Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
จอมเวทไร้พลัง ตอนที่ 7 vote ติดต่อทีมงาน

อีกครั้งที่ความฝันของอิกริดเข้าถาโถมรวดเร็วผิดปกติ ทันทีที่หัวถึงหมอนผ้าพกพาห้องทั้งห้องก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เขานั่งอยู่ภายในห้องหรูหรา ประดับด้วยเครื่องแก้วและผ้าม่านหลากสี รวมไปถึงบังตาหนังสัตว์วาดลวดลายสวยงามจับตา

     อิกริดมองไปรอบห้องด้วยความฉงน ตอนนี้เขาอยู่ในฝันอย่างนั้นหรือ ห้องนี้ช่างดูคุ้นตาราวกับเคยพบมันมาแล้วครั้งหนึ่ง หากเป็นสถานที่เดิมอีกไม่กี่วินาทีหญิงสาวแสนงามคนเดิมคงมาเคาะประตูห้องแน่

     เสียงประตูห้องดังขึ้นก่อนอิกริดจะคิดเสร็จ หญิงสาวผมเขียวที่งดงามราวนางฟ้าย่างกรายเข้ามาในห้อง ห้อยสร้อยประดับทับทิมเม็ดใหญ่ดูสะดุดตาเมื่อเทียบกับสีผม สีหน้านางเบิกบานแจ่มใส อิกริดหลงไปกับความสวยชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะรู้ตัว

     “เจ้าเป็นใคร และที่นี่ที่ไหน” อิกริดเอ่ยถาม

     “จะบอกว่าข้าใส่สร้อยของท่านแล้วสวยจนจำไม่ได้หรือเวเบอร์”

     ตอนนี้เขาเป็นเวเบอร์อีกแล้วหรือ อิกริดคิด

     “เล่นด้วยก็ได้...ข้าชื่อลาควีล่า โมรัค หรือจะเรียกว่าไลล่าก็ได้ พี่ชายของข้าคือ มาเวอร์ริค โมรัค เป็นนักรบจันทรา ท่านพ่อกับท่านแม่บุญธรรมของข้าเคยเป็นจอมอสูรหัวหน้าใหญ่ของท่าน สุดท้ายพวกท่านก็กลับมาเป็นมนุษย์ธรรมดา แล้วพวกเราก็อยู่ที่ไพน์เมืองของแม่ข้า พอใจหรือยัง”

     “เดี๋ยวก่อน จอมอสูรกับหัวหน้าใหญ่หมายความว่าอย่างไร”

     คราวนี้อิกริดรู้สึกตัวได้นานกว่าคราวก่อน จึงสามารถซักถามต่อได้โดยอิสระ

     “ก่อนหน้าที่พ่อบุญธรรมของข้าได้รับพลังด้านมืดจากจอมปิศาจกลายเป็นจอมอสูร ความต้องการหนึ่งเดียวของพวกท่านคือทำลายเมืองใหญ่ทั้งสอง ซึ่งท่านก็คือลูกน้องอันดับหนึ่ง! เวเบอร์! ท่านลืมเรื่องนี้ได้อย่างไร ท่านอุตส่าห์ลงแรงกับไบรอันเพื่อช่วยท่านพ่อของข้าเชียวนะ”

     แล้วอิกริดก็รู้สึกหน้ามืด พร้อมกันนั้นความเป็นอิกริดในตัวก็ค่อยๆลดถอยไป

     “ทำไมข้าจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ข้าคืออิกริด... ใครกัน ข้าคือใครกัน”

     “เป็นอะไรไปเวเบอร์! ท่านคือเวเบอร์ เฟียร์เลสอย่างไรละ” หญิงสาวหน้าเสีย “พี่ชายบุญธรรมของท่านคือผู้กล้าพัวร์รีนแห่งอิเดนกับเทพีเฟเรซิส...อย่าแกล้งทำให้ข้าใจเสียสิ!”

     “รู้สึกเหมือนกับ ความทรงจำยังไม่เข้าที่” ชายหนุ่มนิ่วหน้าพยายามนึกบางสิ่งให้ออก แต่มันยากเย็นเหลือแสน

     “ยังมีอีกนะ ท่านเป็นคนหนึ่งที่อยู่ด้วยตอนชุบชีวิตข้าขึ้นมา เราเคยเป็นศัตรูกัน” หญิงสาวยังไม่ละความพยายาม ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังสนใจกับคำว่า อิกริด ราวกับคำนี้มีความสำคัญกับเขาอย่างลึกซึ้ง

     ในตอนนี้เขารู้สึกสับสนกับตัวเอง เขากำลังค้นหาความแข็งแกร่งไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้ ในความทรงจำของเขามีบางสิ่งขัดแย้งกันเอง ในหัวมีภาพตัวเขากำลังต่อสู้กับหญิงสาวคนหนึ่ง นางถือดาบพุ่งเข้าต่อกรกับเขาอย่างกล้าหาญ แต่นั่นเป็นความทรงจำของใครกัน เวเบอร์ หรือเขาอีกคนที่จำชื่อไม่ได้

     “ข้าเคยต่อสู้กับผู้หญิง ใครกัน เจ้าจำได้หรือไม่”

     “ก็ข้าอย่างไรละ เราเคยสู้กับหลายต่อหลายหน จนกระทั่งถึงคราวตัดสิน ตอนนั้น”

     “นั่นคือความทรงจำของเวเบอร์หรือ”

     เขาคือเวเบอร์อย่างนั้นหรือ แล้วความทรงจำของชายที่มีนามว่าเวเบอร์ก็แผ่ออกราวหมึกหยดลงน้ำ ทั้งตอนที่เข้าใจผิดกับพี่ชายบุญธรรม และตอนที่โดนไลล่าโค่นอย่างง่ายดาย

     “จำได้แล้ว ข้าคือเวเบอร์ โฟรแซท เฟียร์เลส ข้าเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้ระหว่างเราสองคน และสุดท้าย ข้าก็ตายเพราะ...”

     หญิงสาวเอาฝ่ามือสัมผัสกับริมฝีปากของชายหนุ่มหมายความว่าให้หยุดพูด

     “เรื่องน่าเศร้าแบบนั้นลืมไปเสียดีกว่า ตอนนี้ท่านก็กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว แต่น่าเสียดาย ที่ข้าไม่อาจกลับเป็นคนเดิมได้อีก”

     ชายหนุ่มจะดึงหญิงสาวเข้าอ้อมแขนโดยสัญชาติญาณ แต่หญิงสาวรั้งตัวเอาไว้อย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางสับสนปนเประหว่างความยินดีกับเศร้าหมอง

     “แม้ใจข้าจะเคยเป็นของท่านทั้งสองคน แต่ร่างของข้าเป็นของเขาไปแล้ว และจะรวมไปถึงชีวิตของข้าด้วย” หญิงสาวก้มหน้าราวกับอยู่ในห้วงความคิด “ข้าดีใจที่ได้รักท่านทั้งสองคน แต่ข้าได้เลือกแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด”

      “แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่เลือกข้าล่ะ!” ชายหนุ่มแทบตะโกนออกมาด้วยความเจ็บใจ “ความรู้สึกของเจ้าในตอนนั้นไม่ใช่สิ่งโกหกแน่ หรือหมอนั่นบังคับเจ้า!”

     “ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของข้า เวเบอร์ แม้ตอนนั้นท่านจะไม่ตายข้าก็คงเลือกทางนี้อยู่ดี...ข้ารักท่านนะ และข้าก็รักเขาด้วย ท่านคงเข้าใจว่าข้าต้องเลือก”

     ชายหนุ่มตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนอีกครั้ง สตรีที่เขารักมากกำลังจากเขาไปอีกคนหนึ่งแล้ว คราวนี้จากไปทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่จากไปเป็นของคนอื่น ผู้เป็นเหมือนเพื่อนรักของเขาเอง

     “อย่างนั้นก็ขอให้โชคดี พี่ชายคนนี้ขออวยพร” ชายหนุ่มตอบด้วยความปวดร้าว

     “ความจริงข้าจะมาขอบคุณที่มองสร้อยคอให้ แต่ข้ากลับทำให้ท่านรู้สึกแย่เสียได้”

     “แล้วชีวิตในปราสาทเป็นอย่างไรบ้าง”

     “ไม่โลดโผนแต่ก็ไม่น่าเบื่อ มีเรื่องอะไรให้ศึกษาเยอะ” หญิงสาวตอบ เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มตามเดิมทั้งที่ดวงตายังแฝงแววเศร้าหมอง “ตอนนี้องค์อาร์เดนทิสทรงประทับที่ห้องทรงอักษร ท่านอยากเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวไม่ใช่หรือ”

      “ขอบคุณมาก ขอข้าอาบน้ำเสียก่อนเพราะอากาศที่นี่ร้อนมาก”

     “พูดถึงอากาศร้อนแล้วนึกสงสารเขาน่าดูเลยนะ เคยอยู่แต่ในหุบเขาสูง ขนาดว่ายน้ำยังว่ายไม่เป็นเลย”

     “แล้วหมอนั่นได้ตำแหน่งอะไร แม่ทัพนายกอง เห็นอยู่ตอนไปยืนรอต้อนรับ”

     “ครูสอนดนตรีหลวง”

     คำตอบดังกล่าวแทบทำให้ชายหนุ่มระเบิดหัวเราะ หมอนั่นซื่อสัตย์ต่อตนเองเสมอแต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงขนาดนี้ อย่างน้อยน่าจะรับตำแหน่งนายกองหรือผู้วิเศษประจำปราสาทเพื่อผู้เป็นที่รัก

     “บ้าเหมือนเดิมสินะ” ชายหนุ่มโคลงหัว “เจ้าหญิงกับครูสอนดนตรีหลวง ห่างไกลอย่างกับฟ้ากับเหว ไม่สิ ให้เป็นฟ้ากับดินดีกว่า สูงขึ้นมานิด”

     “อย่าหัวเราะนะ เขาตกลงกับท่านพี่เอเลน่าเอาไว้แล้วต่างหาก เขาไม่อยากผิดคำพูด”

     “ไม่หัวเราะก็ไม่หัวเราะ เจ้าออกไปได้แล้ว ข้าจะได้อาบน้ำเสียที” ชายหนุ่มเปิดประตูให้หญิงสาวออกไป เขายืนพิงประตูห้องที่ว่างเปล่าอยู่อึดใจแล้วเดินไปอาบน้ำ...


     “คิดอย่างไรจึงให้ข้ามาทำงานร่วมกันท่านด้วยล่ะ เวเบอร์ ข้าไม่เคยเรียนการทูตมาก่อนเลยนะ”

     ลาควีล่าถาม นางกับชายหนุ่มกำลังดื่มชายามบ่ายกันในสวนม่านบาหลีทางทิศตะวันออกของกลุ่มปราสาท

     “ที่เมืองของข้า เราใช้สัตว์ปิศาจเป็นม้าเร็วส่งสาสน์ รวดเร็วและปลอดภัยกว่าการใช้นกพิราบหรือสัตว์อื่น จะใช้เวทมนตร์ก็ต้องเผื่อไว้ด้วย หากผู้รับอยู๋ในจุดที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ และข้ารู้เรื่องนั้นแล้ว หากเจ้าไม่ได้งานประจำอีกไม่นานคงถูกขายโดยการแต่งงานทางการเมือง ที่เจ้าต้องทำคือการหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองต่างๆให้ข้าเท่านั้น เราต้องการประกาศเรื่องโลกต่างมิติเพื่อให้ผู้คนเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างเปิดเผย และข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งใหม่เป็นสิ่งสำคัญ ตอนนี้ทางอิเดนก็กำลังทำอย่างนี้เหมือนกันโดยมีข้าเป็นศูนย์กลาง”

     “แล้วท่านก็ต้องไปๆมาๆอย่างนั้นหรือ”

     “ก็มันเป็นงานนี่ ทำอย่างไรได้ล่ะ”

     “เมืองที่ท่านอยู่เป็นอย่างไรเวเบอร์ ข้าอยากไปบ้าง

     “เมืองของข้า...” ชายหนุ่มเริ่มพูดแต่มีคนมาขัดเสียก่อน

     ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาขวางการสนทนารูปร่างผอมสูง ผมสีเหลืองดวงตาสีเขียว ชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มแลดูทะมัดทะแมง

     “ไม่ได้เรียกใช้จะเข้ามาทำไม เจ้านักดนตรีหลวง”

     ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ก่อนแล้วดักคอ อีกฝ่ายคือผู้ที่เคยได้ชื่อว่าผู้กล้าแสงตะวัน ผู้เป็นทั้งเพื่อนและคู่ปรับในด้านความรัก อีกฝ่ายแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าเล็กน้อยพอเป็นทางการ

     “เข้ามาดูว่าเจ้าวางแผนร้ายอะไรอยู่น่ะสิ ท่านผู้นำกองทัพปิศาจ ตอนนี้เป็นทูตแล้วนี่” ชายผมเหลืองประชด “ถ้าเราไม่ได้เคยเป็นเพื่อนกันข้าก็ไม่อยากเห็นหน้าเจ้าหรอก สาบาน”

     “คิดตรงกันเลย” ชายหนุ่มตอบ

     ทว่าหญิงสาวไม่ใยดีต่อบทสนทนาของทั้งคู่

     “แล้วมีอะไรหรือ ไบรอัน”

     “เจ้าการ์ให้มาชวนเจ้าไปทานอาหารเย็นกับเขา เวเบอร์ เจ้าด้วยไลล่า”

     “นี่หรือคำพูดที่ใช้กับคนที่มีฐานะสูงกว่าน่ะ” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ เลิกคิ้วอย่างนึกฉงน

     “สูงไม่สูง ข้ากับนางก็กินอาหารเย็นร่วมกันมาเป็นเดือนแล้ว มีอะไรกันแล้วด้วย”

     “ก็แค่นั้น คนที่ได้แต่งงานกับนางต่างหากที่เป็นตัวจริง” ชายหนุ่มตวัดเสียงใส่อย่างเดือดดาล

     “หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” หญิงสาวคำรามเบาๆ ด้วยความโกรธของนางทำให้ภูตแห่งเปลวไฟสำแดงฤทธิ์ รากม่านบาหลีที่ห้อยย้อยลงมาจากส่วนหลังคาถูกเผาผลาญด้วยไฟอสูร กลิ่นเหม็นไหม้ปกคลุมพื้นที่จนสัมผัสได้

     ชายหนุ่มรู้โดยอนุสติว่าจะทำให้นางโกรธไม่ได้ เพราะในอดีตนางเคยตัดแขนและขาของเขามาแล้วในการต่อสู้สุดท้าย

     “ถ้ายังรั้นจะทะเลาะกันต่อข้าจะให้ซีซาร์ออกมาเผาเสียทั้งคู่เดี๋ยวนี้ล่ะ”

     ด้วยความหวาดกลัวที่แฝงในใจทำให้ชายหนุ่มยอมสงบศึกกับศัตรูหัวใจเป็นการชั่วคราว หันไปดื่มชาอย่างสงบแทน

     “แค่นี้ก่อนละข้าต้องไปอารักขาเจ้าการ์ต่อ อย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก เมืองนี้ใช้งานคุ้มค่าจริงๆ” ชายผมเหลืองขยับตัวจะเดินกลับไปทางเดิม “เจ้าก็ระวังถูกใช้จนหมดสภาพล่ะเวเบอร์” แล้วเขาก็เดินกลับไปทิ้งทั้งคู่เอาไว้อย่างเดิม

     “ตอนนี้เขายังทำหน้าที่คนสนิทของท่านพี่มาเวอร์ริคอยู่ ต้องรอให้เริ่มการเรียนภาคใหม่เสียก่อนจึงได้เข้าสอน” ลาควีล่าหันมาคุยกับเขาต่อ

     “ซีซาร์ยังอยู่กับเจ้าอีกหรือไลล่า การต่อสู้ของเรามันจบแล้วนี่” ชายหนุ่มถามสั้นๆ ทำเป็นลืมว่ามีคนมาขัดคออยู่หนหนึ่ง

     “สัญญาจะหมดไปก็ต่อเมื่อข้าตายน่ะ หากท่านทั้งสองตั้งป้อมตีกันอีกข้าจะใช้มันห้ามมวย คอยดู!” หญิงสาวพูดที่เล่นทีจริง...
     

     รอบด้านของชายหนุ่มเปลี่ยนไปพร้อมความทรงจำที่หมุนวน ผ่านช่วงสั้นๆของการทำงานเป็นทูตสันถวไมตรีจากดินแดนอื่นไปพักใหญ่ เขาก็มาปรากฏตัวที่อาคารหลังหนึ่งซึ่งเป็นตึกหินสีเทาสองชั้นเก่าคร่ำคร่าเขารู้ว่ามันคือตึกพักของผู้นำตระกูลเวทในเมืองของเขา เพราะเหตุใดไม่รู้ภาพอาคารหลังนึ้เป็นเสมือนภาพเก่าราวกับไม่ใช่ตึกพักที่เขารู้จัก ซึ่งก่อด้วยหินสีขาวสะอาดตาสูงสองชั้น ดูใหญ่โตหรูหรากว่านี้มาก

     โต๊ะหินที่สนามหญ้าหน้าบ้านมีหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งเขียนหนังสืออยู่ ด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนและปีกสีขาวบริสุทธิ์บนหลังทำให้รู้ได้ทันทีว่านางคือพี่สาวบุญธรรมของเขา ว่าที่เทพีเฟเรซิส ข้างเก้าอี้มีเตียงเด็กอ่อนตั้งอยู่ด้วย

     “เมรีเซียล่ะขอรับ ท่านพี่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม รู้สึกตัวทันทีว่ากำลังหอบห่อกระดาษใส่อาหารแห้งที่ไปซื้อมา “นางมาถึงแล้วหรือยัง”

     “ขึ้นไปหาลาควีล่าแล้ว สรุปแล้วเจ้าลักพาตัวนางมาใช่หรือไม่ นางเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดไม่จา” ว่าที่เทพีเงยหน้า

     “ก็บอกว่านางผิดใจกับคนรักอย่างไรละท่านพี่” ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเดินเข้าบ้านพักด้วยอารมณ์เศร้าหมอง

     กว่าสามวันมาแล้วที่ลาควีล่ามาอยู่ที่นี่ นางมีปัญหากับคนรักถึงขั้นขึ้นเสียงกัน สุดท้ายเขาที่เปรียบเสมือนพี่ชายจึงต้องช่วยเหลือ โดยการพานางออกห่างต้นเหตุของปัญหาก่อนชั่วคราว แล้วจึงค่อยหาทางแก้ไข

     “เดี๋ยวก่อนเจ้าหนุ่ม”

     ผู้ที่ทักขึ้นคืออดีตผู้กล้าพอลไลน์ หรือพัวร์รีนที่คนอื่นเรียกกัน ท่าทางเอาจริงเอาจังผิดกับทุกครั้ง

     “ลองคิดให้ดีสิ ว่าเจ้าคือใคร” อดีตผู้กล้าพูด

     “ข้าคือเวเบอร์ เฟียร์เลส อย่างไรละ มีอะไรหรือท่านพี่”

     “ไม่ใช่ ชื่อจริงของเจ้าคืออิกริด เฟียร์เลส ทั้งเจ้าและข้าไม่ใช่คนของที่แห่งนี้”

     ชื่ออิกริดฟังดูคุ้นหูชายหนุ่มมาก ในมโนภาพเขานึกถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่าทางหยิ่งยโส ผมสีทองยาวแค่หู ทว่าดวงตาแทนที่จะมีสีพระจันทร์แดงกลับเป็นสีฟ้าใสเหมือนผู้กล้าพอลไลน์

     “อิกริด! ได้ยินหรือเปล่า!” เสียงผู้หญิงกำลังตะโกนเรียกชื่อของคนๆหนึ่งดังแว่วเข้าหู นางกำลังเรียกใครกัน

     “แอนนา” ชื่อหนึ่งหลุดออกมาจากปากของชายหนุ่ม เขาจำได้แค่ว่าเป็นชื่อของผู้หญิง แต่เป็นชื่อของใครนั้นเขาคิดไม่ออก

     “สู้กับความคิดที่เข้าครอบงำสิเจ้าหนุ่ม สู้ให้รู้ว่าความจริงตัวเองคือใคร เพื่อนของเจ้าก็กำลังสู้อยู่เหมือนกัน”

     ผู้กล้าชูมือขึ้นเหนือหัว รอบด้านที่สว่างไสวกลับมืดมิดแล้วหมุนวนราวไม่มีที่สิ้นสุด เขาเริ่มนึกถึงตัวตนที่เรียกว่าอิกริดออกแล้ว โดยความช่วยเหลือของผู้กล้าพัวร์รีน...

*****************
คุณGTW - - ก็มีอยู่แค่นี้ล่ะครับ ขอบคุณที่ตามอ่านครับ

ปล.เกือบเท่ากับที่ลงในพ็อกเก็ตแล้ว บทสรุปใกล้เข้ามาแล้ว ขี้เกียจยืดเรื่องมาก ยังมีดองอีกเยอะครับ

ตอนที่ 6 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13068466/W13068466.html
ตอนที่ 5 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13035467/W13035467.html
ตอนที่ 4 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12978100/W12978100.html
ตอนที่ 3 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12888111/W12888111.html
ตอนที่ 2 - - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W12879933/W12879933.html
ตอนที่ 1 - - http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=fantasyfiction&month=12-2012&date=07&group=1&gblog=2
บทนำ - - http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/09/W12645393/W12645393.htm

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 55 20:51:07




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com