Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รักในรอยทราย ตอนที่ 16 (เจ้าจันทร์) vote ติดต่อทีมงาน

“เคยทำบัญชีมางั้นหรือคะ…คงต้องเขียนใบสมัครไว้ก่อนอีกสองวันผู้จัดการเข้ามาในออฟฟิศแล้วจะเรียกเข้ามาสอบสัมภาษณ์ค่ะ”

พนักงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทที่ใบบุญไปสมัครงานให้รายละเอียด
หญิงสาวจึงเขียนใบสมัครทิ้งเอาไว้ตามคำแนะนำของเจ้าหล่อน นี่เป็นราย
ที่เท่าไรแล้วนะ สำหรับการเขียนใบสมัครทิ้งเอาไว้แล้วรอเรียก เธอเดิน
ออกมาด้วยความรู้สึกอ่อนล้า…เสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสะพายดังรัว หญิงสาวคว้านมือหาจากนั้นจึงกดรับ

“ใบบุญหรือลูก ทำงานยุ่งอยู่หรือเปล่า?”

เสียงปลายสายเป็นของมารดา…หญิงสาวชั่งใจอยู่เพียงครู่ ก่อนจะตัดสินใจว่าเธอสมควรจะบอกมารดาตามความเป็นจริง

“หนูไม่ได้ทำงานแล้วค่ะแม่”

ปลายสายดูแปลกใจไม่น้อย พร้อมกับคำถามที่รัวตามมาในทันที ใบบุญ
จึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มารดาฟังอย่างคร่าวๆ

“แม่จะคุยกับพ่อให้ฝากงานให้หนู พอดีเมื่อวานคุณบันลือเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างใกล้ๆกับศาลเขาแวะเข้ามาเยี่ยมเห็นพูดอยู่ว่า อยากได้คนทำบัญชีเพิ่ม”

มารดาบอกน้ำเสียงจริงจัง พร้อมทั้งสั่งกำชับหนักหนาว่าไม่ต้องอยู่ที่กรุงเทพฯอีกแล้ว คอนโดนั้นก็ให้เขาเช่าไป หรือถ้าขายได้ก็บอกขายเสีย เมื่อหญิงสาววางสายลงเธอก็เดินออกจากตัวอาคารที่เข้ามาเขียนใบสมัครเมื่อครู่ คราวนี้การดื้อดึงที่จะอยู่เมืองหลวงต่อ คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ฟังจาก
น้ำเสียงของมารดาคงจะไม่ใจอ่อนกับเธออีกแล้ว


ใบบุญนั่งรถเมล์กลับไปที่คอนโด เวลาล่วงเลยมาเกือบบ่ายคล้อยแต่อาการหิวก็ยังไม่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งคงมาจากความเครียดที่มักเกิดขึ้นยามมีเรื่องต้องครุ่นคิด พอหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องโถงภายในคอนโด พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็เอาโน๊ตมาให้

“จากคุณผู้ชายที่หน้าเหมือนพระเอกหนังแขกเน่ะค่ะ…อิจฉาคุณใบบุญจัง
มีแฟนหล่อเชียว”

ใบบุญทำได้เพียงยิ้มบางและขอบคุณอีกฝ่าย เธอพลิกอ่านข้อความในนั้น

‘ตอนเย็นจะแวะเข้าไปหา…อย่าไปไหนนะ’

เขมราชก็เป็นอีกข้อหนึ่งในความวิตกกังวลของเธอ เมื่อกลับไปอยู่ที่พิษณุโลกแล้วก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน…แต่นั้นก็เป็นข้อพิสูจน์หัวใจของเขาว่า รักจริงอย่างที่พูดเอาไว้หรือเปล่า…หรือจะย่อท้อกับระยะทางอันห่างไกล หญิงสาวไขประตูเข้าไปในห้องเจ้าหวานหวานรีบวิ่งออกมาต้อนรับนายสาวเช่นเคย หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะช้อนอุ้มแมวอ้วนขึ้นมากอด

“เป็นไงหวานหวาน…จะได้กลับไปอยู่กับย่าอีกแล้วนะเรา”

ใบบุญบอกกับเจ้าเหมียวที่ส่งเสียงครืนคราดในคออย่างเป็นสุขยามเจ้านายลูบไล้เนื้อตัว โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าร้องเตือนขึ้นอีกครั้ง ใบบุญรีบวางเจ้าหวานหวานลง อาจจะเป็นบริษัทไหนสักทีหนึ่ง ที่โทรมาตามให้เธอไปสอบสัมภาษณ์

“ใบบุญนะลูก เตรียมตัวมาทำงานที่พิษณุโลกได้เลยคุณบันลือเขารับหนูเข้าทำงานแล้วล่ะ”

มารดาแจ้งข่าวอันน่ายินดีเรื่องงาน

“ทำไมเร็วจังแม่ เพิ่งคุยกันไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง”

หญิงสาวแปลกใจ ด้วยเจ้าตัวยังไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย

“ก็เร็วสิ เขาอยากได้คนไวๆงานเขาเยอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะลงไปรับย่าก็จะ
ไปด้วย น้าหนุ่มเขาจะขับรถให้เตรียมเก็บข้าวของที่จำเป็นเอาไว้ก่อนก็ได้ อย่างอื่นค่อยกลับมาเอาทีหลัง”

เสียงปลายสายของมารดาบอกเร็วปรื้อ ใบบุญเองเมื่อวางสายแล้วก็ยังทรุดตัวนั่งงงอยู่บนโซฟา บทจะได้งานก็ปุบปับแทบตั้งตัวไม่ทัน บทจะถูกขับไล่ให้พ้นจากงานก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
…ใครกันนะเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตเธอพระพรหมหรือพระอินทร์ ไยช่างหักเหได้รวดเร็วเช่นนี้ เมื่อทางชีวิตมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป เธอลงมือเก็บเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่
…เจ้าใบสีแดงที่เคยใช้ตอนไปกาตาร์! ร่องรอยความทรงจำดูจะไหลเลื่อน
เข้ามาให้ดุจกระแสน้ำหลาก มีผลทำให้น้ำอุ่นๆไหลซึมออกมาจากดวงตา
อีกครั้ง…
               
                       
เขมราชมากดกริ่งเรียกในเวลาเย็นมากแล้ว ชายหนุ่มหนุ่มหอบหิ้วถุงพลาสติกมาหลายถุงทั้งอาหารสดและอาหารแห้งรวมทั้งขนมและผลไม้
หลายชนิด

“ผมจะทำกับข้าวให้คุณทานเย็นนี้…เตรียมตัวมาเป็นลูกมือนะ”

เขาบอกเมื่อก้าวเข้ามาในห้อง วางข้าวของทั้งหลายแหล่ราวกับเคยคุ้นพื้น
ที่เป็นอย่างดี

“ฉันไม่หิวค่ะ”

ใบบุญปฏิเสธ เขาจะมาทำไมอีกนะ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเธอก็จะไปแล้ว

“ไม่หิวก็ต้องกิน ต้องหุงข้าวเพิ่มอีกไม๊ผมกินจุนะใบบุญ…ช่วยล้างผักให้หน่อย…ผมจะทำผัดเปรี้ยวหวาน แล้วก็ต้มข่าไก่”

เชฟใหญ่สั่งการเดินเข้าห้องครัวขนาดกระทัดรัดจัดแจงทำทุกอย่างคล่องแคล่ว  ร้อนถึงเจ้าของห้องจะยืนเฉยก็กระไรอยู่ จำต้องเข้าไปช่วยหั่นผักหั่นหมู พร้อมกับหุงข้าวเพิ่ม…เพราะรู้ว่าคนตัวโตนั้นข้าวต้องสองจานเสมอ

“คุณต้องกินให้เยอะๆนะใบบุญ คุณผอมลงมาก…ต้มข่าไก่ไม่เผ็ดเท่าไรลองชิมดู”

เชฟเสิร์ฟอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะหลังประกอบเมนูเหล่านั้นครบถ้วนแล้ว
จากนั้นก็หันไปตักข้าวใส่จานท่าทางเอาใจใส่ ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่เคยอยู่ร่วมบ้านพักหลังเดียวกัน ใบบุญลงมือทานอาหารเงียบๆ

“คุณไปทำงานกับเพื่อนผมไม๊ บริษัทเขากำลังต้องการคนในสำนักงาน
ผมจะคุยให้…เจ้าหมอนี้มันพูดไม่ยาก”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันกำลังจะไปพิษณุโลก”

หญิงสาวบอกสั้นๆเริ่มเขี่ยข้าวในจาน ในขณะที่เขมราชยกแก้วน้ำเย็นขึ้นจิบ ข้าวจานแรกของเขาเริ่มพร่องลงไปมาก ฝีมือการทำอาหารของเขานั้นอร่อยทุกอย่างใบบุญรู้ดี และเธอก็ทานข้าวได้หมดจานทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้
ลำคอมันตีบตันอย่างไรไม่รู้

“ไปทำไม แล้วไปเมื่อไร?”

ชายหนุ่มเอ่ยถามรัวเร็วแววตาดูหม่นลงไม่น้อย

“ฉันจะกลับไปอยู่ที่โน้นและจะไม่กลับมาที่นี้อีกแล้วค่ะ…พรุ่งนี้แม่กับย่าจะ
ลงมารับ”

คนรับฟังนิ่งเงียบไปอย่างน่าใจหายจากนั้นก็ทานอาหารต่อเงียบๆ…คนที่นั่งกังวลคือใบบุญเพียงแค่นี้เธอก็รับรู้แล้วว่า เขมราชไม่ต้องการเหนี่ยวรั้งใดๆ นั้นหมายถึงคำว่ารักที่เขาบอกเธอ…ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง เพียงลมปากยากนักที่จะเชื่อถือได้ หลังอาหารเย็นสิ้นสุดลงขณะที่ใบบุญกำลังยืนล้าง
จานอยู่ จู่ๆเขาก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า

“ผมไม่ให้คุณไปพิษณุโลกหรอกนะใบบุญ คุณต้องอยู่ที่กรุงเทพฯไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน มันก็หางานที่อื่นทำ”

เสียงของเขมราชดูหนักแน่น…ไม่ต่างจากเสียงของลมที่กำลังเริ่มพัดวูบไหวอยู่ด้านนอก ท้องฟ้าที่ปกติอยู่เมื่อครู่พลันมืดมนอย่างรวดเร็ว ภาวะอากาศ
ในปัจจุบันมักแปรเปลี่ยนจนมนุษย์ก็ยากที่จะคาดเดา

“อย่ามาห้ามเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว…พ่อฉันฝากงานให้กับคนที่รู้จักกันขืนไม่ไปทำให้เขาก็เสียคำพูดแย่ จะทำให้ผู้ใหญ่มองหน้ากันไม่ติด”

ใบบุญบอกเสียงเรียบเช็ดจานที่ล้างเสร็จแล้ววางในตะแกรง…สายฝนเริ่มโปรยปรายลงพร้อมกับลมที่เริ่มโหมพัดแรงขึ้นทุกขณะ เสียงหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดเสียงดังสนั่นจากนั้นแสงสว่างภายในห้องก็ดับพรึ่บลง

“ไฟดับ!”

ใบบุญอุทานความจำบางอย่างกระตุ้นเตือน เธอต้องรีบออกไปที่ระเบียงโดยด่วน เสียงเขมราชถามหาไฟแช็คและเทียนไข

“อยู่ในลิ้นชักบนของซิงค์ล้างจานค่ะ ฉันต้องออกไปเก็บผ้าก่อนค่ะ…ตายล่ะเปียกหมด!”

เจ้าตัวคลำเปะปะอาศัยสายตาที่เริ่มชินกับความมืดแล้ว เปิดประตูออกไปที่ระเบียงสายฝนเม็ดโตพัดโหมกระหน่ำสาดปะทะเต็มดวงหน้า อารามรีบร้อนทำให้เธอลื่นล้มข้อศอกเฉี่ยวกับกระถางต้นไม้ ก้นกระแทกลงกับพื้นอย่างจัง ใบบุญลุกขึ้นไม่ได้ในทันที เธอเห็นแสงไฟริบหรี่ที่สะท้อนประตูกระจกออกมา

“คุณเขม…”

หญิงสาวพึมพำหากเสียงลมเสียงฝนนั้น ดังกลบเสียงของเธอจนหมดสิ้น …ใบบุญรวบรวมเรี่ยวแรงเรียกให้ดังขึ้นอีก ร่างสูงใหญ่ของเขมราชจึงก้าว
พรวดออกมา

“ใบบุญ!”

เขาช้อนอุ้มร่างเล็กบางขึ้น หญิงสาวนั้นเปียกปอนไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ ชายหนุ่มวางเธอลงบนโซฟา หมุนซ้ายหมุนขวาเพราะทำอะไรไม่ถูก แสงไฟสีอ่อนนั้นทำให้ใบบุญเห็นว่าสภาพของเขาก็ไม่ต่างจากเธอ เสื้อเชิ้ตทำงานสีนวลตาเปียกแนบลำตัวทำให้เห็นแผงอกกว้างชัดเจน

“คุณเขมเปียกไปหมดแล้ว…ฉันขอโทษค่ะ”

คนเจ็บสะโพกพึมพำพยายามจะยันกายลุกขึ้น หากร่างสูงกับทรุดลงนั่งบนพื้นใกล้ๆ

“อย่าเพิ่งลุกกระดูกหักหรือเปล่าก็ไม่รู้ นอนนิ่งๆก่อน”

‘คุณหมอ’ เริ่มวินิจฉัยอาการคนไข้

“ไม่หักเหรอค่ะอาจจะเคล็ดเท่านั้นเดี๋ยวก็หาย ฉันอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ… ดูซิเปียกไปหมดแล้วจะเอาผ้าขนหนูมาให้คุณเช็ดตัวด้วย”

หญิงสาวยันกายลุกขึ้นอาการปวดแปลบจึงแล่นขึ้นมาอีกครั้ง

“โอ๊ย!”

“เห็นไม๊บอกไม่เชื่อ…ดื้อจัง”

เขมราชดันไหล่บางของหญิงสาวให้นอนลง…ใบบุญจำต้องยอมแพ้แม้จะรู้สึกถึงความไม่สบายตัวเลยสักนิดเดียว

“เจ็บตรงไหนบ้าง?”

เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน แม้ประกายในดวงตายังบอกชัดถึงความห่วงใย
อันท่วมท้น มือหนาของเขมราชเสยผมที่เปียกชื้นให้พ้นจากหน้าผากและ
ข้างหู ปลายนิ้วลูบไล้แก้มเนียนอย่างเบามือ…แสงไฟสีอำพันของเทียนไขทำให้ดวงหน้าของเขาดุจรูปปั้นสัมฤทธิ์… หญิงสาวหลับตาลงตอบเสียงแผ่วเบาแทบเป็นกระซิบ  

“เจ็บตรงข้อศอกกับสะโพกค่ะ…”

“เดี๋ยวก็หายถ้าให้คุณหมอดูแลใกล้ชิด…”                                    
                                                 
เขาบอกเสียงอ่อนโยนโน้มศีรษะลงจุมพิตริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา…รสหวานของรอยจูบนั้นทำเอาหัวใจของใบบุญสั่นรัว แม้จะรู้ใจตัวเองว่าเอนเอียงให้เขามากเพียงใด หากเธอก็พยายามสะกดใจไม่ปล่อยตัวไปตามอาการเรียกร้องของเขา

“ผมไม่อยากให้คุณไปเลยใบบุญ…อย่าไปได้ไม๊”

เขากระซิบอ้อนวอนเมื่อถอนริมฝีปากออก

“ไม่ได้แล้วค่ะ…คุณเขมอย่างรั้งเลยนะ…เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว”

หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขมราชถอนลมหายใจดวงตาเข้มยังทอดมองอ้อยอิ่ง

“งั้นคืนนี้ผมจะผมจะนอนค้างที่นี้ไม่กลับบ้าน!”

เขาบอกเหมือนคนที่ตัดสินใจแล้ว หากคนรับฟังถึงกับสะดุ้งเจ้าตัวลุกขึ้นนั่งพรวด หลงลืมอาการเจ็บสะโพกเสียสิ้น

“ไม่ได้นะคะนอนไม่ได้ น่าเกลียดตายเลย!”

“น่าเกลียดตรงไหนคนเป็นแฟนกัน”

เขมราชสรุปรวบรัดและประโยคนั้นก็ทำเอาใบบุญหน้าร้อนวูบ แต่คนเสนอตัวยังพูดต่อไปว่า

“ผมนอนข้างนอกคุณนอนในห้องนอนไง…ใบบุญผมไม่ปล้ำคุณหรอก
รับประกันด้วยเกีรยติของลูกเสือสำรอง…ครับผม…นะ”

เขมราชยกสามนิ้วขึ้นแตะข้างขมับ สีหน้าจริงจัง แต่เจ้าของห้องยังมีรอยลังเล จะเชื่อได้แค่ไหนเนี่ย

“รับประกันครับ…ดึกแล้วผมไม่อยากทิ้งคุณไว้แบบนี้ ไฟก็ดับ…เป็นห่วง…หากคุณต้องไปจริงๆเสาร์อาทิตย์ผมก็ต้องขับรถขึ้นไปหา…ลุกไหวไม๊ใบบุญอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย ผมขอแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวก็พอจะเปลี่ยนชุดทำงานออก เข้าไปในห้องแล้วอย่าออกมาอีกนะ เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวอาจจะคิดปล้ำคุณได้…แมวคุณไปไหนแล้วตอนเข้ามาเห็นแวบๆเอาไปนอนเป็นเพื่อนด้วยซิ”

ดูเขาจัดการเสร็จสรรพหญิงสาวแทบไม่มีโอกาสได้โต้ตอบถ้อยคำอะไรอีก เพราะร่างสูงใหญ่เข้ามาประคองให้ลุกขึ้น พาเดินไปส่งหน้าประตูห้องนอน…สายฝนด้านนอกยังคงลงเม็ดสม่ำเสมอ เพียงแต่บางเบาลงเท่านั้นเธอคลำหาผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้ายื่นส่งให้เขา หลังจากนั้นประตูห้องก็ปิดลงตามที่เขาบอก ใบบุญเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก อาบน้ำใส่ชุดนอนภายใต้แสงสลัวของเทียนไขที่จุดขึ้นภายในห้องนอน
…ได้ยินเสียงเขาใช้ห้องน้ำด้านนอกสักพักก็เงียบไป เธอจึงดับเทียนแล้วขึ้นนอนเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป…

............................................................................................
เสียงกดกริ่งหน้าประตูดังรัวถี่ปลุกเขมราชให้ตื่นจากการหลับไหล ชายหนุ่มมองผนังห้อง ฝ้าเพดานนึกทบทวนอยู่เพียงครู่ จึงลุกขึ้นไปเปิดประตูใครกันหนอที่มีธุระตั้งแต่ไก่โห่ แขกที่มาปลุกแต่เช้าตรู่เป็นสตรีวัยกลางคน วัยชราและหนุ่มใหญ่

“อ้าว! ใช่ห้องใบบุญหรือเปล่าเนี่ย”

สตรีวัยกลางคนร้องถามด้วยความประหลาดใจ เพราะคนเปิดประตูเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แถมยังอยู่ในสภาพไม่พร้อมรับแขก…นั้นคือมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกาย

“ครับ…”

คนตอบหลังประตูห้องยังดูงัวเงีย เสียงร้องถามจากด้านหลังห้อง พร้อมกับร่างเล็กบางในชุดนอนกระโปรงผ้ายืดก็เดินออกมา

“แม่ ย่า!”

ใบบุญทวนสถานะของ ‘แขก’ เสียงดังฟังชัด นั้นทำให้เขมราชถึงกับหายง่วงงุนเป็นปลิดทิ้ง

“ใบบุญนี่มีผัวอยู่ด้วยกันหรือนี่ อะไรกัน… มาแอบมีผัวไว้ที่นี่แล้วก็ไม่บอก
พ่อบอกแม่ให้รับรู้ ทำยังงี้ได้ยังไง พ่อแม่จะเอาหน้าเอาตาไปไว้ไหน!”

เสียงย่าโวยวายหนัก ทำเอาใบบุญทำอะไรไม่ถูกมือไม้สั่นไปหมด ไม่ต่างจากคนข้างๆที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น แต่พอตั้งสติได้หญิงสาวก็รีบดึงทั้งสามท่านเข้ามาเจรจาภายในห้องหับ

“ย่าไม่ใช่อย่างนั้นนะ หนูกับคุณเขมไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ…สาบานได้ค่ะ”

“ไม่มีอะไรทำไมอยู่ในสภาพแบบนี้…ไม่ได้ๆทำอย่างงี้ไม่ได้”

ย่าโมโหจนตัวสั่น

“คุณย่าอย่าเพิ่งโกรธครับเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆครับ แล้วผมกับใบบุญก็กำลังจะแต่งงานกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เรียนให้ทางคุณย่าทราบเท่านั้นเอง”

“คุณเขม…”

ใบบุญพึมพำไม่คิดว่าชายหนุ่มจะแก้ไขสถานการณ์แบบนี้

“เดี๋ยวๆพ่อคุณฉันว่านะไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้มันเรียบร้อยกันก่อนดีกว่า…คุยกันในสภาพแบบนี้แล้วฉันใจคอไม่ค่อยดีเท่าไรนัก”

คุณเกษรเอ่ยขึ้น ไหนๆมาถึงขนาดนี้แล้วก็ควรจะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง เธอนึกคุ้นตาคุ้นตาผู้ชายคนนี้ไม่น้อย คิดว่าอยู่ในคณะที่บุตรสาวเดินทางไปทำงานที่กาตาร์ด้วย…และถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเจ้านายด้วยซ้ำไป…อีกเพียงไม่นานทั้งใบบุญและเขมราชก็มานั่งลงตรงหน้าผู้สูงวัยทั้งสามท่าน

“เอ้าพ่อหนุ่ม…ช่วยบอกประวัติคร่าวๆมาให้ฉันฟังหน่อยซิ ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”

คุณย่าบอกกับเขมราชเสมือนการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงาน ชายหนุ่มจึงเล่าประวัติของตัวเองให้ฟังอย่างย่อๆ พร้อมทั้งบอกย้ำว่าเขาจะให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเขาไปเจรจาสู่ขอตามประเพณี และในตอนท้ายชายหนุ่มร้องขอกับคุณย่าว่า
…ให้ใบบุญอยู่ที่กรุงเทพฯต่อไป คุณย่าจึงหันไปถามความสมัครใจของหลานสาวที่นั่งก้มหน้านิ่งตลอดรายการ ซักถามประวัติส่วนตัว

“หนู…”

หญิงสาวพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนกำลังเดินมาถึงทางแยกที่ต้องเลือก

“ใบบุญถ้าคิดจะแต่งงานกันแล้ว แม่ก็ไม่ว่านะถ้าจะอยู่ที่นี้ต่อ…แต่วันนี้ให้กลับไปพิษณุโลกกับแม่ก่อน คุณเขมไปเจรจาสู่ขอเมื่อไรค่อยกลับมา”

ท้ายประโยคคุณเกษรหันไปบอกกับเขมราชที่นั่งอยู่อย่างสงบ

“ถ้าคุณแม่จะให้ใบบุญกลับไปก่อนก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าผู้ใหญ่คุยกันแล้วค่อยกลับมาก็ได้”

ชายหนุ่มไม่ขัดข้องคุณเกษรจึงให้ที่อยู่ของบ้านเอาไว้ จากนั้นอีกไม่นาน
เขมราชก็เอ่ยขอตัวลากลับ…ใบบุญก็เริ่มเก็บของเงียบๆ เธอรู้สึกสับสนพอสมควรทุกอย่างแปรเปลี่ยน ไปแบบไม่ได้คิดไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า
เลยสักนิด
…และหญิงสาวก็ไม่คิดว่าเขมราชจะแต่งงานกับเธอด้วยความเต็มใจ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่บีบบังคับเขาจึงพูดเช่นนั้นออกมา เมื่อเดินทางมาถึงพิษณุโลกแล้ว ใบบุญจึงปลีกตัวออกมาต่อโทรศัพท์ไปที่ทำงานของเขา
ทันที

“วันนี้คุณเขมลางานค่ะ”

เสียงปลายสายแจ้งมาเช่นนั้น

“เบอร์มือถือมีไม๊คะ?” หญิงสาวย้อนถาม

“แจ้งให้ไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นเบอร์ส่วนตัว…ไม่ทราบจากไหนคะ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ…ขอบคุณ”

ใบบุญบอกเพียงเท่านั้นก็กดวางสาย …อาการใจฝ่อ ใจหาย ใจสับสนมันเป็นเช่นนี้เอง เธอใช้ชีวิตประจำวันด้วยความรู้สึกว้าวุ่น วิตกกังวล ส่วนหนึ่งคือความหวาดกลัวและไม่มั่นใจในอนาคต
…หญิงสาวโยนก้อนหินลงไปในแม่น้ำยมอย่างเลื่อนลอย หลายวันมานี้เธอมักปั่นจักรยานมานั่งเล่นริมแม่น้ำบ่อยครั้ง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้าย
ก็มาจบในทางเดิมคือ…รอ

ใบบุญปั่นจักรยานกลับเข้ามาบ้านเห็นรถยนต์หลายคันจอดอยู่ แม่ลำไยเด็กรับใช้ประจำบ้านรีบเดินหน้าตาตื่นมาบอกหญิงสาวว่า

“คุณย่าบอกว่าถ้าคุณใบบุญมาแล้ว ให้รีบไปหลบที่อื่นก่อน”

“ทำไมล่ะ มีอะไรลำไยทำไมฉันต้องไปหลบด้วย ใครมา?”

หญิงสาวย้อนถาม เธอเองก็ไม่มีเจ้าหนี้ที่ไหนไยต้องหลบหน้า

“ไม่รู้หรอกค่ะคุณย่าสั่งไว้…งั้นเอางี้ตามลำไยมาดีกว่า”

แม่ลำไยจัดการจูงมือนายสาว เดินลัดล่องไปตามสุมทุมพ่มไม้ข้างบ้านเข้า
สู่เรือนพักของเจ้าหล่อนด้านหลัง พร้อมทั้งสั่งกำชับว่า อย่าเพิ่งออกมาจน
กว่าเธอจะให้สัญญาน ใบบุญยิ่งอยากรู้มากขึ้นว่า ‘แขก’ ที่ยกโขยงกันมานั้นเป็นผู้ใดกันแน่  ความกระวนกระวายของหญิงดูจะสิ้นสุดลงเมื่อเมื่อแม่ลำไยเข้ามาบอกว่า

“คุณย่าเรียกแล้วค่ะ”

ใบบุญจึงรีบเดินออกจากห้องพักของแม่สาวใช้ หญิงสาวใช้ประตูด้านหลังบ้านเดินเข้าสู่ห้องรับแขก หัวใจเต้นระทึกหนักเมื่อเห็นแขกที่นั่งอยู่ในบ้านหลายคน

“นั่งลงซิใบบุญ”

มารดาบอกเสียงอ่อนโยน หญิงสาวจึงทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ติดกัน

“คุณเขมเขามาสู่ขอแล้วนะ…ถามกันไปถามกันถึงได้รู้ว่าพ่อคุณเขมกับพ่อ
เราเคยเรียนร่วมชั้นมัธยมด้วยกันมาก่อน เพียงแต่ไปทำธุรกิจใหญ่โตอยู่ที่ภูเก็ตเลยไม่มีโอกาสได้เจอกัน”

“ต้องขอโทษด้วยครับ วันนั้นผมไม่ได้แจ้งรายละเอียดมากนัก เพราะอยู่ในสถานการณ์คับขัน จึงบอกเพียงคร่าวๆเท่านั้น”

เขมราชบอกกล่าวพลางปรายตามองหญิงสาวที่ยังมีสีหน้างุนงงอยู่บ้าง สำหรับใบบุญแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอในช่วงนี้ ไม่ต่างจากกระแสน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาอย่างรวดเร็ว จนแทบตั้งสติไม่ทัน

… แม้กำหนดการแต่งงานก็ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน และหลังจากนั้น บ้านของใบบุญก็วุ่นวายอยู่กับเรื่องการเตรียมจัดงานแต่งงานของเธอ แต่เขมราชนั้นกลับเงียบหายเขาไม่ได้ติดต่อมาหาเธอเลย…ดูแล้วเขาคงไม่ได้รักเธออย่างที่พูดเอาไว้หรอก เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นเหมือนตกกระไดพลอยโจนเสียมากกว่า เมื่อคิดแบบนี้ใบบุญก็อดจะน้อยใจไม่ได้

จากคุณ : เอริชา
เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 55 21:37:02




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com