บทที่ 13
ปริวรรตทำตาปริบๆ มองนางอุ่นซึ่งมีท่าทางขึงขังจริงจัง ในขณะที่นายประพันธ์หัวเราะลั่นโต๊ะอาหาร
รู้ไว้เสียบ้างว่าตอนนี้น่ะใครเป็นคนโปรดของแม่อุ่น
ชายหนุ่มทำหน้าชอบกล เรื่องกุ้งตัวใหญ่ตัวเล็กเขาไม่ติดใจ ที่โวยวายก็แค่หยอกล้อแม่ครัวคนเก่าแก่เล่น แต่ที่สงสัยก็คือ พุดตานมีอะไรดีนัก ถึงได้ครองใจทั้งบิดาและน้าอุ่นอยู่หมัดโดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับผมบ้างเลยหรือครับ น้า
ปริวรรตอุทธรณ์ด้วยความหวังอันน้อยนิด ทว่าความหวังนั้นก็ถูกปิดตายโดยสิ้นเชิง
ไม่มีค่ะ นางอุ่นตอบเสียงหนักแน่น ถ้าคุณปลิวไม่ชอบกุ้งตัวเล็ก จะยกให้คุณพุดกินสองตัวเลยก็ได้นะคะ
เป็นอันว่าเขากลายเป็น หมาหัวเน่า อย่างสมบูรณ์แบบ
ระหว่างที่รับประทานอาหาร นางอุ่นยังยืนอยู่ไม่ห่าง คอยปรนนิบัติรับใช้เจ้านายเผื่อขอเติมกับข้าวบางอย่าง แต่ปริวรรตดูแล้วน่าจะเป็นการยืนคุมเชิงเสียมากกว่า เหมือนนางกลัวเขาจะแย่งหรือแลก ของพิเศษ กับคนโปรดคนใหม่ของนาง
ตราบใดที่พุดตานยังไม่รับประทานกุ้ง นางก็คงจะยืนคุมเชิงอยู่อย่างนั้น
ปริวรรตถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากับบิดารับประทานกุ้งในส่วนของตัวเองหมดไปตั้งนานแล้ว แต่พุดตานยังไม่ได้แตะต้องเลย สงสัยเธอจะมีความสุขที่เห็นนางอุ่นยืนขู่เขา
ร้ายกาจไม่เบาอย่างที่คิดไว้จริงๆ
กว่าพุดตานจะรับประทานกุ้ง ปริวรรตก็คอยจนเกือบอ่อนใจ เขาอยากรู้ว่านางอุ่นจะทำอย่างไรต่อไป และแล้วก็เป็นไปตามคาด พอกุ้งหมดตัว นางก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้นายจอนสามียืนรอรับคำสั่งอยู่เพียงคนเดียว
เฮอะ ปริวรรตกระแทกเสียงประชดประชัน สงสัยมาคราวหน้าผมอาจต้องซื้อข้าวกินเองแล้วกระมัง
นายประพันธ์ยิ้มแย้มชอบอกชอบใจ เขารู้สึกเอ็นดูพุดตานไม่แพ้นางอุ่น ออกจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่เหตุผลเพียงแค่เธอดูแลพยาบาลเขาเป็นอย่างดีเท่านั้น หากยังมีเหตุผลสำคัญมากกว่านี้
คืนนี้น่าจะนอนหลับง่าย เพราะช่วงกลางวันตากแดดจนอ่อนเพลีย แต่แล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น ปริวรรตนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงร่วมๆ ชั่วโมงแล้ว จะทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ นับแกะเป็นพันๆ ตัว ผลลัพธ์ก็ยังเป็นคนนับนอนตาค้างอยู่ดี ไปๆ มาๆ ไม่รู้ว่าพลิกตัวท่าไหน หลังเริ่มตึงๆ อีกต่างหาก
คุณปลิวลองนอนบนพื้นบ้างสิคะ แล้วจะรู้ว่าดีกว่า ไม่เป็นโรคปวดหลังด้วย
คำแนะนำของพุดตานผุดขึ้นมาในความคิด เขารีบสลัดมันออกไปให้พ้น เรื่องอะไรจะลงไปนอนให้ลำบาก หากเมื่อเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ปริวรรตก็ต้องยอมแพ้ โดยมีข้อแก้ตัวให้แก่ตัวเอง
ไม่ได้เชื่อสักหน่อย เพียงแค่ลองดูสักนิดให้รู้ว่ามันได้ผลอย่างที่เธอบอกก็แค่นั้น
เขาจัดแจงดึงผ้าปูที่นอนออกมาปูพื้นแทน หยิบหมอนคว้าผ้าห่ม ส่วนมุ้งหากจะรื้อคงเป็นเรื่องใหญ่ ดึกป่านนี้ยุงคงไม่มีแล้ว ปริวรรตเอนตัวลงนอน พื้นกระดานแข็งมีเพียงผ้าปูที่นอนบางๆ รอง ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่สักพักก็ชิน และเริ่มรู้สึกสบาย หลังจากนั้นไม่นาน ความง่วงก็แทรกซึมเข้ามา
รู้อย่างนี้ลงมานอนกับพื้นตั้งนานแล้ว
แม้กว่าจะหลับก็ดึกมากแล้ว แต่เพราะความที่หลับสนิทรวดเดียวจนถึงเช้าตรู่ จึงทำให้ปริวรรตลืมตาขึ้นมาด้วยความสดชื่น
ฟ้าข้างนอกยังสลัว แต่บนเรือนเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว เพราะนอนบนพื้น ปริวรรตจึงได้ยินเสียงฝีเท้าชัดเจน เขานึกสนุกจึงเงี่ยหูฟัง แล้วเดาว่าเสียงฝีเท้าต่างๆ เป็นของใคร และกำลังเดินจากไหนไปไหน
ฝีเท้าแรกเนิบช้า เป็นจังหวะสม่ำเสมอ น่าจะเดินอยู่บริเวณเฉลียง ปริวรรตทายว่าเป็นบิดาของเขาเอง
ฝีเท้าที่สองเร็วกว่า แต่ก็เป็นจังหวะสม่ำเสมอเช่นกัน เสียงฝีเท้านี้แผ่วเบา แสดงว่าเจ้าของต้องตัวเล็ก ดังนั้นจึงต้องเป็นพุดตาน
เสียงฝีเท้าที่สามค่อนข้างสับสน เวียนวนอยู่รอบๆ เฉลียง บางทีก็ขึ้นมาบนชานหน้าห้องของบิดา แล้วในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าห้องของเขาเอง
ปริวรรตนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ บนเรือนนี้มีคนอยู่เพียงสามคน หนึ่งคือบิดา สองคือพุดตาน ส่วนสามก็คือตัวเขาเองซึ่งยังนอนอยู่ตรงนี้ แล้วเจ้าของเสียงฝีเท้าที่มาหยุดอยู่หน้าห้องนี่ล่ะ เป็นใคร !
ปริวรรตรีบชันตัวเพื่อจะลุกขึ้นไปดูให้คลายสงสัย แต่แล้วเขาก็เจ็บแปลบที่หลังใกล้ๆ กับบั้นเอว ปวดสะท้านเสียจนลุกขึ้นไม่ไหว
ชายหนุ่มพยายามฝืนชันตัวอีกครั้ง ทว่าไม่ไหวจริงๆ เหมือนกับเส้นเอ็นยึดหลังไว้ตรึงเปรี๊ยะ งอไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
จะเป็นเพราะสาเหตุอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากการนอนบนพื้นแข็งๆ ไม่น่าหาเรื่องเจ็บตัวเลย ปริวรรตคิด เขาน่าจะอดทนนอนบนเตียงซึ่งมีฟูกหนา กระสับกระส่ายนิดหน่อยประเดี๋ยวก็หลับไปเอง ดีกว่าตื่นมาแล้วทุกข์ทรมานขนาดนี้ แล้วสุดท้าย เขาก็โทษคนแนะนำ...
ไม่น่าหลงกลเธอเลย
ปริวรรตใช้วิธีนอนตะแคงก่อนแล้วค่อยๆ เอียงตัวขึ้นนั่ง ความโกรธก็มี ความสงสัยก็ยังอยู่ เขาหักห้ามความเจ็บปวดลุกขึ้นยืน แล้วเดินอย่างยากเย็นไปที่ประตู
อีกประเดี๋ยวก็รู้ว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าลึกลับเป็นใคร
ปริวรรตเอื้อมมือปลดดาลประตู ความใจร้อนอยากรู้เร็วๆ ทำให้ลืมตัวดึงประตูเปิดอย่างแรง ผลก็คือ เจ็บหลังจนแทบจะลงไปนั่งกับพื้น
อ้าว... คุณปลิวตื่นแล้วหรือครับ
นายจอนนั่นเองที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของปริวรรต
น้าจอน... ปริวรรตโมโหตัวเองที่ไม่ไตร่ตรองดูให้ดี เพราะหมู่นี้มักฝันแปลกๆ จึงทำให้คิดล่วงหน้าประหลาดๆ น้าจอนขึ้นมาทำอะไรบนเรือนครับ
ขึ้นมาช่วยคุณท่านย้ายกระถางต้นไม้น่ะครับ แดดมันเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว
มิน่าล่ะ ฝีเท้าถึงได้สับสน แถมวนไปวนมาอยู่รอบๆ เฉลียง
แล้วมาที่ห้องผมทำไม
ปริวรรตถามต่อ นายจอนสะดุ้งเบาๆ เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
คุณปลิวถามเสียผมเกือบลืม... คุณท่านให้มาปลุกไปขี่จักรยานออกกำลังกายครับ นายจอนตอบ แล้วเขาก็เห็นท่ายืนของปริวรรตผิดปกติ คุณปลิวเป็นอะไรหรือเปล่าครับนี่ เหมือนกับยืนเอียงๆ
เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร ปริวรรตรีบบอกทันที พร้อมกับฝืนยืนตัวตรง ขืนบอกว่าเจ็บหลังเพราะนอนพื้น คนหลอกให้เขาทำจะได้ใจ สงสัยจะยังงัวเงียอยู่น่ะครับ เพิ่งตื่นนอนก็อย่างนี้แหละ
นายจอนไม่ได้ใส่ใจคำอธิบายตามหลังเลย แค่เจ้านายบอกคำแรกเขาก็เชื่อแล้ว
คุณท่านให้ผมมาปลุกคุณปลิวไปขี่จักรยานออกกำลังเป็นเพื่อนท่านนะครับ
คนถูกวานย้ำคำอีกที ก่อนที่ปริวรรตจะปฏิเสธ บิดาของเขาก็เดินมากับพุดตาน
ปลิว... ไปออกกำลังกายเป็นเพื่อนพ่อหน่อยนะ
จะปฏิเสธก็กระไรอยู่ ยิ่งพุดตานมองมา เขาก็ต้องฝืนทำตัวให้เป็นปกติ
ครับคุณพ่อ ขอผมแปรงฟันล้างหน้าเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก่อนนะครับ
นางพยาบาลตัวเล็กนี่ไม่ได้เรื่องเลย ปริวรรตคิด เธอคงไม่มีเรี่ยวมีแรงปั่นจักรยานเป็นเพื่อนบิดาเหมือนกับกันยา ไม่รู้ว่าทุกคนพากันหลงใหลไปได้อย่างไร
แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ระหว่างขี่จักรยานออกกำลังกายกันสองคน เขาจะได้ถือโอกาสคุยกับบิดา เปรียบเทียบกันให้เห็นๆ ว่าสมควรจะจ้างเธอต่อไปหรือไม่
--- มีต่อ --->
จากคุณ |
:
นายตั๋ม เจ้าสำราญ (คั่วกลิ้ง)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ธ.ค. 55 11:04:34
|
|
|
|