Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 3 มนุษย์หมาป่าเวลาเที่ยงวัน vote ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 นักศึกษาใหม่ของสแตฟฟอร์ด
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12883631/W12883631.html

บทที่ 2 การชำระล้างของมนุษย์เสือ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12927698/W12927698.html

บทที่ 3 มนุษย์หมาป่าในเวลาเที่ยงวัน

‘พวกนั้นก็เหมือสเต็กที่อยู่จาน ทำยังไงก็ไม่มีวันกลับเป็นวัวได้ตามเดิม’

คำพูดของวลาร์ดดังสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในความคิดของหนุ่มหมาป่า เขาบดกรามตัวเองแน่นก่อนจะปล่อยหมัดอัดหุ่นจำลองเคาท์แครกคิวล่าจนแหลกละเอียด

“นายมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าผีดิบ” เขาพูดกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงโดยใช้มือข้างหนึ่งยันพื้นเอาไว้และเหวี่ยงขาฟาดหุ่นอีกสองตัวที่พุ่งเข้ามาจากนั้นจึงพลิกยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีอำพันทอแสงแวววาวราวสัตว์ล่าเนื้อยามค่ำคืน มันเต้นระริกเมื่อวูล์ฟนึกถึงสีหน้าเย็นชาปราศจากความรู้สึกของเพื่อนรัก

มันเป็นสีหน้าที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นจากผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยทำทุกอย่างเพื่อหาหนทางให้คนที่ถูกดัดแปลงให้เป็นสัตว์ร้ายคืนสภาพกลับกลายเป็นมนุษย์ดังเดิม

หนุ่มหมาป่ากำหมัดแน่น ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจความรู้สึกของลูกครึ่งแวมไพร์ เพราะตั้งแต่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาทั้งเขาและวลาร์ดต่างก็ต้องทนกล้ำกลืนฝืนทนความปวดร้าวในการกำจัดมนุษย์กลายพันธุ์มาโดยตลอดนับตั้งแต่ฟอกซ์ สุนัขพันธุ์ทางแสนรู้กับนายของมันคุณปีเตอร์สัน และอดีตนักล่าผู้เก่งกาจ บิดาบุญธรรมของวลาร์ดอย่างคุณลีโอ รวมทั้งวัยรุ่นผู้ไม่อิโหน่อิเหน่อย่างเจอร์ราดที่ถูกดัดแปลงให้เป็นผีดิบหรือแม้แต่เด็กน้อยน่ารักอย่างแอลลิสันที่ต้องกลายเป็นปิศาจร้ายชั่วพริบตาจากยาเพียงเม็ดเดียว

แต่ทั้งหมดไม่ได้ทำให้วลาร์ดละความพยายามที่จะค้นคว้าหาวิธีทำให้คนเหล่านั้นกลับคืนเป็นมนุษย์ ทั้งเขาและคนในหน่วยนักล่าทุกคนต่างทุ่มเทกายใจในการศึกษาหาข้อมูลอย่างไม่ท้อถอย แต่ความตั้งใจทั้งหมดก็ต้องสูญสลายหลังการจากไปของวิคตอเรีย

กำปั้นของวูล์ฟฟาดโครมลงไปบนหัวของหุ่นตัวหนึ่งจนแหลกเละ เพราะหลังจากวันที่วิคตอเรียตายวลาร์ดก็ละทิ้งการทดลองทุกอย่างและออกตามล่าสัตว์ร้ายรวมถึงมนุษย์ดัดแปลงอย่างบ้าระห่ำ แม้ภายนอกจะดูสงบเยือกเย็นแต่หนุ่มหมาป่าก็รู้ดีว่าภายในใจของลูกครึ่งแวมไพร์ครุกรุ่นไปด้วยเปลวไฟแห่งความอาฆาตที่พร้อมจะเผาผลาญสัตว์ทดลองของอิลูมิเนติคอยู่ตลอดเวลา

แม้จะชิงชังองค์กรร้ายแต่วูล์ฟไม่ชอบใจเลยสักนิดที่เห็นเพื่อนรักกลายเป็นคนไร้หัวใจเช่นนี้

หนุ่มหมาป่ามองส่วนหัวของหุ่นที่กลิ้งอยู่บนพื้นก่อนจะกระทืบมันจนแหลกเป็นผงด้วยความโกรธ ดวงตาสีทองดุดันกวาดมองเงาดำที่เคลื่อนไหวไปมารอบห้องและกางกรงเล็บออกเพื่อเตรียมรับมือกับหุ่นซ้อมชุดต่อไป แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือเสียงกริ่งสัญญาณยกเลิกการทำงานก็ดังขึ้น ไฟสีแดงแจ้งเตือนว่ากำลังมีคนเข้ามาในห้องทำให้วูล์ฟนิ่วหน้าด้วยความขัดใจ หนุ่มหมาป่าหันหน้าไปมองยังประตูทางเข้าและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้รบกวน

“คุณสมิธ” เขาคลายกรงเล็บออกและมองรองหัวหน้าหน่วยที่มีสีหน้าเคร่งเครียดผิดไปจากทุกครั้งด้วยความแปลกใจ”มีอะไรหรือครับ”

“คุณเทเลอร์เรียกคุณอยู่นานผมเลยลงมาดู”อีกฝ่ายตอบพลางเลื่อนสายตาไปยังโทรศัพท์ติดต่อภายในและถอนใจออกมาเบาๆเมื่อพบว่ามันถูกทุบจนบี้แบน”เครื่องที่สามของอาทิตย์นี้”

“ผมยั้งมือไม่ทันน่ะครับ”วูล์ฟพูดพลางฉีกยิ้มอย่างสำนึกผิด สมิธส่ายหน้าช้าๆ

“ช่างเถอะ ตอนนี้คุณควรรีบไปพบคุณเทเลอร์มากกว่า”เขาหยุดคำพูดและกวาดตามองไปโดยรอบอีกครั้ง หนุ่มหมาป่าจึงสั่นศีรษะ

“หมอนั่นไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ”

“แล้วเขาอยู่ที่ไหน”

สมิธถาม วูล์ฟนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามากกว่าทุกครั้ง

“ห้องทดลอง”เขาเว้นระยะคำพูดเหมือนลำบากใจในการเอ่ยถึงชื่อของบุคคลที่เคยเคารพดุจบิดา”ในห้องของคุณอันเดอร์ฮิลล์”

คำตอบจากหนุ่มหมาป่าทำให้สมิธถึงกับยืนอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าวลาร์ดจะยังคงเข้าไปใช้ห้องทำงานของอดีตหัวหน้าหน่วยนักล่าผู้ล่วงลับ หากเป็นเวลาอื่นเขาก็คงไม่เข้าไปรบกวนการทำงานแต่เพราะคำสั่งของเทเลอร์ประกอบกับภารกิจเร่งด่วนทำให้สมิธจำต้องตัดสินใจ

“คุณไปพบคุณเทเลอร์ก่อน”

“ให้ผมเป็นคนไปเรียกหมอนั่นดีกว่า”วูล์ฟพูดขัดและยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของสมิธ”คุณไม่มีแรงมากพอจะลากเจ้าผีดิบนั่นออกจากห้องได้แน่”

ชายหนุ่มอมยิ้มกับคำพูดของวูล์ฟก่อนจะผงกศีรษะรับ

“ถ้าอย่างนั้นผมจะไปรอพวกคุณที่ห้องคุณเทเลอร์ แต่อย่าให้นานนักล่ะ”

“ครับ อีกหน้านาทีเจอกัน”

พูดจบหนุ่มหมาป่าก็เดินออกจากห้องตัดผ่านสนามใหญ่ข้ามไปยังอาคารฝั่งตรงกันข้าม เมื่อไปถึงเขาจึงเปิดประตูก้าวเข้าไปด้านใน วูล์ฟหยุดยืนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเหลือบตามองไปยังรูปถ่ายขนาดใหญ่ของอันเดอร์ฮิลล์ที่แขวนไว้บนผนังด้านหนึ่ง ใบหน้าแย้มยิ้มกับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาไม่เสื่อมคลายทำให้เขาต้องระบายลมหายใจออกมาเบาๆด้วยความอาวรณ์ หนุ่มหมาป่าสะบัดศีรษะสองสามครั้งจากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องลับที่อยู่ด้านในสุดซึ่งเมื่อเปิดประตูเขาก็ต้องยืนนิ่งเมื่อเห็นวลาร์ดกำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่หลังกล้องจุลทรรศน์ สีหน้าที่เคร่งเครียดทำให้วูล์ฟรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงเรียกของโทรศัพท์ภายใน

“วลาร์ด”

หนุ่มหมาป่าเอ่ยเรียกเพื่อนด้วยเสียงที่ไม่ดังนักพลางผลักประตูกระจกแต่ก็พบว่ามันถูกล็อคจากด้านใน

“จะปิดทำไม ห้องนี้ไม่มีใครเข้ามาใช้อยู่แล้ว” วูล์ฟบ่นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับมองคนที่อยู่ด้านในซึ่งดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัว

“วลาร์ด”

เสียงเรียกดังขึ้นกว่าเดิมแต่วลาร์ดก็ยังคงไม่ได้ยิน หนุ่มหมาป่านิ่วหน้าด้วยความขัดใจก่อนจะเคาะกระจกค่อนข้างแรงพร้อมกับเรียกด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเป็นตะโกน

“เจ้าผีดิบ!”

รอยยิ้มกวนผุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมามองด้วยดวงตาวาว

“มีอะไร”

ลูกครึ่งแวมไพร์ถามเสียงห้วนหลังจากเปิดประตูก้าวออกมานอกห้อง วูล์ฟจึงชี้ไปที่โทรศัพท์ติดต่อภายใน

“คุณเทเลอร์เรียกนายตั้งนานแล้วไม่ได้ยินเลยหรือไง”

“ฉันไม่ได้ว่างเหมือนนาย”วลาร์ดตอบพลางถอดเสื้อกาวน์ออกและหยิบดาบที่วางไว้บนโต๊ะมาแขวนไว้ที่เอว”มีเรื่องอะไร”

“ไม่รู้” วูล์ฟตอบและมองเข้าไปในห้องที่อีกฝ่ายเพิ่งเดินออกมา”คิดว่านายเลิกทำการวิจัยแล้ว”

“ถ้าเรื่องหาทางให้พวกกลายพันธุ์กลับมาเป็นมนุษย์น่ะใช่”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบปราศจากอารมณ์จนหนุ่มหมาป่านึกอยากจะทุบกะโหลกเขาด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ยังข่มใจถามต่อ

“งั้นนายทำอะไร”

“แค่สงสัยอะไรบางอย่าง”

“พอจะบอกได้ไหม”วูล์ฟถามด้วยความอยากรู้ วลาร์ดมองเขาด้วยหางตา

“สมองอย่างนายอธิบายไปก็เสียเวลาเปล่า”

หนุ่มหมาป่าแยกเขี้ยวพร้อมกับส่งเสียงคำรามในลำคอ ถึงจะคุ้นเคยกับนิสัยแย่ๆและความปากเสียของเพื่อนแต่ก็มีหลายครั้งที่เขานึกอยากจะจับคนตรงหน้าอัดให้ติดกำแพงด้วยความหมั่นไส้

วูล์ฟขยับกรงเล็บในมืออย่างมันเขี้ยวพลางคิดหาวิธีสั่งสอนลูกครึ่งแวมไพร์โดยที่อีกฝ่ายไม่มีทางตอบโต้ เพราะถึงแม้เขาจะเหนือกว่าในด้านพละกำลังแต่ในทางความเร็วแล้วยังด้อยกว่า
วลาร์ดอยู่หลายก้าว ยิ่งเมื่อประกอบกับสมองอันชาญฉลาดและความเชี่ยวชาญด้านศิลปการป้องกันตัวสารพัดรูปแบบด้วยแล้ว กว่าเขาจะกดลูกครึ่งแวมไพร์เจ้าปัญหาลงได้คงเหนื่อยจนหืดขึ้นคอ

ความคิดทั้งหมดยุติลงเมื่อทั้งสองยืนอยู่หน้าห้องทำงานของเทเลอร์ วูล์ฟเคาะประตูสองสามครั้งก่อนเปิดออกแต่ผู้ก้าวนำเข้าไปก่อนกลับเป็นวลาร์ด สมิธนั่งอมยิ้มเมื่อเห็นหนุ่มหมาป่าก้มหน้าลงหลบสายตาตำหนิจากหัวหน้าหน่วยต่างจากลูกครึ่งแวมไพร์ที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนรู้ดีว่าเทลเลอร์ให้ความสนใจกับภารกิจที่กำลังจะมอบหมายมากกว่าเรื่องจุกจิกอย่างความล่าช้าของพวกเขา

“มีรายงานมาว่าพบมนุษย์หมาป่าในแถบชุมชนด้านตะวันตกของเมือง”เทเลอร์พูดพลางวางภาพถ่ายลงตรงหน้าสองนักล่า วลาร์ดหยิบขึ้นมาพิจารณาและขมวดคิ้ว

“ในเวลากลางวันแบบนี้น่ะหรือครับ”

“ถ้าจะให้เจาะจงลงไปเลยก็คือตอนที่พบเป็นเวลาเที่ยงตรง” หัวหน้าหน่วยพูดอย่างเคร่งขรึม”ฟังแล้วไม่น่าเป็นไปได้เลยใช่ไหม”

“ถ้าเป็นมนุษย์หมาป่าธรรมดาคงใช่”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดพลางวางรูปไว้บนโต๊ะ วูล์ฟรีบดึงขึ้นไปดูทันทีและผิวปากเบาๆ

“ลองตำรวจแห่กันมาขนาดนี้ต่อให้ไม่ใช้กระสุนเงินเจ้านี่ก็ไม่มีทางรอด”

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพวกเราคงไม่ต้องมานั่งที่นี่หรอก”วลาร์ดพูดพร้อมกับตวัดมองหนุ่มหมาป่าด้วยหางตาก่อนจะเลื่อนกลับไปเทเลอร์อีกครั้ง”เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”

“ถึงจะเป็นมนุษย์หมาป่าแต่ความคิดบางส่วนของยังคงเป็นแบบมนุษย์ มันล่อตำรวจให้วิ่งไปรอบเมืองแต่แล้วจู่ๆก็หายไป”

“นานแค่ไหน”

“ราวสามชั่วโมง”สมิธเป็นฝ่ายตอบและหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง”ถึงวันนี้จะไม่ใช่คืนจันทร์เพ็ญ แต่การล่ามนุษย์หมาป่าตอนกลางคืนไม่ใช่สิ่งที่ตำรวจทั่วไปควรทำ คุณเทเลอร์จึงอยากให้คุณทั้งสองคนออกไปตามล่าและจับมันกลับมาทั้งเป็น”

เขาหันหน้ากลับมาที่วลาร์ด อีกฝ่ายมองผู้ที่เป็นหัวหน้าด้วยดวงตาแน่วนิ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“ผมไม่รับปากเรื่องจับเป็น”

“แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ”เทเลอร์พูด”รายละเอียดที่เหลือ สมิธจะเป็นคนอธิบายให้พวกเธอฟัง หากจำเป็นต้องต่อสู้ก็ขอให้ทำอย่างรอบคอบเพราะมนุษย์หมาป่าตัวนี้แตกต่างจากที่เราเคยเจอ อีกสิ่งหนึ่งที่เธอทั้งสองคนควรระวังก็คือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกตำรวจ”

“ครับ”

ทั้งวลาร์ดกับวูล์ฟรับคำและลุกขึ้นพร้อมกัน เทเลอร์จึงพยักหน้า

“ขอให้โชคดี”

*/*/*/*/*/*
วูล์ฟนั่งมองเงาไม้สีดำที่เคลื่อนวูบผ่านไปตามความเร็วของรถ ความกังวลเรื่องมนุษย์หมาป่าที่ปรากฏตัวท่ามกลางชุมชนในตอนกลางวันทำให้เขาไม่มีอารมณ์พูดเล่นเหมือนทุกครั้ง หลังจากนั่งครุ่นคิดไปได้สักพักเขาจึงเลื่อนสายตากลับเข้ามาในรถและมองวลาร์ดที่ยังคงจ้องไฟกะพริบสีแดงกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่บนแผนที่ซึ่งปรากฏอยู่ในหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในรถ แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยปราศจากอารมณ์แต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันทำให้รู้ว่าลูกครึ่งแวมไพร์กำลังหนักใจ

“มีอะไรเหรอ”วูล์ฟถามด้วยความสงสัย วลาร์ดยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา สมิธจึงตอบขึ้นมาแทน

“การเคลื่อนที่ของมนุษย์หมาป่าน่ะครับ ถึงจะวนเป็นวงกลมแต่เส้นทางที่มันใช้เป็นชุมชนของเมือง”

“ไม่แปลก เพราะเจ้าพวกนี้ชอบอาละวาดกัดกินมนุษย์อยู่แล้ว” หนุ่มหมาป่าพูดพลางกำหมัดของตัวเองแน่นเมื่อหวนนึกถึงตอนไล่ล่าวัยรุ่นที่ถูกเปลี่ยนร่างให้เป็นมนุษย์ครึ่งสัตว์ วลาร์ดชำเลืองตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเบนกลับไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

“แต่ตัวนี้ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมันไม่เคยลงมือทำร้ายมนุษย์ ถึงจะปรากฏตัวใจกลางเมืองแต่มนุษย์หมาป่าตัวนี้กลับพยายามหาที่ซ่อนตัวเพื่อหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้คนมาโดยตลอด”

“หมายความว่ายังไง” วูล์ฟเกาะเบาะที่ลูกครึ่งแวมไพร์นั่งและชะโงกหน้าเข้าไปถาม อีกฝ่ายเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้เขาเห็นภาพบนหน้าจอได้สะดวก

“ฉันนั่งดูเส้นทางหลบหนีของมนุษย์หมาป่าตัวนี้แล้วพบว่ามันจะวิ่งวนเป็นวงกลม มีหลายแห่งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่แต่กลับไม่มีใครพบหน้ามันอย่างจังเลยสักคน อย่างเก่งก็แค่เงาไหววูบตามซอกตึกซึ่งกว่าตำรวจจะไปถึงก็เจอแต่รอยเท้าส่วนตัวของมันหายไปแล้ว เท่าที่อ่านรายงานมีการมนุษย์หมาป่าตัวนี้เชิญหน้ากับตำรวจแค่ครั้งเดียวและมันก็รอดดงกระสุนจากปืนไม่ต่ำกว่าสิบกระบอกไปได้โดยไม่ทำอันตรายตำรวจเลย”

“มันคงกลัวมากกว่า”หนุ่มหมาป่าสรุปแต่วลาร์ดกลับสั่นศีรษะ

“ตามวิสัยของสัตว์ถ้าตกอยู่ในภาวะจนตรอกมันก็จะอาละวาดสังหารสิ่งที่คิดว่าเป็นศัตรู”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดอย่างเคร่งขรึม”เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คิดว่าเขาอาจจะเป็นมนุษย์หมาป่าแค่ร่าง”

สิ่งที่วลาร์ดพูดทำให้วูล์ฟหวนนึกถึงเกรย์แฮมและนอร์ตัน สองนักธุรกิจที่ถูกไรซินทำให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่า ดูเหมือนลูกครึ่งแวมไพร์จะรู้ว่าอีกฝ่ายตามความคิดนั้นได้ทัน เขาผงกศีรษะพร้อมกับพูด

“ถ้าอยากรู้ว่าตัวจริงของเขาเป็นใครเราคงต้องจับเป็น”

“จะทำได้ยังไงถ้าเขายังซ่อนตัวอยู่แบบนี้” วูล์ฟถาม วลาร์ดเลื่อนสายตามองดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า

“หมาป่าเป็นสัตว์ที่เคลื่อนไหวได้เร็วในตอนกลางคืน ฉันคิดว่าพอฟ้ามืดเขาจะปรากฏตัวออกมาเอง”

“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขาไปโผล่ที่ไหน” หนุ่มหมาป่าถามด้วยความสงสัย วลาร์ดมองด้วยหางตาอย่างนึกรำคาญก่อนจะเคาะนิ้วที่หน้าจอ

“จุดสีแดงคือตำแหน่งของมัน”

“แล้วเขามีจุดสีแดงได้ยังไง” วูล์ฟซัก ลูกครึ่งแวมไพร์ทำหน้าเหมือนอยากจะใช้ดาบสับอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด สมิธจึงรีบอธิบาย

“เขาถูกกระสุนที่มีเครื่องติดตาม”ชายหนุ่มยิ้มเมื่อเห็นสีหน้างงสุดขีดของหนุ่มหมาป่าผ่านกระจกมองหลัง “หน่วยของเราบางคนเป็นตำรวจครับ”

วูล์ฟพยักหน้าหงึกหงักและขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อรถชะลอความเร็วลงจนจอดสนิทอยู่ข้างทาง

“เจอตัวมนุษย์หมาป่าแล้วเหรอครับ”เขาถาม สมิธมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ขณะตอบ

“ยัง”

“ถ้ายังไม่เจอแล้วคุณจอดรถทำไม” หนุ่มหมาป่าซักด้วยความสงสัย วลาร์ดจึงละสายตาจากจอภาพหันมาตอบ

“รอเวลาให้มันปรากฏตัว”เขาหันหน้าออกไปทางหน้ารถพร้อมกับชี้มือไปยังอาคารรูปทรงโบราณสีขาวที่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างต้นเมเปิ้ล วูล์ฟมองตามจึงรู้ว่าตึกหลังนั้นคือโบสถ์ประจำชุมชน

“ตลกน่า มนุษย์หมาป่าที่ไหนจะกล้าเข้าไปซ่อนอยู่ในโบสถ์”

“ลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราเคยตามล่าผีดิบไปจนถึงหน้าแท่นทำพิธี”ลูกครึ่งแวมไพร์พูดเสียงเย็น”ปิศาจพวกนี้ไม่มีความยำเกรงต่อพระเจ้าหรอก”

“ก็ใช่แต่นั่นมันตอนกลางคืน”วูล์ฟพูดพลางมองครอบครัวหนึ่งกำลังจูงมือเดินออกจากโบสถ์”กลางวันแสกๆแถมมีคนเข้าออกพลุกพล่านขนาดนี้ มนุษย์หมาป่าตัวนั้นเข้าไปข้างในโดยไม่มีใครเห็นได้ยังไง”

“หมาด้วยกันน่าจะรู้”

วลาร์ดเปรยเสียงเบาแต่ก็ดังพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน หนุ่มหมาป่ากางกรงเล็บออกทำท่าเหมือนจะลากเพื่อนมาขย้ำด้วยความหมั่นไส้สมิธจึงรีบห้าม

“เดี๋ยวทางนั้นจะรู้ตัวนะครับ”

วูล์ฟหยุดชะงักทันทีและบ่นพึมพำออกมาสองสามคำก่อนจะกระแทกหลังกับเบาะพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปด้านอื่น ส่วนสมิธเมื่อเห็นว่าสงครามระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่ายุติลงแล้วจึงหันกลับไปจับตาที่โบสถ์อีกครั้งในขณะที่วลาร์ดยังคงจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสงสีแดงยังคงกะพริบนิ่งอยู่กับที่ มีหลายครั้งที่เขาต้องละสายตาจากจอเมื่อมีรถตำรวจวิ่งผ่านแต่พอเห็นว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับการตรวจตราภายในโบสถ์ลูกครึ่งแวมไพร์จึงก้มหน้าลงมองจุดสีแดงอีกครั้ง

ความมืดโรยตัวลงมาครอบคลุมทุกหนแห่ง ผู้คนที่เดินกันอย่างขวักไขว่ก็เริ่มบางตาลง ไม่ช้าถนนที่เคยคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนก็เงียบเหงาไร้การสัญจร แสงไฟภายในโบสถ์ที่เปิดเอาไว้สว่างไสวถูกดับลงทีละดวงจนเหลือเพียงแสงวับแวมของเทียนบนหน้าแท่นบูชา กระนั้นวลาร์ดยังคงนั่งรออย่างใจเย็นจนกระทั่งใกล้เวลาเที่ยงคืนจึงก้าวลงจากรถโดยวูล์ฟรีบเดินตาม เขาหันไปทางสมิธที่กำลังเตรียมปืนพร้อมกับพูดเสียงเรียบ

“รอที่นี่”

สมิธชะงักมือค้างและมองหน้าลูกครึ่งแวมไพร์ด้วยความงุนงง

“แต่คุณเทเลอร์สั่งไว้ว่า...”

“ผมทราบดีและจะพยายามจับเป็น”

พูดจบวลาร์ดก็พุ่งตรงไปที่โบสถ์ทันทีโดยมีวูล์ฟวิ่งตามหลังไปติดๆ ทั้งคู่หยุดยืนตรงประตูหน้าและกวาดตามองไปโดยรอบ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นแล้วเขาจึงเปิดประตูออกพร้อมกับก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง ความอบอุ่นรวมถึงกลิ่นกำยานที่อบอวลภายในห้องสร้างความรู้สึกสุขสงบได้อย่างประหลาดล้ำจนหนุ่มหมาป่าอดที่จะก้มศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพต่อภาพสลักที่ประดับอยู่บนผนังห้องเหนือแท่นประกอบพิธีไม่ได้ วลาร์ดชำเลืองตามองการกระทำของเพื่อนแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเดินตรวจตราไปรอบห้องและส่งสัญญาณมือให้วูล์ฟไล่สำรวจเก้าอี้ไปทีละแถวจนถึงห้องขนาดเล็กสำหรับการสารภาพบาป แต่ไม่ว่าจะตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนยังไงก็ไม่พบวี่แววหรือแม้แต่เงาของมนุษย์หมาป่า

“นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ”ลูกครึ่งแวมไพร์ถามหลังจากทั้งคู่มายืนอยู่กลางห้อง หนุ่มหมาป่าสูดลมหายใจค่อนข้างหนักก่อนจะส่ายหน้า

“ฉันไม่ได้กลิ่นอะไรเลย”

“ไม่น่าจะเป็นไปได้” วลาร์ดพึมพำพลางมองรูปปั้นเทวดาที่ประดับไว้บนเสาทั้งสี่ด้านไล่ไปทีละมุม มือเลื่อนไปดึงดาบออกจากฝักในท่าพร้อมจู่โจม

“มีอะไรเหรอ”วูล์ฟถามพลางจ้องรูปปั้นเทวดาองค์ที่อยู่ด้านในสุด วลาร์ดกระชับดาบในมือแน่น

“ที่นายไม่ได้กลิ่นเพราะมันซ่อนอยู่เหนือช่องลม” เขาพยักหน้าไปทางช่องระบายอากาศที่อยู่ถัดลงมา หนุ่มหมาป่าจึงผงกศีรษะ

“ให้ฉันลากมันลงมาไหม”

วูล์ฟถาม ลูกครึ่งแวมไพร์นิ่งคิดไปชั่วอึดใจก่อนส่ายหน้า

“ไม่จำเป็น”

เขาลดดาบในมือลงจากนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าโดยเว้นระยะห่างระหว่างตัวเขากับรูปปั้นที่ถูกสงสัยว่าเป็นที่ซ่อนของมนุษย์หมาป่าพอสมควร

“ผมรู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้น”

เงาสีดำหดตัวลงเหมือนผู้หลบพยายามซ่อนตัวให้พ้นจากสายตา หนุ่มหมาป่าจึงกระซิบถามเพื่อน

“รู้ได้ยังไงว่ามันฟังภาษาคนรู้เรื่อง”

ลูกครึ่งแวมไพร์ไม่ตอบแต่กลับขยับไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวพร้อมกับพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม

“ผมรับรองว่าจะไม่ใครทำอะไรคุณ”

เสียงคำรามแผ่วเบาดังตอบกลับมา เงาดำที่หลบอยู่หลังรูปสลักชะโงกหน้าออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงลังเลวลาร์ดจึงเก็บดาบกลับเข้าฝัก

“ไม่ต้องกลัว ลงมาเถอะ ถ้ายังซ่อนตัวอยู่แบบนี้เราคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”

ดวงตาสีอำพันที่ซ่อนอยู่ในความมืดฉายแววครุ่นคิดในที่สุดมนุษย์หมาป่าตัวนั้นก็ตัดสินใจกระโดดลงมาตรงหน้าลูกครึ่งแวมไพร์ แม้จะยอมปรากฏตัวแต่ดูเหมือนอมนุษย์ตนนั้นก็ยังไม่ไว้วางใจเด็กหนุ่มเท่าไหร่นักเพราะมันยังคงสอดส่ายสายตาลอกแลกเหมือนจะให้แน่ใจว่าไม่มีตำรวจรออยู่ด้านนอก

“มีแค่ผมกับหมาบ้าตัวนี้เท่านั้น” วลาร์ดพูดขึ้นเหมือนล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่าย วูล์ฟรีบขยับเข้าไปใกล้เพื่อนและกระซิบถาม

“แน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่อาละวาด”

ลูกครึ่งแวมไพร์ไม่ตอบแต่กลับหมุนตัวเดินกลับไปที่ประตู หลังจากตรวจดูจนแน่ใจว่าบริเวณรอบโบสถ์ปลอดโปร่งปราศจากผู้คนแล้วเขาจึงหันกลับไปยังมนุษย์หมาป่าพร้อมกับกล่าว

“ตามผมมา”

อมนุษย์ขนรุงรังรีบทำตามทันที เพียงขยับเท้าไปได้แค่สองสามก้าวทั้งหมดก็ต้องหยุดกึกเมื่อได้ยินเสียงร้องถาม

“พวกคุณเข้ามาทำไม”

หนุ่มหมาป่าคำรามในลำคอเบาๆเมื่อพบว่าผู้ถามคือนักบวชรูปหนึ่ง เขามองวูล์ฟด้วยความหวาดระแวงก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังมนุษย์หมาป่าที่ยืนหลบอยู่ในเงามืด ด้วยความสงสัยนักบวชผู้นั้นจึงเอื้อมมือไปเปิดไฟ เมื่อแสงสว่างกระจายไปทั่วห้องแล้วเขาก็ต้องยืนตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างอมนุษย์เต็มตา

“ปิศาจ!”

เขาเซถอยหลังไปชนกับผนังห้องเมื่อตั้งสติได้ก็วิ่งออกจากห้องไปอย่างไม่คิดชีวิต วลาร์ดเห็นดังนั้นจึงรีบเปิดประตูก้าวออกไปในขณะที่วูล์ฟบ่นพึมพำ

“เป็นเรื่องแล้วไง”

เขาคว้าข้อมือมนุษย์หมาป่าพาวิ่งออกจากโบสถ์ทันที แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะไปถึงรถ แสงไฟวับวาบของตำรวจก็กะพริบขึ้นพร้อมสัญญาณไซเรน วลาร์ดสบถเบาๆเมื่อพบว่าตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของตำรวจ

“มากันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”หนุ่มหมาป่าพูดพลางมองไปที่รถและพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเมื่อพบว่ามันไม่ได้จอดอยู่ที่นั่น เขาลดสายตากลับมายังลูกครึ่งแวมไพร์ที่ยืนนิ่ง”บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าปิดมือถือ”

วลาร์ดเหลือบตาขึ้นมองเขา

“รู้ใช่ไหมว่าคุณสมิธอยู่ตรงไหน”

วูล์ฟผงกศีรษะรับ ลูกครึ่งแวมไพร์จึงพูดต่อ

“พอฉันบอกให้วิ่งก็ไปได้เลย”

สั่งจบวลาร์ดก็พุ่งออกไปทันที พริบตาก็ไปยืนอยู่บนหลังคารถตำรวจคันหนึ่ง เจ้าหน้าที่บางส่วนรีบเล็งปืนไปที่เขาพร้อมกับออกคำสั่ง

“ลงจากรถ วางอาวุธและคุกเข่าลงกับพื้น”

ลูกครึ่งแวมไพร์เหยียดรอยยิ้มน่าขนลุก ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทอแสงเจิดจ้าราวเปลวเพลิงส่งพลังบางอย่างเป็นคลื่นกระจายออกมา มันสะกดตำรวจทุกคนที่เล็งอาวุธไปที่เขาให้แข็งทื่อราวตุ๊กตา

“ไป!”

วูล์ฟลากมนุษย์หมาป่าวิ่งออกจากที่นั่นทันที ตำรวจที่เหลือรีบเบนอาวุธตามแต่ยังช้ากว่า
วลาร์ด เขาตวัดดาบตัดปืนทุกกระบอกจนไม่สามารถใช้การได้ก่อนจะวิ่งตามวูล์ฟไป แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนัดพบ ทั้งสามกลับถูกตำรวจที่ตามมาสบทบขวางทางเอาไว้ หนุ่มหมาป่ากำหมัดแน่นด้วยความขัดใจก่อนจะหันไปถามลูกครึ่งแวมไพร์

“ทำแบบเมื่อกี้อีกได้ไหม”

วลาร์ดมองจำนวนตำรวจแล้วส่ายหน้า

“ไม่ไหว พวกเขามีมากเกินไป”

“งั้นเอาไงดี” วูล์ฟถามพลางขยับถอยหลังเมื่อได้ยินเสียงปืนขึ้นลำกล้องดังพร้อมกัน
วลาร์ดกวาดตามองปืนทุกกระบอกที่กำลังมาที่พวกเขาทั้งสามคนแล้วขบกราม

“ขอให้ทุกคนหยุดอยู่กับที่”เสียงตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้น”วางอาวุธ คุกเข่าและนอนคว่ำหน้าลงกับพื้น!”

น้ำเสียงเฉียบขาดดุดันบ่งบอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะลั่นกระสุนใส่ทันทีหากนักล่าทั้งสองไม่ปฏิบัติตาม ขณะที่อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดจู่ๆเสียงระฆังของโบสถ์ก็ดังขึ้น มนุษย์หมาป่าที่เคยสงบเสงี่ยมสะดุ้งเฮือกสุดตัว มันส่งเสียงขู่คำรามออกมาอย่างดุดันและกวาดตามองตำรวจที่ยืนรายล้อมด้วยดวงตาวาว กรงเล็บคมกริบขยับไปมาอย่างหงุดหงิด กิริยาที่แปรเปลี่ยนอย่างกะทันหันทำให้วูล์ฟหันไปมองด้วยความแปลกใจ

“เป็นอะไรไปน่ะ”

ยังไม่ทันจบประโยคหนุ่มหมาป่าก็ถูกอมนุษย์ใช้ท่อนแขนฟาดเข้าใส่จนกระเด็นออกไปจากวงล้อมของตำรวจ วลาร์ดเรียกเพื่อนด้วยความตกใจและเลื่อนมือไปตะครุบดาบแต่ยังไม่ทันจะได้ดึงออกจากฝักเขาก็ถูกมนุษย์หมาป่าจับโยนไปอีกด้านจากนั้นมันก็บุกตะลุยเข้าใส่ตำรวจอย่างคุ้มคลั่ง เลือดสีแดงเข้มสาดกระจายไปทั่วบริเวณส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งเมื่อตำรวจเคราะห์ร้ายถูกมนุษย์หมาป่าฉีกกระชากทั้งเป็น เมื่อเผชิญหน้ากับมัจจุราชในร่างสัตว์ป่า ตำรวจทุกนายจึงระดมยิงมนุษย์หมาป่าอย่างบ้าคลั่ง แต่ทุกคนก็ต้องขนหัวลุกเพราะแม้จะกระหน่ำยิงไปแค่ไหนก็ไม่อาจสยบความดุร้ายของมันลงได้ ตำรวจหลายนายพากันวิ่งล่าถอยไปซุ่มตัวอยู่ตามพุ่มไม้ในขณะที่บางคนอาศัยรถที่พวกเขาขับเป็นที่พึ่ง เสียงปืนที่ดังกึกก้องเริ่มซาลง เสียงหอนเย็นเยือกชวนขนลุกของมนุษย์หมาป่าดังขึ้นมาแทน

“พอได้แล้ว”

วลาร์ดพูดขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าใส่มนุษย์หมาป่า มันรีบยกมือขึ้นหมายจะตะครุบแต่เขากลับพลิกตัวหลบพร้อมกับตวัดดาบฟันแขนข้างนั้นจนขาดกระเด็น มันอ้าปากร้องดังลั่นและวิ่งเตลิดเข้าไปในสวนโดยมีวลาร์ดและวูล์ฟไล่ตาม

ทั้งที่ถูกไล่ล่าแต่มนุษย์หมาป่ากลับส่งเสียงเห่าหอนอย่างคึกคะนอง มันวิ่งห้อเต็มฝีเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังตึกดำทะมึนซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของสวน เพียงไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นมันก็ต้องหยุดเมื่อลูกครึ่งแวมไพร์กระโดดลงมาขวาง

“หยุดแค่นี้แหละ”เขาพูดพลางวาดดาบลงข้างตัว สมิธซึ่งตามมาสมทบรีบเตือน

“คุณเทเลอร์ต้องการให้เราจับเป็น”

วลาร์ดมองมนุษย์หมาป่าซึ่งอยู่ในสภาพที่ต่างไปจากการพบในครั้งแรก ดวงตาที่เคยฉายแววครุ่นคิดแบบมนุษย์ในตอนนี้กลับแข็งกระด้างและกลอกกลิ้งไปมาราวสัตว์ป่า ปากที่มีเขี้ยวคมกริบเรียงกันเป็นแถวเปิดกว้างปล่อยน้ำลายไหลย้อยน่าสะอิดสะเอียน

“เจ้านี่กลายเป็นมนุษย์หมาป่าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว”เขาพูดพลางเงื้อดาบขึ้น ข้างมนุษย์กลายพันธุ์เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีคุกคามจึงกางกรงเล็บออกและพุ่งเข้าโจมตีทันที ลูกครึ่งแวมไพร์ผลักสมิธออกไปให้พ้นทางก่อนจะหมุนตัวหลบพร้อมกับตวัดดาบตัดหัวมนุษย์หมาป่าจนขาดกระเด็น ร่างสูงใหญ่ของมันล้มครืนลงไปกองกับพื้นหญ้าเช่นเดียวกับหัวที่กลิ้งไปหยุดตรงหน้าสมิธ

“ทำไมมันไม่สลายไปเหมือนทุกครั้ง”

วูล์ฟถามหลังจากยืนมองซากไร้หัวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง วลาร์ดมองร่างที่เริ่มแปรสภาพกลับเป็นมนุษย์ก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“เพราะมันไม่ใช่สัตว์ทดลอง”

“ถ้าไม่ใช่สัตว์ทดลองก็คงจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของอิลูมิเนติค”หนุ่มหมาป่าพูดพลางจ้องหัวที่อยู่บนพื้นด้วยความสนใจแต่สมิธกลับเบิกตากว้างและอุทานด้วยความตระหนก

“นี่มันอาจารย์ของมหาวิทยาลัยแสตฟฟอร์ด”ชายหนุ่มหันไปมองหน้าลูกครึ่งแวมไพร์”เขาเป็นสายของเรา”

*/*/*/*/*

ขออภัยผู้อ่านค่ะที่หายไปนาน ต้องเร่งเขียนเรื่องนี้ให้จบก่อนปีใหม่เลยแทบไม่มีเวลาเข้าเน็ตหรือทำอะไรเลย นิยายเรื่องเทวทูตที่รักเลยต้องพลอยชะลอไปด้วย ตอนนี้ต้นฉบับนักล่าคืบหน้าไปเยอะพอควรแล้วอาจจะนำมาลงได้อาทิตย์ละครั้งเหมือนเดิมนะคะ

บางฉากโหดสยอง
แต่ทั่วไปก็ให้ความรู้สึกในแนวเขียนของคุณมูนนี่ครับ
จากคุณ : Psycho man
- ขอบคุณค่ะ ภาคนี้จะลดความโหดลง และเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนเหมือนภาคสามแต่ยังสนุกเหมือนเดิมค่ะ ^^

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามนิยายของมูนนี่นะคะ

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 55 08:04:50




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com