Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 32 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13085158/W13085158.html

บทที่ 32

แต่แล้วอย่างฉับพลัน มาดห้าวหาญก็พลันซวน ได้ยินเสียงอุทานตระหนกพร้อมกับเลือดพุ่งกระอักจนปากเปรอะ แม่นางกณิการ์เหลียวขวับไปจับเตียง เห็นร่างใหม่นอนระทวยแต่ปากเผยองึมงำได้

"บังอาจ"

เสียงตวาดมันฟังไม่ก้องดั่งใจโทสะ ด้วยว่าแม่นางกำลังบาดเจ็บจากคลื่นประหลาด มันก่อเกิดพร้อมกับเสียงครางของฤดีดิษถ์ เธอเรียกใครสักคนที่แม่นางจับความได้ว่า 'ลายสือ'

แล้วประตูก็ถูกผลักโครม เจ้าของชื่อพรวดเข้ามาอวดความปราดเปรียว แสงสว่างอันน้อยนิดจากข้างนอกสาดเข้ามา กายซาตานจึงรีบเร้นหลบ

มันคำรามไม่พอใจ อาละวาดพัดพาข้าวของทั่วห้องปลิวว่อน หมอผาซึ่งวิ่งตามมาติดๆ พอเห็นเข้าก็เบิกตากว้าง รับรู้ด้วยจิตที่แกร่งด้วยอาคมว่าเหตุตรงหน้ามันผิดปกติ

จังหวะหนึ่ง เขากระชากแขนลายสือหลบหลีกเก้าอี้ยาวซึ่งทำด้วยไม้ มันหนักมาก ไม่นับเรื่องขนาดที่ใหญ่เทอะทะ ถ้าครีเอทีฟหนุ่มโดนฟาดเข้าละก็ หัวอาจแบะสมองไหล แล้วตายเลยแบบไม่รู้ตัว

"ซาตานชั่ว" แม่นางเร่งตวาดวิถียโสของซาตานอมตะ

"ลายสือ" ฤดีดิษถ์ก็ยอมแพ้ไม่ได้ เธอเค้นเรียกเขาด้วยเสียงแหบโหยผ่านลมหายใจที่เหลืออีกเฮือก

"เจ้าช่างบังอาจยิ่ง กล้าขัดขวางการกำราบ โอ๊ะ"

แม่นางตวาดสาวกำแหงไม่จบ ตาดุร้ายพลันแดงก่ำแล้ววาวขึ้น น้ำตาร้อนจัดทะลักอาบแก้ม หลังเสียงอุทานก็คือกลิ่นคาวของเลือดฟุ้ง

แม่นางกระอักซ้ำ มันพุ่งกระฉูดเป็นทางยาว แม้ใจจะหาญกล้าไม่ยินยอม หากแต่เส้นแห่งกาลเวลาก็แข็งแกร่งเกินกว่าที่จะฝ่าข้าม ร่างองอาจจึงจำต้องค่อยเลือนค่อยจางแล้วหายวับไป

เช่นเดียวกับซาตานวจาที่ย้อนสภาพสู่เงาดำจัด มีเพียงหมอผาที่เห็นเต็มตาว่ามันโผทะลวงผ่านหน้าต่างที่ปิดสนิท

ในขณะเดียวกันก็เห็นเต็มตาอีกว่าร่างองอาจของนางพญาในชุดเทาแปรสภาพเป็นควันสีแปลกคล้ายรุ้งอมทอง บิดเป็นเกลียวคล้ายสว่านทำงานแล้วเคลื่อนไหลกลับเข้าสู่ร่างระทวยของฤดีดิษถ์

ดั่งว่าในร่างกายของสาวคนนั้นล้นไปด้วยพลังดึงดูดมหึมาที่ควันสีแปลกมวลนั้นไม่อาจต้านทาน

"ดิษถ์ เป็นยังไงบ้าง ดิษถ์"

ลายสือตกใจกับเหตุแปรปรวนเช่นกัน แต่จิตเขาค่อนข้างแข็งมันจึงเกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเท่านั้น ตอนนี้ก็ปราดไปประคองร่างแฟนสาว เขย่าตัวเรียกละล่ำละลัก ใจหายแปลกๆ กับสีหน้าเผือดซีดเหมือนซากศพตากฝน

"นี่มันเกิดอะไรขึ้น" เขากระชากเสียง ไม่รู้จะถามใครดี ตาวาวดุจึงเจาะจงหมอผาไว้เป็นเป้าหมาย

"แล้วผมจะให้เล่าให้ฟัง คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ก็ต้องเล่า เอาล่ะ ประคองเธอนอนลง ผมจะช่วยเธอ คุณลายสือ" หมอผาถอนใจเอือมๆ ขณะเรียกเสียงเข้มขึ้น "กรุณาอย่าดื้อในสถานการณ์แบบนี้เลยนะ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไว้ถกกันทีหลัง เข้าใจไหมครับว่าทีหลัง"

ลายสือคลายแสงตากร้าวกับดูแคลนลงเล็กน้อย จำใจประคองร่างไร้สติของแฟนสาวนอนในท่าสบาย ทำไมเนื้อตัวเธอเย็นเฉียบแบบนี้ก็ไม่รู้สิ

ปกติฤดีดิษถ์ของเขาแข็งแรงมาก ป่วยไข้ครั้งสุดท้ายปีไหนก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ดูสภาพเธอเวลานี้สิ เหมือนคนป่วยเรื้อรัง รักษาอย่างเอาใจใส่ต่อเนื่องแค่ไหน ก็แค่ประทังชีวิต ไม่ใช่ช่วยให้หายจากโรคได้

"เธอไม่เป็นไรใช่ไหม" เขาถามเสียงหวั่นๆ มองหมอผาแตะหน้าผากแล้วงึมงำบทสวดบ้าบออะไรก็ไม่รู้

"เธอไม่เป็นไรหรอก" หมอผาดึงมือกลับ แล้วหันมาบอก

"คุณทำอะไรเธอ"

"ขอขมาแทนเธอ"

"อะไรนะ"

"ขอขมาแทนเธอ" หมอผาตอบซ้ำ ลุกไปเปิดหน้าต่าง ตาแข็งอาคมมองหาสิ่งผิดปกติในผืนความมืด

"ขอขมาอะไร"

ลายสือลุกตามมาถาม ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ ก็ตั้งท่าจะกระชากเสียงถามซ้ำ แต่ก็บังเอิญอีกจนได้ที่ตาวาวขุ่นพลันกระทบเข้ากับบางอย่าง เขาร้อง 'เอ๊ะ'

"คุณเห็นอะไร"

"มะ.. ไม่เห็นอะไร คงจะ เอ้อ บะ.. ใบไม้ไหว"

ลายสือหลับตาระงับอาการแตกตื่นลงครู่หนึ่ง เขาไม่กล้าบอกหมอผาตอนนี้ว่าเห็นเงาเหมือนคนสองคนยืนสงบบนยอดไม้มืด

หนึ่งอาภรณ์ขาวขุ่น อีกหนึ่งเทาขรึม มันเป็นชุดประหลาดคล้ายชุดนักรบสมัยโบราณ เงาในชุดเทาพลิ้วมุ่งมาทางหน้าต่าง อีกหนึ่งก็รีบลอยมาขวาง แล้วยื้อลากกลับไป

"นี่มันอะไรกันวะนี่ เรื่องผีทะเลอะไรวะ"

เขาพึมพำกับตัวเองขณะย้อนกลับมานั่งข้างแฟนสาว ใจเต้นตึกๆ ไม่เคยเจอเรื่องประหลาดแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ภาวนาลิ้นรัวไปหมดแล้ว ขอให้สิ่งที่เห็นเป็นภาพลวงตา เป็นใบไม้ไหวเหมือนที่โป้ปดหมอผา

แต่มันก็เปล่าประโยชน์ที่จะต้องทำอย่างนั้น เพราะลองว่าหนุ่มหัวสมัยใหม่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติยังเห็นได้ แล้วมีหรือหมอผาผู้แก่กล้าอาคมจะตาบอด

เขาเห็นแต่เห็นด้วยจิตอันสงบ ซ้ำยังมีโอกาสได้คุยผ่านจิตไปสองสามคำด้วย อันนี้แหละที่ลายสือไม่เห็นและไม่รู้แน่นอน

"เรามาดี แค่อยากมาให้เห็นว่าแม่นางเจ้าฟ้าปลอดภัย" พระครูลาพุชเป็นฝ่ายกล่าว

"ครับ คุณทั้งสองคือท่านพระครูลาพุชกับองครักษ์ศมะใช่ไหมครับ"

"ใช่ เราคือองครักษ์ผู้ภักดีต่อแม่นางเจ้าฟ้า แม่นางไม่เป็นไรใช่ไหม" ท่านศมะกล่าวบ้าง

"ครับ เอ้อ ผมหมายถึงคุณฤดีดิษถ์นะครับ เธอไม่เป็นไร แต่ก็อาจจะเป็น ถ้าพลังอันแข็งกล้าของนางพญาชุดเทา เอ้อ ผมหมายถึง เอ้อ นี่ตกลงว่านางพญาที่ซ่อนอยู่ในร่างของคุณฤดีดิษถ์คือแม่นางกณิการ์จริงๆ ใช่ไหมครับ"

'จริง' คือคำตอบหนักแน่นของสองดวงวิญญาณ หมอผาหลับตากังวล รู้สึกได้ถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ตนคงบ่ายเบี่ยงไม่ได้อีกแล้ว

ซาตานวจาหลุดพ้นจากอำนาจกักขัง มันมาปรากฏตัวที่นี่ได้ อาละวาดได้ แล้วที่มันไม่ถล่มบ้านลุงโภชน์ให้พังพินาศ หรือฆ่าทุกคนที่ขวางกระแสอาฆาตกล้าของมัน ก็คงเป็นเพราะบางเหตุ นั่นสิ แล้วมัน 'เหตุผลอะไร'




ห้องนอนของมวลผกาปรากฏแก่สายตาทันทีที่รู้สึกตัว ฤดีดิษถ์ไม่ทราบหรอกว่าตนย้ายมาห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เพราะความทรงจำครั้งสุดท้ายที่หลงเหลือตกค้างก็คือภาพตนกลางวังวนมรสุมประหลาดที่พร่างพรายไปด้วยรัศมีสีรุ้งปนทองระยิบระยับ แต่ขอบอกเลยนะว่าไอที่เกาะตัวเป็นเส้นเป็นริ้วของมันไม่ได้สวยอย่างสีเอาเสียเลย

เพราะทุกครั้งที่แตะต้องมัน ผลักบ้างกระชากบ้าง เลือดลมในร่างก็เหมือนว่าจะพุ่งทะลัก อวัยวะภายในก็สั่นรวนก่อความเจ็บปวดสาหัส แล้วที่สำคัญก็คือเธอหายใจไม่ออกเลย ดั่งว่า 'จะตาย'

"ฟื้นแล้วหรือครับ"

"คุณอา"

หมอผาพยักหน้า เขาไม่กล้าทิ้งเธอไว้ตามลำพัง เพราะไม่ไว้ใจแรงอาฆาตของซาตานวจา แม้จะยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมอมนุษย์ตนนั้นไม่ฆ่าเธอเพื่อชำระแค้นให้สาแก่ใจตั้งแต่คืนวาน แต่ยังไงก็ไว้ใจไม่ได้อยู่ดี ป้องกันอะไรได้ ก็ต้องทำทันที

"คุณรู้สึกยังไงบ้าง"

"ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ เมื่อคืนนี้.. "

"ผมรู้ว่าคุณเจอเรื่องประหลาดประดังเข้ามาเยอะมากจนคุณตั้งรับไม่ทัน หรือต้องบอกว่าไม่มีเวลาวิเคราะห์สักเสี้ยวนาทีว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรเชื่อไหม"

"ค่ะ"

ฤดีดิษถ์ลุกขึ้นนั่ง เสยผมเบาๆ แล้วรู้สึกเจ็บหน้าผาก ตามด้วยปวดระบมทั่วตัว มันบอกไม่ถูกว่าเริ่มต้นจากตำแหน่งไหน เธอลูบแขนลูบหน้า แล้วมองประตูที่เปิดแง้มพร้อมกับลายสือเดินเข้ามาด้วยแววตาเป็นห่วง

"ฟื้นแล้วหรือ" เขาถามอย่างดีใจแล้วกอดเลย บอกว่า "กลับกรุงเทพไหวไหม ผมจะพากลับเลย เราจะไม่อยู่ที่นี่อีกแม้แต่วันเดียว ตกลงนะดิษถ์"

"ไม่ค่ะ" ฤดีดิษถ์รีบยันอกกว้างแล้วปฏิเสธ "ดิษถ์จะยังไม่ไปไหน เราต้องหาตัวผกาให้เจอ คุณธิอีกคน เราเจอเขา แล้วมันก็เกิดเหตุการณ์.. " เธอหยุดพูด กลอกตาเหมือนฉุกคิด แล้วหันขวับไปจ้องหน้าหมอผาเขม็ง "จริงสิ" เธออุทานกับเขา "คุณอาคะ เราเจอคุณธิที่ตลาด เขาไปไหน คุณอาพาเขากลับมาหรือเปล่า"

"เขาตายแล้ว"

หนุ่มสาวครีเอทีฟอ้าปากค้าง ทำตาโตใส่กัน แล้วค่อยเขม็งจ้องคนพูดเสียงเนิบเนือยคล้ายลังเลว่าเขาพูดผิดไปหรือเปล่า แล้วเขารู้มาจากไหน

หมอผาก็รู้มาจากจิตที่แกร่งกล้าด้วยอาคมนั่นแหละ ทันทีที่พบว่าซาตานวจามาอาละวาดถึงบ้านลุงโภชน์ เขาก็นึกไว้แล้วว่าต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากล

ดังนั้น ตอนเคลื่อนย้ายฤดีดิษถ์จากห้องพักที่เละไปด้วยซากปรักหักพัก และรอจนทุกคนกลับออกไป รอจนลายสือหลับผล็อยบนเก้าอี้หน้าเตียง เขาจึงนั่งสมาธิถอดจิตไปถามความกับสองดวงวิญญาณจนรู้เรื่องรู้ราวแล้ว

"หรือคะ"

สาวครีเอทีฟทำหน้าเบื่อมาก เธอลุกสะบัดอย่างไม่พอใจ เดินงุ่นง่านกับเท้าสะเอว เลียปากอย่างระงับอารมณ์หงุดหงิดเต็มที่ จากนั้นก็หันกลับมากร้าวเสียง

"ฉันทนฟังเรื่องพวกนี้มามากแล้วนะคะ เอาเถอะ ฉันรู้ว่าฉันเจอกับบางอย่างที่ไม่ปกตินัก แต่ฉันคงเชื่อไม่ได้กับสิ่งที่คุณอาเล่ามา มันตลกเกินไปค่ะ คุณธิน่ะหรือคะบุกเข้าไปปลดปล่อยซาตานอมตะที่มีชีวิตตกค้างมาจากหลายภพก่อน"

"หลายภพหลายชาติคือเป็นร้อยๆ ปีมาแล้ว ตอนนั้นเราเป็นเทวาดานางฟ้าอยู่บนสวรรค์ อ้อ ดิษถ์ไง ดิษถ์คือแม่นางกณิการ์ อะไรนะ แม่นางเจ้าฟ้าแห่งคามดารกะ มันเป็นตำนานสนุกๆ ที่ฟังได้เพลินดีจริงๆ "

ลายสือสอดเสียงเย็นแดกดันบ้าง เขาเองก็ระอาเต็มทน ไม่ค่อยพอใจฤดีดิษถ์ด้วยที่ยังยืนกรานดื้อดึง

เธอน่าจะเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงมากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดที่น่ากลัวมาก มีเงาเยอะแยะฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัว เสียงหวีดหวิวดังเสียดหูก่อความระคายแหลมลึก

เขาเกือบจะปิดหูแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอเข้าเสียก่อน แล้วที่น่าประหลาดก็ตรงที่คลื่นเสียงของเธอมันเปล่งแสงได้ แม้จะเป็นลำเล็กๆ แต่มันก็ทอดตรงมายังเขาดั่งว่าเจาะจงนำทาง ซึ่งเรื่องนี้เขายังไม่มีโอกาสเล่าให้เธอฟังเลย

"ผมเข้าใจคุณสองคน" โชติชลเข้ามาสมทบและทันฟังลายสือแดกดันญาติห่างๆ พอดี "ตอนผมฟัง ผมก็ฟังเอาเพลิน ยังหัวเราะขำๆ บ้างให้อาเขาเขกหัวเล่น แต่เมื่อผมมาที่นี่ แล้วเจอดีที่วิหารวังร้างนั่น ผมก็รู้ว่ามันไม่ตลกอีกแล้ว"

"คุณโจ้ หยุดช่วยอาคุณจุดไฟ" ลายสือขัดเสียงหนัก ตาวาวไม่พอใจ

"ไฟมันถูกจุดมานานแล้ว" โชติชลแย้งอย่างใจเย็น "ในฐานะที่ผมฟังตำนานได้เยอะกว่า ฟังตั้งแต่เริ่มต้นและมาจบที่นี่เมื่อคืนนี้ มันจบที่ซาตานวจาถูกสาปอยู่ในโถงบูชาเจ้าฟ้า นั่นล่ะ ตำนานมันจบแค่นั้น"

"ต้องให้อิจฉาด้วยไหมที่คุณได้ฟังตั้งแต่ปฐมบท ส่วนเราก็มาฟังตอนปลายๆ ตัวโกงกำลังแพ้ภัยพอดี"

"แหม คุณนี่ดื้อด้านเหมือนซาตานวจาเลยนะ" หนุ่มหล่อมาดจอมยุทธ์หมั่นไส้เหมือนกัน ก็เลยด่าพรวดออกไป "นี่ถ้ามันตายแล้ว ผมอาจจะคิดว่าคุณคือมันที่กลับชาติมาเกิดเพื่อแก้แค้นแม่นางกณิการ์นะ"

"คุณโจ้"

"ผมขอย้ำนะ ไฟมันถูกจุดมานานแล้ว ตั้งแต่แม่นางกณิการ์สั่งประหารแม่นางแพรและโยนเขยวจาลงเหว แต่มันกลับพลิกผันเป็นว่าเจ้าหมอนั่นดวงแข็ง แทนที่จะตายแล้วตายเลย แต่ดวงวิญญาณของมันกลับไปเจอของดีเข้า ก็เลยได้ชุบชีวิตฟื้นกลับมาเป็นซาตานอมตะ"

"ให้ตายสิ"

หนุ่มโจ้ห่อปากหรี่ตา ไม่นึกว่าสิ่งที่ตนกล่าวย้ำจะสร้างอารมณ์ฉุนเฉียวให้สองแฟนหนุ่มสาวถึงกับสบถต่ำๆ ออกมาพร้อมเพรียงเชียว

"คุณดิษถ์" เขาเรียกแล้วถอนใจ พยายามหว่านล้อมอย่างถึงที่สุด "เอาล่ะ ผมยอมรับว่าผมชอบคุณ หางานมาบังหน้าเพราะอยากอยู่ใกล้คุณ อยากทำคะแนน อยากให้คุณสนใจผมไว้เป็นตัวเลือก หรือจะเป็นตัวเปรียบเทียบกับนายลายสือนั่นน่ะ" เขาปรายตาทะเล้นๆ แต่ลายสือน่ะตาวาวเชียว

"เกี่ยวกันหรือคะ"

"เกี่ยวสิ ผมจะบอกว่าอะไรก็ตามก่อนหน้านี้ที่ผมทำผมพูด คุณอาจมองว่าตลกและน่าเบื่อ แต่ยกเว้นเรื่องนี้" เขาทอดเสียงขรึมจริงจังตอนท้าย "อาเขาดั้นด้นมากลางดึก ไม่ใช่เพื่อมาดูคุณสองคนส่ายหน้าเบะปากดูแคลนนะครับ เขามาด้วยใจที่เป็นห่วงเปี่ยมล้น"

"หรือคะ"

"ดิษถ์ คุณไม่ต้องสนใจตำนานก็ได้ ไม่เชื่อเรื่องที่คุณประสบเองที่นี่ก็ได้ แต่เชื่อว่าอาเป็นห่วงคุณดีไหม แล้วก็ที่สำคัญนะ อาไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเลย แต่คุณเห็นไหม อาเขาบาดเจ็บ ผมก็เหมือนกัน"

"เรื่องนั้น.. "

"คุณดูลายสือสิ เขาเพิ่งจะมาถึงเป็นคนสุดท้ายนะ แต่ตอนนี้คุณเห็นอะไร เขาก็บาดเจ็บเหมือนกันใช่ไหม นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมองข้ามด้วยทิฐิและความทระนงในตัวเองของคุณหรอกนะคุณดิษถ์"

แหม บทจริงจังของพ่อรูปหล่อมาดพระเอกฮ่องกงก็ไม่เบาอยู่นา น้ำเสียงไม่เชิงว่าหว่านล้อมทั้งหมด เพราะมันเจือกระแสติเตียนตัดพ้อแฝงอยู่ด้วย

เขาไม่ถึงกับยัดเยียดเรื่องลี้ลับให้เธอปักใจเชื่อทันที แค่ว่ายอมฟังคุณอาหมอผีตักเตือนด้วยความปรารถนาดีบ้าง

สิ่งที่เธอต้องเชื่อก่อนอื่นเลยก็คือเธอตกอยู่ในอันตรายที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ศัตรูของเธอไม่ใช่คน แต่เป็นซาตานที่ไม่มีวันตาย และรอเวลาชำระแค้นกับเธออย่างอาฆาตจัด

"ดิษถ์ จะไปไหน ดิษถ์ ดิษถ์"

"ปล่อยเธอไปเถอะคุณลายสือ เธอคงสับสน ให้เวลาเธอไตร่ตรองสักพักก็ดี ผมเชื่อว่าเธอต้องเชื่อ"

ลายสือถอนใจยาว เขาเหลือบมองคุณหลานหน้าหล่อแต่สายตายียวนแวบหนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปจ้องหน้าขรึมของหมอผีวิชาขลังอีกแวบ สักพักก็ถอนใจอีก ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะตามแฟนสาวออกไปดีไหม

มันอาจจะจริงอย่างที่หมอผาว่านั่นแหละ ตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่ คงจะมีแต่คนอัดข้อมูลประหลาดใส่หัวเธอจนคับ เธอคงอึดอัดและสับสนใจไม่น้อย เพราะแต่ละคนก็แข่งกันรบเร้าให้เชื่อเหลือเกิน ด้วยการพร่ำว่า 'เรื่องจริงนะ'




ฤดีดิษถ์หลบมาจุ่มหน้าในตุ่มหลังบ้าน น้ำเย็นเฉียบทีเดียว แต่ก็ดีแล้ว เพราะในหัวเธอมันสุมไอร้อนเกินพิกัดจวนระเบิดอยู่แล้ว ขณะที่ใบหน้าจมลง ตาก็หลับพริ้ม ต้องกลั้นหายใจนิดหน่อยด้วย ฤทธิ์เดชแม่นางกณิการ์ก็เริ่มสำแดงล่ะ

"เจ้าช่างบังอาจนักที่กักขังเราไว้ในนี้ เจ้าไม่รู้หรือว่าเรามีภาระหน้าที่ใหญ่หลวงต้องทำให้ลุล่วง"

ในแก้วหูมันหวีดหวิวและสะท้านไปด้วยกระแสแหลมก้อง ประโยคขุ่นฉุนเฉียวของแม่นางเจ้าฟ้าในกาลเก่าสะท้อนเป็นห้วงๆ อยู่ในตุ่มนั่นแหละ

แต่ทุกห้วงนั้นมันเด้งกลับมากระแทกใส่หน้าของฤดีดิษถ์ น้ำตาเธอไหล ลมหายใจเดินๆ หยุดๆ สองมือที่กุมขอบตุ่มแน่นเริ่มเกร็ง ตัวที่คู้ก็เริ่มสั่น

อีกแล้วใช่ไหม กลไกปกป้องตนเองเริ่มทำงานอีกแล้ว มันทรมานมากในทุกนาทีที่ต้องต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่ดิ้นรนบ้าคลั่งอยากจะแยกตัวออกไป แต่เธอยอมไม่ได้จริงๆ เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่ถ้าปล่อยมันออกไป เธอต้องตายแน่

"ปล่อยเราออกไป แม่นางโอหัง ปล่อยเราออกไป ได้ยินบัญชาเราหรือไม่เจ้า บังอาจแท้ ถ้าเจ้ายังไม่รู้ ก็จงรู้ด้วยใจที่ยำเกรงนะเจ้าว่าเราคือแม่นางเจ้าฟ้าแห่งคามดารกะ ชื่อของเราคือแม่นางกณิการ์"

ใบหน้าสั่นเกร็งที่จมอยู่นานพลันผุดพรวดขึ้นพร้อมกับมวลน้ำแตกกระจาย เสียงหายใจหอบถี่ดังแหบๆ ยาวๆ บอกว่าสาวครีเอทีฟเหนื่อยมาก

เธออ้าปากกว้างกวาดอากาศที่มีมากมายเหนือปากตุ่ม ทั้งกวาดมันเข้าปอด ทั้งสะอึกสะอื้นร้องไห้ เธอทุบตีน้ำด้วยสองมือพลุ่งพล่าน มันกระเซ็นสาดขึ้นมาเปรอะตัวเปรอะหน้า พร้อมกับกรีดเสียงอัดอั้นปฏิเสธออกมาว่า

"คุณมันบ้า คุณบ้า คุณเข้ามาอยู่ในตัวฉันได้ยังไง ฉันไม่ชอบคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ฉันก็ไม่กลัวคุณ ไม่ชอบคุณ ไปให้พ้นจากตัวฉัน ออกไปให้พ้น ออกไป ออกไป"

"ดิษถ์ เป็นอะไร ดิษถ์"

ลายสือวิ่งหน้าตื่นมาพร้อมกับหมอผา เสียงกรีดร้องของเธอดังมาก โน่นแน่ะ ลุงโภชน์กับชาวบ้านก็ตามมาสมทบด้วย ทุกคนเบิกตาเลิกคิ้ว งุนงงกับสภาพเปียกซกของสาวชาวกรุง เธอร้องไห้อัดอั้น แต่ก็เดาไม่ถูกว่าเสียใจหรือเจ็บใจ

"ดิษถ์ ใจเย็นไว้ ตั้งสติหน่อย มันไม่มีอะไร เราจะไปจากที่นี่ ไปให้ไกลจากสิ่งแวดล้อมบ้าๆ จากผู้คนที่กดดันและพยายามยัดเยียดให้คุณเชื่อในสิ่งเหลวไหล เราสองคนไม่มีวันเกี่ยวข้องกับตำนานเพ้อเจ้อนั่นได้ ไม่มีวันหรอกดิษถ์"

"ลายสือ ดิษถ์อึดอัด ในตัวของดิษถ์มีใครก็ไม่รู้พยายามจะแยกร่างตัวเองออกไป"

"อย่าบ้าน่า ดิษถ์กำลังไขว้เขวและหลงลมปากของคนที่นี่ มันไม่มีอะไรประหลาดแบบนั้นหรอก ไป เข้าข้างในกัน"

"แต่มันมีจริงๆ " เธอสะอึกสะอื้นบอกในอก "มันมี ดิษถ์รู้ว่ามี"

"ใช่แล้วเจ้า มันมีจริงๆ มันคือตัวเจ้ายังไงเล่าแม่นางเอ๋ย ข้าจะย้ำให้เจ้าตื่นจากฝันว่ากาลอันรุ่งเรืองแห่งเจ้าล่มสลายแล้ว จากนี้สืบไปมันคือกาลแห่งข้าซาตานวจา กาลของข้าจะเป็นอมตะ ได้ยินไหมแม่นางน่าชัง กาลของข้าเป็นอมตะ"

"อะไร"

ฤดีดิษถ์ครางพลางชะงักอาการฟูมฟาย เธอรีบเงยหน้าขึ้นแล้วสะดุ้งเฮือก ตระหนกจัดจนตาเบิกโพลง น้ำตาที่ไหลร้อนจัดเหมือนน้ำเดือด ทั่วเบ้าแดงก่ำเหมือนเลือดแตกคั่ง แววประหวั่นแรงกล้ากำลังฉายระริก

โอ.. ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง เงาในดวงตาของลายสือไม่ใช่เธอ คุณพระช่วย นั่นมันตัวอะไร มันเป็นใบหน้าของอะไร ทำไมมันดูสยดสยองเหมือนว่าหน้านั้นไม่ใช่คน

แล้วนี่เธอเป็นอะไรไป ทำไมตัวแข็งทื่อแบบนี้ ทำไมสองมือที่เคยอบอุ่นและอ่อนโยนของลายสือถึงได้เปลี่ยนไป เขาขยุ้มไหล่มนอย่างหยาบคาย บีบเค้นและกดนิ้วอำมหิตลง กดลงลึกจนเธอรู้สึกได้ว่า 'กระทบถึงกระดูก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 55 09:41:21




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com