Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 31 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13072133/W13072133.html

บทที่ 31

บนท้องฟ้าเกิดอาเพศประหลาด จู่ๆ กลางความมืดก็บังเกิดลำแสงคล้ายผืนผ้าหลายผืนแตกตัวแล้วส่ายไหววนล้อมเป็นวงพลางเหวี่ยงรังสีสีแดงดั่งพระเพลิงกรีดกระจาย

สองพ่อลูกแห่งคามดารกะจึงแหงนเงยขึ้นสำรวจอย่างสนใจแกมฉงนจนพลาดนาทีสำคัญที่ผ่านไหวไปเพียงวูบ

แล้วฉับพลันนั้น ดาวอาสภที่หม่นมืดเพียงชั่วครู่ก็ปุบปับเปล่งแสง สีแดงสดดั่งเลือดวาวจ้าวาบๆ ยังเห็นมวลจางของเมฆอ่อนลอยเฉียดเข้าไป แต่ก็ไม่อาจบดบังความเจิดจ้าของมันให้หม่นลงได้

"นั่นคืออะไรเล่าท่านพ่อ ดาวอาสภที่ท้าทายความรอบรู้ของท่านกำลังเล่นตลกอะไรอีกแล้ว ทำไมคืนนี้มันดูเปล่งปลั่งเหมือนซาตานได้ดื่มเลือดสังเวยอย่างอิ่มหนำเช่นนั้นเล่า"

พระครูลาพุชส่ายหน้า ไม่อาจหาคำตอบมาสนองความใคร่รู้ของหน่อเนื้อ ท่านเกือบจะพริ้มตาเพื่อค้นหาสาเหตุของอาเพศไม่สู้ดี

หากแต่เสียงหัวเราะคิกคักยืดยานของแม่นางแพรบนยอดเนินก็กรีดคว้านรบกวน ฉุดให้ตาฉงนสองคู่ต้องย้ายกลับลงมา นางผีจงใจเอง เพราะอยากให้เห็นนาทีหายนะที่ใกล้จะมาเยือน

"ท่านพ่อ" แล้วเมื่อเห็น ท่านศมะก็พลันอุทานสะท้าน ทำท่าขยับร่างพุ่งดิ่งลงไปขัดขวางนาทีที่ว่า

"อย่าพยายามฝืนลิขิตแห่งสวรรค์เลยท่านศมะ" นางผีเยาะเย้ยโหยหวน "ถึงเวลาที่วาสนาพี่ชายเราจะเปล่งประกายเสียทีแล้ว ท่านสองพ่อลูกจงรอดูให้แจ้งใจเถอะว่าคามดารกะและดินแดนอันไพศาลตรงหน้านี้ จะตกอยู่ภายใต้การปกครองของพี่ชายเราได้ยังไง"

"ท่านพ่อ"

ท่านศมะครางอย่างตื่นกลัว สุดปัญญาจะพยายามตามที่แม่นางแพรถากถางแล้วจริงๆ พระครูลาพุชก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับชะตาพลิกผัน แล้วฉับพลันนั้นเองจึงค่อยแตกฉานในปริศนาที่เคร่งขบคิดมาอย่างยาวนาน

"โอ้ เป็นไปได้หรือนี่ มันช่างประหลาดยิ่ง เราไม่อยากเชื่อเลย"

พระครูรีบพริ้มตาตั้งสมาธิแหวกฝ่าความมืดผืนทึบเพื่อให้พบกับคำตอบที่ซ่อนอยู่ ณ ปลายทาง สองมือพลันแบออกแล้วเลื่อนมาชิด ท่านศมะเอี้ยวจดจ้องอย่างตื่นเต้น พลางเบิกตาโพลงอุทานเรียกบิดาร้อนรน

"ท่านพ่อ ลูกเห็น ท่านพ่อ ชาย.. "

"ใช่แล้วท่านศมะ ชายคนนั้นเองคือปริศนาของดาวบริวารที่โคจรวนเวียนไม่เคยห่างดาวอาสภ" พระครูลืมตาแล้วทอดถอนใจอ่อนล้า "พ่อรู้แล้วว่าทำไมถึงขบปริศนาห้วงนั้นไม่แตกเสียที"

"เพราะเขา"

"ใช่ เพราะเขาคือเจ้าชะตาที่ส่งเสริมบารมีให้ซาตานวจากลับมาอหังการอีกครั้ง"

"ถ้าอย่างนั้น.. " องครักษ์ผู้ภักดีครางประหนึ่งหาบทสรุป ก่อนจะเบิกตากว้างอีกครั้งแล้วร้องร้อนรนขึ้น "โอ.. แย่แล้ว แม่นางกณิการ์เล่า แม่นางจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงคราวนี้ได้ยังไง ในเมื่อบารมีของแม่นางไม่อาจแยกออกจากร่างใหม่ ท่านพ่อ แล้วเราสองจะช่วยแม่นางได้ยังไง แม่นางเจ้าข้า แม่นางแห่งเรา"

"เดี๋ยว ท่านศมะ อย่าได้บุ่มบ่ามร้อนรุ่ม"

ดวงวิญญาณสองดวงกำลังลอยคว้างยื้อยุดกันอย่างแข็งข้อ หากแต่เบื้องล่างกลางความมืดกลับปรากฏแสงกระจ่างเรืองรองแผ่เป็นวงกว้างเหนือยอดวิหารวังร้าง

แม่นางแพรร้องกู่ลิงโลด เหตุอัศจรรย์อุบัติครืนครั่นด้วยประกายไฟสีแดงดั่งเลือดสดพุ่งกระจายคล้ายพลุที่ถูกจุดทะยานขึ้นไปแตกเปรื่องพร้อมเพรียงคราวละหลายร้อยลูก

"แย่แล้ว ซาตานวจาหลุดจากพันธนาการแล้ว"

พระครูชราอุทานตระหนกแกมสิ้นหวัง ยามนี้แผ่นดินรายรอบทั่วทุ่งเกษตรในกาลเก่ากำลังสั่นสะเทือนส่งเสียงครืนๆ ผงฝุ่นตลบลอยฟุ้งแทรกเข้าไปอวดละอองบางในวงล้อมของประกายไฟสีแดงลี้ลับ

แล้วอึดใจหนึ่งเท่านั้น เสียงกรีดร้องเจ็บปวดก็แผดลั่นยาวนาน ถ้าฤดีดิษถ์มาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เธอก็คงตกใจไม่น้อย เพราะเธอต้องจำได้แน่ว่าเจ้าของเสียงร้องเจ็บปวดนั้นคือ 'ธิสัย'




โอ้ ดูธิสัยสิ สภาพศพโชกเลือดที่นอนตายหงายแขนห้อยต่องแต่งชิดขอบแท่นบูชาด้านในอย่างนั้นมันช่างน่าเวทนาปนสังเวชยิ่ง

เขาบ้าบิ่นไปตามแรงกดดันของความพยาบาท คิดง่ายๆ แค่ว่าหากทุบทำลายซากแห้งกรังของซาตานอมตะให้แตกป่นได้ ดวงวิญญาณของภรรยาก็จะหลุดพ้นจากการเป็นทาส

ขวานใหญ่ที่เก็บได้จากในตลาดจึงถูกเงื้อง่าแล้วฟาดฟันปังๆ จนแผ่นยันต์เลื่อนหลวม น้ำหนักของมันพลอยรั้งโซ่เหล็กหนาขยับหย่อน

อดีตหนุ่มเคราะห์ร้ายจึงปีนข้ามไปประจันกับกลิ่นเหม็นเน่าอย่างไม่สะทกสะท้านแล้วกระหน่ำทั้งเฉาะทั้งฟันร่างแห้งกรังอย่างคลุ้มคลั่ง

แน่นอน ร่างอมตะย่อมไม่สะดุ้งสะเทือน หรือแม้แต่เสียงอาฆาตที่เหยื่อไม่เจียมวาสนาแผดคำรามว่า 'แกตาย แกต้องตาย แกต้องพังพินาศ' ซาตานชั่วก็ไม่ยี่หระสักนิด

มันกระหยิ่มเสียด้วยซ้ำที่เห็นว่าโซ่ตรวนค่อยๆ หลุดไหลไปตามแรงสั่นถี่รัว จนมือขยับได้ แขนเขยื้อน ร่างกายบิดส่ายเร่งให้โซ่ไหลร่วงเร็วขึ้น

แล้วพอมันผงาดยืน ธิสัยก็ถูกสังเวยทันที มือใหญ่แทงพรวดทะลุอกอย่างอำมหิต เลือดสาดกระจายเข้าหน้าให้มันกวาดใส่ปากอาบลิ้นจนชุ่ม เสียงแผดร้องเจ็บปวดพร้อมกับร่างเหยื่อที่ดิ้นพล่านๆ อย่างเจ็บปวดกลับกลายเป็นภาพงดงามที่มันเบิ่งตาทื่อจ้องมองอย่างพอใจ

แท่งเชิงเทียนที่เสียบทะลุค้างขวางในปากนานเป็นร้อยๆ ปี ถูกกระชากออกแล้วเหวี่ยงทิ้งอย่างเกรี้ยวกราด ซาตานชั่วแสยะปากอวดฟันแหลมคมพลางยกร่างเหยื่อขึ้นมากัดทารุณจนเนื้อหลุดแล้วเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

ตอนนั้นล่ะ ที่ธิสัยหมดลมหายใจไม่รับรู้อีกต่อไปว่าซากแหว่งวิ่นจะถูกโยนอย่างไร้ค่าลงไปนอนเป็นศพในสภาพไหน

"แม่นางชั่ว ข้าเป็นอิสระแล้ว ได้ยินไหม ข้าเป็นอิสระแล้ว คำสาปของเจ้าสยบชีวิตอมตะของข้าไม่ได้"

สิ้นเสียงประกาศแหบโหยหวน มันก็แผดหัวเราะกลั้วไสยเวทย์ดำอันลี้ลับ คลื่นเสียงแข็งกร้าวทะลุผ่านยอดวิหารวังร้าง พุ่งแรงอหังการฝ่าไปไกลลิบๆ แทบจะสุดท้องทุ่งแห่งรัตติกาล แม้แต่ฤดีดิษถ์ที่ยังนั่งกอดเข่าครุ่นคิดในห้องพักก็ยังสัมผัสได้ผ่านสมาธิที่เธอกุมไว้จนนิ่ง




สองพ่อลูกข้างนอกต้องรีบหลีกเร้นพลังร้อนกล้าขุมมหึมา ท่านศมะกระอักเลือดสีเงินยวงเพียงแค่ชายอาภรณ์โดนเฉือนด้วยมนตราชั่วเล็กน้อย พระครูลาพุชใจหายวาบรีบลอยปรี่มาประคองหน่อเนื้อที่อุทานตระหนกแล้วร่างเซซวนหย่อนร่วงลงพักบนกิ่งไม้

"ตั้งสติไว้ท่านศมะ เราต้องรีบไปจากที่นี่ก่อนที่ดวงวิญญาณของเราจะถูกทำลาย"

"ลูกรู้ ท่านพ่อรีบไปก่อน ไม่ต้องห่วงลูก"

"ไม่ได้หรอก เราต้องไปด้วยกัน เร็วเข้า ไม่ต้องอ้อยอิ่งกับเหตุผลอีกแล้ว ดูโน่นสิเจ้า"

พระครูชราพยักพเยิดเตือนสติให้เห็นเหตุแปรปรวนข้างล่าง รายล้อมวิหารวังร้างคือแสงแห่งไสยเวทย์ลี้ลับของผู้นำคลั่งวิชาใต้หุบเหวปีศาจ ณ กาลโน้น

ซาตานวจากำลังแผลงร่ายอย่างลิงโลดเมามัน สีแดงเพลิงสาดส่องเจิดจ้า หมอกควันสีแดงขุ่นคลี่กระจายหนาแน่น ดาวนับร้อยไม่อาจทานทนต่อกระแสอาคมร้อนจัดจึงพากันร่วงกรูก่อเกิดประกายระยิบระยับต่อเนื่อง

สองพ่อลูกหรี่ตากล้ำกลืน แก้วหูร้าวจัดและปวดทรมานรุนแรงด้วยเสียงกรีดกู่เหิมเกริมของสองพี่น้อง ยังเห็นแม่นางแพรพลิ้วฉวัดเฉวียนคึกคักพ้นเขตกักขัง ใช่ ไม่มีอะไรจากนี้ไปจะขัดขวางสองผีให้สำรวมตนอย่างจำยอมได้อีกแล้ว

"เราต้องรีบไปเตือนแม่นาง" ท่านศมะฝืนความเจ็บปวดปรารภหารือขึ้น

"ใช่ เราต้องหาหนทางสื่อสารกับแม่นางโดยเร็ว รีบไปกันเถอะเจ้า"

สายลมกรีดคว้านดวงวิญญาณโฉบมาหักกิ่งไม้อย่างเฉียดฉิว พระครูใจหายวาบอีกหน ปลายเท้าร้อนวูบยามลอยตัวขึ้นพร้อมกับฉุดหน่อเนื้อตามไปด้วย ช่างหวุดหวิดน่าหวาดเสียวนัก หากช้าเพียงเสี้ยวเพียงส่วน ท่านศมะคงดับสูญลงตรงหน้าแน่แท้

จะทำยังไงดีเล่า เหตุพลิกผันแปรปรวนถึงเพียงนี้ ช่างเกินกำลังต้านทานเสียยิ่ง พระครูผู้รอบรู้ได้แต่หมกมุ่นกังวลขณะโผทะยานฝ่าความมืดเวิ้งว้าง

ต้องเร่งรี่กันหน่อย แม้เวลานี้จะยังนึกหาหนทางสื่อสารส่งข่าวร้ายสู่แม่นางเจ้าฟ้าไม่ออก แต่ขอแค่ไปอยู่ใกล้ คอยคุ้มครองตามควร ก็พอให้วางใจลงได้บ้าง

"เราคงไปถึงที่นั่นไม่ช้าเกินไปใช่ไหมท่านพ่อ" ท่านศมะปรารภกังวลสกัดภวังค์คร่ำเคร่งของบิดา

"พ่อตอบไม่ได้หรอกเจ้า เวลานี้เหตุทุกอย่างแปรผันเกินกว่าที่พ่อจะควบคุมและมองเห็น"

"เป็นเพราะชายคนนั้น ถ้ารู้เสียแต่เนิ่นๆ เราคงไม่ปล่อยให้หลุดออกมาจากท้ายทุ่งเกษตร ให้วนเวียนจนอดอาหารตาย บาปร้อนแค่ไหน เราก็ยินดีแบกรับ นานแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง เพราะยังไงมันก็ยังดีเสียกว่า"

"รำพันไปก็ไร้ประโยชน์เจ้าเอ๋ย หันมาบำรุงขวัญตนเถอะเจ้า อาการบาดเจ็บไม่หนักหนาใช่ไหม"

"ไม่เจ้าข้า"

ท่านศมะไม่แยแสแผลมนตราชั่วเพียงเท่านี้อยู่แล้ว จิตอันภักดีโลดแล่นได้เร็วกว่าวิถีล่องลอยกลางท้องทุ่งเวิ้งว้างยามนี้เสียอีก มันไปหยุดรอตรงหน้าเตียงแม่นางเจ้าฟ้ายอดดวงใจเรียบร้อยแล้ว

ท่านลอบกลืนกล้ำความสยองไว้ในทรวงอย่างเต็มที่ ด้วยว่ายามนี้ยังสัมผัสได้ถึงพลังที่สะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ใต้แผ่นดิน ยังเห็นระลอกที่ขยับขึ้นขยับลงของมัน เห็นวิถีเคลื่อนตัวเร็วรี่ไปข้างหน้าอย่างฮึกเหิม

มันคือคลื่นคุกคามแม่นางเจ้าฟ้าที่แสนน่ากลัว ท่านคะเนไม่ได้เลยว่ามันหรือท่านที่จะไปถึงตัวและประชิดเป้าหมายได้ก่อน




จู่ๆ ไฟก็ดับวูบ บ้านลุงโภชน์ตกอยู่ในความมืดอย่างฉับพลัน ฤดีดิษถ์ตื่นจากภวังค์ครุ่นคิด เงาดำเข้มขนาดใหญ่ปราดผ่านหน้าไปจนรู้สึกได้

เธอผลุงลงจากเตียง ปราศจากท่าทีอ่อนล้าหรือบาดเจ็บ ในความมืดที่มืดสนิทขับแสงเจิดจ้าในตาเรียวให้เปล่งอย่างเรืองอำนาจ และเป็นประกายเดียวกันอย่างไม่ผิดเพี้ยนจากแม่นางกณิการ์ ณ กาลเก่า

ซาตานวจาถลึงมองอย่างเคียดแค้น มันตวัดมือใหญ่ตบฉาดพวงแก้มเย็น ครีเอทีฟสาวก็มีอันตัวไถลหน้าสะบัด เธอคิดว่ากรีดร้องเสียงดังมาก

แต่ก็แปลกมากด้วยที่ไม่มีใครได้ยินเลย และถ้าเธอได้เห็นว่าคนข้างนอกไม่มีใครหลับสักคน ซ้ำยังมะงุมมะงาหราอยู่ในความมืดละก็ เธอจะยิ่งอัศจรรย์ใจยิ่งกว่าเสียอีก

แน่นอน ด้วยไสยเวทย์ดำของซาตานอมตะ ทุกคนจะถูกกักขังให้อยู่แต่ในบ่วงมนตรา ต้องไม่มีใครบังอาจเข้ามาขัดขวางทางทวงแค้นในนี้ได้

มันชิงชังแม่นางบ้าอำนาจจนอยากแล่เนื้อเถือหนังแล้วสาปดวงวิญญาณให้ตกต่ำเป็นทาส แต่ก่อนจะถึงกาลวิบากอันน่าสังเวชนั้น มันขอปลาบปลื้มกับเสน่หาที่เฝ้ารอมานานข้ามภพข้ามกาลให้สาแก่ใจใคร่ก่อนเถอะ

"ใคร แน่จริงก็ออกมา อย่าใช้วิธีลอบกัดในที่มืดแบบนี้"

ฤดีดิษถ์จึงได้แต่ร้องตวาดถามอยู่ในความมืด เธอถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว สำนึกบางอย่างบอกว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่กับเธอ มันกำลังคุกคามอย่างไม่ยุติธรรมและอย่างชั่วช้า แล้วสองสิ่งนี่แหละที่เธอเกลียดนักหนา

"เจ้าเป็นแม่นางผู้เกรียงไกร เป็นนักรบแสนเก่งแสนองอาจยิ่งไม่ใช่หรือแม่นางน่าชัง"

เสียงเหน็บแนมยืดยานต่ำลึกและสั่นครืนคล้ายคลื่นเบียดชายฝั่งโพล่งกระแทกห้วงตระหนกดังเปรี้ยง ฤดีดิษถ์เบิกตาโพลงพร้อมกับร่างปลิวไถลไปหล่นฟุบบนเตียง

ครั้นเอี้ยวตัวกลับหมุนหน้าขวับ เงาดำจัดขนาดใหญ่ก็ปราดมาประจัน เธอรู้สึกได้ถึงพลังประหลาดที่หนักแสนหนัก มันบังคับให้เธอต้องนอนลง จากนั้นก็รู้สึกอึดอัดคล้ายว่ามีบางอย่างทับซ้อน

"ข้าอยากจะลิ้มรสพรหมจรรย์ที่ซ่อนในกายโอหังของแม่นางเจ้าฟ้ามานานนักหนาแล้ว มันคงหวานหอมกลมกล่อมไม่ด้อยไปกว่าแม่นางจงอร ชายาแห่งข้าใช่ไหมเจ้า"

กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงกระจายฟุ้งทั่วใบหน้าแดงจัด ฤดีดิษถ์บ่ายซ้ายบ่ายขวาไม่หยุดนิ่ง เธอไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น แต่สัมผัสบางอย่างสั่งให้ทำ

ลำคอเย็นวาบขึ้นคล้ายโดนจ้วงจูบ ลายสือเคยใช้จูบหวานซุกไซ้ตรงนี้ แต่สัมผัสของเขาละมุนละไมชวนเคลิ้ม ไม่ใช่ก่อความสะอิดสะเอียนอยากอาเจียนแบบนี้

"ปล่อยเรา"

แน่นอน เสียงบัญชาเกรี้ยวกราดประโยคนี้ ย่อมไม่ใช่หลุดจากปากของฤดีดิษถ์เสียแล้ว

ในความมืดอันน่าสยดสยอง เห็นเหตุอัศจรรย์ปรากฏแทรกซ้อนอยู่ในร่างใหม่ บังเกิดเงานางพญาเลือนรางดิ้นขลุกขลัก กระทั่งใบหน้าห้าวหาญที่เผยความเดือดดาลดุร้ายก็เห็นได้ชัดเจนยิ่ง

ใช่แล้ว ร่างนั้นเองคือแม่นางกณิการ์ แม่นางพยายามจะฝ่าพันธนาการของร่างใหม่ออกมากำราบฤทธิ์ชั่วของซาตานสันดานหยาบ ยังได้ยินมันหัวเราะยืดยานดั่งจะถากถางความพยายามโง่ๆ ที่มีแต่จะเปลืองพลังและเหนื่อยเปล่า

"โอ้ เจ้าเหนื่อยแล้วหรือยังแม่นางหน้าโง่"

"สารเลวยิ่ง"

"ใช่ ข้าไม่เคยเปลี่ยนตัวตนของข้า แต่เจ้านี่สิ แม่นางผู้โอหัง เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว กาลรุ่งเรืองแห่งเจ้ามันจบสิ้นไปนานมาก นานเท่ากับความทรมานที่เจ้ามอบให้แก่ข้า"

"ปล่อยเราเดี๋ยวนี้ เลวยิ่ง ปล่อยเรา" แม่นางฮึดฮัดดุดัน คับแค้นจนน้ำตาโทสะไหลทะลัก

"โอ้ แม่นางเอ๋ย ให้ปล่อยเจ้าหรือ ช่างน่าไม่อายยิ่ง จำได้ไหมเล่าว่ากาลโน้นข้าก็ร้องขอเจ้าอย่างนี้ เสียงของข้ามันบอกต่อเจ้าว่าข้าเจ็บปวดและหวาดกลัว แต่เจ้าก็ยังอวดโอหัง แสดงอำนาจวาสนาของแม่นางเจ้าฟ้า บัญชาอหังการให้กักขังข้า สาปข้าให้ติดตรวนแห่งกาลเวลาชั่วนิรันดร์ จำได้ไหมเจ้า จำได้ไหมแม่นางชั่ว"

มันเค้นเสียงเคียดแค้นแหบพร่าพลางขยุ้มจิกเรือนผมยุ่งแล้วทึ้งตึงอย่างอำมหิต ใบหน้าสาวครีเอทีฟแหงนหงายจนตากลอกไปกลอกมา

เพดานเคลื่อนไหวได้ดั่งริ้วคลื่น ร่างเก่าร่างใหม่พยายามยื้อยุดต่อต้านกันเอง ต่างรับรู้กระมังว่าถ้าร่างหนึ่งหลุดพ้น อีกร่างก็อาจจะดับสูญ

สัญชาตญาณรักชีวิตมันเร่งบีบคั้นให้ฤดีดิษถ์จำเป็นต้องปกป้องร่างตัวเอง แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย และงุนงงสับสนกับเสียงที่แทรกก้องอยู่ข้างใน แต่เธอก็ไม่อาจปลดปล่อยให้อีกร่างพุ่งทะลุออกไป

"ปล่อยเราออกไป เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังขัดขวางเราแม่นางกณิการ์ จงอยู่เฉยให้เราออกไปเดี๋ยวนี้" แม่นางตวาดร่างใหม่ด้วยเสียงอันก้อง

"ไม่ ฉันทำไม่ได้ ทำไม่ได้"

ฤดีดิษถ์ตวาดกระเส่าสวนกลับอย่างไม่เกรงกลัว เธอแสบร้าวแก้วหูรุนแรง เจ็บปวดกับคลื่นพยายามที่ถาโถมอยู่ข้างใน

ทรวงอกที่กระเพื่อมหนักปนกับลมหายใจหอบถี่ดึงดูดไฟกามให้ลุกโชน ซาตานอมตะคำรามซาบซ่าน มันแสยะยิ้มกักขฬะพลางหย่อนใบหน้าหื่นกระหายลงหมายจ้วงเนื้อผุดผ่อง

"บังอาจยิ่ง เจ้ากล้าหยาบหยามเราแม่นางกณิการ์ ซาตานสารเลว"

สิ้นเสียงตวาดอันทรงอำนาจลึก ร่างเพลี่ยงพล้ำของฤดีดิษถ์ก็มีอันสั่นเทิ้มเหมือนโดนเจ้าพ่อเจ้าแม่ ประทับทรง ตาเรียววาววับดุร้าย แต่ก็ค่อยเหลือกถลนเพราะกรงนิ้วชั่วของซาตานตะปบคอแล้วกดจนยุบ

แม่นางกณิการ์ในร่างใหม่ดิ้นฮึดฮัดขัดขืน ตาเหลือกถลนแดงก่ำและเพรื่อด้วยหยาดน้ำ เหงื่อแห่งโทสะผุดชโลมชุ่มหน้าเดือดดาล แล้วฉับพลันนั้น ซาตานเลวก็คล้ายได้ยินเสียงตะคอกห้าวหาญก่อนที่ร่างใหญ่ยักษ์จะปลิววืดไปกระแทกฝาบ้านดังโครม

"เจ้ามันแสนชั่วยิ่ง สันดานหยาบของเจ้าขัดเกลาให้งดงามไม่ได้ด้วยกาลเวลาและภพชาติ"

"เจ้า นั่นเจ้าหรือ"

ซาตานอมตะลุกยืนอย่างตื่นเต้น ตาใหญ่ทื่อเหลือกถลนขึงจ้องไปยังกลางห้องอย่างอาฆาต มันแสยะปากใหญ่แผดเสียงคำรามแล้วทุบอกโครมคราม ปรารถนากระโจนประจันกับศัตรูที่เฝ้ารอ หมดเวลาอำพรางตัวด้วยมนตร์ดำแล้วใช่ไหม

โอ.. ฤกษ์แห่งการรบอุบัติแล้ว อึดใจเดียวเท่านั้น เงาดำจัดก็ค่อยเข้มข้นขึ้นจนฉายร่างซาตานวจาตัวใหญ่ยักษ์ไม่ผิดเพี้ยนจากกาลเก่า มันกางแขนประหนึ่งเชิญชวนให้ศัตรูโผมาซุกกอด ยิ้มยียวนอวดฟันแหลมดำและสกปรกด้วยคราบเลือด

"แม่นางเอ๋ย เจ้ายังคงเป็นหญิงปราดเปรียวแสนกระด้างดังเคย ผ่านกาลผ่านภพชาติไปก็เท่านั้น เพราะรังสีกระด้างของเจ้าก็ยังคงเจิดจ้ายั่วยวนให้ข้าฝังกามลึกล้ำร่ำไป"

ใช่แล้ว ซาตานวจารำพันมาไม่ผิดแม้แต่น้อย ผ่านกาลผ่านภพชาติไปก็เท่านั้น เพราะรังสีกระด้างของแม่นางกณิการณ์ยังคงเจิดจ้าร่ำไป

โอ.. ดูสิ แม่นางเจ้าฟ้าผู้เกรียงไกรหลุดพ้นจากร่างใหม่แล้ว มันอุบัติได้ด้วยแรงโทสะสุดขีดบัญชานั่นเอง

ยามนี้ก็เห็นว่าร่างองอาจในชุดสีเทาปราดมายืนผงาด แยกเท้าหยัดแขนกำหมัดด้วยมาดนางพญานักรบ วงหน้าห้าวหาญเชิดทระนง ตาเรียวคมเจิดจ้าอวดประกายบารมีล้นเหลือ เสียดายก็แค่ว่าข้างกายเคียงไหล่นั้นไร้วี่แววองครักษ์ศมะคู่ใจดังเคยเท่านั้นเอง

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 55 09:00:53




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com