รักในรอยทราย ตอนที่ 16 (เจ้าจันทร์)
|
|
เคยทำบัญชีมางั้นหรือคะ
คงต้องเขียนใบสมัครไว้ก่อนอีกสองวันผู้จัดการเข้ามาในออฟฟิศแล้วจะเรียกเข้ามาสอบสัมภาษณ์ค่ะ
พนักงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่ใบบุญไปสมัครงานให้รายละเอียด หญิงสาวจึงเขียนใบสมัครทิ้งเอาไว้ตามคำแนะนำของเจ้าหล่อน นี่เป็นราย ที่เท่าไรแล้วนะ สำหรับการเขียนใบสมัครทิ้งเอาไว้แล้วรอเรียก เธอเดิน ออกมาด้วยความรู้สึกอ่อนล้า
เสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายดังรัว หญิงสาวคว้านมือหาจากนั้นจึงกดรับ
ใบบุญหรือลูก ทำงานยุ่งอยู่หรือเปล่า?
เสียงปลายสายเป็นของมารดา
หญิงสาวชั่งใจอยู่เพียงครู่ ก่อนจะตัดสินใจว่าเธอสมควรจะบอกมารดาตามความเป็นจริง
หนูไม่ได้ทำงานแล้วค่ะแม่
ปลายสายดูแปลกใจไม่น้อย พร้อมกับคำถามที่รัวตามมาในทันที ใบบุญ จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มารดาฟังอย่างคร่าวๆ
แม่จะคุยกับพ่อให้ฝากงานให้หนู พอดีเมื่อวานคุณบันลือเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างใกล้ๆกับศาลเขาแวะเข้ามาเยี่ยมเห็นพูดอยู่ว่า อยากได้คนทำบัญชีเพิ่ม
มารดาบอกน้ำเสียงจริงจัง พร้อมทั้งสั่งกำชับหนักหนาว่าไม่ต้องอยู่ที่กรุงเทพฯอีกแล้ว คอนโดนั้นก็ให้เขาเช่าไป หรือถ้าขายได้ก็บอกขายเสีย เมื่อหญิงสาววางสายลงเธอก็เดินออกจากตัวอาคารที่เข้ามาเขียนใบสมัครเมื่อครู่ คราวนี้การดื้อดึงที่จะอยู่เมืองหลวงต่อ คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ฟังจาก น้ำเสียงของมารดาคงจะไม่ใจอ่อนกับเธออีกแล้ว
ใบบุญนั่งรถเมล์กลับไปที่คอนโด เวลาล่วงเลยมาเกือบบ่ายคล้อยแต่อาการหิวก็ยังไม่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งคงมาจากความเครียดที่มักเกิดขึ้นยามมีเรื่องต้องครุ่นคิด พอหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องโถงภายในคอนโด พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็เอาโน๊ตมาให้
จากคุณผู้ชายที่หน้าเหมือนพระเอกหนังแขกเน่ะค่ะ
อิจฉาคุณใบบุญจัง มีแฟนหล่อเชียว
ใบบุญทำได้เพียงยิ้มบางและขอบคุณอีกฝ่าย เธอพลิกอ่านข้อความในนั้น
ตอนเย็นจะแวะเข้าไปหา
อย่าไปไหนนะ
เขมราชก็เป็นอีกข้อหนึ่งในความวิตกกังวลของเธอ เมื่อกลับไปอยู่ที่พิษณุโลกแล้วก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน
แต่นั้นก็เป็นข้อพิสูจน์หัวใจของเขาว่า รักจริงอย่างที่พูดเอาไว้หรือเปล่า
หรือจะย่อท้อกับระยะทางอันห่างไกล หญิงสาวไขประตูเข้าไปในห้องเจ้าหวานหวานรีบวิ่งออกมาต้อนรับนายสาวเช่นเคย หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะช้อนอุ้มแมวอ้วนขึ้นมากอด
เป็นไงหวานหวาน
จะได้กลับไปอยู่กับย่าอีกแล้วนะเรา
ใบบุญบอกกับเจ้าเหมียวที่ส่งเสียงครืนคราดในคออย่างเป็นสุขยามเจ้านายลูบไล้เนื้อตัว โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าร้องเตือนขึ้นอีกครั้ง ใบบุญรีบวางเจ้าหวานหวานลง อาจจะเป็นบริษัทไหนสักทีหนึ่ง ที่โทรมาตามให้เธอไปสอบสัมภาษณ์
ใบบุญนะลูก เตรียมตัวมาทำงานที่พิษณุโลกได้เลยคุณบันลือเขารับหนูเข้าทำงานแล้วล่ะ
มารดาแจ้งข่าวอันน่ายินดีเรื่องงาน
ทำไมเร็วจังแม่ เพิ่งคุยกันไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง
หญิงสาวแปลกใจ ด้วยเจ้าตัวยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย
ก็เร็วสิ เขาอยากได้คนไวๆงานเขาเยอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะลงไปรับย่าก็จะ ไปด้วย น้าหนุ่มเขาจะขับรถให้เตรียมเก็บข้าวของที่จำเป็นเอาไว้ก่อนก็ได้ อย่างอื่นค่อยกลับมาเอาทีหลัง
เสียงปลายสายของมารดาบอกเร็วปรื้อ ใบบุญเองเมื่อวางสายแล้วก็ยังทรุดตัวนั่งงงอยู่บนโซฟา บทจะได้งานก็ปุบปับแทบตั้งตัวไม่ทัน บทจะถูกขับไล่ให้พ้นจากงานก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ใครกันนะเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตเธอพระพรหมหรือพระอินทร์ ไยช่างหักเหได้รวดเร็วเช่นนี้ เมื่อทางชีวิตมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป เธอลงมือเก็บเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่
เจ้าใบสีแดงที่เคยใช้ตอนไปกาตาร์! ร่องรอยความทรงจำดูจะไหลเลื่อน เข้ามาให้ดุจกระแสน้ำหลาก มีผลทำให้น้ำอุ่นๆไหลซึมออกมาจากดวงตา อีกครั้ง
เขมราชมากดกริ่งเรียกในเวลาเย็นมากแล้ว ชายหนุ่มหนุ่มหอบหิ้วถุงพลาสติกมาหลายถุงทั้งอาหารสดและอาหารแห้งรวมทั้งขนมและผลไม้ หลายชนิด
ผมจะทำกับข้าวให้คุณทานเย็นนี้
เตรียมตัวมาเป็นลูกมือนะ
เขาบอกเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง วางข้าวของทั้งหลายแหล่ราวกับเคยคุ้นพื้น ที่เป็นอย่างดี
ฉันไม่หิวค่ะ
ใบบุญปฏิเสธ เขาจะมาทำไมอีกนะ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเธอก็จะไปแล้ว
ไม่หิวก็ต้องกิน ต้องหุงข้าวเพิ่มอีกไม๊ผมกินจุนะใบบุญ
ช่วยล้างผักให้หน่อย
ผมจะทำผัดเปรี้ยวหวาน แล้วก็ต้มข่าไก่
เชฟใหญ่สั่งการเดินเข้าห้องครัวขนาดกระทัดรัดจัดแจงทำทุกอย่างคล่องแคล่ว ร้อนถึงเจ้าของห้องจะยืนเฉยก็กระไรอยู่ จำต้องเข้าไปช่วยหั่นผักหั่นหมู พร้อมกับหุงข้าวเพิ่ม
เพราะรู้ว่าคนตัวโตนั้นข้าวต้องสองจานเสมอ คุณต้องกินให้เยอะๆนะใบบุญ คุณผอมลงมาก
ต้มข่าไก่ไม่เผ็ดเท่าไรลองชิมดู
เชฟเสิร์ฟอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะหลังประกอบเมนูเหล่านั้นครบถ้วนแล้ว จากนั้นก็หันไปตักข้าวใส่จานท่าทางเอาใจใส่ ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่เคยอยู่ร่วมบ้านพักหลังเดียวกัน ใบบุญลงมือทานอาหารเงียบๆ
คุณไปทำงานกับเพื่อนผมไม๊ บริษัทเขากำลังต้องการคนในสำนักงาน ผมจะคุยให้
เจ้าหมอนี้มันพูดไม่ยาก
อย่าดีกว่าค่ะ ฉันกำลังจะไปพิษณุโลก
หญิงสาวบอกสั้นๆเริ่มเขี่ยข้าวในจาน ในขณะที่เขมราชยกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบ ข้าวจานแรกของเขาเริ่มพร่องลงไปมาก ฝีมือการทำอาหารของเขานั้นอร่อยทุกอย่างใบบุญรู้ดี และเธอก็ทานข้าวได้หมดจานทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ ลำคอมันตีบตันอย่างไรไม่รู้
ไปทำไม แล้วไปเมื่อไร?
ชายหนุ่มเอ่ยถามรัวเร็วแววตาดูหม่นลงไม่น้อย
ฉันจะกลับไปอยู่ที่โน้นและจะไม่กลับมาที่นี้อีกแล้วค่ะ
พรุ่งนี้แม่กับย่าจะ ลงมารับ
คนรับฟังนิ่งเงียบไปอย่างน่าใจหายจากนั้นก็ทานอาหารต่อเงียบๆ
คนที่นั่งกังวลคือใบบุญเพียงแค่นี้เธอก็รับรู้แล้วว่า เขมราชไม่ต้องการเหนี่ยวรั้งใดๆ นั้นหมายถึงคำว่ารักที่เขาบอกเธอ
ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง เพียงลมปากยากนักที่จะเชื่อถือได้ หลังอาหารเย็นสิ้นสุดลงขณะที่ใบบุญกำลังยืนล้าง จานอยู่ จู่ๆเขาก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า
ผมไม่ให้คุณไปพิษณุโลกหรอกนะใบบุญ คุณต้องอยู่ที่กรุงเทพฯไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน มันก็หางานที่อื่นทำ
เสียงของเขมราชดูหนักแน่น
ไม่ต่างจากเสียงของลมที่กำลังเริ่มพัดวูบไหวอยู่ด้านนอก ท้องฟ้าที่ปกติอยู่เมื่อครู่พลันมืดมนอย่างรวดเร็ว ภาวะอากาศ ในปัจจุบันมักแปรเปลี่ยนจนมนุษย์ก็ยากที่จะคาดเดา
อย่ามาห้ามเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
พ่อฉันฝากงานให้กับคนที่รู้จักกันขืนไม่ไปทำให้เขาก็เสียคำพูดแย่ จะทำให้ผู้ใหญ่มองหน้ากันไม่ติด
ใบบุญบอกเสียงเรียบเช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้ววางในตะแกรง
สายฝนเริ่มโปรยปรายลงพร้อมกับลมที่เริ่มโหมพัดแรงขึ้นทุกขณะ เสียงหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดเสียงดังสนั่นจากนั้นแสงสว่างภายในห้องก็ดับพรึ่บลง
ไฟดับ!
ใบบุญอุทานความจำบางอย่างกระตุ้นเตือน เธอต้องรีบออกไปที่ระเบียงโดยด่วน เสียงเขมราชถามหาไฟแช็คและเทียนไข
อยู่ในลิ้นชักบนของซิงค์ล้างจานค่ะ ฉันต้องออกไปเก็บผ้าก่อนค่ะ
ตายล่ะเปียกหมด!
เจ้าตัวคลำเปะปะอาศัยสายตาที่เริ่มชินกับความมืดแล้ว เปิดประตูออกไปที่ระเบียงสายฝนเม็ดโตพัดโหมกระหน่ำสาดปะทะเต็มดวงหน้า อารามรีบร้อนทำให้เธอลื่นล้มข้อศอกเฉี่ยวกับกระถางต้นไม้ ก้นกระแทกลงกับพื้นอย่างจัง ใบบุญลุกขึ้นไม่ได้ในทันที เธอเห็นแสงไฟริบหรี่ที่สะท้อนประตูกระจกออกมา
คุณเขม
หญิงสาวพึมพำหากเสียงลมเสียงฝนนั้น ดังกลบเสียงของเธอจนหมดสิ้น
ใบบุญรวบรวมเรี่ยวแรงเรียกให้ดังขึ้นอีก ร่างสูงใหญ่ของเขมราชจึงก้าว พรวดออกมา
ใบบุญ!
เขาช้อนอุ้มร่างเล็กบางขึ้น หญิงสาวนั้นเปียกปอนไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ ชายหนุ่มวางเธอลงบนโซฟา หมุนซ้ายหมุนขวาเพราะทำอะไรไม่ถูก แสงไฟสีอ่อนนั้นทำให้ใบบุญเห็นว่าสภาพของเขาก็ไม่ต่างจากเธอ เสื้อเชิ้ตทำงานสีนวลตาเปียกแนบลำตัวทำให้เห็นแผงอกกว้างชัดเจน
คุณเขมเปียกไปหมดแล้ว
ฉันขอโทษค่ะ
คนเจ็บสะโพกพึมพำพยายามจะยันกายลุกขึ้น หากร่างสูงกับทรุดลงนั่งบนพื้นใกล้ๆ
อย่าเพิ่งลุกกระดูกหักหรือเปล่าก็ไม่รู้ นอนนิ่งๆก่อน
คุณหมอ เริ่มวินิจฉัยอาการคนไข้
ไม่หักเหรอค่ะอาจจะเคล็ดเท่านั้นเดี๋ยวก็หาย ฉันอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ
ดูซิเปียกไปหมดแล้วจะเอาผ้าขนหนูมาให้คุณเช็ดตัวด้วย
หญิงสาวยันกายลุกขึ้นอาการปวดแปลบจึงแล่นขึ้นมาอีกครั้ง
โอ๊ย!
เห็นไม๊บอกไม่เชื่อ
ดื้อจัง
เขมราชดันไหล่บางของหญิงสาวให้นอนลง
ใบบุญจำต้องยอมแพ้แม้จะรู้สึกถึงความไม่สบายตัวเลยสักนิดเดียว
เจ็บตรงไหนบ้าง?
เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน แม้ประกายในดวงตายังบอกชัดถึงความห่วงใย อันท่วมท้น มือหนาของเขมราชเสยผมที่เปียกชื้นให้พ้นจากหน้าผากและ ข้างหู ปลายนิ้วลูบไล้แก้มเนียนอย่างเบามือ
แสงไฟสีอำพันของเทียนไขทำให้ดวงหน้าของเขาดุจรูปปั้นสัมฤทธิ์
หญิงสาวหลับตาลงตอบเสียงแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบ
เจ็บตรงข้อศอกกับสะโพกค่ะ
เดี๋ยวก็หายถ้าให้คุณหมอดูแลใกล้ชิด
เขาบอกเสียงอ่อนโยนโน้มศีรษะลงจุมพิตริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา
รสหวานของรอยจูบนั้นทำเอาหัวใจของใบบุญสั่นรัว แม้จะรู้ใจตัวเองว่าเอนเอียงให้เขามากเพียงใด หากเธอก็พยายามสะกดใจไม่ปล่อยตัวไปตามอาการเรียกร้องของเขา
ผมไม่อยากให้คุณไปเลยใบบุญ
อย่าไปได้ไม๊
เขากระซิบอ้อนวอนเมื่อถอนริมฝีปากออก
ไม่ได้แล้วค่ะ
คุณเขมอย่างรั้งเลยนะ
เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว
หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขมราชถอนลมหายใจดวงตาเข้มยังทอดมองอ้อยอิ่ง
งั้นคืนนี้ผมจะผมจะนอนค้างที่นี้ไม่กลับบ้าน!
เขาบอกเหมือนคนที่ตัดสินใจแล้ว หากคนรับฟังถึงกับสะดุ้งเจ้าตัวลุกขึ้นนั่งพรวด หลงลืมอาการเจ็บสะโพกเสียสิ้น
ไม่ได้นะคะนอนไม่ได้ น่าเกลียดตายเลย!
น่าเกลียดตรงไหนคนเป็นแฟนกัน
เขมราชสรุปรวบรัดและประโยคนั้นก็ทำเอาใบบุญหน้าร้อนวูบ แต่คนเสนอตัวยังพูดต่อไปว่า
ผมนอนข้างนอกคุณนอนในห้องนอนไง
ใบบุญผมไม่ปล้ำคุณหรอก รับประกันด้วยเกีรยติของลูกเสือสำรอง
ครับผม
นะ
เขมราชยกสามนิ้วขึ้นแตะข้างขมับ สีหน้าจริงจัง แต่เจ้าของห้องยังมีรอยลังเล จะเชื่อได้แค่ไหนเนี่ย
รับประกันครับ
ดึกแล้วผมไม่อยากทิ้งคุณไว้แบบนี้ ไฟก็ดับ
เป็นห่วง
หากคุณต้องไปจริงๆเสาร์อาทิตย์ผมก็ต้องขับรถขึ้นไปหา
ลุกไหวไม๊ใบบุญอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมขอแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวก็พอจะเปลี่ยนชุดทำงานออก เข้าไปในห้องแล้วอย่าออกมาอีกนะ เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวอาจจะคิดปล้ำคุณได้
แมวคุณไปไหนแล้วตอนเข้ามาเห็นแวบๆเอาไปนอนเป็นเพื่อนด้วยซิ
ดูเขาจัดการเสร็จสรรพหญิงสาวแทบไม่มีโอกาสได้โต้ตอบถ้อยคำอะไรอีก เพราะร่างสูงใหญ่เข้ามาประคองให้ลุกขึ้น พาเดินไปส่งหน้าประตูห้องนอน
สายฝนด้านนอกยังคงลงเม็ดสม่ำเสมอ เพียงแต่บางเบาลงเท่านั้นเธอคลำหาผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้ายื่นส่งให้เขา หลังจากนั้นประตูห้องก็ปิดลงตามที่เขาบอก ใบบุญเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก อาบน้ำใส่ชุดนอนภายใต้แสงสลัวของเทียนไขที่จุดขึ้นภายในห้องนอน
ได้ยินเสียงเขาใช้ห้องน้ำด้านนอกสักพักก็เงียบไป เธอจึงดับเทียนแล้วขึ้นนอนเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
............................................................................................ เสียงกดกริ่งหน้าประตูดังรัวถี่ปลุกเขมราชให้ตื่นจากการหลับไหล ชายหนุ่มมองผนังห้อง ฝ้าเพดานนึกทบทวนอยู่เพียงครู่ จึงลุกขึ้นไปเปิดประตูใครกันหนอที่มีธุระตั้งแต่ไก่โห่ แขกที่มาปลุกแต่เช้าตรู่เป็นสตรีวัยกลางคน วัยชราและหนุ่มใหญ่
อ้าว! ใช่ห้องใบบุญหรือเปล่าเนี่ย
สตรีวัยกลางคนร้องถามด้วยความประหลาดใจ เพราะคนเปิดประตูเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แถมยังอยู่ในสภาพไม่พร้อมรับแขก
นั้นคือมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกาย
ครับ
คนตอบหลังประตูห้องยังดูงัวเงีย เสียงร้องถามจากด้านหลังห้อง พร้อมกับร่างเล็กบางในชุดนอนกระโปรงผ้ายืดก็เดินออกมา
แม่ ย่า!
ใบบุญทวนสถานะของ แขก เสียงดังฟังชัด นั้นทำให้เขมราชถึงกับหายง่วงงุนเป็นปลิดทิ้ง
ใบบุญนี่มีผัวอยู่ด้วยกันหรือนี่ อะไรกัน
มาแอบมีผัวไว้ที่นี่แล้วก็ไม่บอก พ่อบอกแม่ให้รับรู้ ทำยังงี้ได้ยังไง พ่อแม่จะเอาหน้าเอาตาไปไว้ไหน!
เสียงย่าโวยวายหนัก ทำเอาใบบุญทำอะไรไม่ถูกมือไม้สั่นไปหมด ไม่ต่างจากคนข้างๆที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น แต่พอตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบดึงทั้งสามท่านเข้ามาเจรจาภายในห้องหับ
ย่าไม่ใช่อย่างนั้นนะ หนูกับคุณเขมไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ
สาบานได้ค่ะ
ไม่มีอะไรทำไมอยู่ในสภาพแบบนี้
ไม่ได้ๆทำอย่างงี้ไม่ได้
ย่าโมโหจนตัวสั่น
คุณย่าอย่าเพิ่งโกรธครับเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆครับ แล้วผมกับใบบุญก็กำลังจะแต่งงานกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เรียนให้ทางคุณย่าทราบเท่านั้นเอง
คุณเขม
ใบบุญพึมพำไม่คิดว่าชายหนุ่มจะแก้ไขสถานการณ์แบบนี้
เดี๋ยวๆพ่อคุณฉันว่านะไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้มันเรียบร้อยกันก่อนดีกว่า
คุยกันในสภาพแบบนี้แล้วฉันใจคอไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
คุณเกษรเอ่ยขึ้น ไหนๆมาถึงขนาดนี้แล้วก็ควรจะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง เธอนึกคุ้นตาคุ้นตาผู้ชายคนนี้ไม่น้อย คิดว่าอยู่ในคณะที่บุตรสาวเดินทางไปทำงานที่กาตาร์ด้วย
และถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเจ้านายด้วยซ้ำไป
อีกเพียงไม่นานทั้งใบบุญและเขมราชก็มานั่งลงตรงหน้าผู้สูงวัยทั้งสามท่าน
เอ้าพ่อหนุ่ม
ช่วยบอกประวัติคร่าวๆมาให้ฉันฟังหน่อยซิ ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
คุณย่าบอกกับเขมราชเสมือนการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน ชายหนุ่มจึงเล่าประวัติของตัวเองให้ฟังอย่างย่อๆ พร้อมทั้งบอกย้ำว่าเขาจะให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาไปเจรจาสู่ขอตามประเพณี และในตอนท้ายชายหนุ่มร้องขอกับคุณย่าว่า
ให้ใบบุญอยู่ที่กรุงเทพฯต่อไป คุณย่าจึงหันไปถามความสมัครใจของหลานสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งตลอดรายการ ซักถามประวัติส่วนตัว
หนู
หญิงสาวพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนกำลังเดินมาถึงทางแยกที่ต้องเลือก
ใบบุญถ้าคิดจะแต่งงานกันแล้ว แม่ก็ไม่ว่านะถ้าจะอยู่ที่นี้ต่อ
แต่วันนี้ให้กลับไปพิษณุโลกกับแม่ก่อน คุณเขมไปเจรจาสู่ขอเมื่อไรค่อยกลับมา
ท้ายประโยคคุณเกษรหันไปบอกกับเขมราชที่นั่งอยู่อย่างสงบ ถ้าคุณแม่จะให้ใบบุญกลับไปก่อนก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าผู้ใหญ่คุยกันแล้วค่อยกลับมาก็ได้
ชายหนุ่มไม่ขัดข้องคุณเกษรจึงให้ที่อยู่ของบ้านเอาไว้ จากนั้นอีกไม่นาน เขมราชก็เอ่ยขอตัวลากลับ
ใบบุญก็เริ่มเก็บของเงียบๆ เธอรู้สึกสับสนพอสมควรทุกอย่างแปรเปลี่ยน ไปแบบไม่ได้คิดไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า เลยสักนิด
และหญิงสาวก็ไม่คิดว่าเขมราชจะแต่งงานกับเธอด้วยความเต็มใจ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่บีบบังคับเขาจึงพูดเช่นนั้นออกมา เมื่อเดินทางมาถึงพิษณุโลกแล้ว ใบบุญจึงปลีกตัวออกมาต่อโทรศัพท์ไปที่ทำงานของเขา ทันที
วันนี้คุณเขมลางานค่ะ
เสียงปลายสายแจ้งมาเช่นนั้น
เบอร์มือถือมีไม๊คะ? หญิงสาวย้อนถาม
แจ้งให้ไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นเบอร์ส่วนตัว
ไม่ทราบจากไหนคะ?
ไม่เป็นไรค่ะ
ขอบคุณ
ใบบุญบอกเพียงเท่านั้นก็กดวางสาย
อาการใจฝ่อ ใจหาย ใจสับสนมันเป็นเช่นนี้เอง เธอใช้ชีวิตประจำวันด้วยความรู้สึกว้าวุ่น วิตกกังวล ส่วนหนึ่งคือความหวาดกลัวและไม่มั่นใจในอนาคต
หญิงสาวโยนก้อนหินลงไปในแม่น้ำยมอย่างเลื่อนลอย หลายวันมานี้เธอมักปั่นจักรยานมานั่งเล่นริมแม่น้ำบ่อยครั้ง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้าย ก็มาจบในทางเดิมคือ
รอ
ใบบุญปั่นจักรยานกลับเข้ามาบ้านเห็นรถยนต์หลายคันจอดอยู่ แม่ลำไยเด็กรับใช้ประจำบ้านรีบเดินหน้าตาตื่นมาบอกหญิงสาวว่า
คุณย่าบอกว่าถ้าคุณใบบุญมาแล้ว ให้รีบไปหลบที่อื่นก่อน
ทำไมล่ะ มีอะไรลำไยทำไมฉันต้องไปหลบด้วย ใครมา?
หญิงสาวย้อนถาม เธอเองก็ไม่มีเจ้าหนี้ที่ไหนไยต้องหลบหน้า
ไม่รู้หรอกค่ะคุณย่าสั่งไว้
งั้นเอางี้ตามลำไยมาดีกว่า
แม่ลำไยจัดการจูงมือนายสาว เดินลัดล่องไปตามสุมทุมพ่มไม้ข้างบ้านเข้า สู่เรือนพักของเจ้าหล่อนด้านหลัง พร้อมทั้งสั่งกำชับว่า อย่าเพิ่งออกมาจน กว่าเธอจะให้สัญญาน ใบบุญยิ่งอยากรู้มากขึ้นว่า แขก ที่ยกโขยงกันมานั้นเป็นผู้ใดกันแน่ ความกระวนกระวายของหญิงดูจะสิ้นสุดลงเมื่อเมื่อแม่ลำไยเข้ามาบอกว่า
คุณย่าเรียกแล้วค่ะ
ใบบุญจึงรีบเดินออกจากห้องพักของแม่สาวใช้ หญิงสาวใช้ประตูด้านหลังบ้านเดินเข้าสู่ห้องรับแขก หัวใจเต้นระทึกหนักเมื่อเห็นแขกที่นั่งอยู่ในบ้านหลายคน
นั่งลงซิใบบุญ
มารดาบอกเสียงอ่อนโยน หญิงสาวจึงทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ติดกัน
คุณเขมเขามาสู่ขอแล้วนะ
ถามกันไปถามกันถึงได้รู้ว่าพ่อคุณเขมกับพ่อ เราเคยเรียนร่วมชั้นมัธยมด้วยกันมาก่อน เพียงแต่ไปทำธุรกิจใหญ่โตอยู่ที่ภูเก็ตเลยไม่มีโอกาสได้เจอกัน
ต้องขอโทษด้วยครับ วันนั้นผมไม่ได้แจ้งรายละเอียดมากนัก เพราะอยู่ในสถานการณ์คับขัน จึงบอกเพียงคร่าวๆเท่านั้น
เขมราชบอกกล่าวพลางปรายตามองหญิงสาวที่ยังมีสีหน้างุนงงอยู่บ้าง สำหรับใบบุญแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอในช่วงนี้ ไม่ต่างจากกระแสน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาอย่างรวดเร็ว จนแทบตั้งสติไม่ทัน
แม้กำหนดการแต่งงานก็ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน และหลังจากนั้น บ้านของใบบุญก็วุ่นวายอยู่กับเรื่องการเตรียมจัดงานแต่งงานของเธอ แต่เขมราชนั้นกลับเงียบหายเขาไม่ได้ติดต่อมาหาเธอเลย
ดูแล้วเขาคงไม่ได้รักเธออย่างที่พูดเอาไว้หรอก เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นเหมือนตกกระไดพลอยโจนเสียมากกว่า เมื่อคิดแบบนี้ใบบุญก็อดจะน้อยใจไม่ได้
จากคุณ |
:
เอริชา
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ธ.ค. 55 21:37:02
|
|
|
|