ความคิดเห็นที่ 1 |
 |
สัญญารัก...ลวงใจ [ ตอนที่ 26 ] The Promise Love...
ชะตากรรมของความรัก...
รู้จักกันรึยัง...นี่ไง แมนนี่ เธอคนนี้แหละเป็นคนที่ฉันรักและจะแต่งงานด้วย
คำพูดของชานนท์ที่ได้ฟังยังก้องกังวานอยู่ในสมองของอธิปซ้ำไปซ้ำมา ห้องทั้งห้องราวกับมืดดับสนิทไร้แสงสว่างไปในพริบตา อธิปยืนประจันหน้ากับชานนท์ที่โอบกอดผู้หญิงของเขาไว้อย่างแน่นหนาราวกับว่ามินตราเป็นของรักของหวงของตนอย่างไรอย่างนั้น...
ไง..อึ้งไปเลยสิ เธอสวยใช่มั๊ยล่ะ ชานนท์ตาเป็นประกายยามเหลียวมองหญิงสาวข้างกาย มินตรายิ้มให้ชานนท์อย่างหวาดหวั่นได้แต่หลบสายตาอธิปที่มองมาอย่างโกรธขึ้ง
อืม..สวย สวยมาก อธิปพึมพำออกมานัยน์ตาวาวโรจน์มองจ้องหญิงสาวราวกับจะให้ทะลุเข้าไปถึงในหัวใจจนหล่อนถึงกับตัวชา
ใช่มั๊ยล่ะ หึ หึ ฉันนึกแล้วว่านายต้องชอบเธอ พวกเราสเป็คเหมือนกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ หึ หึ ชานนท์เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เอรินได้แต่ยืนมองคนทั้งสามเงียบๆ หล่อนกำลังเก็บข้อมูลอย่างละเอียดยิบ ถ้าสัญชาติญาณของหล่อนไม่ผิดพลาด เอรินพอจะรู้ว่ามินตรารู้สึกยังไงกับชายหนุ่มตรงหน้า ยามเมื่อหล่อนเห็นสายตาของพวกเขาที่ต่างฝ่ายต่างมองกันและกัน
เอ่อ...หนุ่มๆคะ คือฉันยังอยู่ทั้งคนนะคะ ชมแต่คุณมินฉันก็น้อยใจแย่สิ เอรินเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุยทันที ที่เห็นสายตาของอธิปที่จ้องมินตราเนิ่นนานจนกลัวชานนท์จะผิดสังเกตุ
ได้ยินว่าคุณมินมีลูกแล้ว แล้วพ่อเด็กอยู่ไหนซะล่ะครับ จู่ๆอธิปก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมากลางวงสนทนาทั้งชานนท์ มินตรา และเอรินหันขวับมามองอธิปที่จับจ้องอยู่แต่เพียงมินตราด้วยสายตาคล้ายจะจับผิด
เอรินถึงกับอ้าปากค้างกับความไม่รู้ไม่ชี้ของอธิปที่ถามอย่างหน้าตาเฉย มินตราเขม้นมองชายหนุ่มแสนรักตรงหน้า นัยน์ตากลมใสมีน้ำคลอบางเบา
เฮ้..อดัมส์ นายก็คิดดูสิว่าเธอจะแต่งงานกับฉัน แล้วเด็กจะเป็นลูกใครไปได้เล่า เมื่อเห็นสีหน้าซีดเผือดของมินตราที่ไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ ชานนท์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดแก้ต่างให้หล่อน แววตาที่ชานนท์มองมินตราอย่างห่วงใยในความรู้สึก อธิปถึงกับทนมองต่อไปไม่ไหวได้แต่กำหมัดแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
แล้วลูกชายคุณมินอายุกี่ขวบแล้วครับ อธิปยังคงถามสิ่งที่อยากรู้ต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับคนไม่รู้จักกัน ชายหนุ่มย้ำชัดทุกถ้อยคำ สายตายังคงจับจ้องไปที่มินตราอย่างไม่วางตาจนหล่อนถึงกับหนาวยะเยือก โชคยังดีที่เอรินพูดแก้ขัดขึ้นมาแทน คุณนี่จะอยากรู้เกินไปรึเปล่า คุณโอม เอรินหันมาเบ้ปากใส่อธิปอย่างขัดใจ ก่อนจะหันไปเจ้ากี้เจ้าการต่อกับชานนท์ มินตราได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
คุณอเล็กซ์พาคุณมินไปพักผ่อนเถอะค่ะ เธอหน้าซีดๆ สงสัยจะไม่สบายคงเมา...น้ำส้มคั้น เอรินย้ำคำตอนท้ายอย่างมีความหมายก่อนจะดันหลังชานนท์ที่ยืนงงอยู่กับความช่างสงสัยของน้องชายคนสนิท
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยเพราะปกติอธิปไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องของคนอื่นนัก แต่นี่กลับถามมากเสียจนมินตราถึงกับตอบไม่ถูกเลยทีเดียว
ไปจ้ะ ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ เจ้านี่เค้าคงห่วงว่าพี่จะโดนผู้หญิงหลอกน่ะ หึ หึ ไว้ค่อยคุยกันนะ..อดัมส์ ชานนท์ประคองมินตราออกไปจากบาร์ ก่อนจะออกประตูไปชานนท์หันมาโบกมือให้อธิปเล็กน้อย
ทางด้านเอริน ทันทีที่มินตราและชานนท์พ้นสายตาไป หญิงสาวหันมาจ้องอธิปที่ยืนคอตกกำหมัดแน่น สายตาวาวโรจน์ยังคงจับจ้องไปที่ประตูอย่างคิดหนัก
คุณโอม..นี่ถ้าคุณอเล็กซ์ไม่บอกว่าคุณมินเป็นคนรัก ฉันคงนึกว่าคุณเป็นแทนเขาซะแล้วนะ อะไรกันทำท่ายังกับหึง..ชิ เอรินยู่ปากอย่างหมั่นไส้ชายหนุ่มตรงหน้าที่ยังคงยืนนิ่งไม่สนใจหล่อนเช่นเดิม
ทันใดนั้นอธิปก็วิ่งออกจากบาร์ไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แววตาคุกรุ่นไปด้วยความโกรธเมื่อวิ่งมาทันได้เห็นหญิงสาวแสนรักเดินเข้าลิฟท์ไปกับชานนท์ที่ประคองกอดมินตราที่อ่อนระโหยโรยแรงอย่างรักใคร่ใส่ใจ ทันทีที่อธิปวิ่งมาถึงประตูลิฟท์ก็ปิดลง ชายหนุ่มถึงกับหอบตัวโยนทุบประตูลิฟท์อย่างรุนแรง
..ปึ้ก...ปึ้ก...ปึ้ก..โธ่เว๊ย!! เธอทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ..มิน ฉันไม่ยอมหรอกนะมิน..ไม่ยอม!! อธิปตะโกนออกมา ในใจคุกรุ่นไปด้วยความโกรธที่ยังคงไม่ทุเลาเบาบาง ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันยืนแหงนมองตัวเลขแดงที่กำลังเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆตามจำนวนชั้นที่ลิฟท์ขึ้นไป ใจจดจ่อจ้องมองจนพบว่ามันไปหยุดลงตรงชั้นใด... ทางด้านเอรินที่เดินตามอธิปมาห่างๆ หญิงสาวยืนมองอย่างลุ้นๆอยู่ตรงมุมหนึ่งที่ปราศจากผู้คน
จริงๆด้วย..คุณโอมกับคุณมิน จะเป็นไปได้เหรอ..ไม่อยากจะเชื่อเลย
เอรินได้แต่แอบมองปฏิกิริยาของอธิปอย่างเงียบเชียบ พรุ่งนี้หล่อนก็จะบินกลับเมืองไทยแล้วคงไม่ทันได้รู้เรื่องกันพอดี ในใจคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างสงสารเห็นใจ...
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายตั้งแต่อธิปกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง มินตราก็หลงลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญที่สุดไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทันทีที่ได้ยินโทรศัพท์จากพี่เลี้ยงของอาร์ม มินตราก็รีบรุดไปหาลูกโดยทันทีทั้งที่ยังเป็นเวลาตีสาม นอกถนนร้างไร้ผู้คนแต่มินตราก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตข้ามสะพานฮังเกอร์ฟอร์ดไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อรับลูกน้อยไปโรงพยาบาล
ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บกว่าเจ็ดองศา มินตราสวมโอเวอร์โค้ทตัวหนาอุ้มลูกน้อยไว้แนบอก ร่างกายน้อยที่กำลังหน้าแดงด้วยพิษไข้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเสื้อกันหนาวสำหรับเด็ก พร้อมสวมถุงมือและถุงเท้าและหมวกอย่างมิดชิด สองแม่ลูกฝ่าลมหนาวมาจนถึงโรงแรมที่พักในเวลาถัดมาอีกเกือบสามชั่วโมงหลังจากเสร็จธุระจากโรงพยาบาล โชคยังดีที่อาร์มไม่เป็นอะไรมากนอกจากเป็นไข้ต่ำๆ ก็เลยงอแงกว่าปกติจนแจนตกใจต้องรีบโทรตาม
หนาวมากมั๊ยลูก..แม่ขอโทษนะ แม่นี่ใช้ไม่ได้จริงๆ ขอโทษ เราขึ้นห้องกันเถอะนะจ๊ะ มินตราน้ำตาคลอเบ้ายามมองลูกน้อยที่นอนหลับตาพริ้มในอ้อมกอด พร้อมทั้งลูบไล้นิ้วบางลงบนแก้มเนียนแดงนั้นอย่างรักใคร่ ก่อนจะพาเข้ามายังภายในโรงแรม โดยมีพนักงานต้อนรับทักทายเด็กน้อยเป็นระยะ
ลิฟท์ขึ้นมาจนถึงชั้นสิบสองอันเป็นห้องพักของมินตราและชานนท์ หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่หล่อนเอามาใช้ทดแทนเรือนเก่าที่ตกหายไประหว่างที่ยังไม่มีเวลาไปหาซื้อเรือนใหม่ มินตรารู้สึกอบอุ่นใจยามสวมใส่นาฬิกาเรือนนี้ที่ลูกน้อยได้รับจากคุณลุงใจดีที่เจอกันโดยบังเอิญบนสะพานฮังเกอร์ฟอร์ดอย่างน่าประหลาดใจ...
อีกสิบนาทีหกโมงเช้า..เฮ้อ! พี่นนท์คงยังไม่ตื่นไม่งั้นโดนดุแย่แน่ๆ มินตราไขประตูห้องอย่างยากลำบากเพราะอุ้มลูกน้อยที่กำลังหลับสนิทไว้ด้วยแขนข้างขวาที่ถนัดทำให้การไขกุญแจด้วยมือซ้ายเป็นไปอย่างยากลำบาก
ทำไมไปรับลูกเช้าขนาดนี้ล่ะ..มิน ชานนท์ก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ พร้อมทั้งแย่งกุญแจจากมือมินตราไปเปิดแทน หญิงสาวถึงกับสะดุ้งหันมามองชายหนุ่มสีหน้าหวาดหวั่น
เอ่อ..พี่นนท์ มินนึกว่ายังไม่ตื่นค่ะ มินตราหน้าเสียมองสบตาชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้สึกผิดนิดๆ
พี่ตื่นมาตอนตีห้า ก็นอนไม่หลับแล้วเลยออกมาดูว่าเธอตื่นรึยัง ปรากฏว่าหายตัวไปแล้ว แววตาแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างลึกซึ้งของชานนท์ทำให้มินตรารู้สึกกระดากจนต้องหลบสายตา
แจนโทรมาบอกว่าอาร์มไม่สบายค่ะ มินก็เลย" มินตราตอบอ้อมแอ้ม
พี่รู้แล้วล่ะทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะจะได้ไปส่ง ไม่กลัวรึไงเช้ามืดขนาดนั้น น้ำเสียงของชานนท์คล้ายจะตำหนิกลายๆ มินตรากัดริมฝีปากอย่างอับจนคำพูด
เข้าห้องเถอะ ค่อยคุยกันพี่ต้องไปออฟฟิศต่อ จะไปดูเอกสาร จดหมายซะหน่อย ชานนท์เปิดประตูให้มินตราเดินเข้าไป หญิงสาวเหลือบตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเกรงใจ
ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง มินนี่แย่จริงๆ มินตราเอ่ยออกมาเบาๆ สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีจนชานนท์ต้องลูบศรีษะน้อยปลอบใจ
คิดอะไรมาก ยังไงพี่ก็แคร์เธออยู่แล้ว พาอาร์มไปพักผ่อนเถอะวันนี้หยุดสักวันนะ ชานนท์ยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนโยนก่อนจะปิดประตูลงไปยังห้องทำงาน
*********************************************
ทันทีที่เข้ามายังห้องทำงาน ชานนท์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจเมื่อมองดูเอกสารมากมายที่วางกองอยู่ตรงหน้า ทั้งจดหมาย เอกสารรอเซ็นต์ต่างๆ ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...
อะไรเยอะแยะเนี่ย ชานนท์ค่อยๆ แยกจดหมายออกมาดูหน้าซองตามความสำคัญและสนใจ จนมาพบซองเอกสารที่ระบุว่ามาจาก ยูโรคาร์ บริษัทรถเช่าชื่อดังในลอนดอน ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดมองเอกสารในมือที่พิมพ์คำว่า ด่วนมาก อย่างสมใจที่ได้เอกสารมาเสียที
ในที่สุดฉันก็จะได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ชานนท์แสยะยิ้มมุมปากสีหน้าเคร่งเครียด ค่อยๆแกะเอกสารนั้นมาดูอย่างช้าๆ
ทำอะไรอยู่ เลขาไปไหนซะล่ะพี่ อธิปเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของชานนท์อย่างเงียบกริบเพราะความคุ้นเคยเมื่อครั้งยังอยู่ลอนดอน เขามักจะมาหาชานนท์เสมอหลังจากชานนท์เรียนจบมหาวิทยาลัย
อ้าว..อดัมส์ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเหมือนเดิมเลยนะนายน่ะ ชานนท์เก็บเอกสารเข้าซองไว้ตามเดิมแล้ววางไว้ยังมุมหนึ่งข้างโต๊ะทำงาน ก่อนจะลุกเดินมาหาน้องชายคนสนิทที่นั่งหน้าเครียดอยู่โซฟารับแขกกลางห้อง
เลขาพี่ล่ะ..คุณมินน่ะ อธิปยังไม่วายถามซ้ำประโยคเดิมที่เขาอยากรู้และอยากทดสอบกับชานนท์
ลูกไม่สบาย ดูลูกอยู่ข้างบนน่ะ ว่าแต่นายเถอะวันนี้ไปไหน ชานนท์ลงมานั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเหนื่อยๆ อธิปเขม้นมองแววตาเข้มอย่างตกใจขึ้นมาชั่วครู่ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
เป็นอะไร น้ำเสียงนิ่งแต่แววตาร้อนรนของอธิป ชานนท์ได้แต่มองอย่างแปลกใจ
ใคร..เป็นอะไร นายหมายถึงใคร ถ้าหมายถึงฉันก็ตื่นตีห้ามารอรับมินกับลูกน่ะสิ ชานนท์หาวหวอดอย่างง่วงมึน เพราะปกติเขาเป็นคนตื่นสาย แต่ที่วันนี้ตื่นเช้าได้เพราะรอมินตราอย่างเป็นห่วงจนตนเองอดนอนไปด้วย คุณมินไปไหน พี่ถึงต้องมารอล่ะ อธิปหน้าเครียดยามเมื่อนึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างมินตราและชานนท์
ก็เค้าไปรับลูกตั้งแต่ตอนตีสามน่ะสิ แอบไปคนเดียวไม่บอกพี่ด้วยนะ เป็นห่วงเกือบตายเลย ชานนท์เล่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ อย่างไม่ได้คิดอะไร แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องสะดุดกับคำพูดบางคำที่ออกมาจากปากน้องชายคนสนิท มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ และฉุกใจคิดขึ้นมาอย่างประหลาดใจ...
ชอบให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อไหร่จะเลิกเป็นแบบนี้ซะทีนะ อธิปเอ่ยเสียงเบาใบหน้าคมมีร่องรอยกังวลใจ
เสียงที่เบาคล้ายจะพึมพำของอธิปนั้น ชานนท์ได้ยินชัดทุกถ้อยคำ ชายหนุ่มได้แต่จ้องมองกิริยาอาการของน้องชายคนสนิทไม่วางตา ด้วยสายตาที่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้...
**********************************************
เวลาผ่านไปชั่วครู่อธิปยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยคล้ายจะไม่มีความรู้สึกใดกับคำพูดที่พูดออกไป ชานนท์ลอบมองน้องชายสนิทอย่างจับสังเกตุแต่ก็ไม่พบความผิดปกติจึงเบาใจไปเปลาะหนึ่ง
เล่าให้ฟังหน่อยสิ เรื่องผู้หญิงของนายน่ะ ชานนท์นั่งเอนกายด้วยท่าทางสบายบนโซฟาตัวใหญ่ น้ำเสียงนุ่มดูผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปมาก
แปลกๆนะ อยู่ดีๆทำไมอยากรู้เรื่องของผมขึ้นมาล่ะ อธิปตอบด้วยน้ำเสียงปร่าแปร่ง แววตามีรอยกังวลเมื่อนึกถึง..หัวใจ
ฉันก็อยากรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนที่ทำให้นายรักมากจนต้องหย่ากับแซนดี้ไง ชานนท์เอ่ยอย่างไม่จริงจังนักแต่แววตาคมดูครุ่นคิดจับจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา
สรินเค้าหย่าให้ผมเองไม่เกี่ยวกับเธอคนนั้นหรอก อธิปมองเหม่อออกไปยังนอกหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย
นึกย้อนไปถึงวันนั้นวันที่เขาได้ใบหย่าจากสรินโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ควรจะเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดแต่เขากลับไม่มีมินตราเคียงข้างเหมือนเดิม ไม่มีเลยตลอดทั้งสองปีที่ผ่านมา...
ฉันคืนอิสระให้คุณแล้วนะโอม หวังว่าคุณจะตามหาหัวใจตัวเองให้เจอโดยเร็ว สรินพูดอย่างเป็นนัย แต่หล่อนไม่ได้บอกอธิปว่ามินตราอยู่ที่ใดเพราะอะไรสรินก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่บอกให้เขารู้ทันทีที่หย่า
ทำไมผมต้องตามหาผู้หญิงที่ทิ้งผมไปล่ะ..สริน อธิปเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดยามเมื่อคิดถึงความหลัง
ถ้าเค้าคุ้มค่าพอที่จะให้คุณตามหา ถ้าเค้าเป็นหัวใจของคุณจริงๆ ฉันก็คิดว่าตัวเองคงคิดไม่ผิดที่ปล่อยคุณ..ฉันยอมแพ้เค้าเพราะ.. น้ำเสียงของสรินแฝงความเจ็บปวดไว้อย่างปิดไม่มิดก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเกือบเผลอพูดอะไรบางอย่างออกไป ใบหน้ามีร่อยรอยกังวลเมื่ออธิปถามขึ้นทันควัน หล่อนจะบอกได้อย่างไรว่าเป็นเพราะเด็กน้อยลูกของมินตรากับเขา สรินเจ็บปวดยามเมื่อนึกถึงลูกชายของตนเองที่อธิปรักหนักหนา
เพราะอะไรสริน อธิปถามย้ำสีหน้าครุ่นคิด นัยน์ตาคมวาวโรจน์อย่างรอฟังคำตอบ
คุณต้องค้นหาคำตอบเอาเองแล้วล่ะโอม แต่คุณต้องพยายามมากหน่อยนะ เพราะเธอคนนั้นตอนนี้อาจจะอยู่ไกลจากคุณมาก ขอให้โชคดีนะคะ น้ำตาไหลรินจากนัยน์ตากลมสวยของสริน หญิงสาวโผเข้ากอดชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตสามีเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม หญิงสาวจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยมานานอย่างตัดใจ
ในขณะที่สรินจับจูงมือของอิทธิ์ที่ยืนรออยู่นอกห้องจากไป อธิปถึงกับกุมขมับกับคำพูดปริศนาของอดีตภรรยาที่เหมือนจะบอกใบ้อะไรบางอย่างที่เขาไขไม่ออกมาจนเวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้
หลังจากผ่านไปกว่าสองปี อธิปไม่เคยคิดเลยว่าหัวใจของเขาที่เฝ้าตามหาด้วยความไม่เข้าใจนั้น ที่แท้จริงแล้วอยู่ที่นี่เอง...อยู่กับพี่ชายคนสนิทที่เขารักและนับถือเหมือนกับเป็นพี่ชายแท้ๆของตนเอง เขาควรจะทำอย่างไรเพื่อจะรักษาทั้งหัวใจและศรัทธาไว้ให้ได้ทั้งสองอย่าง โดยไม่ให้ใครต้องเจ็บปวด...
จากคุณ |
:
lovereason
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 55 12:59:34
|
|
|
|