Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
<< บัลลังก์ลูกไม้ ::..[49]>> vote ติดต่อทีมงาน

-สี่สิบเก้า-


ถัดจากคูน้ำไม่กว้างนัก โรงเรือนขนาดใหญ่ยังเป็นเงาดำมโหฬารคล้ายคุกคามในความรู้สึก

ฟ้ายังมืดยิ่งมืด ถ้าเป็นคืนจันทร์แจ่ม ยังพอหวังให้ม่านเมฆเผย รอเวลาแสงฟ้าแทนแสงไฟ หากทว่า...ในเมื่อเป็นคืนเดือนดับ ความหวังดังกล่าวจึงไม่มีทางเกิด

‘เอลีโอน่า’ อยู่ไม่ไกล เธอคงถูกจับตัวมาขังไว้ และกำลังหาทางหนีออก

ที่น่าขัดพระทัยนัก คือถึงอยู่ใกล้กันแค่เรียกได้ยิน เจ้าชายทีเบอร์เทียซกลับไม่อาจปริโอษฐ์

ใครจะรู้...พวกมันอาจอยู่ในมุมต่างๆ เช่นกัน เสียงแปลกปลอมแค่น้อยนิดจะสะกิดความสนใจ ถึงอย่างไรก็ทรงไม่อาจเสี่ยง

เธอ...อยู่ใกล้มือพวกมันมากกว่า!

แล้วเจ้าเดสิทแสนรู้ก็เกิดดื้อขึ้นมาเสียเฉยๆ มันไม่ยอมบินไปรั้งไว้ตามคำทรงขอ พอถูกเร้าหนัก มิพักโฉบหายไปในหมู่ไม้เสียเฉยๆ

เจ้านกโอหัง!

ฉะนี้ ที่สุดจึงจำทรงทนรับ ครั้นร่างงามด้วยชุดเป็นเอกนั้น กลับผลุบหายไปอีก ในซอกหนึ่งที่ทรงมองไม่เห็น

ให้มันได้อย่างนี้สิน่า! ทำไมจึงไม่หันหนีมาทางนี้นะ?!

สุดท้าย ด้วยหฤทัยไหวร้อนแทบขาดรอน และแม้ทรงทราบดีว่า...เสี่ยงไม่แพ้การออกสุรเสียง เจ้าชายทีเบอร์เทียซยังตัดสินพระทัยค่อยหย่อนองค์ลงคูน้ำ!

ไม่ได้ทรงคิดห่วงองค์เองเลย...หากมี ‘สิ่งใด’ ในนั้นเล่า เท่าที่สนพระทัย คือแค่...เอลีโอน่า ได้โปรดอย่าเพิ่งพ้นไปไกลเลย...

ความจดจ่อพลันชะงัก เพียงพระเพลาข้างขวาจ่อมลงไปกว่าครึ่งโคน

สิ่งที่แปลกคือ...ไม่มีอะไร...

จวบกระทั่งหยั่งพระเพลาอีกข้างตามไป โดยอาศัยพระหัตถ์ยึดพื้นบน คราวนี้ระดับน้ำสูงท่วมอุระ ยังปรากฏว่า...ว่างเปล่า...

เฉพาะเท่าความยาวของช่วงวรร่าง ก็นับว่าน้ำลึกนักแล้ว ทว่าคลองขุดไม่กว้างใหญ่นี้ กลับคงไม่มีสัมผัสจากพื้นใต้

ต่อให้ลองจมองค์เองจนน้ำถึงขอบโอษฐ์ ปลายพระบาทยังไม่พบสิ่งรองเบื้องล่างอยู่นั่นแล้ว

เมื่อเทียบสัดส่วนกับความกว้าง ความลึกดูจะลึกเกินจำเป็น!

บีบอกว่า สายน้ำนี้ใช้ล่องแพบรรทุกสินค้าเป็นสำคัญ นั่นอาจหมาย...ของบนแพมีน้ำหนักมากมายพอสมควร...?

อย่างไรก็ดี ด้วยเป้าหมายเดิมย่อมสำคัญกว่า ไม่ทรงมีเพลาพิเคราะห์อื่นใดได้มากนัก

เอลีโอน่า...ได้โปรด...รอก่อน...

ทรงพยายามดำลึกลงทั้งองค์ วาดพระเพลาและพระกรอย่างระวังเกิดเสียงดัง กับทั้งผิวน้ำต้องไม่ไหวจนจุดความสนใจ...

ไม่ช้าก็ทรงถึงฟากตรงข้าม ทีนี้ต้องพยายามใช้กำลังกรยันพระวรกาย ทั้งนี้ มาตรว่าขอบลึกของตลิ่งมีผิวยื่น – ยุบสลับกันคล้ายขั้นบันได ทว่าตะไคร่จับหนา จึงลื่นเกินจะทรงยอมเสี่ยง

...แม้นอยู่ในที่นั่ง ‘ผักเปื่อยแห่งบูเลทิน’ ...มียศ ปราศอำนาจ โดยเฉพาะอำนาจทางการทหาร ซึ่งหมายรวมถึงทรงถูกท้าทาย โดยฝ่ายนั้นจงใจละเลยการถวายการฝึกสอนเข้มข้น องค์ยุพราชหนุ่มยังทรงแข็งแกร่งพอจะนำองค์เองขึ้นบกได้ในเวลาเพียงสั้นๆ

แน่นอน...จุดที่หมายพระนัยนา บัดนี้ไม่ปรากฏวรร่างงามต่อไปแล้ว

ที่น่ากังขากลับคือ ไม่ทรงพบซอกหลืบใด อันจะเป็นที่ซ่อน หรือทางเชื่อมสำหรับหลบสู่ภายในได้ง่ายๆ

แล้วจากที่ทอดพระเนตรเมื่อครู่...เธอใช้เวลานานนักหรือในการหาทาง ‘หายตัว’

ยังกับเอลีโอน่ารู้จักประตูลับ ฤากลไกบางอย่างเพื่อผ่านทางกระนั้น!

หรือเพราะ...แต่แรกเธอถูกนำมาด้วยทางนี้?

แล้ว...หนีออกมาได้ ทำไมกลับหวนเข้าไปใหม่อีกช่องทาง?

ปริศนาได้รับคำตอบ ครั้นทรงสาวพระบาทเบากริบ ล้ำไปในเหลี่ยมมุมหนึ่งซึ่งยื่นออกมาคล้ายกำบัง

ทางนั้น ใกล้โรงเก็บแพซุงที่ยังเปิดกว้าง...จุดที่จะสามารถเร้นกายสู่ภายในได้ตามคำบี มีชายฉกรรจ์บ่งลักษณะ ‘ผู้คุม’ ชัด กำลังยืนคุยกัน ในมือจดบันทึกบางอย่างแล้ววางไว้ข้างโต๊ะเล็กตัวใกล้ๆ

เมื่อกี้ เอลีโอน่าอาจเห็น...หรือได้ยินเสียงฝีเท้า...จึงจำหลบกลับเข้าไป

เป็นโชคดีขององค์เองแท้ๆ พวกมันมัวติดหนับในหัวข้อสนทนา จนมิได้สนใจเห็นใครในเงามืด

กระนั้น ไม่มีใครยืนยันได้อีก สวรรค์จะเข้าข้างจวบจนเมื่อไหร่...เจ้าชายทีเบอร์เทียซทรงรีบคลำหาทางตามผู้อยู่ในดวงหทัยไปโดยเร็ว

แต่...ไม่!

จนแล้วจนรอดก็ไม่พบแม้สักช่อง!

เวลามีน้อยเกินน้อย ยิ่งนานจะยิ่งไม่ปลอดภัย ในที่สุดครั้นสดับเสียงหัวเราะดังแว่วเข้ามา จึงตัดสินพระทัยลอบกลับตามทางเก่า

พอลงน้ำได้ทั้งองค์ ก็เฉียดฉิวพอดีกับที่ผู้คุมรายหนึ่ง ก้าวอ้อมมาถึงจุดที่ทรงประทับอยู่เมื่อครู่

ชั้นต้น คงเพราะระลอกน้ำไหวเป็นวงมากกว่าปกติ...เป็นวงจากเพียงจุดเดียว เจ้านั่นจึงก้าวมาใกล้คู ตรวจดูเบื้องใต้

คบไฟในมือมัน บังคับให้ผู้หลบซ่อน จำทรงดิ่งดำลึก มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ที่จริงผิวหน้าของน้ำมีพืชเล็กๆ ลอยคร่ำเป็นแพ แต่ก็บางเหลือทน ทั้งบางช่วงยังไหวแหวกเป็นช่อง จนแสงไฟลอดส่องลงได้เป็นลำ

ต้องค่อยๆ ใช้พระหัตถ์ยันตลิ่งด้านข้าง เพื่อเลื่อนองค์ลงทีละน้อย...

วินาทีนี้กลับทรงหวังให้พื้นใต้...ต่ำลงไปไม่มีที่สิ้นสุด

สัมผัสหนักหนาทำให้คราบตะไคร่ลอกหลุดตามพระหัตถ์ เป็นจังหวะเดียวกันกับแสงสว่างจัดขึ้น

ขณะกำลังจะเลื่อนวรกายลงลึกอีกนั่นเอง สายพระเนตรที่ปราดเห็นเนื้อแท้ ใต้ผิวตะไคร่เดิมของขอบตลิ่ง พระหทัยถึงกับไหววูบ

มิน่า...ขอบตลิ่งแข็งกว่าดินปกติ ที่ทีแรกทรงให้คำตอบองค์เองว่า...น่าจะหิน จริงแท้ที่เห็นในบัดนี้...

หัวกะโหลก!

รู้สึกถึงความเย็นเยียบตลอดพระฉวี! พระโลมาคงลุกโพลง กระนั้นยังคงกำกับพระสติไว้ได้ หาไม่คงถึงสะบัดหัตถ์และวรกายถอยห่าง

แสงสว่างมากขึ้นอีกนิด คราวนี้ถึงส่วนที่ยังไม่ถูกสะกิดตะไคร่ลอกก็ทรงพอมองออก

หัวกะโหลก กับโครงกระดูก!

บางส่วนหน้าแหลมยาวอย่างหมาป่า บางส่วนเป็นวัวเพราะยังมีเขาติด แต่บางส่วน...กลม...เล็ก...

อาจเป็นกะโหลก...ลิง...

แต่หัวลิงไม่น่าใหญ่เท่านี้?

ใช่! หัวคน!

นี่มันกะโหลกมนุษย์ชัดๆ!

พวกมันฆ่าทั้งสัตว์ ทั้งคน มากมายจนสามารถเลาะกระดูกสร้างเป็นกำแพงตลิ่งได้ฉะนี้!

หัวใจพวกมันจักเป็นไฉน?

ไม่ทรงได้คำตอบ เพราะพระทัยประหวัดยังเจ้าหญิงเอลีโอน่าเสียก่อน

ไม่! เธอจะต้องไม่เป็นอะไร!

แสงไฟราลงพร้อมเสียงตวาดที่ฟังจากในน้ำไม่รู้เรื่อง แปลได้เพียงความรำคาญใจ...เจ้านั่นน่าจะผละไปไม่ช้าค่าที่ไม่พบสิ่งผิดปกติ เจ้าชายทีเบอร์เทียซทรงเตรียมป่ายคืนผิวน้ำ ด้วยอากาศในพระปัปผาสะเหลือน้อยเต็มทน

ทว่า...ทำไม่ได้อีก

ชายฉลองพระองค์ท่อนล่างหลุดติดในซอกของกะโหลกหนึ่ง

ต่อเมื่อออกพระกำลังดึง ยังคล้ายกะโหลกงับองค์ไม่ยอมปล่อย!

เมื่อนั้น ในอุระเริ่มเพิ่มอุณหภูมิและแรงกดดัน มันค่อยลามขึ้นสู่พระศอและพระเศียร

อากาศร่อยหรอ!

ในที่สุด แสงเหนือศิระดับลงโดยสิ้น ทรงใช้นิ้วพระหัตถ์หมายดึงกะโหลกเจ้ากรรมตามมา หากขณะนั้นเอง...อึดใจที่ใกล้เป็นอิสระ ผัสสะปลายพระดรรชนีกลับล้วงลึกถึงบางสิ่งเบื้องหลัง

บางอย่างที่...มิใช่เฉกเดิม...

ถึงอย่างไรก็ต้องพาองค์เองขึ้นสูดอัสสาสะก่อน ทรงลอยวรร่าง แล้วแหงนหงาย เพียงให้ครึ่งหนึ่งของผิวพักตร์ด้านบนลอยเรี่ยผิวอุทก

เมื่อทั้งสูด และแทบจะอ้างับอากาศ ความร้อนในอุระมลายลง กับที่ทอดพระเนตรคือ เจ้าของคบไฟ วิ่งพลางกระโดดพลาง หมายคว้าเจ้าปีกพรายที่ฉวัดเฉวียนร่อนล่อไปทางอื่น

เดสิทมันคงช่วยไว้

ความห่วงเจ้าดวงมาลย์ยังมี แต่ที่คาค้างกลางกมลมากกว่า คือสัมผัสปริศนาปลายดรรชนีเมื่อครู่

มิได้แข็ง หนา เรียบลื่นเช่นโครงกระดูก

เบื้องหลังผิวหน้าแห่งซากชีวิต อะไรบางอย่าง...ระนาบในแนวตั้ง...จะว่าขรุขระก็ไม่ใช่ มันคลับคล้าย...

...ผิวภาชนะเครื่องจักสาน...!

ใต้น้ำมืดสนิท แต่แสงแห่งดวงความคิดโชตนา ชั้นต้นทรงกดองค์เองต่ำมาเพียงน้อย ใช้พระหัตถ์คลำหาก็พบว่าขอบตลิ่งด้านบนยังเป็นดินหิน ต่อเมื่อต่ำลงมาอีกจึงคือเหล่าอัฐิ

ทรงพยายามรื้อซากอันประหนึ่งกำแพงผิวหน้านั้นทิ้งไป แต่ช่วงน้ำตื้น...โครงกระดูกถูกก่อหนากว่าในน้ำลึก

จึงจำกดวรองค์ลงต่อ ครั้นทรงกะได้ระดับเดียวกับครั้งแรกสุด คราวนี้...ความหนาน่าจะแค่กะโหลกเดียว...ทรงได้รับการยืนยัน...มันคือเครื่องจักสานแน่!

องค์มกุฎราชกุมารบูเลทินยังทรงจำได้ ในตลาด...เครื่องจักสานโมลาสโม่มีลักษณะพิเศษหนึ่ง

‘แม้ตักน้ำใช้ก็ไม่มีหยดรั่ว’

ฉะนั้น ของบางอย่าง ต้องเก็บห่างจากน้ำ...อยู่ในนั้น!

พวกมันคืออะไร? และโมลาสโม่กำลังกระทำการใดแน่?

คนพวกนี้สร้างโรงเรือนขนาดใหญ่เบื้องบน ประกอบอุตสาหกรรมเป็นฉากหน้า จากนั้นขุดคู...อ้างว่าเป็นทางขนส่งสินค้า ซึ่งเชื่อได้ว่าจริงครึ่งหนึ่ง...อีกครึ่งคือสินค้าสำคัญส่วนใหญ่...หรืออาจทั้งหมด ถูกฝังอยู่ในดิน มีคูน้ำเป็นทางเข้า มีโครงกระดูกประหนึ่งบานประตู ที่แน่นอน...คนขวัญอ่อนจะไม่ยอมเข้าใกล้เพื่อเปิดประตูนี้

สินค้าข้างในหีบจักสาน ต้องการความปลอดภัยจากสายตาคน!

นี่คือเหตุผลของที่อยู่...หากมีการค้นหา ใครเล่าจะคาด...สินค้า ‘ต้องห่างจากน้ำ’ ที่แท้อยู่ในน้ำ!

วินาทีนั้น...เป็นวินาทีนั้นเองที่ทรงตระหนักในท้ายสุดถึงรหัสลับ

‘ลางทีจะมีสิ่งแปลกปลอมในน้ำ’

ใช่แล้ว! นี่เล่า...ที่กษัตริย์หนุ่มพระองค์ใหม่ทรงพยายามบอกใบ้!

อะไรบางอย่าง...เป็นต้นตอสำคัญให้เสด็จมานี่...บางทีองค์เหนือหัวอาจยังไม่ทรงทราบ และต้องการ ‘หาเรื่อง’ เสด็จโมลาสโม่ให้ประจักษ์ด้วยจักษุองค์เอง!

เห็นได้ชัด ความเปลี่ยนไป และความไม่น่าไว้ใจทั้งหมดของโมลาสโม่ อยู่ที่นี่!

‘มัน’ อยู่ใต้น้ำ ในหีบหลังกองกระดูก เบื้องพักตร์ ณ บัดนี้!

. . . . . . . .



ภารกิจภาคดึกของคนงานจบสิ้นเมื่อจวนสองยาม ชายฉกรรจ์กลุ่มสุดท้ายลากกระสอบ ตลอดจนหีบจักสานบรรจุสินค้าลงแพ ลักษณะคละคลุ้งด้วยผงคลี ผู้ลอบสังเกตการณ์จึงทรงกำหนดในพระทัยว่า... ‘คนละอย่าง’...

เห็นได้ชัดว่าสินค้าส่วนใหญ่ได้แก่แป้งอันเกิดจากการบดโม่ด้วยแรงกังหันน้ำ มีธัญพืชแห้งอยู่บ้าง เพราะตอนขนย้าย คนงานบางรายเผลอทำปากกระสอบเปิดรั่ว กับทั้งซุงที่ใช้ประกอบเป็นพาหนะนั้น ครั้นถึงจุดหมายก็น่าจะถูกถอดขายเป็นท่อนๆ อาจเหลือไว้เพียงลำเดียวพาผู้ค้าเดินทางกลับ เนื่องจากเมื่อมองเข้าไปในช่องเปิดเดียวของโรงเรือน...ช่องเปิดซึ่งอนุญาตให้คูขุดทอดยาว ซ่อนปลายจบไว้ภายใน... แสงไฟจากคบที่ปักรายมากกว่าภายนอก ช่วยให้เห็นได้ไม่ยากว่ามีท่อนซุงเรียงกองไว้มากพอควร

พวกมันคงตัดไม้เก็บไว้ในปางส่วนหนึ่ง...ปางที่เฟร็จ ‘ได้พบ’ และเลยฉวยแพพาเสด็จมา จากนั้นครั้นสินค้าพร่อง ซุงจะถูกกอปรกันเป็นแพ ล่องมาเก็บสำรองต่อที่นี่

แพลำสุดท้ายถูกผูกไว้ตรงปากประตู ค่าที่ผิวน้ำนิ่งสนิท อีกทั้งเป็นผิวซึ่งถูกเคลือบโดยพืชน้ำชนิดสีเขียวเข้ม ทำให้ดูคล้ายแพถูกลากมาจอดไว้บนลานหญ้ามากกว่ากำลังลอยคลอง

จากที่ทรงจับพระนัยนา...องค์มกุฎราชกุมารบูเลทินทรงพบว่า สินค้าในแพกลับมีไม่มากเท่าทรงคาดไว้แต่ต้น

อันที่จริง...ทีแรกยังไม่แน่พระทัยนักเนื่องบนแพถูกโยงผ้าคลุมไว้คล้ายกางมุ้งปิด หากแล้วก็ทรงได้รับคำยืนยัน...ผิวน้ำเรี่ยแค่ขอบต่ำของซุงชั้นล่างที่กอปรเป็นแพ แสดงว่าแพบรรทุกไม่หนักแต่อย่างใด

แค่บังเอิญ...หรือมีเหตุแห่งความผิดไปนอกจากนี้...?

ที่แปลกกว่า...น่าจะคือจู่ๆ คนงานทั้งหมด...กระทั่งคนตรวจนับที่จดบันทึกบางอย่างอยู่ข้างนอกครู่ก่อน ก็พลอยพากันกลับหายเข้าไปในโรงเรือนสิ้น ทิ้งไว้ด้วยงานที่ยังไม่น่า...สำเร็จ ทั้งแปลกที่สุดคือ กระทั่งกระดาษบันทึกก็ถูกวางค้างพร้อมเครื่องเขียนเสียดื้อๆ อย่างนั้น

ไม่มีเวลามากพอสำหรับไขปริศนา หรือคอยความเชื่อมั่นมากกว่านี้ แค่ไม่กี่นาทีที่ชายฉกรรจ์ทั้งหมดลับตา เจ้าชายทีเบอร์เทียซตัดสินพระทัย...

หากไม่ฉวยไว้ตอนนี้ โอกาสอาจไม่มีมาอีก!

วรร่างสูง เปรียว ปรูดขึ้นจากช่องคูด้วยความเร็ว แต่เงียบ แทบไม่มีเสียงน้ำหยด เพราะเพียงพ้นผิวธาร ก็ทรงแนบวรกายแล้วใช้วิธีกลิ้งไปบนพื้น สิ่งเดียวที่ช่วยไม่ได้จึงคือรอยน้ำกับสีเขียวเป็นปื้นๆ อันจะถูกสงสัยและทำให้ภารกิจต่อไปยากยิ่งขึ้นเป็นแน่แท้

แต่...ไม่ทรงมีทางเลือก

ภาพ...และสัมผัส ยังติดตรึงในพระมโนสำนึก ทั้งบนผิวพระฉวี

ใช่! ต้องเสียเวลานานพอดูกว่าจะขุด ‘กำแพง’ กะโหลกและโครงกระดูกเหล่านั้น เพื่อดึงหีบสานข้างหลังออกมาได้ ทั้งยิ่งต้องสูญเสียเวลาไปมากยิ่งกว่า สำหรับหาทางเปิดภาชนะกันน้ำชนิดนี้ออก...

คงเพื่อความมั่นใจว่า ‘สินค้า’ ข้างในจะไม่ได้รับความเสียหาย ผู้ขนส่งจึงใช้หีบสานซ้อนกันกว่าสามชั้น แต่ละชั้นผนึกรอยปิดแน่น เฉพาะชั้นนอกสุดยังมีเชือกกระหวัดไม่ต่างเงื่อนตาย

และ...ทันทีที่ปราการด่านสุดท้ายถูกพิชิต พระหัตถ์ล้วงเข้าไปทั้งยังอยู่ใต้น้ำ...

น้ำที่มืดยิ่งกว่ามืด...

. . . . . . . .



โต๊ะตัวนั้นอยู่ไม่ไกลจากร่องขุด ทรงอาศัยเช็ดมือกับพรมหญ้าสั้นๆ พอหมาด จากนั้นพลิกแผ่นกระดาษสีเหลืองแกมน้ำตาลบนโต๊ะ...

ที่จริงไม่ทรงหวังไว้แต่ต้น...แต่มันก็ยังน่าผิดหวังอยู่ดีเมื่อกระดาษแผ่นบนสุด มีก้อนหินวางทับป้องกันปลิวอยู่ กลับไม่ให้ความรู้ใดๆ เพิ่มเติมได้เลย ในเมื่อสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ เป็นลายมือหวัดชนิดแทบมองได้ว่าคือคนละภาษา

ดังนั้น...โดยไม่ยอมเสียเพลาแกะอ่านต่อ ทรงดึงกระดาษแผ่นใหม่ข้างใต้...กระดาษที่ยังไม่ถูกขีดเขียนใดๆ เลย...

เจ้านกแสนรู้สำแดงความฉลาดอีกครั้งหนึ่ง...มันผินกลับมาหลังจากล่อคนคุมรายเก่าหายไปเสียสองนาน

ซึ่ง...ไม่ทรงตำหนิมันแน่ๆ...

มันบินกลับมาได้เวลาพอดี!

สิ่งที่ใช้บันทึกใช่แค่แท่งถ่าน ทว่าปากไก่ชั้นเยี่ยม!...อีกสิ่งซึ่งแสดงว่าคนพวกนี้ติดต่อกับคนนอก...คนนอกผู้มีอารยธรรมล้ำไกล ที่สำคัญคือแสดงว่าสินค้าชนิดที่พวกมันขาย ให้ราคางามยิ่ง!

. . . . . . . .



สินค้าในหีบมีลักษณะยาว แข็งจัด การเก็บอยู่ในสถานเฉกนั้นทำให้มันกักความเย็นจนแทบรู้สึกยะเยือก

จากผัสสะ...ส่วนใหญ่กอปรจากไม้ กับบางส่วนคือโลหะชั้นดี ปลายข้างหนึ่งแบน แต่แผ่กว้าง หากสั้นกว่าอีกส่วนซึ่งเล็กกว่า ทว่ายาวยืดออกไป

มันทำให้หีบสานเบาๆ คงน้ำหนักโข!

ความมืดทำให้ไม่อาจทอดพระเนตรใดๆ กระนั้น ‘ลางสิ่งแปลกปลอมในน้ำ’ ที่เริ่มจะทรงร่างเป็นภาพคร่าวๆ ในดวงดำริ ยังฉุดให้ความยะเยือกตรงปลายดรรชนี แทบถึงจุดเยือกแข็ง

อาจ...ไม่ใช่...

เมื่อทรงพินิจถึงที่มา ยังไม่ทรงเห็นว่า...จะเป็นไปได้อย่างไร ฉะนั้น อาจคล้ายๆ...แต่ไม่น่าใช่...

เสียงหนึ่งในพระทัยบอกเช่นนั้น หากอีกเสียงก็พลันค้านว่า

‘อย่าปลอบใจตัวเอง!’

ทุกอย่างเป็นไปได้ หนึ่งในเรื่องเกินคาดคือพืชพิษ...โอสถมรณะแห่งพระนางเหนือหัวปลูกที่นี่! กับความเป็นไปพิลึกพิลั่นอันทรงประสบในโมลาสโม่จวบจนบัดนี้เล่า...

ใช่! ต้องใช่แน่ๆ!

วินาทีนั้นเอง อีกคำถามเกิดตามมา

ถ้าใช่...แล้วมันจะมีจำนวนซักเท่าไหร่?

ทรงใช้ลมหายพระทัยก้อนสุดท้ายในปัปผาสะ สอดหัตถ์เข้าในช่องที่ดึงหีบออกมา พบว่าผนังด้านข้างและด้านในซอกล้วนเป็นดิน ขุดเข้าไปอีกก็ยังไม่มีอะไร

เช่นนี้อาจหมาย...พวกมันสุ่มซ่อน ‘สินค้า’ โดยเว้นไว้เป็นระยะ ความจริงอาจมีไม่มากเท่าไหร่...

อีกครั้ง เสียงนั้นดังขึ้น

‘ปลอบใจ!’

คูขุดสายนี้ยาวมากขนาดไหน ต่อให้มิได้เรียงถี่ โมลาสโม่จะยังมี ‘สินค้า’ มากเกินพอ!

ก่อนการตัดสินพระทัยสุดท้าย...ต้องดูให้เห็นกับตา! พระดำริยังวูบไหวด้วยความกังวลระคนเวทนา

อนิจจา...นี่คือเหตุให้ราชาพระองค์ใหม่ทรงถูก ‘ล่อ’ เพื่อเสด็จมาที่นี่

จะทรงทราบบ้างหรือไม่ ที่แท้...สิ่งแปลกปลอมในน้ำ...

อะไรกำลังรอพระองค์อยู่!

. . . . . . . .



‘ห้ามลงน้ำ จาก อินทรี’

เจ้าของหัตถ์ที่กุมปากไก่อยู่คงชะงักค้าง สายพระเนตรจับข้อความสั้นๆ ในลายพระหัตถ์ขององค์เองอย่างไม่มั่นพระทัย...

ไม่หรอก... องค์เหนือหัวอะแลมเบิร์กทรงปราดเปรื่องปานไหน ยังไงก็ต้องเข้าพระทัยในสารที่ต้องการสื่อ

ขอเพียงแต่...เข้าพระทัยแล้ว...โปรดอย่าทรงสงสัย ขอให้ทรงเลิกล้มความตั้งพระทัยพิสูจน์ หรือพระประสงค์ตรวจสอบทั้งหมดให้สิ้น

หาไม่...จะไม่ทรงต่างจากเนื้อ ที่เดินเข้าปากเสือด้วยบาทแห่งองค์เอง!

กำลังจะทรงพับสาสน์ผูกเหน็บข้างขาเจ้าทวิชาแสนรู้ มกุฎราชกุมารเมืองบนกลับทรงชะงักไปอีกด้วยสัญญาณเตือนถึงหน้าที่สำคัญในพระตำแหน่ง...

ทีเบอร์เทียซ...เจ้ามาอะแลมเบิร์กด้วยจุดประสงค์ใด!

ใช่แล้ว...ดูก่อน...หากปราศผู้ที่กำลังดำริหมายช่วยพระชนม์ชีพเสียพระองค์ สัตย์สัญญาแห่งบูเลทินจะขยับใกล้...ไม่ผิดจากอำนาจจริงแท้ในพระราชบัลลังก์...ฤามิใช่?!

กบฏเยี่ยงท่านเสนาจะสิ้นความหมาย ชัยชนะเหนือกษัตริย์เมืองดัสกรตลอดกาล ย่อมจะยังความเหิมฮึก สร้างความปรวนแปรและปันใจออกห่างของ ‘กำลัง’ เดิมในท่านเสนา

เมื่อนั้น อำนาจทางการทหารที่มิเคยทรงกุม จะกลับคืนสู่หัตถ์!

แล้วการพิชิตเมืองน้องให้ราบกลองต่อไป ย่อมจะง่ายประดุจปอกกล้วย!

ทรงประทับ ณ อะแลมเบิร์กนานแค่ไหน ก่อนหน้านั้นก็ทรงศึกษานครานี้มานานเท่าไหร่ มีหรือจะไม่ทรงถ่องแท้ในทุกจุดแข็ง – อ่อน

ถึงตอนนั้น...

ต่อให้อำนาจของเจ้าหญิงวีเลมิน่าก็มิอาจขวางกั้น ความรักระหว่างพระองค์กับเจ้าหญิงผู้เลอโฉม!

เอลีโอน่า...

นามนั้นเอง ดุจจะดูดดึงความอบอุ่น และนุ่มละมุนทั้งหมด ให้คืนสู่พระหทัยที่แห้งผากและเยียบเย็น

แน่หรือ...ถึงวันนั้น...เอลีโอน่าจะยังสนิทเสน่หา และยินดีร่วมเรียง...?

ทางที่ทอดห่าง จะยิ่งกว้างออกไกลจนไม่มีวันย้อนบรรจบ!

และกับองค์เอง...คุณธรรมที่พร่องหาย ฤาจะยังให้เหยียดวรกายเหนือบัลลังก์ได้เต็มภาคภูมิ

เป็นกษัตริย์ แต่มองหน้าใครได้ไม่เต็มเนตร!

เอลีโอน่า...

บัดนั้น แสงสว่างเรืองรองในพระกมลพลัน

ความดี...และทางที่ถูกที่ควรเท่านั้น จะพาเราสองครองคู่กันจนได้

จะต้องเป็นไป จะมีวันนั้น!

ด้วยความแน่แน่ว มั่นคงในพระราชหฤทัย สาสน์ถูกส่งขึ้นฟ้าไปพร้อมเดสิท

“จงตามหาพระองค์ให้เจอ ความหวังทุกอย่างอยู่ที่เจ้าแล้ว!”

วินาทีที่กำลังจะทรงกลับสู่คูน้ำ หาทางเล็ดลอดเข้าไปช่วยสตรีเดียวผู้เป็นที่รักยิ่ง เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นเบื้องปฤษฎางค์

“หยุดอยู่ตรงนั้น ฝ่าบาท!”

เนื้อเสียงคุ้น หากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปแทบเป็นคนละคน ทำให้ต้องใช้ความคิดนิดหนึ่งจึงทรงสำเหนียก

“ท่านคห...บดี...!”

ปลายสุรเสียงสะอึกหายไปในลำศอ ทั้งพระจักษุก็เบิกกว้าง ในเมื่อหันกลับมาแล้วทรงประสบ...

ร่างเล็กยังประดับด้วยหัวกลมบนคอย่นคลับคล้ายยืดยาวได้ หากในความเล็กหาใช่เต็มไปด้วยความลู่น้อม พินอบพิเทาอย่างจงใจเกินกว่าเหตุเช่นทุกที ทั้งนี้ ไหล่ผายเพราะในวงแขนถูกแนบไว้ และในฝ่ามือกุมอยู่ด้วย...

...‘สินค้า’!...

เพียงเท่านั้น พระดำริก็ดูจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้มากขึ้นมาก...

ใช่แล้ว! ถึงบัดนี้...ทรงตระหนักแล้วว่า สินค้าที่ไม่มีในภูมิภาค ต้องนำเข้า ภายใต้เงื่อนไขอันกำกับด้วยกฎหมายแน่นหนาซับซ้อน กลับเดินทางมากระจุกอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในจำนวน...

มาก...

แน่นอน...คงมากกว่าที่เดิมทรงคิดไว้เสียอีก!

แต่ที่ไม่ทรงคิด...คิดไม่ถึง คือ...

“คงมีคนแปลกใจ...ไม่จำเป็นต้องใช้ให้หมดเปลืองอย่างที่พวกเขาอุตส่าห์เตรียมไว้ แค่ ‘ปืน’ กระบอกเดียวก็ทำให้ ‘เป้าหมาย’ ตกมาอยู่ในกำมือ!”

. . . . . . . . .
ปราปต์
24/12/12
.

 
 

จากคุณ : งี่เง่าบอย
เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 16:00:39




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com