อีกฟากฝั่งหนึ่ง องค์แบนก็กำลังคิดเรื่องที่คล้ายๆกับที่องค์มีคิดโดยบังเอิญ พระนางกับสงครามดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่างตรงกัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเปิดใจ สงครามเป็นขุนศึกหนุ่มที่พูดน้อยและเงียบขรึม ถึงจะรู้สึกอย่างไร เขาก็มักจะไม่แสดงอาการให้เห็น ถึงแม้เขาจะรูปงามราวเทพบุตร และมักจะมีชาวบ้านที่พบเห็นเอาไปลือว่าเป็นชายรูปงามเท่าที่เคยมีมาก่อน แต่องค์แบนแน่พระทัยว่า พระองค์ทรงชื่นชอบเขาที่บุคลิกลักษณะมากกว่าความหล่อภายนอก หมายกำหนดการการเดินทางไปเมืองเว้ใกล้เข้ามาแล้ว สงครามก็ยังคงเงียบอยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะมาหารืออะไร หลายครั้งองค์แบนก็ไม่แน่ใจใจตัวเขา ยิ่งเขาคือขุนศึกเขมรคนเดียวที่องเลิ้งกุ๋นเอามาเป็นทหารเคียงกายเทียบเท่าฮาลองกับทัน ยิ่งทำให้องค์แบนเริ่มไม่ไว้ใจเขา
กำลังคิดแต่เรื่องของสงครามวกไปเวียนมาในหัว นางกำนัลก็เข้ามาทูลว่าสงครามจะขอเข้าพบ องค์แบนทรงอนุญาต ไม่นานนักสงครามก็เดินเข้ามา องค์แบนสบตากับเขา ถึงแม้จะไม่ได้หลงในความรูปงามของเขา แต่องค์แบนก็มองเขานานไม่ได้ จึงหลบสายตา สงครามยังยืนนิ่งไม่ไหวติง องค์แบนทรงรู้ใจเขา พระองค์ทรงปล่อยให้เขานิ่งสักพัก ไม่นานนัก เขาก็จะพูดขึ้นมาเอง อีกชั่วครู่ก็มีเสียงออกมาจากปากของสงครามจริงๆ
พระองค์ทรงเสด็จไปเสียมเถอะ ข้าพระองค์จะจัดการให้
องค์แบนหันหน้ามามองเขา
เพราะอะไรท่านถึงจะมาจัดแจงให้ข้าแบบนี้
องค์แบนคิดว่าถ้าเขาสารภาพออกมาหรือพูดเป็นนัย พระองค์อาจจะใจอ่อน อาจถึงขั้นทิ้งพี่ทิ้งน้อง แล้วแอบลักลอบไปกับเขา หลังจากนั้นค่อยอ้อนวอนเขาให้อยู่ข้างกาย ... พอชักพระสติมาได้ ไม่วายพระองค์จะรังเกียจตนเอง และคิดได้ว่าอานุภาพแห่งความรักช่างมีมากมายเสียนี่กระไร ขนาดผู้หญิงใจแข็งกระด้างอย่างพระองค์ ความรักยังมีอำนาจทำให้อ่อนไหวและพลิ้วไปเหมือนต้นหญ้าที่เอนอ่อนต่อลมฉะนั้น
พระญาติของพระองค์รออยู่ที่เสียม
ช่างเป็นคำพูดที่เย็นชาออกมาจากหนุ่มรูปงามที่ดูเหมือนจะไร้หัวใจ หรือสิ่งที่พระนางรู้สึกมาตลอดจะไม่ใช่ สงครามอาจไม่ได้ใส่ใจหรือแม้กระทั่งสนใจพระองค์เลย ทุกอย่างอาจเป็นภาพลวงตาที่พระองค์คิดไปเอง ถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะต้องเรียกพระสิตกลับมา และทำหน้าที่ของพระธิดาของสมเด็จพระอุทัยราชาให้สมศกดิ์ศรี
ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะติดตามน้องสาวของข้าไป ด้วยเลือดขัตติยนารีของข้า ข้าต้องยึดมั่นในหน้าที่และต้องไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ
ด้วยพระสุรเสียงที่ทรงพลังและสายพระเนตรที่เด็ดเดี่ยว พระนางได้ตอบคำถามของเขาและจ้องหน้าเขาโดยไม่หลบสายตา สงครามก็จ้องหน้าขององค์แบน เขายังนิ่งเงียบอยู่ ร่างกายไม่ไหวติงประดุจดังรูปปั้น ไม่นานนักเขาก็เปล่งเสียงออกมา
ข้าพระองค์ขอทูลลา
แล้วก็เดินออกไปจากห้อง ถึงองค์แบนจะมีจิตใจหนักแน่นเพียงใด ก็อดที่จะหวั่นไหวไม่ได้ พระนางสงสัยว่าทำไมขุนศึกหนุ่มรูปงามที่เชี่ยวชาญการรบถึงเข้าถึงยาก หรือเป็นเพราะว่าสงครามเกิดในตระกูลขุนนางเขมร แถมยังมีพ่อเป็นนักรบ ถูกจับฝึกทหารตั้งแต่ยังเด็ก และมักจะไม่คุ้นเคยกับผู้หญิง ถ้ามีเวลาว่างคราใด ก็มักจะไปฝึกดาบ ฝึกมวย กิจวัตรประจำวันของเขาก็จะมีอยู่แค่นี้ สมชื่อสงครามซะจริงๆ องค์แบนรู้มาว่าชื่อนี้พ่อของเขาเป็นคนตั้งให้ องค์แบนนั่งบนแท่นบรรทมเตรียมพักผ่อนพระวรกายและอยากลืมทุกเรื่องที่อยู่ในหัวของพระนางในตอนนี้
จากคุณ |
:
ภคสิต
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ธ.ค. 55 01:34:41
|
|
|
|