาวเหมือนแม่เสือมันอ่านว่าอย่างนั้น ตรงฉัตรเห็นและไม่สนใจ อยากตบก็มาตบเถอะ ให้พี่สาวตบสักสิบฉาด มันไม่อึดอัดเลย ถ้าต้องแลกกับการอยูให้ห่างอ้อมกอดสกปรกของสาวใจแตก

ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ ปรี่มากอดผู้ชายกลางผู้คนมากมาย ไม่รู้จักอาย พอโดนติเข้าหน่อยก็ทำเฉไฉกลบเกลื่อน แต่จริงๆ แล้วก็หาเรื่องอยากจูบลวนลาม คนเป็นพี่สาวก็บังเอิญตาบอดเฉพาะกับน้องสาวเสียด้วย ถึงได้ไม่เห็นว่ากิริยาที่เจ้าตัวจะทำมันไม่งาม

"เกิดอะไรขึ้น" ณพนาส่งเสียง เดินฉับๆ มาขวางทางร่างสูงเพรียว ใจไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นเจ้าของหน้าหงิกตาดุ

"ผมมีนัดกับลูกค้า ต้องรีบไป คงเพราะรีบมากจึงไม่ทันเห็นว่าคุณพลิ้วเดินมา ผมชนเธอ"

"ชน"

"ครับ ชน แรงไปหน่อย ขอโทษด้วย ตัดเงินเดือนก็ยินดี แต่ผมต้องไปก่อน"

พ่อหนุ่มว่าจบก็จ้ำอ้าวไปเลย ทิ้งเจ้าชีวิตให้ยืนเท้าสะเอวว้าวุ่นปนหงุดหงิดอยู่ข้างหลังนั่นแหละ พลิ้วแพรยิ้มกริ่มพลางหรี่ตาหมั่นเขี้ยวพ่อรูปหล่อ แต่ใจก็ครุ่นคิดเงียบๆ ไปด้วย

หล่อนยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ใส่แสงตาหงุดหงิดของพี่สาว เชิญนางพญาอวดอำนาจไปเถอะ ตรงนี้ไม่มีสุดที่รักตรงฉัตรแล้วไม่ใช่หรือ หล่อนก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทู่ซี้ยืนอวดหุ่นงามๆ ต่อไป บิดสะโพกกลับห้องทำงานพ่อทูนหัวดีกว่า




ห้องทำงานที่ไม่มีเงาของเจ้าของมันให้บรรยากาศจืดชืดไปหน่อย แต่พลิ้วแพรก็พอใจว่าได้มานั่งเก้าอี้ตัวใหญ่พนักสูงที่สุดที่รักนั่งคร่ำเคร่งกับกองงานห่วยๆ ของพี่สาว

เขาน่ารักออก ก้มหน้ารับใช้พี่สาวงกๆ พันศิลป์โทรไปเล่าให้ฟังออกบ่อยไปว่าเขาเหนื่อยมาก ในขณะที่พี่สาวก็มัวแต่เตร็ดเตร่เฉิดฉายในต่างประเทศ

"พี่นาชอบอ้างว่าระดมหาเงินทุนผีทะเลอะไรก็ไม่รู้ สรุปง่ายๆ ก็คือทระนงตามนิสัยนั่นแหละ พี่ชินแล้ว"

"พี่พันชิน แต่พลิ้วไม่ชอบนี่ ตัวเองไปเที่ยวสุขสบายแล้วทิ้งงานกองเท่าภูเขาให้พี่ตรงแบกไปคนเดียวได้ยังไง"

'นี่ยังไงล่ะ หลักฐานคาหนังคาเขา' ประกอบภวังค์ไม่ชอบ โทรมาถามทีไร พี่สาวก็บอกว่าเขาสบายดี ทำงานเช้าชามเย็นชามไม่ใช่หรือ แล้วไอ้ที่กองเต็มโต๊ะนี่เล่า พี่สาวจะอธิบายว่ายังไงไม่ทราบ

เขาน่ารักที่สุดเลย หล่อนไม่เสียใจเลยที่หลงรักหนุ่มหน้าเข้มคนนี้ ตรงฉัตรดูดีมีรัศมีผู้นำเปล่งเจิดจ้าตั้งแต่อายุสิบเจ็ดโน่นแน่ะ ทั้งที่ตอนนั้นเขาดูมอมแมมเหมือนหนุ่มน้อยบ้านป่าที่เพิ่งจะมีโอกาสโผล่เข้าเมืองเป็นครั้งแรก

แต่อะไรก็ช่างเถอะ หล่อนไม่สนใจมันมากไปกว่าความพึงใจที่ก่อเกิด ในวันนั้น หล่อนหลงใหลประกายตาเข้มแกมขรึม คลั่งบุคลิกนิ่งซึ่งกลายเป็นที่มาของมาดสำรวมน่าเกรงขามในวันนี้

พลังชายอันร้อนแรงที่ซ่อนอยู่ในกายกำยำก็เต็มไปด้วยกระแสดึงดูดประหลาด หล่อนปรารถนาสัมผัสและครอบครองไว้เป็นเจ้าของ ขอถาวรตลอดไปด้วยนะ ใครก็ห้ามมาแย่ง แม้แต่พี่สาวก็เถอะ ถ้าสะเออะมาขัดขวางละก็ หล่อนจะอาละวาดให้บ้านแตก

"พี่จะช่วยเราเอง ไม่ต้องกลัวพี่นาหรอก พี่จัดการได้"

พันศิลป์รับปากมั่นเหมาะว่าจะคอยเป็นทัพเสริม หากว่าพี่สาวขัดขวางขึ้นมาจริงๆ ตอนหล่อนระบายความกังวล เขายังหัวเราะชอบใจ ยักไหล่ และส่ายหน้าให้อ่านว่า 'ไม่มีปัญหา'

"แหม แต่ถึงพี่พันจะเข้าข้างและเข้าใจ มันก็เท่านั้นแหละค่ะ ลองว่าพี่นาไม่อนุญาตเสียอย่าง พี่ตรงก็ไม่กล้าขัดคำสั่งหรอก มีใครไม่รู้บ้างว่าเขาหงอพี่นาจะตาย"

"ก็พี่ถึงได้บอกอยู่นี่ยังไงว่าเขามีบางอย่างซ่อนเราอยู่ เราต้องช่วยกันหาให้พบ ถ้าเราหาพบ ก็จะใช้มันย้อนกลับไปเป็นเครื่องต่อรอง รับรองทั้งพี่นาทั้งเขาจะไม่ปฏิเสธทูนหัวของพี่แน่นอน"

"แน่นอน"

"ถูกต้อง แน่นอน ไม่ผิดปากหรอก"

ตอนฟังเสียงสูงย้อนย้ำขึงขังของพี่เขยเมื่อบ่ายวันก่อน หล่อนยังหัวเราะชอบใจอยู่เลย ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจคำว่า 'บางอย่าง' ที่เขาเอ่ยถึงนัก ครั้นพอถาม เขาก็แจงให้ฟังว่า

"ที่มาที่ไปของเขายังไงเล่าทูนหัว น้องไม่สงสัยบ้างหรือว่าเขามาจากไหน อย่าบอกนะว่าประจวบ เรื่องนั้นใครๆ ก็รู้ตามที่พี่นาบอกนั่นแหละ แต่เจอกันได้ยังไง ตอนไหน แล้วทำไมพี่นาต้องพากลับมา"

"เรื่องนั้นพลิ้วก็เคยสงสัย เคยถามเหมือนกันค่ะ แต่พี่นาบอกว่าเรื่องมันไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร รู้ไม่รู้ก็ไม่ต่างกัน พลิ้วก็เห็นด้วยนะ เราไม่จำเป็นต้องไปรู้หรอกค่ะ ให้ทุกคนรู้แค่ว่าพลิ้วรักพี่ตรง และเขาต้องแต่งงานกับพลิ้วตามสัญญาก็พอแล้วนี่"

"คนดี" พี่เขยดึงตัวไปใกล้แล้วหยิกจมูก ขึงตาเข้มแล้วประชดน่ารักว่า "แม่สุดสวย แม่คนดี เราของพี่น่ะเป็นคนดีมาก มองโลกในแง่ดีเรื่อยเลย นี่ ไม่ใช่ว่าพี่จะยุแยงให้สองพี่น้องระแวงกันเองหรอกนะ แต่พี่หวังดี ไม่อยากเห็นทูนหัวผิดหวังเสียใจภายหลังนา"

"หมายความว่ายังไงคะ"

หมายความว่าเหตุผลที่ตรงฉัตรหงอพี่สาวจนใครต่อใครยังเคยแอบนินทาให้หล่อนได้ยินว่า 'เหมือนทาสรักนางพญา' มันอาจหมายถึงความรักที่ตรงฉัตรแอบมีต่อพี่สาว มีมานานแล้ว เก็บซ่อนไว้เงียบๆ และเฝ้ารอเวลาสารภาพ

ดังนั้น ถ้าข้อสังเกตเผื่อๆ ของพี่เขยแสนดี มันจับพลัดจับผลูเป็นความจริงขึ้นมา หล่อนจะทำยังไง ต้องสูญเสียเขาไปให้พี่สาวตลอดกาลหรือ โดยที่พี่สาวไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลยอย่างนั้นใช่ไหม

"ดังนั้น ถ้าน้องไม่อยากผิดหวังเสียใจภายหลังละก็ ขอให้ทำตามคำแนะนำของพี่ ภายในสามเดือนนี้ กะหนุงกะหนิงกับเขาให้ชาวบ้านเห็นเยอะๆ หน่อย มีงานเลี้ยงกี่งานก็ควงเขาไปให้ติดหนึบ มันจะเป็นหลักประกันที่แข็งแรงตอนพี่แอบช่วยประโคมข่าวลือ"

"ข่าวลือ"

"จ้ะทูนหัว ข่าวลือว่าพ่อเลขาเนื้อทองตกหลุมรักน้องสาวสุดสวยจบจากเมืองนอกมาหมาดๆ ของเจ้านายณพนา ภรรยายอดยาหยีของมาเฟียเทพบุตรพันศิลป์ บอกพี่มาซิ อัตราความไม่น่าเชื่อถือมันสูงหรือต่ำ"

และสิ่งที่หล่อนทำไปแล้วเมื่อครู่นั่นล่ะ คือแผนการเฉียบแหลมของพี่เขยแสนดี หล่อนก็เห็นด้วยนะ ใช้ข่าวลือว่าเขาตกหลุมรักหล่อน ชะล้างข้อเคลือบแคลงที่ผู้คนมีต่อตรงฉัตรกับอีกข่าวลือที่เฮงซวยกว่าที่ว่าเขาเป็น 'ชายชู้' ของพี่สาว

"พลิ้วไม่เชื่อหรอก" หล่อนบอกพันศิลป์เสียงหนักแน่น พาหล่อนไปตัดหัว หล่อนก็จะยืนกรานเด็ดเดี่ยวแบบนี้ล่ะ

"ใช่ พี่ก็ไม่เชื่อ เราคนในกันเองไม่มีใครเชื่อหรอก แต่พี่บอกแล้วยังไงว่าสายตาคนนอกมันสร้างอิทธิพลได้เสมอ"

"แต่มันเป็นอิทธิพลที่ไม่ดี"

"ดีหรือไม่ดี มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราควบคุมมันยังไง เอาเป็นว่าความรักของทูนหัวสุดสวยจะไม่มีคำว่าผิดหวัง สรุปแบบนี้ดีกว่า ง่ายดีไหม สบายใจมากด้วย"

ภวังค์อันยาวลึกจบลงพร้อมกับประตูห้องก็เปิดกว้าง พี่สาวเข้ามายืนเท้าสะเอว วางมาดเจ้านายนางพญาใส่ลูกน้องจนเคยตัวละสิ เสียใจด้วยนะ หล่อนไม่ใช่ลูกน้อง เป็นน้องสาว ไม่ใช่น้องสาวธรรมดาด้วย แต่เป็น 'น้องสาวเจ้าชีวิต'

"ฟังนะจ๊ะแม่ยอดชู้คนดี" ณพนาเอ่ยขึ้นก่อน เดินเข้ามาใกล้โต๊ะพลางเท้ามือลง "ที่นี่เป็นบริษัท เป็นสถานที่ทำงาน พี่เข้าใจว่าน้องรักนายตรงนะ พี่ไม่ขัดขวางหรอก เพราะว่ามันคือความสุขของน้อง แต่ที่นี่มีกรอบและมีกฎ"

"เราเปลี่ยนได้ไม่ใช่หรือคะ"

"พลิ้ว เราจะไม่เปลี่ยน นี่คือหลักการปกครองคนของพี่ ทุกคนต้องทำงานอย่างมีระเบียบวินัย ต้องสำรวม ต้องควบคุมอารมณ์ จะไม่มีใครมาแสดงอะไรรุ่มร่ามและไม่เข้ากันกับกาลเทศะ"

"นี่" สาวใจแตกลุกผลุงตบโต๊ะ ตาวาวสาดไปจับวงหน้าเคร่งของพี่สาวอย่างไม่ครั่นคร้าม "เทศนาจบหรือยัง พลิ้วไม่ใช่ลูกน้อง ไม่ใช่พนักงาน พลิ้วจะทำอะไรก็ได้ที่พลิ้วอยากทำ ไม่ว่าจะที่นี่ ที่บ้าน หรือที่ไหนๆ ก็ตาม"

"น้อง" ณพนายืดตัวตรง หน้าเคร่งยิ่งกว่าเดิม "เรากำลังพูดถึงระบบการทำงาน น้องต้องเรียนรู้ ต้องฝึก ต้อง.. "

"พลิ้วเข้าใจ พลิ้วทำได้ หรือถ้าทำไม่ได้ พี่ตรงก็จะสอนเอง พี่พันก็ยังอยู่อีกคน เขาเก่งกว่าพี่นาอีก มัวแต่ยโสทระนงไม่เข้าท่า หัดไปเหยียบเสียบ้างสิบริษัทของพี่พันน่ะ แล้วพี่นาก็จะได้เปิดหูเปิดตา"

"พลิ้ว เงียบนะ"

"อ้อ จุ๊ๆ ไม่ใช่สินะ" น้องสาวไม่ยี่หระกับเสียงกระด้างใกล้ตัวสักนิด แถมยังมากลีลายั่วให้บันดาลโทสะหนักขึ้นไปอีก "พลิ้วว่าคำนี้มันไม่เหมาะกับพี่นาหรอก ไปเฉิดฉายเมืองนอกบ่อยแล้วนี่ ต้องเปลี่ยนเป็นพูดว่าหูตาสว่างน่าจะเข้ากัน"

"พลิ้ว เงียบเดี๋ยวนี้นะ" พี่สาวตวาดหน้าแดงขึ้น

"ไปดูเสียบ้าง" พลิ้วแพรแหวกลับดังกว่า กระด้างกว่า ตาถลึงดุร้ายเหมือนศัตรูมากกว่าน้องสาว "อย่าดีแต่แว้ดๆ คนในปกครองอยู่ทางนี้ ที่นี่มันกะลารู้ไหมพี่นา แต่บริษัทและเครือข่ายมากมายของพี่พันน่ะเขาเรียกว่าโลก"

"ฉันบอกว่าเงียบเดี๋ยวนี้ แกไม่ต้องมายกย่องไอ้สาร.. "

"พี่ต่างหากพี่นาที่จะต้องเรียนรู้ ต้องฝึก ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วก็เตะไอ้นิสัยยโสทระนงทุเรศๆ ของพี่ทิ้งไปเสียได้แล้ว คอยดูนะ พลิ้วแต่งงานกับพี่ตรงเมื่อไหร่ พลิ้วจะบริหารงานที่นี่เอง พี่พันรับปากแล้วว่าจะให้ความช่วยเหลือทุกอย่างที่พลิ้วขอ น่าเบื่อ น่ารำคาญ วุ้ย เซ็งเว้ย"

ไหล่พี่สาวร้อนฉ่าเพราะแม่น้องสาวก้าวฉับๆ จงใจมาชนเปรี้ยงระบายความเซ็งเว้ยอย่างที่ระเบิดออกมา พี่สาวเซนิดหน่อย แต่คุณน้องบิดก้นพ้นประตูห้องทำงานพ่อเลขาเนื้อทองออกไปแล้ว

มันมีอะไรอีกไหมที่ดีไปกว่าการสูดหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆ ลากเก้าอี้มาใกล้ ค่อยๆ หย่อนกายอ่อนล้าลงพัก สองมือกำแล้วบีบเกร็งบนตัก

จากนั้น หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าจะไม่มีใครเข้ามารบกวนภายในห้านาทีนี้ ณพนาก็ขอหลั่งน้ำตาขับตะกอนขมขื่นออกมา 'สักสองสามหยดเถอะ'  




ปัญหาร้าวฉกรรจ์ในครอบครัวก็เรื่องหนึ่ง ธุรกิจที่หลายปีแล้วก็ยังไม่หลุดพ้นจากวงจรควบคุมของซาตานอุบาทว์ก็เรื่องหนึ่ง

ณพนาแยกมันออกเป็นสัดเป็นส่วนได้เสมอ หล่อนทิ้งน้ำตาทันทีที่มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาสกัด หุ่นสง่าปราดไปชิดโต๊ะแล้วกดปุ่มรับ กรอกเสียงขรึมเคร่งน่ายำเกรงไปก่อนว่า

"มีอะไร"

"สายนอกจากคุณหลิวฮ่องกงค่ะ"

"คุณหลิวฮ่องกง"

"ค่ะ เขาบอกว่าไม่ได้นัดแต่แค่บอกชื่อ คุณนาจะ.. "

"โทรตามตรงฉัตรกลับมาเดี๋ยวนี้"

เงินทุนก้อนใหม่กำลังลอยมา หล่อนจะไม่ปล่อยมันลอยผ่านหน้าไปหรอก อาจเป็นไปได้ว่าฟ้ากำลังเห็นใจ เวลาห่างกันไม่กี่วัน 'คุณหลิวฮ่องกง' ก็ติดต่อกลับมา

ไม่เสียแรงที่หล่อนแวะไปหยั่งเชิงและทาบทามทิ้งท้ายตามคำแนะนำของพ่อค้าขี้หลีไต้หวัน เซ็นสัญญากันเมื่อไหร่ หล่อนคงต้องหาเวลาบินไปเยี่ยมและเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่เป็นการขอบคุณ

"สวัสดีค่ะคุณหลิว ยินดีที่ได้ยินเสียงคุณอีก ยังไม่ลืมใช่ไหมคะที่ฉันชมว่าเสียงคุณเพราะมาก"

"คำชมไม่น่าจดจำเท่ากับเจ้าของคำชมหรอก ผมโทรมาเพราะคิดถึงอย่างแรงกล้าเลย"

"ไม่ใช่เรื่องงานหรือคะ"

"ผมตามใจคุณทุกอย่าง บอกมาคำเดียวว่าอยากให้ระหว่างเรามีงานเข้ามาเกี่ยวพัน ผมจัดการให้ได้"

ตรงฉัตรยังไม่ได้ไปไหนไกล เขาไปหลบพักอารมณ์คุกรุ่นในห้องน้ำ สิบนาทีหลังจากนั้นก็ลงไปสูดอากาศในสวนหลังสำนักงาน เดินไปถึงลานจอดรถ แต่ยังไม่ถึงรถ โทรศัพท์บัญชาก็สกัดลั่นกระเป๋าเสื้อ

ตอนเปิดประตูเข้ามา ยังทันเห็นเจ้านายสาวใหญ่เบะปากแลบลิ้นพอดี อาเฮียหลิวฮ่องกงจีบอีกแล้วละสิ เสน่ห์แรงจริงๆ เขาไปหยุดเท้าโต๊ะทำงาน หล่อนชี้ให้ไปนั่งรอที่โซฟา เขาก็เลยเดินกลับไปเปิดประตูร้องสั่งกาแฟ

อารมณ์เย็นลงแล้ว สีหน้าก็กลับมาขรึมและเรียบเฉยดังเดิม ณพนาปรายตามองแวบหนึ่ง แต่เสียงของหล่อนนี่สิ ดัดจริตสุดฤทธิ์จนเขาอดทำหน้าเอือมๆ กับส่ายหัวให้เห็นไม่ได้

"ค่ะ แน่นอน ไม่ค่ะไม่ ฉันบอกว่าแน่นอนก็ต้องแน่นอนสิคะ คุณรู้จักฉันแล้วค่ะคุณหลิว แต่ถ้าจะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ฉันต้องให้โอกาสกับเวลาคุณมากขึ้นอีกหน่อย จริงไหม แล้วเจอกันนะคะ อ้อ ฉันต้องการที่พักที่ให้ความรู้สึกพิเศษๆ และประทับใจยาวๆ "

หล่อนจบเสียงดัดจริตเพียงเท่านั้น วางสายแล้วก็ลุกมายืนดีดนิ้วเปาะๆ ยิ้มกว้างและสดใสมากรอยนั้นบอกเขาว่าคุณเจ้านายอารมณ์ดีจัด

อาจเป็นไปได้ว่าลืมเหตุการณ์กระชากโทสะใส่กันเมื่อหลายนาทีก่อนไปแล้ว ก็ดีเหมือนกัน ณพนาเจอแต่เหตุการณ์แย่ๆ ถ้าจะมีสักเหตุการณ์ที่หล่อนลืมได้ เขายินดีสนับสนุน

"ฉันมีข่าวดี" หล่อนหยุดหน้าโต๊ะกระจก แบมือด้วยท่าดัดจริต เอียงหน้าคลี่ยิ้มน่าหมั่นไส้ "เอ๊ะ ทำไมนายเฉยๆ อ้อ หรือว่ายังไม่หายเคืองฉันเรื่องเมื่อกี้นี้ ช่วยไม่ได้ นายอยากไม่ให้เกียรติแม่ยอดชู้ของฉันก่อน"

"ผมก็มีพ่อยอดขมองอิ่มอยู่คนหนึ่ง หลงรักแบบหลับหูหลับตา หัวปักหัวปำ ตาบอดหูหนวก ไม่.. " ลมร้อนวูบหนึ่งพัดมาฟาดหน้าแผ่วๆ ทำให้วาจาเสียดสีสะดุด "โอ้.. " เขาหัวเราะเคืองๆ กวาดหนังสือพิมพ์ที่ณพนาปาใส่ลงมาตบเล่นบนตัก แล้วยั่วโมโหอีก "คนแก่นี่น่าเบื่อจริงๆ ยอมรับความจริงอะไรไม่ได้เลย"

"นายตรง"

"มันใจจะขาดหรือ แค่พูดออกมาให้อกมันโล่งว่าแม่ยอดชู้ห่วย.. "

"ฉันจะตีกบาลนายให้แตก ถ้านายพูดคำว่าห่วยแตกออกมานายตรงฉัตร"

"อะไร ขึ้นเสียงอะไร ผมพูดอะไร พูดถึงใครว่าห่วยแตก"

"ก็พลิ้วแพรของฉัน"

"อะไรนะครับคุณนา ใครห่วยแตก"

"พลิ้วแพรย่ะนายตรง เมื่อกี้นี้นายจะพูดว่าแม่ยอดชู้ห่วยแตก"

"ผมไม่ได้พูดสักหน่อย"

"ก็ฉันพูดแทนนายอยู่นี่ไง"

"ว่า.. "

"แม่ยอดชู้ห่วยแตก"

"ครับ ผมเห็นด้วย"

เจ้านายสาวใหญ่เพิ่งจะฉุกคิดได้ว่าเสียท่า หล่อนทำตาโตปนวาวได้ตลกมากเลย แหม สะใจจัง แต่น่าเสียดาย เขาน่าจะหัวเราะได้เสียงดังและด้วยอิริยาบถปลอดโปร่งเปิดเผยให้สาแก่อารมณ์ขันหน่อย แม่บ้านไม่น่าเข้ามาขัดจังหวะเลย

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่แม่บ้านจะวางถาดกาแฟลงแล้วถอยหลังตัวลีบกลับออกไปโดยไม่เหลือบตามองเจ้านายเลขาที่หนึ่งนั่งไขว่ห้างกอดอกขรึมกับอีกหนึ่งยืนเท้าสะเอวเอียงหน้าและ 'ขยับปากด่าอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้ยินเลย'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 10:14:10




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com