Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 33 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13094691/W13094691.html

บทที่ 33

พระครูลาพุชเบิกตาทื่อไร้แววเพราะไม่คาดคิดว่าหน่อเนื้อจะปราดไปแทรกกายโปร่งใสระหว่างหนุ่มสาว ซาตานวจาคำรามโมโห ถลึงตาวาวแดงดั่งเลือด มันแสยะปากอวดฟันแหลมที่สกปรกด้วยคราบเลือดคล้ำปนดำ หากแต่ก็ยอมปล่อยไหล่มนที่ขยุ้มแน่น

ฤดีดิษถ์พลันระทวยล้มหงายให้หมอผาปรี่เข้าอุ้ม โชติชลก็ปรี่มาช่วยอีกคน ทุกคนดูแตกตื่นกับเหตุอัศจรรย์ตรงตุ่มน้ำ

เพราะนอกจากสาวสิ้นสติแล้ว ยังมีหนุ่มหน้าดุชาวกรุงอีกคนที่ยืนกางแขนกำหมัดเกร็งสั่น ตาวาวถลึงก็ไม่รู้จ้องใคร แต่ดูเหมือนว่าจ้องอย่างอาฆาตระคนเดือดดาลจัดทีเดียว

"เจ้า ไอ้องครักษ์สามานย์"

"เราคือองครักษ์นักรบที่มีเกียรติ เจ้าจึงเป็นซาตานใจดำมืด แม้แต่คำว่าสามานย์ เจ้าก็ยังไม่คู่ควรกับมันเลย"

พระครูลาพุชพลิ้วร่างมาตะปบหน่อเนื้อจอมห้าว ช่างอวดดีเกินไปแล้ว คงยังไม่รู้ตัวกระมังว่ากายโปร่งใสหดลงเหลือเพียงครึ่งท่อนบนเท่านั้น

ไสยเวทย์ดำอันลี้ลับของซาตานอมตะร้อนแรงดั่งไฟ มีหรือที่ดวงวิญญาณภักดีจะเสนอหน้าไปต้านทาน ช่างไม่เจียมความต่ำต้อยเสียบ้างเลย

"เรารู้ว่าเจ้าเรืองอำนาจในยามนี้" ท่านศมะยังกระชากเสียงไม่ยินยอม "เจ้าเฝ้ารอแก้แค้นแม่นางเจ้าฟ้าด้วยใจจำยอม มันเป็นการรอคอยที่แสนยาวนาน แต่ว่าตอนนี้เจ้าก็หลุดพ้นจากคำสาปแม่นางแล้วนี่ ทำไมเจ้าไม่แสดงความองอาจให้เท่ากับแม่นางซึ่งเป็นหญิง"

"เป็นหญิงที่แข็งกระด้าง ยโสโอหัง และกดขี่ข่มเหงผู้น้อยกว่าหรือเจ้า"

"แต่เจ้าก็พ่ายแพ้และสิ้นพยศต่อหญิงเช่นนั้นมานานนับร้อยปีใช่หรือไม่เล่า"

"ปากกล้ายิ่งไอ้องครักษ์ชั้นปลายแถว ข้าจะสอนให้เจ้าสำรวมยิ่งกว่านี้"

พระครูลาพุชรีบดึงหน่อเนื้อหลีกกระแสคลื่นเวทย์ร้อน รังสีสีดำน่าขนลุกขนพองพุ่งปราดมาเฉือนอย่างอำมหิต กายโปร่งใสที่เหลือเพียงท่อนบนก็มีอันขาดวิ่นจนเกิดช่องว่าง

ปกติก็จะไม่ตอแยตอบโต้ให้เปลืองพลังบุญนัก แต่คราวนี้ท่านจำเป็น เพราะมันสิ้นเปลืองไปเพื่อคุ้มครองดวงวิญญาณองครักษ์นักรบแห่งคามดารกะ

ซาตานวจาเบิกตาถลนแทบหลุด มันเห็นคลื่นสีเงินร้อนจัดเลื้อยปราดเปรียวออกมาจากปลายนิ้วที่พระครูกรีดเพียงแผ่ว ปากหนาพลันแสยะยิ้มดูแคลนแกมสังเวช พลังบุญสวะเพียงเท่านั้นมันน่าครั่นคร้ามตรงไหนหรือ

ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดจะคร่าความเป็นอมตะให้ดับสูญลงได้ เว้นเสียแต่แม่นางอชินีจะฟื้นคืนเท่านั้น แต่กาลอุบาทว์เช่นนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น เพราะมันเป็นไปไม่ได้

ด้วยจิตฮึกเหิมที่ใคร่กำราบศัตรูให้สยบคาอำนาจนั่นเอง มันจึงทะลุพรวดออกจากร่างกำยำของลายสือ

ทุกคนในที่นั้นเห็นว่าเขากระตุกเฮือกขึ้น กางแขนค้างเกร็ง ใบหน้าก็เกร็ง ปากอ้าตาถลน สักพักก็กระอักเลือดพุ่งเป็นทางยาวแล้วล้มหงายใส่หลายแขนที่กรูมาช่วยรับศีรษะทันแบบเฉียดฉิว

โอ้ วุ่นวายกันไปใหญ่ คนเต็มหลังบ้านก็ฮือฮาวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาพร้อมกับช่วยกันโยกย้ายคนหมดสติสองคนกลับเข้าข้างในอย่างทุลักทุเล ขณะที่ในที่เร้นกลางอากาศ ดวงวิญญาณสองดวงก็กำลังปะทะมนตราสู่ซาตานอมตะอย่างดุเดือด

เสียงคลื่นมนตราดังหวีดหวิวเสียดสะท้านไปตามซอกพงหญ้าและกลุ่มใบไม้เขียวดกแน่น ผู้คนทั่วไปก็รับรู้แค่ว่าลมพัดแรงไปสักหน่อย ยอดหญ้ายอดไม้จึงพากันเอนลู่ไปตามวิถีผลักรุนกระชากกระชั้น

แม่นางแพรปรากฏตัวสมทบ เพราะเคียดแค้นท่านศมะมานานนักหนาแล้ว พอสบโอกาสคราวนี้ ก็รีบปรี่เข้าไปรุมซ้ำเติมกลางวง ปากแสยะยิ้มสะใจพลางอ้าคายเส้นใยสีแดงสดเป็นแพออกไปตวัดรัดกายโปร่งใสที่ตอนนี้ย้อนคืนสู่ความสมบูรณ์แล้ว

ท่านศมะแค้นใจนักที่โดนนางผีลอบเล่นงาน หน้าดุหันขวับแล้วโบกแขนขึ้น กวาดเรียกสายลมแปรธาตุมาย่อยสลายเส้นใยสกปรก

ร่างอิสระโผว่องไวเลี้ยววนรายล้อมนางผี เป่ามนตร์กรีดนิ้วไม่ถึงอึดใจ เหยื่อก็อุทานเจ็บปวด พยายามดิ้นรนวุ่นวายในบ่วงรัดไร้เงา แต่มันเจ็บปวดมากเมื่อกายรางเลือนโดนกรีดขาดรุ่งริ่งก่อเกิดริ้วควันเส้นจางลอยฟ่อง

พระครูลาพุชก็ใช่ว่าสบายนัก ท่านมีพลังบุญคุ้มครองมากมายก็จริง แต่เมื่อสิ้นเปลืองไปกับการปะทะมนตราที่แข็งกล้าและร้อนด้วยบาปเข้มข้น เค้าลางเสียเปรียบก็มาเยือน

กายชราปลิววืดไปชนหน่อเนื้อ ในปากอมเลือดสีเงินได้เพียงชั่วอึดใจก็จำต้องคายให้ไหลกลายเป็นละอองน้ำระยิบระยับ

ท่านศมะเกรี้ยวกราดเมื่อเห็นบิดาเพลี่ยงพล้ำบาดเจ็บ ท่านตั้งท่าโผเข้าปะทะอย่างไม่กลัวเกรง แต่แล้วฉับพลันนั้นเอง เสียงบัญชาของแม่นางเจ้าฟ้าก็แว่วแผ่ว

"อย่าเสียเวลา ท่านสองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน รีบเลี่ยงหลบไป เราสัญญาว่าจะกอบกู้ความพ่ายแพ้ของท่านสองในวันนี้ให้เอง จงจากไปตามบัญชาเรา"

พระครูลาพุชก็ได้ยิน ท่านโบกมือเรียกมนตราม่านหมอกฟุ้งขึ้น อำพรางตนกับหน่อเนื้อที่เร่งรี่หลีกหลบกระแสคลื่นเวทย์ดำอย่างยากลำบาก

ซาตานอมตะอำมหิตแน่แท้แล้ว เบื้องล่างปลายเท้าคือสนามของไสยเวทย์ชั่วแผ่ผืน หย่อนลงต้องแตะคราใด กายใสจางก็จะพลันละลาย

"น่าอนาถยิ่ง" ท่านศมะสบถอย่างไม่ยินยอม

"ใช่ เจ้านั่นเองท่านศมะที่น่าอนาถยิ่ง บุ่มบ่ามไม่มีฟังคำเรา ถ้าซาตานวจาสามารถสยบฤทธิ์ได้ด้วยเจ้าหรือเรา แม่นางเจ้าฟ้าก็คงไม่ต้องเดินเข้าสู่พิธีเก็บชะตาสังเวยร่างเพื่อย้อนคืนเช่นนี้หรอกเจ้า"

"ท่านพ่อ"

"น่าโมโหใช่ไหม เจ้ากำลังทำเรื่องที่ใกล้จะดีให้ลุกลามเป็นร้าย"

"ท่าน.. "

"อย่าพูด จงเงียบไป เราไม่พร้อมจะฟังเจ้าเถียง หยุด ท่านศมะ หยุด"

ท่านศมะอ้าปากแล้วอ้าปากอีก บิดาฉุนเฉียวทำไมกันเล่า หรือมองไม่ออกว่าสถานการณ์ล่อแหลมตอนนั้นหากท่านไม่รีบคลี่คลาย แม่นางเจ้าฟ้าต้องย่ำแย่ รวมทั้งชายลายสืออีกคนที่โดนซาตานชั่วสิงแย่งร่างไปกร่างอำนาจ

ทันทีที่แม่นางเจ้าฟ้าดับสูญคามือ ทันทีที่เวทย์ดำไหลออกจากร่าง เขาต้องตายเลย ซ้ำยังตายด้วยท่ายืนแบบนั้นเสียด้วย เหตุการณ์อันน่าสลดเช่นนั้นน่ะหรือที่บิดาจะปล่อยให้อุบัติโดยไม่ทำอะไรเลย มันไม่น่าอนาถยิ่งกว่าหรอกหรือ




 ทุกคนมารวมกลุ่มกันในห้องโถง สีหน้าก็แข่งกันเคร่งเครียดแบบไม่มีใครยอมใคร แม้แต่โชติชลก็ยังลืมความร่าเริงปนทะเล้นของตนไปเลยเมื่อต้องมาเจอเหตุการณ์ประหลาดที่ล่อแหลมกับนาทีชีวิต  

หนุ่มหล่อเข้าใจในสัจธรรมว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้นั่นแหละ แต่ก็อยากตายแบบมีต้นสายปลายเหตุ หรือตายด้วยเรื่องที่สมควรจะตาย

และถ้าตายแล้ว ดวงวิญญาณก็ควรล่องลอยไปตามวิถีของมัน จะเกิดใหม่ ขึ้นสวรรค์ หรือลงนรกก็ไม่เกี่ยง แต่ถ้าจะให้ตกเป็นทาสซาตานวจาชั่วกัปชั่วกัลป์ละก็ อันนี้เขาเกี่ยงเป็นอย่างมาก

"ไม่มีหนทางแก้ไขหรือคลี่คลายเหตุการณ์ให้จบลงด้วยดีโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อบ้างเลยหรือครับ"

"มี" หมอผาตอบหลานชาย กวาดมองสายตาทุกคนที่เลี้ยวมารอฟังเขาขยายความ "ซาตานอมตะตนนั้นต้องหลุดพ้นจากความเป็นอมตะ มันต้องตาย"

"โอ้ อา พูดแบบนี้มาต่อยกันดีไหม คนเขาเครียดๆ กันอยู่ จะประชดอะไรก็ช่วยดูสถานการณ์สักนิดนะ"

"นายโจ้ อาพูดความจริง" หมอผายืนยันแล้วถอนใจลึก "ตามตำนานที่เล่าให้ฟัง นายคงจำได้นะว่าแม่นางกณิการ์ต้องสละชีวิตเพื่อกลับมาเกิดใหม่ เพราะร่างใหม่ของเธอจะกำจัดซาตานวจาได้"

"คุณดิษถ์น่ะหรือ ดูสภาพเธอสิ แล้วเธอก็ไม่เชื่อด้วย"

"เราต้องทำให้เธอเชื่อ"

"ต่อให้อากราบเท้าเธอ ผมก็ยื่นคอรอให้บั่นก่อนล่วงหน้าเลยเอ้าว่าเธอจะ อุ๊บ"

เสียงท้าทายขึงขังยังไม่ทันจบเลย จู่ๆ ฤดีดิษถ์ก็ร้องกรี๊ดออกมาจากห้องนอนของมวลผกา ทุกคนลุกผลุงลุกหน้าตื่นตาโต ตัดสินใจกันไม่ถูกว่าจะทำอะไรดี ซ้ำยังไม่มีใครยอมยกย่างก้าวแรกไปดูเหตุการณ์อีกด้วย

"อา เกิดอะไรขึ้น อาต้องรู้สิ สีหน้าอามันฟ้อง"

ใช่ สีหน้าหมอผาเผือดลง เขาไม่สนใจภาวะกดดันที่แผ่คลุมทั่วโถง หรือจะว่าไปแล้วมันก็ทั่วทั้งบ้านลุงโภชน์นั่นแหละ รังสีร้อนจัดเปล่งเจิดจ้าบนทางเดิน ปลายทางตรงนั้นคือห้องนอนของมวลผกา ขุมพลังของซาตานอัดแน่นอยู่ในนั้น

"อา" หนุ่มโจ้เรียกซ้ำ เขาหวาดกลัวอีกแล้ว ก็ธรรมดานะ สู้คนไม่กลัวหรอก แต่ให้สู้ซาตาน ไม่ขอสู้ล่ะ

"อาจะไปดูเธอหน่อย"

หมอผาบอกพร้อมกับออกเดิน แต่ก็ไม่ทันพ้นสามก้าว สาวอวบหน้าใสที่ลุงโภชน์ใช้ให้เข้าไปช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าสาวสวยก็พลันวิ่งกระหืดกระหอบกลับออกมาหน้าตื่น หล่อนตบอกตื่นเต้นแล้วรีบชี้มือชี้ไม้ พลางตะโกนบอกละล่ำละลักว่า

"เธอไปแล้ว เธอวิ่งไปแล้ว เธอกระโดด เธอผลัก ไปๆ รีบไปดูสิ เธอไปแล้ว ขับรถแฟนเธอออกไปแล้ว"

"รถนายลายสือหรือ ตายละเว้ย"

หนุ่มหล่อมาดจอมยุทธ์เบิกตาแตกตื่น รีบสาวเท้าพรวดนำหน้าคนในโถงออกไปเลย ยังทันเห็นท้ายรถแวบๆ อยู่เบื้องหลังม่านฝุ่นที่ลอยตลบ

"ผมจะไปตามเธอ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเธอบ้าระห่ำแบบนั้น เธอจะไปไหน"

หมอผาปรี่ไปคว้าย่ามคู่ใจแล้วกระโจนตามหลานชายไปขึ้นรถ เกือบไม่ทันเสียด้วยซ้ำ พ่อหนุ่มว่องไวน่าทึ่งดีแท้ในยามคับขัน ลุงโภชน์กับพวกชาวบ้านทำท่าจะกรูตามไป หมอผาก็โผล่หน้าออกมาตะโกนห้าม

"รอฟังข่าวทางนี้ ถ้าคุณลายสือฟื้นก็บอกเขา แต่อย่าปล่อยให้เขาตามเราไป"

"อ้อ เออๆ "

ลุงโภชน์เงอะงะ หุ่นท้วมก็ดูงุ่นง่านทำอะไรไม่ถูก เป็นผู้นำคนมาค่อนชีวิต เจอเรื่องดีร้ายมาก็นักต่อนัก เพิ่งจะหนนี้เองที่ปะทะกับเหตุพิสดารจนตั้งรับไม่ถูก

ไหนจะบุตรสาวหายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างเดินทางกลับมาแต่งงานที่บ้านเกิด ไหนจะบุตรเขยต้องมาตายอย่างปริศนาในวิหารวังร้างอีก

จะว่าไป แกเองก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่หมอผาเล่ามานัก เพราะถ้าซาตานวจาเป็นอมนุษย์ที่มีพลังอาคมแข็งกล้าจริงละก็ ธิสัยซึ่งเป็นคนธรรมดาก็ไม่น่าจะเข้าไปช่วยปลดปล่อยให้หลุดจากพันธนาการคำสาปเป็นร้อยๆ ปีของแม่นางกณิการ์ได้

ดูสิ ลุงโภชน์เกิดและเติบโตบนภูดาร:-)ยสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังว่าด้วยปาฏิหาริย์ลี้ลับที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แกเชื่อเรื่องเหล่านี้

เชื่อว่ามีสิ่งเหนือธรรมชาติในอดีตดำรงคู่เคียงกับการเปลี่ยนแปลงมาจนถึงปัจจุบัน เชื่อชาวบ้านทุกคนที่มาเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดที่ได้ประสบ ไม่ว่าจะเป็นเพชรนิลจินดาที่ผุดขึ้นจากพื้นดิน ป่าอัญมณีที่วันดีคืนดีก็ปรากฏผู้คนโบราณมากมาย

แต่แปลกไหมที่แกไม่เชื่อว่าธิสัยจะทำเรื่องอันยิ่งใหญ่ได้ อย่างเช่น 'คืนอิสรภาพสู่ซาตานวจา'

"ลุงโภชน์เดาว่าแม่หนูคนนั้นจะไปไหน ฉันเดาว่าไปวิหารวังร้างนะ เพราะลูกเขยลุงตายที่นั่น"

"ไม่รู้สิ คงต้องรอให้กลับกันมาก่อน แล้วค่อยถามไถ่กันละวะ เอาล่ะ พวกเราก็แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ มีอะไรด่วนจะให้เด็กๆ ไปเรียก อ้อ แกน่ะ ช่วยไปดูคุณลายสือซิ ป่านนี้อาจจะฟื้นแล้วก็ได้"

ลุงโภชน์สั่งงานฉับๆ แล้วปลีกตัวไปนั่งเนือยๆ บนแคร่ใหญ่หน้าบ้าน รู้สึกอบอ้าวในหัวใจบอกไม่ถูก พักนี้ทำไมมันมีแต่เรื่องประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อนเลย

แม่หนูคนนั้นก็เหมือนกัน คนข้างนอกสุมหัวกันกลุ้มไม่มากพอหรือยังไง เธอถึงได้บ้าบิ่นขับรถไปไหนก็ไม่รู้ตามลำพังเสียอีก แฟนหนุ่มก็นอนไม่รู้สติอยู่บนเก้าอี้ยาวในห้องเดียวกันแท้ๆ ไม่ห่วงใยกันบ้างหรือ

แหม ตั้งคำถามติเตียนกันอย่างไม่รู้จริงแบบนี้ ถ้าฤดีดิษถ์มาได้ยินเข้าคงมีเคืองต้องเหลือบค้อนกันบ้างสักวงสองวง

เธอน่ะหรือจะไม่ห่วงใยลายสือสุดที่รัก ก็ที่หุนหันพรวดพราดกระโดดพุ่งออกทางหน้าต่าง กระโจนข้ามระเบียง แล้ววิ่งตื๋อไปกระทืบคันเร่งกระชากเกียร์พารถพุ่งทะยานเหมือนธนูถูกปล่อยแบบนั้นล่ะ ที่เรียกว่า 'ห่วงสุดชีวิต'




แย่แล้ว สาวครีเอทีฟมุ่งหน้าไปวิหารวังร้างจริงเสียด้วย ในแววตาหมอผาฉายความหมกมุ่นระคนหวาดกลัวเต็มพิกัด

ภาพในนิมิตเปล่งจ้าข่มขวัญ ใจสั่นรัวเมื่อเสียวสยองไปว่าภาพนั้นอาจจะเกิดขึ้นในวันนี้ ฤดีดิษถ์อยู่ในวงล้อมของความมืด ทั้งตัวเปื้อนไปด้วยเลือดชโลม

"ขับให้เร็วกว่านี้สิ" เขาจึงเร่งหลานชาย น้ำเสียงห่วงใยกระวนกระวายจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ด้วยใจหวั่นๆ

"เร็วขนาดไหนอีกล่ะ นี่ผมก็ทิ่มจนคันเร่งแทบจะทะลุออกไปข้างนอกอยู่แล้ว"

ฝุ่นตลบคลุ้งตามหลังเหมือนเกลียวพายุ มันหนาแน่นจนมองแทบไม่เห็นว่าบนถนนสายเปลี่ยวและขรุขระมีรถสองคันไล่กวดไล่บี้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย

"โทรศัพท์ล่ะ โทรหาคุณฤดีดิษถ์ เราต้องห้ามเธอ" หมอผาว่าละล่ำละลักอีก มือก็ล้วงหาลนลาน

"ผมว่าไม่พกนะ"

"เออ ใช่ อาก็ว่าอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นแกเร็วกว่านี้ นายโจ้ แกต้องเร็วกว่านี้ เราต้องแซงหน้าไปขวางเธอไว้ โน่นแน่ะ วิหารวังร้าง โจ้ เร็วเข้า โจ้ เร็ว"

โชติชลอยากร้องไห้ มันเหลือเชื่อมากเลยที่เขาเพิ่งจะมารู้ในวันนี้ว่าฤดีดิษถ์ขับรถได้เร็วแบบบ้าจัด มันเลยระดับเย้ยมัจจุราชไปแล้วด้วยซ้ำ ดูสิ เธอพารถทั้งคันพุ่งลอยเหมือนกระโจนขึ้นสู่เนินแคบ มันทอดสูงขึ้นสู่ปลายยอดที่สิ้นสุดลงตรงประตูที่เปิดกว้าง

"ไม่ได้นะ เราจะให้เธอเข้าไปในนั้นไม่ได้ จอดรถนายโจ้ จอด"

สั่งจอดเป็นจอด เบรกโดนกระทืบเหยียบ รถทั้งคันชะงักกึกแต่ก็สะดุดบิดส่ายพาล้อเสียดสีกับถนนดินปนกรวดจนเกิดเสียงแหลมวี้ดๆ

แล้วคราวนี้ก็ไม่ใช่แค่ฝุ่นหนาคลุ้งที่ตลบอบอวล ทั้งกรวดดินทรายก็พร้อมใจกันประดังกรีดประดังลอยกระแทกรถกระทบกระจกเสียงดังรัวๆ เหมือนข้าวตอกสะดุ้งไฟนับจังหวะกันไม่ทันทีเดียว

หมอผาผลักประตูกระโจนผลุงวิ่งสุดฝีเท้า ไม่ว่ายังไงก็ต้องรั้งตัวสาวฤดีดิษถ์ไว้ให้ถึงที่สุด

เขาร่ายมนตร์เรียกสายลมไปขวาง แล้วตัวเองก็โดนแรงสะท้อนดีดกลับ ตัวลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ ถ้าไม่แก่กล้าอาคมเข้าขั้นมาก่อนละก็ ร่างเพลี่ยงพล้ำเป็นต้องร่วงลงกระแทกกับโขดหินแถวนั้น หัวแตกแล้วตายเลยแบบไม่ทันได้ล่ำลาพ่อหลานชายแน่ๆ

"ไม่ใช่เรื่องของเจ้า"

ซาตานวจาคำรามก้อง พื้นดินบนยอดเนินก็มีอันสั่นโคลงเคลง ฤดีดิษถ์ที่ซอยเท้ามาหยุดหน้าประตูพลันส่ายโงนเงนเกือบล้มถ้าไม่ตะปบคว้ารากไม้ใกล้มือมาพยุงไว้ทันท่วงที

แต่หัวไหล่ก็หลีกเลี่ยงบาดเจ็บไม่ได้ มันกระแทกปังเข้ากับเสาเหล็กต้นหนึ่ง เธอได้ยินเสียงทึบหนักดังถนัดถนี่ แล้วกระแสเจ็บปนร้าวก็แผ่ซ่านตามมา

"ลายสือ" เธอตะโกนเรียกเข้าไป นิ่วหน้าสูดปากเจ็บๆ ไปด้วย "ลายสือ ได้ยินดิษถ์ไหม ลายสือ"

"ผมก็พอรู้ว่าคุณมีความแค้นที่ต้องสะสางกับเธอ แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้ เธอยังไม่พร้อม"

หมอผากล้ำกลืนกระแสเจ็บกับร้าวในคอเอ่ยต่อรองกับซาตานอหังการ อย่างน้อยก็ถ่วงเวลาเพื่อให้ตนหาทางเข้าใกล้ฤดีดิษถ์ เขาได้ยินเธอตะโกนเรียกแฟนหนุ่มอย่างร้อนรน เชื่อว่าพอแรงสะเทือนโคลงเคลงสร่างลง เธอต้องพรวดเข้าข้างในแน่ๆ

"เจ้ายังมีโอกาสกลับไป เพราะข้ายังไม่ต้องการชีวิตเจ้า ข้าต้องการสำเร็จโทษแม่นางกณิการ์น่าชังให้สาแก่ใจพยาบาทก่อน"

"มะ.. มันไม่ยุติธรรมต่อเธอ"

พอทักท้วงอย่างนั้น ก็เท่ากับกระตุ้นความดุร้ายให้ซาตานวจาเหลือกตาทื่ออาฆาต กระทืบเท้าเดือดดาล มันง้างกรงเล็บตะปบทรวงอกผู้ช่วยศัตรู เจาะเนื้อหนังทะลุจนเกิดรูแผล หมอผาก็มีอันแผดร้องโหยหวน

"อา" โชติชลตะโกนเรียกอย่างเสียขวัญ เขากำลังวิ่งฝ่ากระแสพายุมนตราขึ้นมาสมทบอย่างทุลักทุเล

"ไม่ต้องขึ้นมา"

หมอผีเสียท่าฝืนใจตะโกนบอก เขาห่วงหน้าพะวงหลัง หน้าบิดเบี้ยวแดงก่ำอย่างเจ็บปวด เลือดกระอักพ้นลำคอร้าวไหลเปรอะเสื้อจนชุ่ม แล้วฉับพลันนั้นเอง ทั่วแผงอกก็ร้อนจัดขึ้นเหมือนโดนไฟเผาเฉพาะที่

โอ.. ไม่ใช่คิดไปเองเสียด้วย เพราะกลิ่นไหม้เริ่มโชยขึ้น พอก้มลงเห็นเสื้อเป็นรูโหว่ เนื้ออกเกรียม ใจก็หายวาบจนลืมตรึงมนตราคุ้มครองตน

ตอนนั้นล่ะ ที่เสียท่าซ้ำอีกหน เขาโดนกระแสคลื่นของเวทย์ดำกรีดคว้าน กลางลำตัวเจ็บแปลบแหลมลึกคล้ายโดนฟันขาดสองท่อน เลือดสาดกระจายเป็นแพผืนให้เห็นกันสดๆ

โชติชลเพิ่งจะฝ่าด่านมนตราพายุมาปรากฏตัว เขาเบิกตาโพลงเมื่อเห็นอาหมอผีล้มตึงลง ศีรษะจะฟาดอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้หรอก ที่ทำได้ตอนนี้คือกระโจนเข้าไปช่วย ซ้ำยังมืดมนบอกไม่ถูกว่าคนธรรมดาไร้ฝีมืออย่างเขาจะช่วยอะไรได้

"โอ๊ะ เสียงใครคำรามอะไร แก้วหูจะแตก" เขาอุทานน้ำตาทะลักขณะประคองไหล่หมอผาด้วยมือสั่นๆ

"อย่าฟังโจ้ อย่าฟัง นั่งลง ประคองอานั่ง เร็ว"

หมอผาพูดปนกับเลือดที่กระเซ็นเป็นฝอยออกมา เขาจะร่ายอาคมสยบภูต

ซาตานอมตะไม่ใช่คนเต็มร้อยและไม่ใช่ผีเสียทั้งหมด เพราะมันถูกชุบชีวิตให้ฟื้นจากความตายแล้ว อาคมบทนี้จึงสยบมันไม่ได้ แต่อาจจะช่วยขวางฤดีดิษถ์ไม่ให้เข้าไปข้างใน เพราะถ้าเข้าไปได้ ประตูบานนั้นก็จะปิดลง เขาข้างนอกก็คงหมดปัญญาช่วยเหลือโดยสิ้นเชิง

"กำแหง"

ซาตานวจาตะคอกหนักขึ้น มันในที่เร้นยืนผยองกางแขนขาบนยอดเนิน หากหมอผากับโชติชลเห็นตัวตนของมันชัดๆ ก็อาจช็อกตาค้างเหมือนกับธิสัยนั่นล่ะ

เพราะแวบแรกที่เจอ หนุ่มเคราะห์ร้ายก็สติแตกตัวอ่อนคอพับสลบปุบปับไม่ใช่หรือ ทั้งที่ตอนนั้นมันก็แค่นั่งคุกเข่าอย่างสิ้นอิสรภาพ แต่ตอนนี้สิ มันยืนอวดรูปร่างสูงใหญ่ดั่งยักษ์ ตาเหลือกถลนอาฆาตหมอผีชั่ว ใคร่บิดคอทิ่มไส้เสียเดี๋ยวนี้ด้วยมือใหญ่กับนิ้วที่แข็งดุจเนื้อหิน

"คุณฤดีดิษถ์ อย่าเข้าไป เชื่อผม โปรดเชื่อผมเถอะ ผมขอร้อง"

หมอผาตั้งสติรวบรวมสมาธิ เปล่งเสียงผ่านจิตไปยับยั้งขาที่ยกและทำท่าย่างเข้าสู่หลุมอเวจี มันใช่เสียที่ไหนเล่า หมอผาคิดไปเองแท้ๆ เชียว วิหารวังร้างคือบ้านเกิดของฤดีดิษถ์ต่างหาก

เขาไม่น่าลืมไปชั่ววูบว่าในกาลเก่าเธอคือแม่นางกณิการ์ผู้เกรียงไกร ถามเธอสิว่าซอกไหนมุมไหนและตรงไหนเรียกว่าอะไรบ้าง รับรองว่าเธอต้องตอบได้ปร๋อ

โดยเฉพาะที่บางที่ที่ต่อให้ห่างหายพรากจากนานสักกี่ภพกี่ชาติเธอก็ไม่มีวันลืม แล้วถ้าได้กลับไปเห็นอีกสักครั้ง เธอก็อาจจะอุทานลั่นอย่างลิงโลดให้ได้ยินกันทั่วว่า 'โรงนาฏศิลป์'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 10:01:23




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com