‘นังคนต่างชาติ’ ถูกลากมายังอีกห้องไกลออกมา เจ้าของนาม ‘โอวี’ เป็นผู้นำฝูงบุรุษ ที่ทำหน้าที่ตรึงหญิงสาวงามแปลกหน้า เจ้าตัวไม่ยอมหันมาสบตาสื่อความกระจ่างใดๆ เพิ่มเติม
หน้าห้องเป็นประตูลักษณะเดียวกับห้องอื่นๆ เจ้าหล่อนยกกำปั้นทุบระรัวพร้อมร้องเร่า
“เจราด! เจราด!”
แล้วโดยไม่มีทีท่าว่าคนข้างในจะขยับเปิดให้ โอวีหันมาตวาดใส่บุรุษรายหนึ่ง
“ยันเข้าไป!”
“แต่ว่า...”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญ!”
เท่านั้น เสียงดังและการถลึงตาช่วยให้ ‘ระบบเปิดประตู’ ทำงานง่ายเข้า
ทันทีที่บานไม้อ้ากว้าง เสียงร้องไห้จ้าก็ลั่นออกมา เจ้าของร่างน้อยหนึ่งถลาผ่านช่องเปิดชนิดหัวซุน เสื้อผ้าห่มกายกะรุ่งกะริ่ง
โอวีแลตามเด็กหญิงกึ่งเปลือยผู้หนีลับไป ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างแขยงระคนไม่อยากจะเชื่อ สะบัดกลับไปยังหนึ่งเดียวผู้อยู่ในห้อง
คนถูกจ้องค่อยลุกจากท่าก้มคลานละม้ายจับหมู แลครั้นเหยียดตรงจึงพบว่าเรือนร่างนั้นใหญ่ยักษ์ ความล่ำสันดูจะราไปด้วยความสุขสบายเกินขนาด กล้ามหน้าอกจึงเริ่มเหี่ยว ขณะกล้ามหน้าท้องเริ่มห้อย เปลวลุกโชนในเตาผิงขนาดใหญ่ส่องให้แลถนัด...ทั้งเนื้อทั้งตัวไร้อาภรณ์ปิดป้อง!
เจ้าของร่างเปลือยหาได้เดือดร้อน ทอดน่องฉวยเหยือกขนาดย่อม ยกขึ้นเทอั้กๆ เข้าปาก ใจเย็น
“เจราด!” ผู้ขัดขวางกิจกรรมสำราญวิปริต ร้องเสียงแหลม
“นั่นมันเด็ก! ไหนสัญญาว่าจะหยุดแค่บี?!”ปลายเสียงพยายามเก็บกลั้นความเจ็บตรม
เจ้าของนามเจราดปาดหยาดสุราจากมุมแก้ม บางหยดยังย้อยตามกระจุกเครา เจ้าตัวกระแทกภาชนะลงบนโต๊ะกลางห้องแล้วหันมาเชื่องช้า
นัยน์ตาฉ่ำควรจะหยุดที่คนถาม หากความงามอันปิดไม่มิดของผู้ถูกลากตามมาหลังสุด กลับจุดความสนใจ และย้อมให้ความฉ่ำนั้น วับวามยิ่งไปกว่า
สายตาชนิดดังว่า สามารถบันดาลความกระอักกระอ่วน สะอิดสะเอียน กับทั้งอุจาดขยาดแขยงเกินกว่าจะบรรยายเป็นถ้อยคำออกมาได้ถ่องถ้วน
ผู้ถูกจับกุมต้องทรงเป็นฝ่ายก้มพักตร์ ปิดเนตรหลบ ในเมื่อเจ้าของสายตา ก้าวโทงๆ ตรงมาไม่ทุกข์ร้อน
“นี่น่ะรึหญิงต่างชาติ...?”
“เจราด!”
หากเปิดพระนัยนาก็จะทรงเห็น...โอวีก้าวเข้าขวางก่อนเจ้าของร่างเปลือยจะย่างสามขุมมาถึงองค์ ที่ทรงรู้สึกและทำให้ต้องเปิดเนตรอีกครั้ง ก็ด้วยแรงกระชากฉลององค์ตรงบริเวณไหล่ แล้วเหวี่ยงวรกายตกลงไปกองพื้น
“...งามอย่างนี้นี่เอง...”
คนถูกตวาดซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังทำราวไม่ได้ยินกระไร ไม่รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
เจราดเบี่ยงกายย่างมาใกล้ แสงไฟส่องให้เห็นว่า ใต้ปอยผมปรกหน้า คิ้วเข้ม จมูกสูงเป็นสัน น่าจะยังความคมคายเป็นสำคัญ หากเพียงนัยน์ตาจะมิได้ฉ่ำเยิ้มกระหายหื่นด้วยแรงวิตถารดังนี้
“มันนั่นแหละ! พาบีหลบหนี! แล้วมันก็ใช้เล่ห์กลหลอกให้ข้าสับเปลี่ยนอาภรณ์ หวังจะเล็ดลอดจากที่นี่ไปง่ายๆ!”
คำอธิบายกร้าวจากหญิงสาวผู้ยืนค้ำศิระ พลิกกลับเป็นคนละเรื่อง
เจ้าหญิงเอลีโอน่าเบิกนัยนา อ้าโอษฐ์ค้าง หากอย่างไรยังกล้าพอจะทรงเถียง
“ไม่จริง! เรา...!”
“หุบปาก!”
สายตาตวัดมาพร้อมแววบางอย่าง อันทำให้ผู้เถียงถึงกับทรงชะงักเงียบ
แววตำหนิ...ที่ทรงหนีให้ถูกจับได้!
หากเป็นการตำหนิขัดใจ คล้ายเกรงสิ่งที่มุ่งหวังจะพังทลาย มากเสียกว่าโทโสเนื่องลมเพชรหึง
นั่นยิ่งยังให้ผู้มองข้องพระทัย...หากมิอาจปริเอื้อนด้วยเกรงกลุ่มบุรุษสงสัย...
“เจราด!” เจ้าของแววตาปริศนา หันกลับไปยังผู้ล้ำหน้ามาอีกก้าว
“ท่านต้องจัดการมัน! อสรพิษเยี่ยงนี้ปล่อยไว้ไม่ได้!”
“นั่นสิ...” ผู้ถูกเตือน พึมพำ
“สา-ระ-เลวอย่างนี้ไว้ใจไม่ได้!”
หางเสียงเยียบกริบ หลุดพร้อมความเฉื่อยชาอันแปรเป็นกราดกร้าว
เจราดวาดฝ่ามือฟาดแก้มซีกหนึ่งของคนตวาดแว้ด และโดยไม่ทันรู้ตัวระวัง โอวีต้องหงายไปอีกฝั่งด้วยหลังมือเก่า คราวนี้ของเหลวแดงคล้ำกลบปาก เจ้าตัวกระอักเป็นฟันย้อมเลือดหนึ่งซี่
“ท่...ท่าน...?!”
เจ้าของเรี่ยวแรงมหาศาลเสมือนไม่รู้สึกรู้สา...ราวกับว่าแค่ปัดใบไม้แห้งหล่น มันหัวเราะในลำคอใหญ่ สืบเท้าแค่อีกก้าวก็ถึงวรองค์แบบบางที่สั่นระริกอย่างหวาดกลัวต่อการณ์เบื้องพักตร์ ในเมื่อ...
ใช่! คนที่เดาใจไม่ได้ น่ากลัวที่สุด!
“จุ๊ๆๆ...”
เสียงจุปากดังจากเจ้าของมือเดิม ที่ใช้มือนั้น ค่อยประคองวรร่างอรชรลุกขึ้นโผเผดุจไร้กำลัง กลิ่นน้ำเมาหวนเอียนเจียนสำรอก
“ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัว...” คำปลอบแผ่วเบา หากอ่อนหวานเท่าไหนยิ่งชวนขนลุกเท่านั้น
“ไหนบอกข้าซิ...คนต่างชาติเข้ามาที่นี่ทำไม? เห็นว่ามีนายทหารติดมาคนหนึ่งด้วย? ตอบมาดีๆ แล้วเราก็จะได้สนุกไปด้วยกัน...”
วูบหนึ่ง อะไรบางอย่างดุจจะเรียกให้สายพระเนตรเบนจากตาเชื่อม พินิจจับยังจุดเบื้องล่างซึ่งเจ้าตัวเพิ่งละจากมา
จุด...ที่เด็กเมื่อครู่ถลาหนี
บนพื้น...หากไม่เพราะประกายไฟก็คงทอดพระเนตรไม่ชัดได้เท่านี้
โลหะโค้ง ความคมส่งให้ตรงขอบวาบวับ!
ความกลัว กดดัน หรืออาจประเสประสานกลิ่นลมหายใจละม้ายละมุดของผู้เบื้องพักตร์...เจ้าหญิงเอลีโอน่าทรงอยากอาเจียน
วินาทีที่มือหนาคร้ามถูกยกขึ้น กำลังจะแตะปลายหนุนุ่ม เสียงแผดจากคนบนพื้นผู้พยายามลุกขึ้นก็ลั่นก้อง
“ท่านให้สัญญาแล้ว เจราด! ท่านจะทำอย่างนั้นอีกไม่ได้! แบบเมื่อกี้ กับนังเด็กคนนั้นก็ไม่ได้!”
คราวนี้...เป็นโชคดี เพราะเป็นทีแรกจริงๆ ที่เสียงแหลมดูจะแยงถึงโสตและสภาพการรับรู้ของผู้ถูกค้าน
เจราดหัวเราะเงยหน้า เสียงหัวเราะกึ่งๆ คำราม
เหล่าสมุนบุรุษเห็นท่าไม่ดี หมายเข้าลากโอวีออกจากห้อง หากต้องถูกตะเบ็งรั้ง
“ไม่ต้อง!”
สิ้นคำ เจ้าของคำก็หันไปแสยะต่อตาหญิงใจกล้าพอดี
“เจ้านี่น้า...โอวี...” ความเอ็นดูในท่าส่ายหน้าและน้ำเสียง ลึกลงไปมีความเหี้ยมเกรียมจนชวนขนพอง
“ช่างไม่รู้เลยว่าตัวเอง ‘ด้อยค่า’ เกินกว่าจะมาออกคำสั่งคนอย่างข้าได้...”
“ทำไม?!”
คำถามตวัดทันที คนตวัดจรดสายตาเจ็บปวด น้อยใจ ที่ถูกเกลื่อนอยู่ใต้ความเคียดแค้น ติดตามเจ้าของคำสบประมาททุกอิริยาบถ
รายหลังหันกลับไปอีกด้าน ก้าวโทงๆ เกาหลัง แสดงถึงความเบื่อหน่ายอันมีคณา หยิบผ้าผืนที่ถูกโยนพาดอยู่บนม้านั่ง กลับขึ้นพันปกปิดท่อนล่างอย่าง ‘หมดอารมณ์’ ก่อนตรงไปก้มเก็บกริชบนพื้นขึ้นเหน็บชายพก
“บอกมาซิเจราด?! ข้าด้อยค่ายังไง สู้นังมาโด บี นังเด็กคนนั้น หรือนังคนต่างชาตินี่ไม่ได้ตรงไหน?!”
คนถูกคาดคั้น ขยับชายผ้ารัดกระชับ ขณะหันกลับมายิ้มเย็น
“เพราะเจ้ามันเป็นนังขี้แพ้! โอวี เจ้าไม่มีอย่างที่ทุกคนมีเหมือนมาโด... เจ้าไม่มีดวงตาที่แข็งแรงพอจะปลุกเร้าให้ข้ารู้สึกอยากเอาชนะได้...ไม่เคย! และไม่มีวัน!”
“ไม่จริง!” คนตะคอกกลับแทบจะกระทืบเร่าๆ
“ข้าต่างหาก! ข้าคนเดียวเท่านั้นจะสามารถชนะท่านได้!”
“ฮะฮ่า...”
เจ้าของเสียงหัวเราะย่างสามขุมเข้าไปใกล้ในลักษณะท้าทาย วาระนั้นไม่มีใครสนใจ ‘หญิงต่างชาติ’ หากการจะทรงหนีฤามีทางเป็นไป ในเมื่อชายร่างใหญ่ถึงสามยังกุมทางออกเดียวมั่นคง เท่าที่ทรงทำได้จึงเพียงจับพระเนตรเหตุการณ์ ตั้งพระสติ มองหาจังหวะและหนทางป้องกันองค์
แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 55 09:47:16
จากคุณ |
:
ปราปต์ (งี่เง่าบอย)
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ธ.ค. 55 09:33:27
|
|
|
|