Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กับดักรักสองโลก 18. vote ติดต่อทีมงาน

.


.


18.


กลางดึกสงัดปกคลุมไปด้วยความเงียบสงบ หากแหงนมองท้องฟ้าเวลานี้คงทาบทาไปด้วยความมืดมิด มีเพียงสีนวลจากดวงจันทร์สุกสกาวที่ส่องกระทบผ่านช่องหน้าต่างพอมองเห็นแสงเป็นเงาสลัว เปลือกตาค่อยๆ ปรือเปิดเผยดวงตาคมกริบกวาดมองโดยรอบบริเวณห้องสี่เหลี่ยม นิ้วเรียวกระตุกเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านจากมือบอบบางของใครอีกคนด้านข้าง กันยวัฒน์พลิกกายอย่างเบาแรงเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนยังพรายสาวที่ฟุบหมอบตะแคงใบหน้าหลับตาสนิท ความอบอุ่นวิ่งผ่านจิตใจแข็งแกร่ง รอยยิ้มระบายบนใบหน้าคมสัน มืออีกข้างที่อิสระส่งเกลี่ยไรผมนุ่มสลวย ทัดข้างใบหูไม่ให้บดบังความงดงามที่เปล่งประกายเมื่อสะท้อนแสงสลัวของเงาจันทร์ สายตาไม่อาจละจากวงหน้านวลเนียนที่หลับตาพริ้ม เวลานี้นางเบื้องหน้าคือความสุขแท้จริงที่เขาได้พบเจอ


ร่างอ้อนแอ้นขยับเคลื่อนไหว พามนุษย์โลกที่จ้องมองเมื่อครู่แสร้งปิดตาทำท่าหลับไหลอีกครั้ง นีลาน่าเลื่อนมือออกเชื่องช้าแต่ถูกกำกุมไว้ดังเดิม นางจึงจำเป็นต้องส่งมือที่ว่างอยู่อีกข้างยกขึ้นแตะหน้าผากคนป่วยวัดระดับความร้อนเพื่อสังเกตอาการไข้ เหลือเพียงไออุ่นอ่อนๆ เมื่อสัมผัสโดนผิวกายบุรุษหนุ่ม อาการตัวร้อนคงทุเลาแล้ว ทำพรายสาวหายใจโล่งท้อง


“นีลา..”


“เจ้าโลกันต์.. เป็นอย่างไรบ้าง”


เสียงกระตือรือร้น ถามไถ่ห่วงใยเมื่อเห็นมนุษย์ป่วยไข้รู้สึกตัว


“ผมหนาว.. อยู่ใกล้คุณแล้วผมรู้สึกดีขึ้น ช่วยมานอนข้างผมได้ไหม”


ด้วยความใสซื่อหวังเพียงได้ช่วยเหลือ นีลาน่าจึงไม่ทันคิดสิ่งใด ขยับร่างกายขึ้นนอนข้างกันยวัฒน์ตามคำขอ พาบุรุษหนุ่มอมยิ้มน้อยๆ มีความสุข นอนมองพรายสาวทำตามอย่างว่าง่าย หนึ่งมนุษย์หนึ่งพรายนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันห่างเพียงคืบ ความอบอุ่นวิ่งส่งผ่านระหว่างกัน จิตใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ กันยวัฒน์จับมือบอบบางมากุมจับไว้แน่นทั้งสองข้าง หลับตาต่อความสุขอีกหน่อย ‘นีลาผมรักคุณ’ ประโยคบอกรักดังผ่านในใจ มีโอกาสได้บอกความในใจทั้งทีกลับไร้ความกล้าหาญ กันยวัฒน์ได้แต่ต่อว่าต่อขานตนเอง  


“เจ้าโลกันต์..”


“หืม..”


“ถ้าเจ้าอยากให้เรากลับเมืองบาดาล เราจะกลับทันที เวลานี้เราได้รับรู้หมดทุกสิ่งแล้วเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราทำร้ายเจ้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด และยังไม่รู้ว่าเมื่อใดจะกลายเป็นปีศาจร้ายทำลายผู้คนอีกครั้ง”


ประโยคสนทนาพาใจสะเทือนหวั่นไหว จากมีชีวิตชีวาอยู่เมื่อครู่ เวลานี้กลับแห้งเหี่ยวทันตาเห็น


“หากผมยอมให้คุณกินเลือดจากร่างกาย คุณจะหายเป็นปีศาจไหม”


“แค่ได้ดื่มกินเลือด ไม่มีทางที่เราจะหายจากการกลายเป็นปีศาจร้ายไปได้ หนทางเดียวคือเราต้องกลับเข้ายังเมืองบาดาล”


“ถ้าผมไม่อนุญาตให้คุณไป.. คุณยังจะไปว่างั้น..”


“เรา..”


“ผมจะดูแลคุณ.. ไม่ว่าคุณจะกลายร่างเป็นปีศาจหรือเป็นตัวอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น ผมจะไม่กลัวคุณ ผมจะช่วยเหลือคุณ”


กันยวัฒน์ส่งสายตาแน่วแน่จ้องมองยังดวงตากลมกลิ้งที่เกิดความลังเลในแววตาสั่นไหว


“หากเจ้าพลาดพลั้ง หรือช่วยเราไม่ได้ แล้วเกิดตายเพราะฝีมือเรา เจ้าจะทำเช่นไร.. โลกันต์..”


“ผมไม่ยอมตาย และไม่ปล่อยให้คุณกลับไปเป็นปีศาจร้ายอีกแล้ว”


“...” นีลาน่าไม่เอ่ยต่อประโยคสนทนาใดกลับ ภายในใจมีแต่ความกังวลทวีคูณ


“คุณอย่าห่วงไปเลย ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า สาบานก็ได้เอ้า.. ว่าแต่ตอนนี้ผมง่วงอีกแล้ว คุณช่วยนอนอยู่ข้างๆ แบบนี้ และผมขอจับมือคุณไว้ได้ไหม..”


นีลาน่าพยักหน้ารับคำ เฝ้ามองมนุษย์โลกปิดตาหลับอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน โดยลืมใส่ใจสิ่งรอบกายไปชั่วคราว แมวน้อยขนปุยหยุดยืนตรงประตูห้องด้วยหัวใจแหลกสลาย ละเอียดจนไม่มีชิ้นดี กับเวลานี้สำหรับไฮโรเทนคงได้แค่ช่วยเหลือให้นีลาน่าพ้นภัยจากการกลายร่างเป็นปีศาจร้ายเท่านั้น เขาคงไม่สามารถดึงรั้งให้นางเป็นของเขาได้ดังที่ตั้งใจอีกแล้ว เพราะถึงอย่างไรเขาเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นพรายบุรุษผู้ผ่านการมงคลสมรสมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม


++++


วันถัดมา ณ ห้องพักนักดนตรี ยังคงดูสับสนวุ่นวายไปด้วยบุรุษเพศทั้งหลายที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องไม้ในการขึ้นเล่นดนตรีเพื่อแสดง พร้อมโชว์พลังความสามารถที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกตามหน้าที่การงาน


“ไอ้เกล้า.. วันนี้ไอ้กันย์จะมาหรือเปล่า เห็นว่าเมื่อวานไม่สบาย”


“โน้นไง.. ตายยากชิบแค่พูดถึงมันก็โผล่มาเลย”


กันยวัฒน์ส่งสายตามองเพื่อนสนิทที่กำลังเอ่ยถึงเขาพอดิบพอดีระหว่างเดินผ่านเส้นประตูห้องพักรับรองของสถานความบันเทิง เพื่อเตรียมตัวปฎิบัติหน้าที่เมื่อถึงเวลา


“เป็นไงวะเพื่อน หายดีแล้วเหรอ”


“อืม.. พอไหว”


“ไปทำอะไรมาถึงเป็นไข้ ข้าว่าหน้าตาเอ็งยังดูซีดเซียวอยู่เลยนะไอ้กันย์”


“คงตากแดดตากลม ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้ไม่ตายหรอก”


สีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความคิดภายในใจ ความจริงแล้วกันยวัฒน์ได้แต่ไตร่ตรองทุกเรื่องราวเกี่ยวกับนีลาน่ามาตลอดทางที่ขับรถ ตั้งแต่นางเริ่มมีอาการอ่อนแอลงเรื่อยๆ คล้ายหมดสิ้นเรี่ยวแรง หรือแม้แต่เรื่องของซากศพนกน้อยที่เสียชีวิตโดยทิ้งหลักฐานสำคัญอย่างรอยเขี้ยวก็ผลุบขึ้นมาให้ขบคิด นั่นคงเพราะฝีมือปีศาจร้ายที่แฝงกาย หิวกระหายรสเลือดจนควบคุมตนเองไม่ได้เช่นกัน สิ่งเหล่านั้นบ่งบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าโดยที่เขาเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายตามมา จนตนเองเกือบเอาชีวิตไม่รอด คล้ายเพิ่งเดินผ่านเส้นกั้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิด แต่หากเขายังกักขังนางไว้ให้อยู่ในดินแดนของมนุษย์โลกโดยไม่ปล่อยให้นางเป็นอิสระกลับยังเมืองบาดาล จะเกิดเหตุการณ์ใดอีกที่ร้ายแรง เวลานี้ไม่อาจคาดเดาได้เลย แต่ถึงอย่างไรเมื่อคิดทบทวน ณ ขณะนี้เขาคงปล่อยให้หัวใจเดินผ่านหรือจากไปไม่ได้อีกแล้ว แม้จะดูเป็นการเห็นแก่ตัวกับการที่เก็บนีลาน่าเอาไว้ แต่เขาพร้อมจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องดูแลพรายสาว ถึงจะยังหาหนทางแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ตาม


“ไอ้กันย์.. มีคนมาหา”


กันยวัฒน์สะบัดความคิดทิ้งกลางอากาศ ดึงความสนใจกลับมายังห้องพักนักดนตรีอีกครั้ง สายตากรอกมองตามเพื่อนที่เอ่ยทักเมื่อครู่ หญิงสาวร่างเพรียวย่างเดินหยุดยืนเบื้องหน้า พากันยวัฒน์นิ่งอึ้งชั่วครู่ก่อนปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ เขาลืมไปเสียสนิทกับพรีมาดา เนื่องจากเธอผู้นี้รับรู้และเห็นเหตุการณ์เกือบทั้งหมดตั้งแต่ต้นในวันที่นีลาน่าแปรเปลี่ยนสภาพเป็นปีศาจพราย และที่เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเวลานี้เหตุผลคงเพื่อเจรจาเกี่ยวกับเหตุการณ์คืนนั้นอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องคาดเดาให้เสียเวลา



สวนหย่อมขนาดย่อมด้านหลังสถานความบันเทิงสงบเงียบไร้ผู้คนพลุกพล่าน เนื่องจากเหล่าท่องราตรีทั้งหลายต่างให้ความสนใจยังแสงสีเสียงที่กำลังบรรเลงสนุกสนานภายในตัวอาคาร บรรยากาศด้านนอกจึงดูจะเหมาะสมกับการเจรจาเรื่องราวที่ดูลึกลับซับซ้อนเป็นการส่วนตัว


“กันย์.. ช่วยอธิบายให้พรีมฟังหน่อยได้ไหม ว่าแม่ผู้หญิงคนนั้นที่อาศัยอยู่กับกันย์มันคือตัวอะไร”


“นีลาเป็นมนุษย์โลกธรรมดา”


“ไม่จริง! พรีมไม่เชื่อ! นี่กันย์คิดจะปกป้องมันไปถึงไหน คืนนั้นพรีมเห็นชัดๆ ว่ามันไม่ใช่คน มันเป็นปีศาจใช่ไหม บอกความจริงพรีมมาดีกว่า”


“ผมบอกว่านีลาเป็นมนุษย์ แต่คุณไม่เชื่อ แล้วจะให้ผมทำไง ถึงผมจะยังยืนยันอีกกี่ครั้ง คุณก็คงไม่เชื่ออยู่ดี งั้นอย่าถามผมดีกว่า เราเลิกคุยเรื่องนี้เถอะ”


“นี่กันย์! อยากให้พรีมเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกนักข่าวให้เรื่องมันแดงจนดังกระฉ่อนก่อนใช่ไหม กันย์ถึงจะยอมเปิดปากว่าแม่คนนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่”


“ก็ตามใจคุณ.. ผมคงห้ามความคิดคุณไม่ได้ งั้นผมขอตัวนะครับใกล้ได้เวลาทำงานแล้ว”


พรีมาดาดึงรั้งแขนแข็งแรงให้หยุดยืนอยู่กับที่ เธอไม่ต้องการให้เขาเดินหนีเธอไปไหน ถึงแม้เวลานี้พรีมาดาจะรู้ดีว่าบุรุษเบื้องหน้าคงไม่หลงเหลือเยื่อใยให้แก่กันอีกแล้ว


“กันย์จะเดินหนีพรีมไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! กันย์ต้องฟังพรีมก่อน!”


“คุณมีอะไรก็ว่ามา ผมต้องทำงาน คงไม่มีเวลาให้คุณทั้งคืนหรอกนะ”


“กันย์.. นี่เราสองคนจะกลับมาคบกันเหมือนเดิมไม่ได้แล้วจริงๆ งั้นเหรอ พรีมรักกันย์จริงๆ นะ พรีมไม่เคยรักใคร แม้แต่พี่รุธ พรีม.. พรีมผิดไปแล้วที่ทิ้งกันย์ไป อภัยให้พรีมได้ไหม ขอโอกาสให้เราสองคนได้เริ่มกันใหม่”


“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ มันไม่มีประโยชน์..”


“อย่าห้ามพรีม! พรีมจะพูด! กันย์รู้ไหม พรีมกำลังจะโดนถอนหมั้น เพราะคืนนั้นกันย์ไม่มา แต่กันย์ส่งให้พี่รุธมาแทน แล้วแบบนี้กันย์ไม่คิดจะรับผิดชอบกับเรื่องนี้หน่อยเหรอ! ทำไมกับนังตัวประหลาดนั่นกันย์ยังคิดจะปกป้องมันเลย ขนาดมันทำร้ายร่างกายพรีม กันย์ยังจะเข้าข้างมัน แต่กับพรีมกันย์ทำเป็นไม่แคร์ เดี๋ยวนี้กันย์เป็นบ้าไปแล้วหรือไง!”


“ครับ.. ผมคงบ้าไปแล้วจริงๆ”


“พรีมไม่คิดเลยนะว่ากันย์จะเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้”


“...”


“พรีมอยากบอกกันย์ว่า พรีมพร้อมจะคบกับกันย์อีกครั้ง พรีมเต็มใจถอนหมั้นกับพี่รุธ ถ้ากันย์อยากกลับมาหาพรีม”


“พรีม.. เรื่องของเราจบไปนานแล้ว และถ้าสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณ มันจะทำให้คุณเกลียดผม ผมก็ยอม คุณรู้ไหมว่าคู่หมั้นของคุณเป็นคนดีมาก คุณควรรักษาเขาไว้ให้ดี คุณรุธเขารักคุณ คืนนั้นที่คุณไม่สบายพอเขารู้ข่าว เขากระตือรือร้นอยากดูแลคุณ เป็นห่วงคุณสารพัด คุณรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าคุณโชคดีแค่ไหนที่มีคู่หมั้นที่เพียบพร้อมขนาดนั้น นับจากวันนั้นที่ผมได้คุยกับเขา ผมรู้ทันทีว่าคุณโชคดีมาก และเรื่องระหว่างเราสมควรจบแล้วจริงๆ ผมไม่อาจเอาอะไรไปเทียบสู้เขาได้เลยซักนิดเดียว”


“ก็ใช่สิ! กันย์เจอนังนั่นแล้วนี่ กันย์ก็พูดแบบนี้ได้ แต่เคยคิดถึงใจพรีมบ้างหรือเปล่า ว่าจะรู้สึกยังไง กันย์บอกพรีมสิ ว่ากันย์รักผู้หญิงคนนั้น กันย์รักมันแล้วจริงๆ ใช่ไหม กันย์กล้าพูดต่อหน้าพรีมหรือเปล่าว่ากันย์รักมัน”


“ครับ.. ผมรักนีลา”


“ถึงมันจะเป็นตัวประหลาด เป็นปีศาจร้าย ไม่ใช่คน กันย์ก็ยังจะรักมันลงอย่างนั้นเหรอ”


“ต่อให้นีลาไม่ใช่มนุษย์ หรือจะเป็นตัวประหลาดที่ดุร้าย หรือเป็นปีศาจร้ายน่ากลัวแค่ไหน ผมก็จะรักเธอ”


“ทำไมล่ะกันย์! ทำไมกันย์ถึงเป็นแบบนี้!”


“ผมคงต้องขอบคุณ คุณนะพรีม ที่ทำให้ผมเจอนีลา แล้วอีกอย่าง..”


กันยวัฒน์ยื่นกล้องถ่ายรูปที่ถือติดมือออกมาส่งให้พรีมาดารับไว้ ทำให้หญิงสาวมองตามสิ่งของชิ้นนั้นอย่างนิ่งอึ้งไม่เข้าใจการกระทำของเขาเท่าไหร่


“นี่อะไร..”


“ผมฝากส่งกล้องถ่ายรูปอันนี้คืนพรรคพวกเพื่อนคุณด้วย วันก่อนเจอเขามาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้านผม แต่เผอิญเขาวิ่งหนีไปได้ มีเพียงกล้องตัวนี้ที่ผมคว้าไว้ และน่าเสียดายมากที่ไม่ได้จับเขาส่งตำรวจ ส่วนในกล้องผมถือวิสาสะเปิดสำรวจหมดแล้ว ฝากขอโทษเขาด้วยนะครับ แต่ยังนับว่าโชคดีมากที่เขาไม่สามารถถ่ายเก็บภาพอะไรได้เลยจากหน้าบ้านของผม มีเพียงรูปของคุณกับงานหมั้นหลงเหลืออยู่เท่านั้น ผมเลยเข้าใจว่าคุณคงรู้จักเขาเป็นอย่างดี รบกวนฝากคืนด้วย ขอบคุณมากครับ”


พรีมาดาถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง มือไม้สั่นระหว่างหยิบจับกล้องถ่ายรูปตัวการสำคัญที่ทำให้เธอโดนจับผิดได้คาหนังคาเขา เนื่องจากเธอเป็นบุคคลที่เอ่ยปากบอกที่อยู่ให้ช่างภาพผู้นั้นติดตามถ่ายภาพของนีลาน่า


“เอ่อ.. กันย์..”


“ผมคงต้องไปทำงานแล้ว ขอตัวนะครับ”


“ถ้ากันย์ไปจากพรีม รับรองพรีมจะเอาเรื่องแม่ปีศาจนั่นไปป่าวประกาศให้โลกทั้งโลกได้รับรู้ ไม่เชื่อคอยดู!”


“เชิญตามสบาย ถ้าคิดว่าจะมีใครเชื่อคุณ”


กันยวัฒน์ไม่ใส่ใจสิ่งใด นอกจากก้าวเท้าเดินหนีและตีจากอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้พรีมาดายืนเต้นแร้งเต้นกาที่โดนขัดใจ โกรธเคืองเจ็บแค้น เหตุใดใครต่อใครต่างพากันหนีห่าง ไม่ว่าจะคนรักเก่าหรือแม้แต่คู่หมั้นของเธอ



“ไอ้กันย์!”


“...”


กันยวัฒน์มองตามเสียงเรียก วันนี้ใกล้ถึงวันอวสานโลกหรืออย่างไร เหตุใดถึงมีแต่บุคคลเรียกหาพร้อมแสดงสีหน้าทุกข์ร้อนเต็มทรวงด้วยกันทั้งนั้น กันยวัฒน์นึกในใจ ไอ้เพื่อนตัวดีส่งเสียงกระวนกระวายเพียงนี้คงจะมีเรื่องอะไรให้ปวดกะโหลกอีกเป็นแน่ เขาได้แต่รอคอยเพื่อรับฟังเรื่องราวต่อไป


“ขอข้าคุยด้วยเดี๋ยวดิ คงมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะขึ้นเล่นดนตรี”


“มีไร..”


“นีลาน่าเป็นอะไร..”


ประโยคคำถามสร้างความนิ่งอึ้งให้กันยวัฒน์ชั่วครู่ก่อนนึกขึ้นได้ว่าไม่น่าแปลกเลย หากเพื่อนสนิทจะตั้งคำถามเช่นนั้น เรื่องของพรายสาวคงกลายเป็นประเด็นสำคัญสำหรับการส่งข่าวถามไถ่บุคคลที่รู้จักนีลาน่าเป็นอย่างดี หากเธอผู้นั้นเป็นพรีมาดาที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องปีศาจร้าย


“เป็นอะไร.. หมายความว่าไง”


“พรีมบอกข้า นีลาน่าเป็นปีศาจ งั้นที่เอ็งไม่สบายเมื่อวานเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าวะ”


“ไม่มีอะไรน่า”


“เอ็งแน่ใจเหรอไอ้กันย์ อย่าปิดบังกันเลย ข้าเป็นห่วงพวกเอ็งนะเว้ย มีอะไรก็บอกกล่าวให้รู้กันไว้ หากมีปัญหาจะได้ช่วยกันแก้ไขได้ทันเวลา”


“เรื่องนี้คงไม่มีใครแก้ไขได้ แม้แต่ข้า”


“สรุปนีลาน่าเป็นอย่างที่พรีมบอกหรือไง”


“เดินไปคุยที่อื่นเหอะ ตรงนี้คงไม่ปลอดภัย”


สองบุรุษคู่ซี้ก้าวเดินยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดนิ่งสนิทยังสถานที่จอดรับรองของสถานความบันเทิง ใบหน้าคมคายตีสีหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา ผิดกับเพื่อนสนิทที่กระชากประตูรถยนต์เปิดออกพร้อมกระแทกร่างกายนั่งลงยังเบาะด้านข้างคนขับอย่างร้อนรน อยากรับรู้เรื่องราวเต็มกลืน เนื่องจากมีลางสังหรณ์แปลกๆ ในความรู้สึกรับรู้


“ตกลงเป็นมายังไงไอ้กันย์”


“คืนก่อนพรีมไปหานีลาน่าที่บ้าน”


“เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว พรีมไปตบนีลาน่าด้วย”


“ว่าไงนะไอ้แฟรงค์!”


กันยวัฒน์ตวัดสายตามองหน้าเพื่อนสนิทอย่างประหลาดใจ


“เออ.. เอ็งได้ยินไม่ผิดหรอก พรีมตบนีลาน่า พรีมทำร้ายเพราะแค้นที่เอ็งหันไปสนใจเงือกน้อยไงไอ้กันย์”


“...” เหตุใดเรื่องนี้เขาจึงไม่เคยรับรู้มาก่อน หรือเพราะคืนนั้นเขาถึงบ้านช้าไป นีลาน่าจึงโดนทำร้ายร่างกายเพราะคนรักเก่าคือตัวการ นี่เขาจะปกป้องอะไรนางไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ แม้แต่โดนตบตีเขายังไม่อาจรับรู้ หรือเหตุผลที่นีลาน่ากลับกลายเป็นปีศาจคงเพราะอารมณ์โทสะโกรธเคืองที่โดนทำร้ายคือส่วนประกอบสำคัญ


“แล้วหลังจากนั้นล่ะไอ้กันย์ เป็นยังไงต่อ มันเกิดอะไรขึ้น”


“นีลาเป็นปีศาจจริงอย่างว่า และจำใครไม่ได้ เธอหิวกระหายและกินเลือดข้า”


“เห้ย!! จริงเหรอไอ้กันย์ แล้วนี่เอ็งรอดมาได้ไงวะ”


“ข้าไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงยังรอดมาอยู่ตรงนี้ได้ ระหว่างที่นอนใกล้ตายเต็มที ข้าได้ยินเสียงแว่วของคนสองคนคุยกันตลอดเวลามันคล้ายอยู่ในความฝัน ข้าคิดว่าคงเป็นนีลากับผู้ชายคนนั้น”


“ผู้ชายคนไหนวะ”


“แมว.. เอ็งจำที่ข้าบอกเรื่องแมวที่นีลาเอากลับมาจากเกาะได้ไหม”


“เออ.. จำได้”


“จริงๆ แล้วเขาคือเงือกพราย ตามมาเพื่อพานีลากลับเมืองบาดาล”


“เห้ย!! จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ว่าแต่เอ็งได้ยินเขาคุยกันว่าไงบ้าง”


“ผู้ชายคนนั้นต้องการจับตัวนีลากลับเมืองบาดาล ข้าได้ยินเสียงนีลาร้องไห้ แล้วความอบอุ่นก็วิ่งผ่านร่างกายจนรู้สึกตัวเบาเหมือนลอยอยู่ในอากาศ ผู้ชายที่เป็นเงือกพรายคนนั้นพยายามกระชากนีลาให้ไปกับเขา และตอนนั้นข้ารู้สึกว่าต้องฟื้นขึ้นมาทำอะไรซักอย่าง เพื่อห้ามไม่ให้นีลาจากไป ข้าพยายามคว้าแขนเธอไว้ จนสำเร็จ”


“แล้วหลังจากวันนั้น นีลาน่ากลายร่างเป็นปีศาจอีกหรือเปล่า”


“ไม่ และข้าคงไม่ปล่อยให้เธอเป็นปีศาจอีกแล้ว”


“เอ็งจะทำยังไงไอ้กันย์ แค่คืนนั้นเอ็งก็เกือบตายเพราะโดนนีลาน่ากินเลือด หากเธอเป็นปีศาจอีกครั้ง ข้ากลัวว่า..”


“ไม่มีทาง ข้าไม่ยอมให้นีลาเป็นอะไรอีก”


“ไอ้กันย์.. อย่าว่าข้ายุ่งเลยนะ ข้าไม่เคยห้ามให้เอ็งเลิกรักหรือเลิกห่วงนีลาน่า แต่ข้าอยากให้เอ็งหาวิธีแก้ไขปัญหานี้เอาไว้ล่วงหน้า เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก ข้าเป็นห่วงวะ”


“อืม..”


ความกังวลพุ่งพล่านปั่นป่วนในจิตใจ แฟรงค์เกนสไตล์อยากช่วยหาหนทางแก้ไขแต่กลับไร้ปัญญา พบแต่ความมืดมนสับสน เป็นห่วงเพื่อนสนิทและหญิงสาวต่างเผ่าพันธุ์


++++



ตั้งแต่ได้รับรู้เรื่องราวจากเพื่อนสนิทเกี่ยวกับข่าวคราวของนีลาน่าซึ่งโดนทำร้ายร่างกาย พากันยวัฒน์พะวงห่วงใยจนต้องรีบเร่งเดินทางกลับยังที่พักอาศัยทันทีหลังจากเสร็จสิ้นหน้าที่การงาน รถยนต์คันหรูพุ่งทยานราวติดจรวดพอกับความรู้สึกร้อนรนฟุ้งซ่านในจิตใจหวั่นไหว


ร่างสูงก้าวเดินเข้าเขตที่พักอาศัยเมื่อจอดรถยนต์เข้าที่เรียบร้อย สองเท้าพาร่างกายเดินตามหาพรายสาวขวักไขว่ ไม่ว่าจะห้องรับแขก ห้องครัว หรือแม้แต่ห้องส่วนตัวของนีลาน่าก็เช่นกัน หากแต่ไร้วี่แววเงือกพราย สถานที่ที่พอนึกขึ้นมาได้พาเขาเดินยังจุดหมายปลายทางทันที


“นีลา..”


ร่างบอบบางนั่งแหงนมองดวงจันทร์ เหม่อลอยไกลจนไม่ทันได้ยินเสียงเรียกชื่อหรือสังเกตุเห็นว่าใครกำลังตามหาตัวนางให้วุ่น กันยวัฒน์ก้าวเดินเข้าใกล้ ค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งด้านข้าง พานีลาน่ารู้สึกตัวหันมองตามการเคลื่อนไหว


“เจ้าโลกันต์.. เจ้ากลับมาแล้ว”


รอยยิ้มสดใสพามนุษย์โลกหัวใจพองโต แต่ยังห่วงกังวลลึกๆ ในใจ มือแข็งแรงยกสัมผัสแก้มนวลเนียน


“เจ็บมากไหม..”


“เจ็บ?”


นีลาน่าทวนคำด้วยอาการงุนงง ไม่เข้าใจความหมาย


“วันที่โดนพรีมทำร้าย เจ็บมากหรือเปล่า”


นีลาน่าส่งยิ้มพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย พลางดึงมือกันยวัฒน์ออกจากใบหน้าของตน เปลี่ยนมาจับกุมไว้แทน


“ไม่มีความรู้สึกสักนิด เหตุการณ์คืนนั้นเราลืมหมดสิ้น หากไม่ได้เห็นภาพสะท้อนจากสร้อยคอของไฮโรเทนเราคงจำสิ่งใดไม่ได้เลย ว่าแต่เจ้ารู้ได้อย่างไร”


“รู้แล้วกันน่า..”


กันยวัฒน์เลี่ยงตอบคำถาม พลางส่งสายตามองขึ้นท้องฟ้าตามดวงตากลมกลิ้งของนีลาน่าที่แหงนมองนำก่อนหน้านี้


“เจ้าว่าดวงจันทร์สวยหรือไม่”


“อืม.. คุณคิดถึงเมืองบาดาลอีกแล้วว่างั้น”


“เราคิดถึงที่นั่นตลอดเวลา แต่ในเมื่อเจ้าอยากให้เราอยู่ที่นี่ เราก็จะอยู่ หากเราคิดถึงท่านพ่อ พี่อียาน่า นาจา เราจะมานั่งมองดวงจันทร์ตรงนี้ เจ้าคงไม่ห้ามเราใช่หรือไม่”


กันยวัฒน์นิ่งเงียบทบทวน ควรดีใจหรือหดหู่กับประโยคที่นีลาน่ากล่าวออกมา ถึงแม้จะเป็นเรื่องน่ายินดีที่นางไม่คิดจะตีจากไปไหน แต่นีลาน่าต้องทนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน ช่างน่าสงสารเหลือเกิน


“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปเที่ยว อยากไปไหม”


นีลาน่าละสายตาจากดวงจันทร์เบี่ยงมองยังใบหน้าคมคาย พร้อมแสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจ กันยวัฒน์คิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่นำเรื่องเที่ยวมาเอ่ยอ้างเบนความสนใจให้พรายสาวเลิกเศร้าหมองได้ชั่วคราว


“เจ้าจะพาเราไปยังที่แห่งใด”


“เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณก็รู้เองน่า เอาเป็นว่า คืนนี้ไปพักผ่อน เตรียมตัวเก็บแรงไปเที่ยวพรุ่งนี้กันดีกว่า”


นีลาน่าพยักหน้าหงึก กระตือรือร้นรีบลุกเดินลงยังห้องนอนส่วนตัว เตรียมพร้อมกับการได้ท่องเที่ยว คืนนี้นางคงใจจดจ่ออยากรู้ว่าสถานที่ใด ที่เจ้าโลกันต์จะนำพาไปเปิดหูเปิดตา


ดวงตาประกายเพชรได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ เวลานี้ไฮโรเทนรู้สึกหดหู่ อยากหนีให้พ้นเสียทีกับภาพบาดตาบาดใจ ยิ่งเห็นก็ยิ่งได้รับรู้ว่าความผูกพันของหนึ่งมนุษย์หนึ่งพรายสาวแน่นแฟ้นและลึกซึ้งขึ้นเพียงใด หากปล่อยทิ้งไว้นาน ทั้งสองคงถลำลึกมากกว่านี้ คงมีแต่เสียใจและเจ็บปวด เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อยุติความสัมพันธ์ต่างเผ่าพันธุ์ให้สิ้นสุดลงโดยเร็ว



++++


เช้าวันใหม่อันแสนสดชื่นแจ่มใส ด้วยบรรยากาศเป็นใจต่อการออกเดินทางท่องเที่ยว ตั้งแต่ช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมาทำอมนุษย์บางตนถึงกับรอคอยให้ฟ้าสางอย่างใจจดใจจ่อ เพราะคำบอกเล่าของมนุษย์โลกที่ว่าจะพาไปเที่ยวเพียงคำเดียว นีลาน่าแต่งกายด้วยชุดเดรสกระโปรงยาวคลุมเข่าเล็กน้อย ผมยาวสยายระดับเอวพลิ้วไสว ด้านหน้าจับรวบติดเครื่องประดับสวยงาม ระหว่างทางเดินยังหน้าประตูบ้านนีลาน่าไม่ลืมถือรองเท้าผ้าใบคู่โปรดที่กันยวัฒน์เลือกซื้อให้ติดมือมาด้วย


“ยัยขี้เหร่! แต่งตัวซะสวยเชียว จะไปไหนงั้นเหรอ”


ผู้มาเยือนกล่าวทักทายอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นนักเรียนในปกครองกำลังบรรจงผูกเชือกรองเท้าอย่างตั้งใจและประณีตที่สุด


“คุณสมชาย..”


นีลาน่าส่งยิ้มหวานตอบกลับผู้เป็นเจ้าของชื่อ ขณะเขาก้าวเดินมาใกล้และหยุดยืนตรงหน้า


“ฉันถามว่าจะไปไหนยัยขี้เหร่ วันนี้ไม่เรียนหนังสือหรือไงกัน แหม๋.. เก่งแล้วนิ เลยไม่อยากจะเรียนต่อแล้วสิ”


“วันนี้ผมจะพานีลาไปเที่ยวข้างนอก ขออนุญาตหยุดเรียนหนึ่งวันนะคุณสมชาย”


“กันย์ที่รัก!! จะพายัยขี้เหร่ไปไหน ขอชายไปด้วยคนสิ”
สายตานิ่งเฉยส่งตรงยังสมชายแต่แฝงไว้ด้วยความมาคุของคำว่า ‘อย่ายุ่ง’ ลึกๆ ในแววตาคมกริบคู่นั้นทำให้สมชายรู้ตนเองดี เห็นสมควรแล้วว่าไม่ควรเซ้าซี้ให้ยืดเยื้อ


“คุณสมชายไปด้วยกันหรือไม่”


“ไม่ไปดีกว่า ไม่เอาดีกว่า กลัวโดนฆ่าหมกศพอยู่ข้างถนนก่อนจะถึงที่เที่ยว”


สมชายส่ายหน้าปฎิเสธ ทำท่าทางหวาดกลัว ปรายสายตาเหล่มองยังกันยวัฒน์ที่ยืนยิ้มชอบใจ


หลังจากนีลาน่าจัดการกับเชือกรองเท้าเสร็จสิ้น พรายสาวกรอกสายตามองหาแมวน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจ้าขนปุยหายตัวไปตั้งแต่เย็นวาน ซึ่งนีลาน่าเองไม่ได้พบเจอและไม่รู้ว่าพรายบุรุษที่แปลงกายหายไปอยู่แห่งใด ถึงแม้นางพยายามมองหาเท่าไหร่แต่ไร้วี่แวว ตรงกันข้ามด้านไฮโรเทนกับลอบมองนางพรายอยู่เสมอและตลอดเวลาในมุมเงียบมุมหนึ่งภายในเขตที่พักอาศัย รู้สึกเจ็บแปลบในอกไม่น้อย แต่ก็ยอมเฝ้ามองอยู่ห่างๆ


“เราจะไปกันหรือยังนีลา”


นีลาน่าพยักหน้ารับ พลางถอนใจปัดความกังวลเล็กๆ ทิ้งก่อนก้าวเดินยังรถยนต์เพื่อเดินทางยังจุดหมายที่กันยวัฒน์จะนำพานางท่องโลก


“สมชายไปขึ้นรถ เดี๋ยวผมไปส่ง”


“โอ๊ย! กันย์ที่รักใจดีจัง ไปส่งชายด้วยล่ะ นี่ยัยขี้เหร่รอฉันด้วยยย!”


เสียงโหวกเหวกดังพร้อมวิ่งถลาขนาบข้างพรายสาวรวดเร็ว พาร่างสูงที่เดินด้านหลังถึงกับหลุดหัวเราะเบาๆ


++++


สวนสาธารณะร่มรื่นระรานตาไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่และเล็กยืนเรียงราย สร้างร่มเงาบดบังแสงแดดที่เริ่มส่องแสงแรงกล้าร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกให้รับรู้ช่วงเวลากลางวันก่อนพระอาทิตย์เคลื่อนตรงศรีษะ นีลาน่าก้าวเดินตามทางด้วยความรู้สึกเบิกบานไม่มีเหน็ดเหนื่อย พามนุษย์ซึ่งเดินตามหลังในระยะใกล้ๆ มองตามรอยยิ้มสดใสด้วยความรู้สึกดีเปี่ยมสุข บางจังหวะบนใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มระบายมุมปาก


“เจ้าโลกันต์ เราอยากไปดูสัตว์โลกอีกครั้ง”


“คุณไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ตั้งแต่มาถึงก็เดินไม่ยอมหยุด แล้วสัตว์ก็ดูเกือบจะครบหมดแล้วด้วย ผมเริ่มหิวแล้ว คุณล่ะหิวหรือยัง”


นีลาน่าส่ายหน้าแสดงอาการขัดใจเล็กน้อย เนื่องจากเวลานี้ยังมีใจจดจ่ออยู่กับความแปลกตาของสัตว์โลกแต่ละชนิดที่มีอยู่ในสวนสัตว์ กันยวัฒน์ยังจำได้เมื่อครั้งเปิดทีวีให้นีลาน่าดู เกิดเจอรายการเกี่ยวกับสารคดีสัตว์โลกและดูเหมือนรายการนั้นจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจกับพรายสาวเป็นอย่างมาก ทำให้เขาคิดได้ว่าควรพานางมาดูของจริงให้เห็นเต็มตาสักครั้ง


“โอเคๆ จะดูสัตว์ก่อนก็เชิญเลยครับคุณผู้หญิง เดินไปเลยตามใจชอบ เดี๋ยวอีกซักพักค่อยหาอะไรกิน ตกลงนะ”


กันยวัฒน์ต่อรองเพื่อไม่ให้เกิดการขัดแย้งระหว่างกัน ทำให้นีลาน่าเปลี่ยนสีหน้าจากบูดบึ้งเป็นยิ้มร่าเริง เดินนำหน้าต่อไป ระหว่างทางเดินชมนกชมไม้ ดูสัตว์โลกนานาชนิด นีลาน่าเดินนำตลอดทางจนลืมบุรุษผู้เดินตามไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าผู้คนผ่านไปมาเริ่มมีหนาตามากขึ้น นางพรายจึงเกิดหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย เอี้ยวกลายมองด้านหลังหาคนรู้จัก แต่กลับไม่เจอกันยวัฒน์เดินตามอีกแล้ว เจ้าโลกันต์หายตัวไป นีลาน่าพยายามหันซ้ายหันขวากรอกสายตากลมกลิ้งมองโดยรอบบริเวณ มนุษย์โลกเดินกันให้วุ่นวายจนพรายสาวเริ่มวิงเวียน ในใจเกิดร้อนรน ไม่สงบ เนื่องจากนางรู้ตัวแล้วว่าเวลานี้ได้พลัดหลงกับบุรุษหนุ่มที่มาด้วยกันเป็นที่เรียบร้อย


สองเท้าพาร่างอ้อนแอ้นเดินตามหากันยวัฒน์ขวักไขว่ แต่มองไปทิศทางใดยังคงไร้วี่แววบุรุษหนุ่ม จิตใจสับสนนางควรทำอย่างไรดีกับเวลานี้ หากหาเจ้าโลกันต์ไม่เจอ ว่าแล้วนีลาน่าก้าวเดินพลางกวาดสายตามองหาต่อไป


“นีลา!”


เสียงคุ้นเคยตะโกนตามหลัง นีลาน่าสะบัดร่างกายหันขวับ ก้าวเท้ากลับรวดเร็ว ส่วนกันยวัฒน์ก็ไม่ต่างรีบเร่งเดินให้ถึงนีลาน่าด้วยรู้สึกเบาใจ


“เจ้าโลกันต์! เจ้าหายไปไหนมา ปล่อยเราตามหาจนทั่ว”


“ผมแวะซื้อน้ำ หันมาอีกทีคุณก็หายตัวไปแล้ว ใจหายหมดนึกว่าจะตามตัวไม่เจอซะแล้ว ผมเตือนคุณแล้วไงว่าให้เดินช้าๆ สวนสัตว์มันไม่หนีคุณไปไหนหรอกน่า”


กันยวัฒน์ถอนใจโล่งอก เมื่อเจออมนุษย์ผู้สูญหาย เขาคงปล่อยให้นางคาดสายตาไม่ได้เลยจริงๆ กันยวัฒน์ส่งขวดน้ำในมือให้พรายสาวถือไว้เพื่อดื่มแก้กระหาย ระหว่างเดินทางต่อ มือแข็งแรงเอื้อมคว้ามือของพรายสาวด้านข้างกุมไว้แน่นเพื่อป้องกันการสูญหายอีกครั้ง นีลาน่าหันสายตามองร่างสูงเมื่อถูกยึดมือเอาไว้โดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา


“...”


“ผมขอจับมือคุณไว้แบบนี้แล้วกัน คุณจะได้ไม่หายไปไหนอีก”


นีลาน่าหลบตาลงต่ำ ก้มมองพื้นทางเดิน เกิดอาการวูบไหวในใจ ไม่ต่างจากบุรุษด้านข้างที่เวลานี้จิตใจเต้นตูมตามแทบทะลุออกนอกอกแกร่งเสียให้ได้ทั้งสองออกเดินเคียงข้างกันท่องเที่ยวต่อไป


++++


การท่องเที่ยว ดูวิวทิวทัศน์ และสำรวจสัตว์โลก คงถึงเวลายุติเมื่อพระอาทิตย์เริ่มส่องแสงริบหรี่ลงเรื่อยๆ กันยวัฒน์พานีลาน่าเดินทางกลับยังที่พักอาศัยเมื่อเห็นว่าพรายสาวคงเปิดหูเปิดตาจนอิ่มหน่ำและมีความสุขไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกัน เวลาเริ่มรักหัวใจมักพองโต แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดแต่ยังคงอวดยิ้มได้เสมอ


“คุณเดินทั้งวัน ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวอีกพักผมจะไปทำงานแล้ว”


“เจ้าไม่เหนื่อยอย่างนั้นหรือ”


“ไม่หรอก แค่นี้สบายมาก เออ.. วันก่อนผมซื้อไอ้นี่มาให้คุณ แต่ยังไม่ทันได้ให้ คุณก็กินเลือดผมซะก่อน”


กันยวัฒน์ก้าวเดินยังชั้นหนังสือหยิบถุงกระดาษที่ด้านในมีโทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสารที่เขาเคยหาซื้อไว้ให้ตามคำแนะนำของสมชาย


“นี่คือสิ่งใด”


“โทรศัพท์มือถือ ที่คุณเคยใช้คุยกับสมชายหน่ะ จำได้ไหม ผมซื้อมาให้คุณเพื่อที่คุณจะได้ติดต่อกับผมและสมชายหรือคนอื่นได้สะดวกหน่อย”


นีลาน่ารับถุงที่บุรุษหนุ่มยื่นส่งให้ กันยวัฒน์จัดแจงสอนวิธีการใช้งานจนเสร็จสรรพ ก่อนเตรียมตัวเดินทางไปปฎิบัติหน้าที่การงานในลำดับต่อไป



ระหว่างก้าวเดินยังหน้าเขตที่พักอาศัย ความรู้สึกรับรู้คล้ายถูกสายตาจับจ้องอยู่ตลอดเวลา กันยวัฒน์หันซ้ายแลขวาสำรวจความรู้สึกแปลกๆ ที่สัมผัสได้ เมื่อหันกลับมามองเบื้องหน้าอีกครั้ง ทำให้เขาสะดุดกึก หยุดยืนนิ่ง ดวงตาประกายเพชรจ้องมองพร้อมดักรออยู่ด้านหน้า


‘ข้าขอเจรจากับเจ้า’


กันยวัฒน์ปรับอารมณ์ตกใจเมื่อครู่ให้กลับสู่สภาวะปกติ หากใครรับรู้ว่าเขากำลังสนทนาสื่อสารกับแมวน้อย คงได้หาว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆ สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าหาสัตว์โลกสี่ขา แต่คงเว้นระยะห่างพอควรเนื่องจากเขายังไม่ไว้ใจอาการแพ้ขนอยู่ดีถึงแม้แมวตรงหน้าจะเป็นเงือกพรายแปลงกายมาก็ตาม


“มีอะไรครับ”


‘เราไม่เคยขอร้องใครหน้าไหนแม้สักครั้ง แต่ครั้งนี้เราคงจำเป็นต้องขอร้องเจ้า มันคงถึงเวลาที่เจ้าต้องปล่อยให้นีลาน่าได้กลับยังเมืองบาดาลเสียที ต่อให้เจ้าเหนี่ยวรั้งนางไว้ยังโลกใบนี้ นีลาน่าก็ไม่มีทางหายจากการเป็นปีศาจร้ายไปได้ ไม่ว่าจะเจ้าหรือข้าก็ช่วยนางไม่ได้ ดังนั้นหากเจ้ารักและหวังดีกับนางจริง ข้าขอให้เจ้าปล่อยนางกลับยังเมืองบาดาลโดยเร็วที่สุดเพื่อทุกอย่างจะได้สงบสุขเสียที’


ประโยคเจรจาทางจิตของเจ้าแมวน้อยคล้ายเข็มนับร้อยทิ่มแทงความรู้สึกตามร่างกายและจิตใจให้เขาเจ็บปวดรุนแรง ในเมื่อกันยวัฒน์เองเคยลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะปกป้องดูแลนีลาน่าไม่ปล่อยให้นางต้องกลายร่างเป็นปีศาจร้ายอีก เหตุใดเขาต้องยอมปล่อยให้นางจากไป กันยวัฒน์คิดต่อต้าน


“ไม่ครับ ผมคงให้นีลาไปไหนไม่ได้”


‘เจ้าจะยอมให้นีลาน่าถูกปีศาจร้ายกลืนกินตัวตนแท้จริง หรือแม้แต่ความดีก็จะหายสิ้น เจ้าต้องการอย่างนั้นหรือ เจ้าคงยังไม่รู้ หากปล่อยนีลาน่าให้อยู่บนโลกใบนี้ต่อไป ผลกระทบไม่เพียงมนุษย์เท่านั้นที่ต้องสูญเสียและโดนทำร้าย แต่นางพรายเองจะสูญเสียตัวตนแท้จริงตลอดกาล เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้มีพลังวิเศษเพียงใดก็ไม่อาจช่วยนางให้กลับมาเป็นตัวตนเดิมได้อีก’


กันยวัฒน์นิ่งคิด เขาเองไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อน ทำไมเขาถึงเห็นแก่ตัวเองเช่นนี้ พยายามดึงรั้งไม่ให้นีลาน่าจากไป แต่ไม่เคยคิดถึงผลเสียที่จะตามมา นีลาน่าจะไร้ตัวตนแท้จริงหากนางต้องกลายร่างเป็นปีศาจตลอดกาล ใจกระตุกวูบไหว หรือถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่เขาต้องปล่อยให้นีลาน่าเป็นอิสระเพื่อนางจะยังคงเป็นนีลาน่าคนเดิมต่อไป


“ผมขอถามหน่อย คุณก็เป็นเงือกพรายแบบเดียวกับนีลา ทำไมคุณถึงไม่ต้องกินเลือดหรือกลายร่างเป็นปีศาจ”


‘ข้าถอดจิตออกจากร่างมาเพื่อตามหานีลาน่า ร่างกายข้ายังคงอยู่ในแดนบาดาล ข้าจึงไม่มีความเสี่ยงที่จะต้องเป็นปีศาจแบบนาง’


ปัญหาไขข้อข้องใจหมดไป หากทว่าความหนักอกยังคงสาหัสรุนแรง เขาควรทำอย่างไรดีกับหัวใจที่กำลังจะสูญเสียเต็มที หากว่ามันจะช่วยให้นีลาน่าอยู่รอดปลอดภัย เขาควรรับฟังพรายบุรุษผู้นี้


“ครับ.. ผมจะยอมปล่อยให้นีลากลับยังโลกของเธอ”


น้ำเสียงสั่นเครือ สีหน้าสลดวูบ เวลานี้หัวใจแกร่งดวงนี้ใกล้แตกสลาย กันยวัฒน์พยายามสะกดอารมณ์ความรู้สึกหวั่นไหวในใจ คงถึงเวลาสละเพื่อให้นางที่รักยังคงมีตัวตนต่อไป


++++

โปรดติดตามตอนต่อไป..

แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 20:58:50

แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 55 07:57:38

แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 09:58:11

แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 09:49:28

แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 09:19:50

แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 55 09:01:29

จากคุณ : มาโซคิส
เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 55 07:49:34




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com