Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ครั้งหนึ่งที่ศิริราช - ตอนที่ 10 “ย้ายห้องอีกรอบ” vote ติดต่อทีมงาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“บทนำ” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12829259/W12829259.html
ตอนที่ 1  “พาภรรยามาศิริราชเดี๋ยวนี้” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12832639/W12832639.html
ตอนที่ 2  “ค่ำคืนที่แสนยาวนาน” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12842042/W12842042.html
ตอนที่ 3  “ถ้ามาช้าไปหนึ่งวัน” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12857797/W12857797.html
ตอนที่ 4  “สามวันกลับบ้านได้จริงหรือ” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12868805/W12868805.html
ตอนที่ 5  “ความเครียดที่มองไม่เห็น” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12890910/W12890910.html
ตอนที่ 6  “ความกดดันนี่มันหนักจริงๆ” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12903209/W12903209.html
ตอนที่ 7  “Stand by Me” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12917721/W12917721.html
ตอนที่ 8  “นับหนึ่งกันใหม่” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12948984/W12948984.html
ตอนที่ 9 “เป้าหมายข้างหน้ายังคงชัดเจน” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13015139/W13015139.html

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 10 “ย้ายห้องอีกรอบ”

เวลายังคงเดินต่อไป ...............เรื่องราวของคุณแม่ผู้อดทนเพื่อลูกน้อยในท้องยังคงดำเนินต่อไป ...............หน่องยังคงนอนอยู่ที่เตียงลุกไปไหนมาไหนไม่ได้ ยังคงมีการให้ยาทางสายน้ำเกลือเพื่อลดอาการเกร็งมดลูกอยู่เช่นเคย ยังคงห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดในการติดต่อกับใครๆก็ตามเช่นเคย ยังคงถูกห้ามเยี่ยมเช่นเคย ในขณะที่ดอกไม้และขนมที่มีคนส่งมาให้กำลังใจก็ค่อยๆน้อยลงไป จากที่ปกติที่อย่างน้อยในห้องที่หน่องพักอยู่จะมีดอกไม้วางเรียงรายอยู่ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปหมด แต่มาตอนนี้ดอกไม้พวกนั้นก็เฉาไปตามกาลเวลา ไม่ค่อยมีดอกไม้หรือขนมมาสร้างบรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้อีก

หน่องเป็นคนที่ชอบดอกไม้มากครับ ผมเองอยากให้หน่องรู้สึกมีความสุขมีความสบายใจ มีบรรยากาศดีๆภายในห้องเล็กๆห้องนี้ ความหอมและความงามของดอกไม้ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีได้ ผมไม่อยากต้องมาลุ้นว่าจะมีใครส่งดอกไม้มาให้กำลังใจหน่องหรือเปล่า ในเมื่อสิ่งเหล่านี้มันสร้างรอยยิ้มให้หน่องได้ ทำไมผมไม่ทำเองละ เมื่อคิดได้แบบนี้ ผมจึงตัดสินใจจัดดอกไม้เพื่อส่งมาเองให้หน่องเป็นระยะๆ ทั้งแบบที่ใส่มาเป็นแจกันขนาดใหญ่ แจกันขนาดเล็ก หรือแบบดอกไม้ดอกเดียวไม่มีแจกัน ผมจะพยายามส่งมาที่โรงพยาบาลในหลายๆรูปแบบไม่เหมือนกันทุกๆอาทิตย์ครับ เพื่อให้หน่องได้ดูดอกไม้สดได้ในทุกๆวัน แต่จะให้ส่งมาเปลี่ยนดอกไม้ทุกๆวันก็ลงไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะลงทุนถึงขนาดนั้นไหว ผมเลยใช้วิธีว่า พอดอกไม้เริ่มเหี่ยวผมค่อยส่งดอกใหม่มาเปลี่ยนให้ใหม่ และที่สำคัญคือต้องไม่ให้งบบานปลายด้วย

“ซื้อมาทำไมบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ เปลืองตังค์”  หน่องบอก

“หน่องไม่ต้องห่วงเลย อยู่ในงบ ถูกกว่าที่หน่องคิดเยอะ”  ผมบอกหน่องเพื่อให้หน่องสบายใจ

ผมรู้ว่าหน่องไม่ชอบให้ผมมีค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง แต่ผมก็รู้ว่าการที่ผมซื้อดอกไม้มาให้ก็ทำให้หน่องมีความสุข มีรอยยิ้ม ผมอยากเห็นหน่องมีความสุขครับ ขอให้ผมได้ทำอะไรให้หน่องบ้างเถอะ ความสุขที่ได้เห็นหน่องมีความสุข ก็สร้างความสุขให้ตัวผมเองเช่นกัน

อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ ...........................

เกือบๆ 2 เดือนแล้วที่หน่องมาอยู่ที่นี่ อาการของหน่องก็อยู่ในขั้นที่ปริมาณยาเหลือน้อยมากๆแล้ว ตอนนี้ลดปริมาณยามาเรื่อยๆจนเหลือแค่ 5 เท่านั้นเอง ท้องหน่องเองก็ดูโตขึ้น อุ้ยอ้ายขึ้น ยิ่งแต่ละสัปดาห์ผ่านไปมากเท่าไรก็ยิ่งจะทำให้พวกเรามั่นใจขึ้นไปด้วย และจากการที่คุณหมอให้ความระมัดระวังกับการลดยามากเป็นพิเศษ นั่นคือลดทีละนิด ไม่ลดแบบฮวบฮาบ จนถึงจุดที่ให้หน่องลองหยุดยาไปเลย 3 วัน ซึ่งอาการของหน่องก็สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าอาการของหน่องคงที่แล้ว คุณหมอจึงตัดสินใจให้หน่องย้ายห้องกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยปกติอีกครั้ง แม้ว่าหน่องอาจจะมีอาการกล้าๆกลัวๆ เพราะเข็ดกับการย้ายห้องครั้งก่อนที่ย้ายออกไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็ต้องมีอันถูกส่งกลับมาที่ห้องคลอดพิเศษเหมือนเดิม หน่องก็มีงอแงทำท่าจะไม่ยอมย้ายอยู่บ้าง เพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้วเล่นเอาหน่องรู้สึกแย่ๆอยู่เลย ถ้าเลือกได้หน่องคงขอเลือกอยู่ในจุดที่หน่องมีความเสี่ยงน้อยสุด นั่นหมายถึงอยู่ที่เดิมไม่ย้ายไปไหน นี่ละดีที่สุด เสี่ยงน้อยสุด แต่สุดท้ายหน่องก็ต้องยอมรับว่าอาการหน่องตอนนี้ควรจะออกจากห้องคลอดพิเศษได้แล้วและควรจะให้ผู้ป่วยคนอื่นมาอยู่แทน คนที่ต้องการห้องมากกว่าเรารอคิวอยู่ เราคงไม่สามารถปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้

เมื่อรู้ตัวว่าจะมีการย้ายห้องอีกแน่ๆแล้ว ผมเลยมีการวางแผนในการจัดการเรื่องของการขนย้ายข้าวของต่างๆอันมากมายของหน่องไว้ล่วงหน้า ก็เพราะมีประสบการณ์จากการย้ายห้องคราวก่อน คราวนี้ผมจึงจัดแจงจัดการของให้เข้าที่เข้าทาง ของบางอย่างที่ไม่จำเป็นก็เอากลับบ้านไปเลยก็มี

แต่คราวนี้ห้องพักผู้ป่วยปกติที่หน่องจะย้ายไปไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกันแล้ว เพราะห้องเต็มหมด หน่องถูกส่งไปพักที่ชั้น 14 แทน เป็นห้องที่ยังไม่ได้ทำการปรับปรุงใหม่แต่ก็อยู่ได้ดีพอสมควร ที่สำคัญหน่องไม่ต้องให้ยาทางสายน้ำเกลืออีกต่อไปแล้ว แต่หน่องยังคงต้องอยู่แต่บนเตียงเช่นเดิม ห้ามเดินไปมาเองเพราะความเสี่ยงยังมี ซึ่งเรื่องนี้หน่องรู้ดีมากครับ สู้กันจนมาถึงขณะนี้แล้ว คงไม่อยากเสี่ยงอะไรโดยไม่จำเป็นอีก ตอนนี้จิตใจหน่องเพื่อลูกอย่างแท้จริง ส่วนผมเองก็มาพักกับหน่องได้เต็มตัว ไม่ต้องรออยู่หน้าห้องพิเศษอีกต่อไป

ข่าวดีอย่างนึงสำหรับการย้ายห้องครั้งนี้คือ จากห้องพักผู้ป่วยที่หน่องพักอยู่สามารถมองออกไปเห็นวิวด้านนอกจากตรงระเบียงได้ จากที่หน่องไม่เคยเห็นแม้แต่แสงอาทิตย์เลย พอย้ายมาอยู่ห้องนี้หน่องก็ได้เห็นแล้วและตอนนี้หน่องก็ได้รู้แล้วว่าหน่องอยู่ประมาณตรงไหนของศิริราช เพราะจากวันแรกที่เข้ามาหน่องยังไม่มีโอกาสได้เห็นวิวด้านนอกของตัวตึกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

หน่องได้ขอให้ผมพยุงหน่องไปตรงระเบียงห้อง ผมเข้าใจดีว่าหน่องอยากเห็นสภาพแวดล้อมด้านนอกมากขนาดไหน ผมไม่ปฏิเสธคำขอของหน่องเลย ผมค่อยๆพยุงหน่องให้ลุกออกจากเตียง ให้หน่องค่อยๆเดินอย่างช้าๆทีละครึ่งก้าว หน่องไม่ได้เดินมานานแล้วครับ แถมท้องที่โตขึ้นทุกๆวันก็ทำเอาหน่องเดินไม่ค่อยถนัดนัก ก็ค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆ จนมาถึงที่หน้าระเบียง ภาพที่หน่องได้เห็นเป็น อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช อยู่ด้านตรงข้ามกับที่หน่องยืนอยู่ เป็นอาคารที่ในหลวงได้ทรงมาประทับรักษาพระองค์อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช

“นี่คือตึกที่ในหลวงประทับอยู่ใช่ไหมพี่” หน่องถาม

“ใช่แล้ว ในหลวงท่านประทับอยู่ที่ชั้น 16 ตึกตรงข้ามนี้เอง” ผมบอกหน่อง

“ถ้าหน่องมองลงไปข้างล่างนี้หน่องก็จะเห็นลานพระบิดาจ้ะ อยู่ตรงนี้เอง ผมไปขอพรพระบิดาทุกวันให้ท่านคุ้มครองหน่องกับลูกให้ปลอดภัยและมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต” ผมอธิบาย

“อยู่ใกล้แค่นี้เอง แค่เห็นแบบนี้หน่องก็รู้สึกดีมากเลย” หน่องบอกด้วยความปลื้มปิติ

“จำที่คุณหมอบอกได้ไหม ถ้าลูกเราได้คลอดที่นี่ ก็คิดซะว่า เราโชคดีที่ได้มาคลอดในเขตพระราชฐานเชียวนะ”   ผมพูดอย่างภาคภูมิใจ

“ลูกคับ ลูกดีใจไหม เราอยู่ใกล้กับในหลวงแค่นี้เอง เป็นบุญของลูกนะคับ”   หน่องก้มมอง ลูบหน้าท้องตัวเองส่งผ่านความรู้สึกไปถึงเจ้าตัวเล็ก

ผมเองได้แต่ยิ้มกับความรู้สึกดีๆ ของหน่องที่ได้เห็นภาพบรรยากาศด้านนอกเป็นครั้งแรกแบบนี้ และภาพที่เรายืนอยู่ตรงระเบียงด้วยกันในวันนั้น ยังเป็นภาพที่ติดตาผมมาจนทุกวันนี้

แต่อย่างไรก็ตาม หน่องยังคงมีความท้าทายรอหน่องอยู่ ความท้าทายด่านแรกที่หน่องต้องผ่านไปให้ได้เป็นอันดับแรกคือ การที่หน่องจะต้องไม่ถูกย้ายกลับไปที่ห้องคลอดพิเศษภายในระยะเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงอีก ดังนั้นคืนแรกของการมาพักที่ห้องใหม่นี้ก็มีออกอาการตื่นเต้นบ้างนิดหน่อย เพราะหน่องเองยังคงเข็ดกับการที่ต้องถูกย้ายกลับแบบกะทันหันจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้วอยู่พอสมควร เราพยายามทำตัวสบายๆ ไม่เครียดไม่เกร็งไม่ตื่นเต้นจนเกินไป โทรศัพท์ยังคงห้ามใช้ครับ และคืนนั้นหน่องก็เข้านอนตามปกติ....................................จนเข้าสู่เช้าวันใหม่

ผ่านไปแล้วคืนแรกสำหรับการได้มาพักอยู่ที่ห้องบนชั้น 14 เวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ..................คุณหมอเวรเริ่มมาตรวจตามห้อง เป็นคุณหมอประจำชั้น 14 คุณหมอคนนี้ทั้งผมและหน่องไม่ทราบจริงๆว่าเธอชื่ออะไร แต่หน้าตาคุณหมอคล้ายๆกับนุ่นสินิทรา บุญยศักดิ์ เราเลยถือวิสาสะเรียกกันว่าหมอนุ่นก็แล้วกัน  วิธีการตรวจของหมอนุ่นดูไม่โหดร้ายเท่ากับหมอคนก่อนที่เคยตรวจหน่องครั้งที่แล้ว หมอนุ่นจะค่อยๆคุย ค่อยๆบอกว่าหมอกำลังจะทำอะไรพร้อมเหตุผล การที่หน่องรู้ว่าคุณหมอกำลังทำอะไร เพราะอะไร มันทำให้หน่องไม่เกร็ง ไม่ตื่นเต้นมากและพร้อมให้คุณหมอตรวจหน่องได้อย่างสบายใจ

หลังจากการตรวจก็พบว่าทุกอย่างยังโอเคอยู่ ไม่มีอาการเกร็งแบบรุนแรงให้เห็น ผมเลยประเมินเอาเองนะครับว่า จากการที่อาการของหน่องอยู่ในขั้นที่เรียกว่า sensitive มาก ถ้าคุณหมอที่มาตรวจคิดแต่ว่าจะมาตรวจท่าเดียวไม่พยายามค่อยๆพูดค่อยๆ อธิบาย ให้ผ่อนคลาย หน่องก็จะเกิดอาการกังวล กลัว เกร็งกับคุณหมอท่านนั้น จนทำให้เกิดอาการมดลูกหดตัวขึ้นมาได้โดยง่าย แต่ในทางกลับกัน ถ้ามีการอธิบายแต่ละขั้นตอนว่ากำลังทำอะไรอยู่ มันจะทำให้ผู้ป่วยมีความเข้าใจ เกิดความสบายใจ ไม่มีความวิตกกังวลว่า คุณหมอกำลังจะทำอะไร เอาอุปกรณ์ใดๆมาสอดใส่ เพื่อตรวจดูภายในอีกแล้ว    อย่างวันนี้อาการของหน่องดูดีผิดคาดกับที่กลัวไว้ก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีเลยครับ หน่องได้ผ่านด่านแรกไปเป็นที่เรียบร้อย 

นอกจากนี้คุณหมอนุ่นยังบอกข่าวดีอีกว่า  “อายุครรภ์ของคุณแม่ขณะนี้ มีอายุครรภ์ 34 สัปดาห์แล้ว  ถือว่าเลยช่วงลุ้นไปแล้ว ปอดของเด็กได้พัฒนามาอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่คุณแม่ยังคงต้องพักรักษาตัวเช่นเดิม ยิ่งลูกอยู่ในท้องได้นานเท่าไร ความเสี่ยงในเรื่องต่างๆก็ลดลงมากเท่านั้น”

พอคุณหมอนุ่นบอกแบบนี้ ทำเอาหน่องดีใจมากเป็นพิเศษเลย เพราะมันหมายความว่าถ้าหน่องต้องคลอดขึ้นมาตอนนี้ ก็สามารถคลอดได้ แม้ว่าจะเป็นการคลอดก่อนกำหนดแต่ก็เป็นการคลอดที่ไม่มีความเสี่ยงกับชีวิตลูกที่เกิดมาแล้ว

แม้ว่าคุณหมอยังไม่อนุญาตให้เดินไปมา ชีวิตส่วนใหญ่ของหน่องยังคงอยู่บนเตียงเช่นเดิม โดยมีผมและครอบครัวที่ผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อนหน่อง คุณแม่หน่องยังคงรับหน้าที่ช่วงอาหารกลางวันเหมือนเดิม ส่วนผมนอนค้างกับหน่องเลย ผมก็จะทานอาหารเช้ากับหน่องด้วยก่อนออกไปทำงาน และจะกลับเข้ามาอีกทีในช่วงเย็น พร้อมอาหารเย็น และอยู่กับหน่องตลอดจนกระทั่งเช้าวันใหม่

แม้ว่าทุกๆอย่างของหน่องจะดูลงตัวมากขึ้น แต่สำหรับผมเอง กลับเป็นจุดเริ่มต้นของความยุ่งยากหลายอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เสื้อผ้าชุดทำงาน เพราะผมคงไม่สามารถจะสามารถขับจากศิริราชไปที่ทำงานแล้วกลับมาที่บ้านเพื่อเอาเสื้อผ้าแล้วค่อยกลับไปนอนที่ศิริราชได้ทุกวัน นอกจากจะเหนื่อยขับรถแล้วผมคงไม่สามารถมากินข้าวเย็นกับหน่องได้อย่างที่ตั้งใจแน่นอน ดังนั้นก็ต้องขนเสื้อผ้ามาจากที่บ้านเผื่อไว้หลายๆชุดไปเลยจะได้ไม่ต้องไปที่บ้านทุกวัน

ในทุกๆเช้าผมต้องเผื่อเวลามากกว่าปกติ เพราะช่วงเวลาเช้าๆแถวศิริราชรถก็ติดได้ใจเหลือเกิน กว่าจะฝ่าออกไปได้เล่นเอาเหนื่อยเลย ในเวลาทำงานถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะกลับมาทำต่อที่บ้านจนเป็นนิสัย แต่พอมาอยู่ที่ศิริราชนี่ลืมไปได้เลย การเตรียมงานหลังจากกลับมาจากที่ทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะหน่องต้องนอนพักผ่อน ผมจะมานั่งเตรียมงานอยู่ในห้องพักผู้ป่วยคงจะไม่ถูกต้องนัก  และช่วงนี้เองเป็นช่วงที่ผมถูกฝึกให้ทำงานทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ที่ทำงานเลย ก็ถือว่าเป็นการฝึกระเบียบวินัยของตัวเองได้เป็นอย่างดี 

และพอมาถึงที่ศิริราชในช่วงเย็น ปกติถ้าเห็นที่จอดตรงไหนว่างต้องรีบเข้าไปจอดไปก่อนทันที เพราะที่จอดรถของทางศิริราชหายากหน่อยครับผมเลยไม่ค่อยคิดมากเห็นที่ว่างก็จอดเลยจะจอดไกลจอดใกล้ก็ไม่เป็นไรจอดไปก่อนเลย เพราะผมมีนัดกับภรรยาผมครับ ไม่อยากให้ต้องรอ ผมรู้ดีว่าภรรยาผมเฝ้ารอที่จะเจอผมในช่วงเย็นทุกๆวัน ........... อย่าพึ่งแปลกใจเลยครับว่าทำไมจะติดกันมากขนาดนั้น ผมอยากให้คิดถึงสภาพของผู้หญิงคนหนึ่งยังคงลุกจากเตียงไม่ได้ ได้แต่นอนๆนั่งๆอยู่บนเตียง เล่น Sudoku สิ่งเดียวที่เธอรอคอยคือสามีของเธอกลับมาจากที่ทำงาน มากินข้าวเย็นกับเธอ และพร้อมจะมาเล่าเรื่องโน้นเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง ให้เธอหลุดจากภาวะเดิมๆที่แสนจะจำเจตรงนั้นของเธอด้วยเรื่องโน้นนี่นั้นจากปากของสามีเธอ ยิ้มไปกับเธอ ให้กำลังใจเธอ ...........สำหรับผมแล้ว ทำแค่นี้มันเล็กน้อยมากถ้าเทียบกับสิ่งที่หน่องเผชิญอยู่

ตอนดึกๆผมค่อยแวะลงมาขยับรถที่จอดไว้เมื่อตอนเย็น เพราะถ้าต้องจอดรถค้างคืน ทางศิริราชจะมีที่จอดไว้สำหรับการจอดค้างคืนโดยเฉพาะและมีอยู่อย่างจำกัด  ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะโดนปรับครับ และผมก็ถือโอกาสในช่วงเวลานั้นไปไหว้พระบิดาขอให้ท่านช่วยคุ้มครองหน่องและลูกที่อยู่ในครรภ์ให้ทั้งคู่ปลอดภัยก่อนที่ผมจะกลับขึ้นไปในห้องไปอยู่เป็นเพื่อนหน่องเช่นเคย

แต่ทุกอย่างที่ผมทำผมจะเต็มใจทำมากขนาดไหนก็ตาม แต่สุดท้ายสุขภาพร่างกายก็ไม่ไหวเหมือนกัน ด้วยภาระหน้าที่การงานและภาระในการดูแลว่าที่คุณแม่และลูกตัวน้อยของผม ต้องไปๆมาๆโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือนๆ  ในที่สุดอาการป่วยก็มาเยือนผมจนได้ อาจจะเพราะร่างกายมันอั้นมานานพอไม่สบายทีอาการหนักพอสมควรเลย จะเสแสร้งว่าไม่ได้ป่วยมากก็ไม่ไหว วันที่เริ่มเป็นมันเป็นวันเสาร์ ผมก็รีบไปหาหมอทันที โดยติดต่อไปทางคลีนิคพิเศษของทางศิริราชเองนี่ละครับ ไม่ได้ไปไหนไกลหรอก  ซึ่งหลังจากที่คุณหมอทราบถึงอาการป่วยของผม ผมโดนตั้งกฎเหล็ก ห้ามไปทำให้หน่องติดหวัดจากผมโดยเด็ดขาด เพราะร่างกายหน่องช่วงนี้อาจจะมีโอกาสรับเชื้อและไม่สบายได้ง่าย และถ้าหน่องเกิดไม่สบายขึ้นมามันคงไม่ดีแน่ๆ ผมเลยจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่กับหน่อง ซึ่งหน่องก็คงรำคาญผมน่าดู เพราะตอนนอนผมหายใจไม่ค่อยสะดวก มีอาการกรนเข้าร่วมอีก ทำให้หน่องนอนไม่หลับไปด้วย  ช่วงนั้นผมโดนบ่นค่อนข้างเยอะว่า “ทำไมพี่ตี้ไม่ดูแลตัวเอง ทำไมต้องไม่สบาย อย่างนี้จะมาดูแลหน่องได้ยังไง” ........................... อึม! ยังไงดีละ ผมเองไม่รู้จะตอบอะไรดี ผมเองก็คงไม่อยากให้ตัวเองไม่สบาย พยายามดูแลตัวเอง
เท่าที่จะทำได้เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า ถ้าผมทรุดแล้วใครจะดูแลหน่อง ผมเองไม่คิดว่าจะมีใครที่ไหนมาเข้าใจว่าไอ้สิ่งที่ผมทำอยู่ขณะนี้มันเหนื่อยแค่ไหน การที่จะต้องขับรถมาจากแถวเมืองทองทุกๆวันและมาให้กำลังใจคนรักในทุกๆวันเวลาเดิม ดูแลนู่นนี่ ทั้งๆที่บางครั้งตัวเองก็กำลังเครียดจากหลายๆเรื่องนะ พักผ่อนได้ไม่เต็มที่ จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีอยู่ได้ตลอด  แต่ผมคงไปโกรธใครหรือจะมาน้อยใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ไม่ได้หรอก นี่เป็นสิ่งที่เราเลือกเอง เราเลือกแล้วว่าเราจะต้องดูแลคุณแม่และลูกให้ดีที่สุด เราจะให้กำลังใจหน่อง เพื่อให้หน่องมีพลังในการอยู่ในศิริราชนี้อย่างมีความสุข แม้ว่าจะต้องดูแลหน่องไปพร้อมๆกับดูแลตัวเองไปด้วยก็ตาม

อายุครรภ์ 35 สัปดาห์ ...........................

เข้าสู่สัปดาห์ที่ 35 แล้ว ทุกๆสิ่งดูดีขึ้น ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์หน่องยังคงอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้ยาอย่างแท้จริง แม้ว่าจะยังคงต้องอยู่แต่บนเตียง แต่ทีวีก็เริ่มดูได้บ้าง แน่นอนครับต้องเลือกรายการที่จะดูเช่นเดิม เช่นดูแต่ละครช่วงเย็นเป็นหลักเพราะเป็นละครแนวสำหรับให้เด็กดูได้ด้วย มันเลยเป็นแนวละครที่ไม่แรงหรือเครียดจนเกินไป ส่วนละครช่วงค่ำคงต้องเว้นไปก่อน ทุกอย่างกำลังดีขึ้นเรื่อยๆแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่มันก็เริ่มมีคำถามอยู่ในใจผมเหมือนกันว่า ในเมือหน่องมีอาการดีขึ้นแบบนี้แล้ว....................................

“เพื่อนๆหน่องจะมาเยี่ยมหน่องได้ไหม?”  .................... [ หน่องคงรู้สึกดีถ้าได้เจอเพื่อนๆหน่องอีกครั้ง และเพื่อนๆหน่องก็คงรู้สึกดีเช่นกันถ้าได้คุยกับหน่องโดยไม่ต้องผ่านพี่ตี้เหมือนที่ผ่านๆมา ]

“หน่องจะมีอาการเกร็งมดลูกอะไรหรือเปล่า?” .................... [ อาการดีใจ เสียใจ กังวลใจ หรือตื่นเต้นมากๆจะทำให้หน่องต้องกลับไปที่ห้องคลอดพิเศษ กลับไปให้ยาคลายอาการเกร็งมดลูกอีกหรือเปล่า ? ]

หรือแม้แต่ว่า “ถ้าหน่องอาการดูโอเคแบบนี้แล้ว มันถึงเวลาที่จะพาหน่องกลับบ้านของเราหรือยัง?”  .................... [ ผมรู้อยู่เต็มอกว่า หน่องอยากกลับบ้านมากแค่ไหน ใครจะอยากอยู่แต่ในโรงพยาบาลแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อลูกที่อยู่ในท้องตอนนี้ ]

ผมเริ่มคิดถึงการพาหน่องกลับบ้านอีกครั้ง มันคงจะดีกว่าที่จะต้องอยู่บนเตียงแบบนี้ อยู่ในบรรยากาศโรงพยาบาลแบบนี้แม้ว่าหน่องจะสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้แบบนี้แล้วก็ตาม หรือหน่องจะอยู่ที่นี่ต่อไปดีเพราะถ้ามีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจากที่หน่องปรับตัวได้แล้ว หน่องจะมีอาการท้องแข็งอีกหรือเปล่า และในช่วงที่ผมกำลังครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี

ในอาทิตย์นั้นเองผมก็ได้รับคำตอบครับ ..................


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 11 “อีกนิดเดียวเอง” - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13076800/W13076800.html

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 55 12:13:19

แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 55 00:41:35

จากคุณ : คุณพ่อน้องวิลล์
เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 13:22:13




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com