Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทที่ 4 เชื้อปริศนา vote ติดต่อทีมงาน

นักล่าแห่งรัตติกาล ภาค สัญลักษณ์เลือด บทต้น
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=14-11-2012&group=25&gblog=1

บทที่ 3 มนุษย์หมาป่าเวลาเที่ยงวัน
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13063499/W13063499.html

บทที่ 4 เชื้อปริศนา

สีหน้าของเทเลอร์เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดขณะมองวลาร์ดกำลังทำการชันสูตรร่างไร้วิญญาณของมนุษย์หมาป่า ระหว่างที่รอฟังผลการตรวจสอบอยู่นั้นสมิธก็เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางที่ค่อนข้างร้อนใจ

“มีอะไรหรือ”หัวหน้าหน่วยนักล่าถาม ชายหนุ่มจึงยื่นแฟ้มให้พร้อมกับรายงาน

“คุณแอชเชอร์ได้รับพัสดุไปรษณีย์พร้อมกันสามกล่อง”เขามองเทเลอร์ซึ่งกำลังพลิกรูปทีละใบ”ข้างในเป็นชิ้นส่วนของสายที่เราส่งเข้าไปในแสตฟฟอร์ด”

“หนึ่งคนแยกส่งเป็นสามส่วนอย่างนั้นหรือ”เทเลอร์พูดอย่างเคร่งขรึม สมิธผงกศีรษะ

“ครับ มันคงต้องการข่มขวัญพวกเราว่าอย่าได้ส่งใครเข้าไปในนั้นอีก”

“เขาอยากจะบอกว่า ต่อให้วางแผนไว้ดีแค่ไหนสุดท้ายความจริงทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย”วลาร์ดซึ่งยืนอยู่ด้านหลังพูดแทรกขึ้น เทเลอร์ขมวดคิ้วและหันไปถาม

“ตรวจเสร็จแล้วหรือ”

“ครับ”เด็กหนุ่มตอบพลางถอดถุงมือยางโยนทิ้งลงถังขยะ”อย่างที่คิดเอาไว้คือเขาเป็นคนปรกติแต่ถูกยาบางชนิดกระตุ้นให้กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า ผมตรวจสอบเลือดและของเหลวในร่างกายอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบสารเคมีใดในร่างกายของเขาเลย คิดว่ามันคงสลายไปในขั้นตอนที่ชายคนนี้เปลี่ยนร่าง”

“สมกับเป็นวิธีการของพวกอิลูมิเนติค แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมเขาถึงกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าในตอนกลางวัน”

“เหมือนกับพัสดุพวกนั้น ไรซินอยากจะบอกให้พวกเรารู้ว่าไม่มีวันตบตาเขาได้”ลูกครึ่งแวมไพร์อธิบายเสียงเรียบ”เขาจงใจนำสายของเราที่กลายสภาพเป็นมนุษย์หมาป่าไปปล่อยไว้ในที่สาธารณะเพื่อล่อให้พวกเราออกไป จากนั้นก็รอเวลาที่เหมาะสมส่งสัญญาณเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นอมนุษย์อย่างสมบูรณ์เพราะรู้ดีว่าผมเลือกที่จะฆ่ามากกว่าปล่อยให้มันเที่ยวอาละวาดทำร้ายผู้คน”

“เป็นแผนการที่ร้ายกาจมาก”เทเลอร์พึมพำพลางลดสายตาลงไปที่แฟ้ม สมิธขมวดคิ้วเอ่ยปากถามด้วยความงุนงง

“สัญญาณที่ว่าคืออะไร”

“ไม่มีโบสถ์ที่ไหนสั่นระฆังตอนเที่ยงคืน”

ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบและยืนนิ่ง เทเลอร์จึงปิดแฟ้มพร้อมกับสั่ง

“เราคงต้องจบเรื่องการชันสูตรไว้แค่นี้ ให้เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตไปจัดการที่ตึกขาว ส่วนวลาร์ด”เขาหันไปทางเด็กหนุ่ม”ผมอยากให้เขียนรายละเอียดทั้งหมดลงไปในรายงาน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มันวางอยู่บนโต๊ะของผมภายในสองชั่วโมง”

สั่งเสร็จเขาหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากที่นั่นแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นวลาร์ดยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

“มีอะไรหรือวลาร์ด”

ลูกครึ่งแวมไพร์เบือนหน้าไปมองร่างไร้วิญญาณบนเตียงชันสูตร

“เขาแทรกตัวเข้าไปในแสตฟฟอร์ดนานแค่ไหนครับ”

“3 ปี”เทเลอร์ตอบ วลาร์ดหันกลับมามองหน้า

“แล้วได้อะไรมาบ้าง”

คำถามนั้นทำให้เทเลอร์จำต้องขมวดคิ้วเพราะหากเป็นคำพูดของคนทั่วไปมันอาจจะฟังเหมือนการคาดคั้นแต่ด้วยนิสัยการพูดแบบขวานผ่าซากของวลาร์ดแสดงเจตนาว่าเขาต้องการแค่ข้อมูล สุดท้ายผู้เป็นหัวหน้าจึงถอนใจ

“เรารู้แค่ว่าเด็กที่เข้าไปในนั้นทุกคนจะถูกแยกออกเป็นสามกลุ่มคือจักษุดารา อหังการ์ราชสีห์และไพรีตรีศูล กลุ่มแรกจะเป็นพวกที่มีมันสมองชั้นเลิศ ส่วนพวกที่เหลือมีความสำคัญรองลงมาตามลำดับ แต่มีเพียงกลุ่มอหังการ์ราชสีห์เท่านั้นที่จะถูกฝากฝังให้ทำงานตามสถานที่ต่างๆ ส่วนกลุ่มจักษุดารากับไพรีตรีศูลนั้น ตรวจไม่พบว่าถูกนำตัวไปที่ใด”

“จักษุดารา”วลาร์ดทวนคำและนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง”ดวงตากับดวงดาว ถ้าเพิ่มเปลวไฟบนมุมทั้งหกกับอักษรละตินที่เขียนว่า จิต วิญญาณ เลือด เนื้อ ลงไปมันก็คือเครื่องหมายของพวกอิลูมิเนติค”  

“ฉันเห็นด้วยในข้อนั้น แต่มันยังไม่แน่ชัดพอที่จะยืนยันได้ว่ามหาวิทยาลัยนี้เกี่ยวข้องกับพวกอิลูมิเนติค”

เทเลอร์พูดอย่างเคร่งขรึม ลูกครึ่งแวมไพร์จึงหันไปมองร่างนุษย์หมาป่าอีกครั้ง

“ผมอยากเก็บเขาไว้อีกสองสามวัน”

“ทำไม”

“แค่อยากตรวจอะไรบางอย่าง”ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบด้วยสีหน้าเหมือนไม่แน่ใจในความคิดของตนเท่าใดนัก เทเลอร์มองเด็กหนุ่มครู่หนึ่งจึงผงกศีรษะ

“ตกลง”เขาหันกลับไปทางสมิธเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้”จริงสิ วูล์ฟหายไปไหน”

“เขาขอตัวไปนอนพัก ผมเห็นว่าถึงอยู่ที่นี่ก็คงจะเกะกะวลาร์ดเลยอนุญาต”

เทเลอร์พยักหน้าและหันไปทางวลาร์ดที่ทำท่าเหมือนจะย้อนกลับเข้าไปในห้องชันสูตรอีกครั้ง

“เธอเองก็ควรจะพักบ้าง”

“ครับ”ลูกครึ่งแวมไพร์ตอบสั้นๆ หัวหน้าหน่วยนักล่าจึงเดินนำสมิธกลับไปยังห้องทำงาน ทางด้านวลาร์ดเมื่อเห็นเทเลอร์พ้นไปจากบริเวณนั้นแล้วจึงก้าวเข้าไปในห้องชันสูตรและก้มลงมองแผ่นสไลด์ที่วางอยู่บนกล้องจุลทรรศน์ สิ่งที่กำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าภายในของเหลวที่เขาดึงออกมาจากร่างของมนุษย์หมาป่าสร้างความฉงนต่อเขาเป็นอย่างมากเพราะมันไม่เหมือนกับปรสิตทุกตัวที่เคยพบ แต่ถ้าจะให้บอกว่ามันอาจเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่งเขาก็ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดลงไปได้ว่าเป็นแบคทีเรียหรือไวรัสประเภทใด หลังจากนั่งจ้องอยู่ครู่หนึ่งวลาร์ดจึงตัดสินใจนำเชื้อเหล่านั้นไปเพาะเลี้ยงเพื่อทำการศึกษาหาข้อมูล กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยไปจนค่ำ พอออกจากห้องทดลองเขาก็กลับขึ้นห้องเพื่อพักผ่อนแต่เสียงสัญญาณเรียกฉุกเฉินจากหัวหน้าหน่วยนักล่าทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์จำต้องละเรื่องการนอนและกลับลงไปพบเทเลอร์ที่ห้องทำงาน ซึ่งเมื่อถึงที่นั่นเขาก็พบว่าวูล์ฟและคุณสมิธกำลังนั่งรออยู่ ทันทีที่เขานั่งลงเทเลอร์ก็เลื่อนแฟ้มรายงานส่งให้พร้อมกับพูด

“ทางเราได้รับแจ้งมาว่าพบมนุษย์กลายพันธุ์อยู่ทางด้านเหนือของสวนสาธารณะกรีนแลนด์ ถึงยังไม่ได้ลงมือทำร้ายคนแต่พวกเธอคงต้องรีบจัดการกับมันก่อนเพื่อความปลอดภัย”

วูล์ฟกระแอมสองสามครั้งขณะมองภาพที่ค่อนข้างพร่ามัวในมือของสมิธแล้วขมวดคิ้ว

“แน่ใจหรือครับว่ามันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์”

“ลองเคลื่อนไหวได้เร็วจนกล้องจับภาพไม่ทันแบบนี้ คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก”สมิธพูดพลางส่งภาพถ่ายใบนั้นให้กับวลาร์ด เด็กหนุ่มวางมันรวมไว้กับรายงานและลุกขึ้น

“รีบไปกันเถอะ”

พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องโดยมีวูล์ฟก้าวตามหลังไปอย่างลุกลน ส่วนสมิธหลังจากทำความเคารพต่อเทเลอร์แล้วก็รีบเดินตาม ทั้งสามตรงไปยังรถเอสยูวีที่ทางหน่วยนำมาจอดรอไว้ที่ลานด้านหน้าจากนั้นสมิธจึงเข้าประจำที่และขับออกไป

ด้วยช่วงเวลาที่พ้นจากชั่วโมงเร่งด่วนทำให้ท้องถนนไม่มีรถมากนัก ไม่ช้าทั้งสามก็มาถึงสวนสาธารณะอันเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของมนุษย์กลายพันธุ์ เมื่อก้าวลงจากรถวูล์ฟรีบยืดตัวขึ้นและสูดลมหายใจเข้าค่อนข้างแรงเพื่อค้นหากลิ่นแต่ก็ต้องผิดหวังที่นอกจากกลิ่นดอกไม้กับสัตว์ป่าขนาดเล็กแล้วเขาก็ไม่พบสิ่งแปลกปลอมใด

“มันอาจจะอยู่เหนือลม”สมิธพูดสั้นๆขณะดึงปืนออกมาตรวจ เมื่อเห็นว่ามีกระสุนบรรจุเรียบร้อยดีเขาจึงเหน็บมันเอาไว้ที่ซองข้างลำตัว วลาร์ดซึ่งเดินฝ่าความมืดไปยืนท่ามกลางต้นไม้ขนาดใหญ่กลัวนิ่วหน้า

“แต่ผมไม่คิดแบบนั้น”

“ทำไม”หนุ่มหมาป่าถาม ลูกครึ่งแวมไพร์ดึงดาบออกจากฝักและตั้งท่าเตรียมรับการบุกพร้อมกับตอบ

“มันอยู่ข้างหน้านี่แล้ว”

วูล์ฟกับสมิธหันไปมองพร้อมกันและอ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาดกำลังไต่ลงมาจากต้นไม้

“นี่มันตัวบ้าอะไรกัน”หนุ่มหมาป่าหลุดปากออกมาอย่างตกตะลึง เจ้ามนุษย์กลายพันธุ์หยุดการเคลื่อนไหวของมันในทันที หัวที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมือกเงยขึ้น ดวงตาปูดโปนคล้ายกิ้งก่ากลอกกลิ้งไปมาเหมือนต้องการจะรู้ว่าศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีกี่คน เพียงวลาร์ดขยับเจ้าตัวประหลาดก็ตวัดลิ้นฟาดเขาอย่างแรงจนเกือบจะเสียหลักล้มลง เมื่อเห็นเพื่อนถูกจู่โจม วูล์ฟก็กางกรงเล็บออกและกระโจนเข้าใส่ตัวประหลาดทันที แทนที่เล็บคมกริบจะฝังลงบนร่างสัตว์ร้ายกลับกลายเป็นฉีกเนื้อไม้จนแหลกกระจุย หนุ่มหมาป่าสบถเสียงดังด้วยความโกรธก่อนจะหมุนตัวตามอมนาย์กลายพันธุ์ซึ่งหนีไปเกาะบนต้นไม้อีกต้นและเตรียมจะโผเข้าใส่สมิธซึ่งยังไม่ทันได้ระวังตัว

“ระวัง!” ลูกครึ่งแวมไพร์ร้องเตือนพร้อมกับดึงสมิธให้พ้นจากระยะโจมตี เป้าหมายของสัตว์ร้ายจึงเบนมาที่ตัวเขาแทน ลิ้นที่เต็มไปด้วยหนามแหลมตวัดเข้าใส่วลาร์ดอีกครั้งแต่คราวนี้เขายกดาบขึ้นรับและตัดมันจนขาดกระเด็น ความเจ็บปวดทำให้มนุษย์กลายพันธุ์คุ้มคลั่ง มันส่งเสียงกรีดร้องและพุ่งเข้าใส่วลาร์ดหมายจะกัดกินเขาให้สมแค้นแต่ร่างของมันกลับลอยค้างอยู่กลางอากาศเพราะวุล์ฟคว้าหางเอาไว้ได้ทัน แต่ยังไม่ทันที่เขาจะจับมันฟาดกับต้นไม้เจ้าสัตว์ร้ายก็สะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดจากมือ หนุ่มหมาป่ายืนตกตะลึงอ้าปากค้างด้วยความงุนงง อีกฝ่ายจึงฉวยโอกาสบุกเข้าจู่โจมเขาทันที

“วุล์ฟ!”วลาร์ดเรียกเพื่อนเสียงดังพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปขวาง ดาบในมือปาดผ่านใบหน้าอัปลักษณ์เฉือนมันจนขาดออกเป็นสองส่วน เจ้าสัตว์ร้ายร่วงลงไปดิ้นพราดกับพื้น ไม่ต้องรอให้มันลุกขึ้นมาอีกครั้ง ลูกครึ่งแวมไพร์รีบฟันซ้ำจนร่างของมันแยกเป็นสองท่อน เมื่อจัดการมนุษย์กลายพันธุ์เป็นผลสำเร็จสมิธจึงรีบส่งสัญญาณาให้รถเข้ามานำซากของมันกลับไปที่หน่วย วลาร์ดยืนมองการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่ครู่หนึ่งจึงหันไปทางวูล์ฟที่กำลังจะเดินไปที่รถ

“เป็นอะไรไป”เขาถามเสียงเรียบ อีกฝ่ายขมวดคิ้ว

“อะไร”

“นายไม่เคยปล่อยให้คู่ต่อสู้หลุดจากมือ”

คำพูดของลูกครึ่งแวมไพร์ทำให้หนุ่มหมาป่าถึงกับอึ้ง หลังจากยืนนิ่งไปได้สักพักเขาจึงสั่นศีรษะ

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเหมือนหมดแรงไปเฉยๆ”

วลาร์ดมองเพื่อนด้วยความแปลกใจแต่สมิธซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกลับพูดแทรกขึ้นมา

“อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป วันนี้คุณวิ่งวุ่นตั้งแต่เที่ยง”

“แต่เจ้านี่แทบไม่ได้ออกแรงอะไรเลย”ลูกครึ่งแวมไพร์แย้ง สมิธจึงขยับเตรียมจะโต้แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นวูล์ฟยืนโอนเอนไปมา

“วูล์ฟ”

เรียกได้เพียงเท่านั้นเขาก็ต้องอุทานเมื่อหนุ่มหมาป่าล้มทั้งยืน โชคดีที่วลาร์ดประคองเอาไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นศีรษะของเขาคงกระแทกกับขอบประตูรถ

“ฉันไม่เป็นไร”

วูล์ฟกัดฟันพูดพลางพยายามฝืนตัวยืนขึ้นแต่ลูกครึ่งแวมไพร์กลับผลักเข้าไปในรถและหันไปพูดกับสมิธ

“หมอนี่มีไข้ เราต้องรีบกลับหน่วย”

*/*/*/*/*

เสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากห้องพักคนป่วยภายในสถานพยาบาลของหน่วยนักล่า เจ้าหน้าที่บางคนรู้ฤทธิ์เจ้าของเสียงดีจึงเดินเลี่ยงไปอย่างไม่สนใจ แต่เจ้าหน้าที่บางคนที่อยากรู้และชะโงกหน้าเข้าไปมองก็จะเผ่นออกมาแทบไม่ทันเมื่อเห็นนักล่าหนุ่มสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างวุ่นวาย

“บอกแล้วไงว่าฉันไม่นอนที่นี่”วูล์ฟพูดเสียงดังลั่นพลางผลักวลาร์ดไปให้พ้นทาง อีกฝ่ายกลับดันเขากลับไปที่เตียง

“แต่นายป่วย”

“แค่ตัวร้อนนิดหน่อยเท่านั้น”หนุ่มหมาป่าเถียง ลูกครึ่งแวมไพร์จึงบีบไหล่เขาอย่างแรง

“หมาบ้าอย่างนายเคยป่วยที่ไหน”เขากดบ่าเพื่อนบังคับให้นั่งลงแต่วูล์ฟกลับขืนตัวเอาไว้
ไม่ยอมทำตาม ด้วยความโมโหวลาร์ดจึงเพิ่มกำลังมากขึ้นจนหนุ่มหมาป่าสู้แรงไม่ได้ สุดท้ายเขาจึงจำต้องยอมนั่งลงบนเตียง

“แรงก็ไม่มีแล้วยังมาทำเป็นดื้อ”ลูกครึ่งแวมไพร์บ่นพลางผลักอกเพื่อนให้นอนลงแต่อีกฝ่ายปัดมือเขาออก

“แค่นั่งก็พอแล้ว”

“ไม่ได้”

ดวงตาของวูล์ฟลุกวาวด้วยความโกรธ

“นายมีสิทธิ์อะไรมาบังคับฉัน”

”ฉันเป็นพี่นาย”

“ก็แค่ห้านาทีเท่านั้น อย่ามาทำเป็นวางอำนาจ”หนุ่มหมาป่าเถียงเสียงดังลั่นและทำท่าจะเดินออกจากห้อง วลาร์ดจึงคว้าคอเสื้อของเขาและเหวี่ยงกลับไปที่เตียง

“มันจะมากไปแล้วนะเจ้าผีดิบ” วูล์ฟคำรามและเตรียมจะฟาดกำปั้นใส่เพื่อนแต่ตัวเขาเองกลับเป็นฝ่ายเสียหลักล้มคว่ำและคงหัวกระแทกพื้นหากวลาร์ดรับไว้ไม่ทัน

“วูล์ฟ”เขาเรียกเพื่อนด้วยความตระหนกที่จู่ๆร่างของหนุ่มหมาป่าก็เกิดอาการอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ แต่ที่น่าตกใจมากกว่าก็คืออุณหภูมิของร่างกายที่ร้อนเป็นไฟ วลาร์ดรีบประคองเพื่อนไปนอนบนเตียงและกดปุ่มเรียกแพทย์ทันที

“มีอะไรเหรอวลาร์ด” ดร.วินเซนต์ถาม ลูกครึ่งแวมไพร์มองวูล์ฟพร้อมกับตอบ

“อยู่ๆเขาก็หมดสติ”

แพทย์ประจำหน่วยนักล่าไม่พูดอะไร เขารีบตรวจร่างกายของวูล์ฟอย่างรวดเร็ว วลาร์ดยืนดูการทำงานของดร.วินเซนต์ด้วยสีหน้ากังวล เขามองใบหน้าเผือดของเพื่อนอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินเลี่ยงออกมาและมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทดลองที่อยู่คนละอาคาร

*/*/*/*/*/*

เทเลอร์นั่งดูโทรทัศน์ที่กำลังมีข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผู้เคราะห์ร้ายทั้งสามเป็นครอบครัวฐานะปานกลาง สิ่งที่สร้างความกังวลต่อเขาไม่ใช่การตาย หากแต่เป็นบาดแผลที่ปรากฏบนร่างไร้วิญญาณของคนทั้งสาม มันมีสภาพคล้ายกับคดีฆาตกรรมในเมืองร็อคทาวน์

หัวหน้าหน่วยนักล่านั่งจมอยู่ในความครุ่นคิดจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู กระทั่งสมิธเดินข้ามาจนถึงโต๊ะทำงานเขาจึงรู้ตัว เทเลอร์หยิบรีโมทมาปิดโทรทัศน์และหันไปทางรองหัวหน้าหน่วยที่กำลังนั่งวางแฟ้มกองโตลงบนโต๊ะ

“คดีฆาตกรรมอีกแล้วหรือครับ”สมิธถามเมื่อเห็นเทเลอร์ผงกศีรษะเขาจึงพูดต่อ”ผมชักเริ่มมั่นใจว่ามันเป็นการกระทำของกีพาร์ด”

“ผมก็คิดแบบนั้น แต่ถ้ายังไม่มีคำสั่งจากส่วนกลางเราก็คงทำอะไรไม่ได้”

“แม้กระทั่งการสืบหรือครับ”สมิธย้อนพลางหน่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้านตรงกันข้ามกับหัวหน้า อีกฝ่ายเอนตัวพิงพนักและยกมือขึ้นประสานไว้ใต้คาง

“กีพาร์ดไม่เคยทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในที่เกิดเหตุ ต่อให้คุณเข้าไปสืบก็คงไม่ได้อะไร” เขามองกองแฟ้มตรงหน้าซึ่งมีตวอักษรสีแดงขนาดใหญ่พาดกลางว่า”ลับสุดยอด” คิ้วสีเทาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองสมิธ

“แล้วรายงานของวลาร์ด”

“เขายังไม่ได้เขียนเลยครับ”รองหัวหน้าหน่วยตอบพร้อมกับถอนใจค่อนข้างหนัก”ตั้งแต่กลับมาวลาร์ดก็เอาแต่นั่งเฝ้าวูล์ฟ ผมเลยสั่งให้เจ้าหน้าที่คนอื่นจัดการเรื่องการชันสูตรซากของมนุษย์กลายพันธุ์”

“ตกลงรู้หรือยังว่าวูล์ฟเป็นอะไร”

“ยังไม่ทราบเลยครับ” สมิธตอบด้วยสีหน้าหนักใจ เทเลอร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“เขาเป็นเด็กแข็งแรงคงไม่เป็นอะไรมากหรอก”

“ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น”สมิธหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเทเลอร์กล่าวอนุญาตเจ้าหน้าที่ในเครื่องแต่งกายประจำห้องชันสูตรจึงก้าวเข้ามา เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพก่อนจะพูดด้วยกิริยานอบน้อม

“รายงานการชันสูตรครับ” เขาวางแฟ้มไม่หนานักลงบนโต๊ะ สมิธพลิกดูสองสามแผ่นพลางถาม

“ลักษณะภายนอกเป็นส่วนผสมระหว่างกบกับกิ้งก่า แต่อวัยวะภายในกลับเป็นของมนุษย์”เขาหันไปทางเทเลอร์”แบบนี้มันก็เหมือนกับว่าชายคนนี้ถูกทำให้เปลี่ยนร่างอย่างฉับพลันและส่งออกมาให้เรา”

พูดพร้อมกับเลื่อนแฟ้มรายงานให้กับเทเลอร์ เขาไล่สายตาอ่านผลการชันสูตรอย่างละเอียดจนถึงแผ่นที่สามจึงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าหน้าที่ชันสูตร”วัตถุแปลกปลอมในช่องท้องคืออะไร”

เจ้าหน้าที่ผู้นั้นดึงซองพลาสติกออกจากกระเป๋าเสื้อวางไว้ตรงหน้าของเจ้านาย เทเลอร์หยิบมันขึ้นมาดูและขมวดคิ้ว

“แฟลชไดรฟ์” เขาเหลือบตามองเจ้าหน้าที่”ตรวจดูหรือยังว่ามันคืออะไร”

“เรากลัวว่ามันอาจจะมีไวรัสเลยนำมาให้ท่านก่อนครับ”เขาตอบอย่างสุภาพ เทเลอร์พยักหน้าช้าๆ”นอกจากแฟลชไดรฟ์นี่แล้วมีอย่างอื่นอีกไหม”

อีกฝ่ายสั่นศีรษะ เทเลอร์จึงส่งซองแฟลชไดรฟ์ให้สมิธพร้อมกับพูด

“ขอบใจ เชิญคุณไปทำงานต่อได้”

เจ้าหน้าที่กล่าวรับคำและแสดงความเคารพทั้งเทเลอร์และสมิธอีกครั้งก่อนออกจากห้อง สมิธรอจนบานประตูปิดสนิทลงจึงหยิบซองพลาสติกมาพิจารณา

“คิดว่าไง”

เทเลอร์ถาม ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กลับพลิกซองไปมาสองสามครั้งกระทั่งสะดุดตากับอะไรบางอย่างบนแฟลชไดรฟ์

“ดูเหมือนจะมีเครื่องหมายอยู่บนไดรฟ์นี่ด้วย” เขามองหัวหน้าหน่วยเป็นเชิงขออนุญาตเมื่ออีกฝ่ายผงกศีรษะสมิธจึงดึงแฟลชไดรฟ์ออกจากซองออกมาจ้องและอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นตราประทับชัดเจน

“จักษุดารา”

“ว่าไงนะ”เทเลอร์กล่าวพลางหยิบแว่นตามาสวมและรับวัตถุทรงเหลี่ยมสีดำขนาดเล็กมาจากสมิธ”ไม่ใช่แค่จักษุดารา แต่มันเป็นเครื่องหมายของอิลูมิเนติค การที่เราพบมันในร่างของมนุษย์กลายพันธุ์แบบนี้ก็หมายความว่า”

“เป็นฝีมือของไรซิน”สมิธต่อประโยคที่เหลือให้และมองหัวหน้าหน่วยนักล่าที่กำลังขมวดคิ้วใช้ความคิด”เราควรทำยังไงดี จะเปิดดูเลยหรือส่งไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์ตรวจสอบก่อนเพื่อความปลอดภัย”

เทเลอร์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ถึงไรซินจะเจ้าเล่ห์แต่ก็เป็นคนมีชั้นเชิง เขาคงไม่ทำลายเราด้วยเรื่องง่ายๆแบบนี้” เขาส่งแฟลชไดรฟ์ให้สมิธ”เปิดดูได้เลย”

สมิธเสียบแฟลชไดรฟ์เข้ากับโน้ตบุค เมื่อมันเริ่มทำงาน ภาพไรซินก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“สวัสดีเทเลอร์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ดวงตาสีเปลือกไม้จ้องตรงมาข้างหน้าเหมือนรู้ดีว่าเขากำลังพูดอยู่กับใคร รอยยิ้มเยาะหยันพาดบนริมฝีปากบาง“น่าเสียดายที่เราต้องพบกันในลักษณะนี้ แต่ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณกำลังกังวลเรื่องเจ้าหนูนักล่า”

เขาหยุดเว้นระยะและยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

“ถูกต้อง อาการป่วยของพวกเขาเกิดจากการกระทำของผมเอง”

*/*/*/*/*

ตอนนี้เร่งปั่นกันสุดชีวิตเลยค่ะ บก.กำหนดมาแล้วว่าให้ส่งวันที่ 7 มกราคม ดังนั้นถ้าช่วงไหนอ่านแล้วคิดขัด ไม่เข้าใจหรือต้องแก้ไขตรงไหน รบกวนผู้อ่านช่วยแนะนำด้วยนะคะ ^^

วลาร์ดกับลูว์ฟ อยากให้ลองสุ้กันจริงๆจังๆ สักที ว่าใครจะเก่งกว่ากัน^^
วลาร์ด ไม่ใช่คนไร้ใจ หากเพราะเขาเปี่ยมไปด้วยใจต่างหาก จึงเป็นแบบนี้

จากคุณ : Psycho man

- สองหนุ่มเคยสู้กันครั้งหนึ่งในภาคแรก แต่บอกไม่ได้ว่าใครชนะ เพราะวูล์ฟแข็งแกร่งแต่วลาร์ดไวกว่าแถมมีทักษะการต่อสู้รอบตัว

แต่นะคะ ในมุมมองสาววาย ให้ตีกันแบบนี้ดีแล้ว น่ารัก ^^

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผงานของมูนนี่ค่ะ

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 55 19:40:42




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com