Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมฆซ่อนตะวัน (ตอนที่ 2) vote ติดต่อทีมงาน

แมวซ่อนเล็บ
ผมได้มาเรียนชั้นประถม1  มันเหมือนโลกใหม่
มีเด็กในชั้นเรียนไม่มาก ผู้ชาย 11 คน ผู้หญิง  4 คน ล้วนแต่เป็นเด็ก อายุไม่เกิน 8 ปี
เพื่อนในห้องมองผมแปลกๆ   เพราะนอกจากผมตัวโตกว่าทุกคน  สีผมก็ไม่เหมือนคนอื่น แถมไว้ผมยาว ผูกรวบไว้ด้านหลัง แล้วเอาซ่อนไว้ในเสื้อ  ครูในห้องจะตัดผมออก  ผมก็บอกครูไปว่า  ถ้าตัดผมแล้ว  ผมจะปวดหัว ไม่สบายไปหลายวัน  คุณครูจึงอนุญาตให้ ผมเป็นกรณีพิเศษ  
ในปีแรกของการเรียน  ผมไม่เข้าใจ ที่ครูสอนผมจึงตกซ้ำชั้นประถม 1
ในปีถัดมา ผมเริ่มเข้าใจการเรียนมากขึ้น จนผมเรียนได้ที่  1  ในปีต่อมา และได้ขึ้นชั้นประถม  2 แล้วผมก็ได้ที่  1มาตลอด จนผมขึ้นประถม 4  ตอนนี้ เพื่อนๆ ในห้อง ไม่มีใครกล้าล้อผมอีกแล้ว  เพราะผมอายุได้  20 ปี
ผมมีความลับจะบอกอีกอย่าง.... ตั้งแต่ผม อายุได้ 12ปี อาแปะซา จับผมสอน ในวิชาการต่อสู้  ที่อาแปะเรียกว่า  ยูยิตสู  เห็นอาแปะว่าเป็นวิชา  ของชาวบ้าน  ที่ใช้ต่อสู้กับเหล่าซามูไร ที่มีชุดเกราะ หลักการง่ายๆ คือหักข้อต่อต่างๆ  ในร่างกายคน  นับเป็นวิชาต่อสู้ระยะปะชิดที่ร้ายกาจมาก  ยูโด  ฝึกให้คุมสมดุลของร่างกาย  คาราเต้ ทำให้อ่านจังหวะคู่ต่อสู้ และการปลดปล่อยพลัง  รวมทั้งการใช้ดาบไม้ ที่เรียกว่า เคนฝึกให้มีสมาธิ  ผมฝึกอย่างนี้จนผมจำได้เป็นอย่างดี  
อาแปะซาบอกว่า  คนเราต้องมีศาสตร์สองชนิด  เพื่อใช้ชีวิต  ศาสตร์ที่หนึ่งคือความรู้ต่างๆ ต้องมีติดตัว เพื่อใช้ชีวิต ประกอบสัมมาอาชีพ  ศาสตร์ที่สอง ไว้ใช้ยามคับขันเพื่อป้องกันตนเอง  และให้ร่างกายแข็งแรง  แต่การใช้ศาสตร์ที่สองนี้ จะเกิดปัญหาตามมาไม่สิ้นสุด  ฉะนั้นอย่าใช้มันเป็นดีที่สุด
"แล้วอาแปะสอนผมทำไม?..แต่ไม่ให้ผมใช้มัน."  วันนั้นผมถูกไล่ชก  จากเด็กในตลาด  เพราะผมเดินผ่านหน้าตลาด แล้วไม่ทักทาย อาแปะบอกผมว่า  เราได้ใช้แน่ แต่ต้องจำเป็น มากกว่านั้น
"ทำไมผมต้องเป็นคนโง่...ที่ขี้ขลาดด้วย.." ผมถามอาแปะอีกครั้ง ในขณะที่อาแปะใช้ไข่ต้ม  ปะคบรอยช้ำใต้ตา  เนื่องจากถูกเด็กที่ตลาด  ต่อยเอา  เพราะผมเดินเหยียบเงาของคนเหล่านั้น   อาแปะซาจึงถามผมว่า  
"ลื้อว่าใคร  มีความสุขที่สุดใน  เรื่องสามก๊ก.???" ผมนึกอยู่นาน ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจว่า
"จูล่งครับ เป็นยอดขุนพล  เก่งที่สุด  แถมอายุยืนยาวกว่าใคร.."
อาแปะซา  ส่ายหน้า "ลื้อผิดแล้ว  ถึงได้ชื่อยอดขุนพล  แต่ต้องตรากตรำทำศึกชั่วชีวิต.." ไม่รู้ว่าตนจะแพ้เมื่อไหร่  คิดว่าชีวิตแบบนี้น่าสนุกนักหรือ.."
ทีนี้ผมเลยนึกไม่ออกเลยว่าใคร  จะมีความสุขมากที่สุข  เพราะแต่ล่ะตัวละคร  ดูแล้วไม่น่ามีความสุขเลยสักคน  แล้วอาแปะซาก็เฉลย
"อาเต๊าไง...อีไม่เคยรู้สึกเดือดร้อนอะไรกับใคร   ตอนเป็นเจ้าครองจ๊กก๊ก ก็มิได้คิดอะไร  ตอนอยู่กับ สุมาเอี๋ยน ก็ไม่อนาทรร้อนใจ ถึงได้ชื่อเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด แต่มีความสุขที่สุด เพราะปล่อยวางได้  น่านับถือในระดับหนึ่ง..."
ผมพยักหน้าเหมือนเข้าใจ  แต่ความจริงผมแอบเถียงอาแปะอยู่  
'อาแปะจะรู้ได้อย่างไร อาเต๊าอาจไม่มีความสุขเลยก็ได้  เพราะอยู่อย่างอัปยศเช่นนั้น เขาอาจหาหนทาง แต่ทำอะไรไม่ได้'

ที่โรงเรียน ตอนนี้ผมถือว่าเป็นหนุ่มแล้ว ผมมักจะหาทางเลี่ยงที่จะพูดคุย กับนรีในที่สาธารณะ  เพราะผมเกรงว่า  เธอจะถูกเพื่อนล้อ เพราะตอนนี้เธอ อายุย่างเข้า 14 แล้ว เธอดูโตเป็นสาวเร็วกว่าคนในห้อง  ที่สำคัญเธอเป็นที่หวงแหน ของเพื่อนชายในห้องของเธอ
วันนี้ก็เป็นอีกวัน  ที่ผมหนีกลับก่อน  ผมเดินจนมาถึงใต้ต้นจามจุรี ระหว่างทางกลับบ้าน เมื่อผมกำลังจะผ่านต้นจามจุรีต้นนั้น "เบร่!!!!..พีฮกหนีกลับคนเดียวอีกแล้วน่ะ.." ผมตกใจเล็กน้อย  ที่เห็นนรีมาหลบอยู่ตรงนี้
"รี นั่นแหละที่กลับมาก่อน  ถึงได้มารอแกล้งพี่ตรงนี้ไง!!.."  ผมหาข้อแก้ตัวไปก่อน  
นรีหน้ามุ่ย เพราะไม่รู้จะพูดต่อว่าอะไร  แล้วจู่ๆ เธอก็ยิ้มหวาน  อย่างน่ารัก และเอาของอะไรบางอย่างออกมาให้ผม พร้อมกับพูดว่า   "สุขสันต์วันเกิด  ขอให้พี่ฮกเรียนเก่งๆ อย่างนี้ตลอดไป.." ผมรับของสิ่งนั้นแบบงงๆ  นรีมองตาผม แล้วเก้าถอยหลัง หมุนตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว  

เมื่อถึงบ้าน  ผมเปิดกล่องไม้ออก เห็นเป็นหนังสือบันทึกคล้ายๆสมุดเขียนบันทึก เล่มใหญ่ หน้าปกเป็นผ้าชนิดหนึ่ง ในกล่องมีปากกาหมึกซึมแบบจุ่มหมึก เพื่อใช้เขียน ผมมองสมุดเล่มนี้ด้วยใจที่เต้นไม่เป็นปกติ
ทำไมนรีคิดว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม  ความจริงผมไม่เคยรู้วันเกิดตัวเองด้วยซ้ำ  สงสัยนรีต้องไปถามอาแปะมาแน่ๆ  แล้วเรื่องการให้ของขวัญวันเกิด นรีคงได้มาจาก การเรียนวัฒนธรรม ตะวันตก ...แล้วผมจะเขียนอะไรดี  ขณะที่คิดอะไรเพลินๆ กระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่งหล่นลงมา  ผมหยิบขึ้นมาอ่านแล้วอมยิ้ม
'ห้ามเขียนถึงใคร ต้องเขียนถึงนรี คนเดียว รู้มั๊ย'
ผมจึงเริ่มเขียนถึงเธอ ตั้งแต่คืนนั้น.... แล้วผมจะกล้าให้เธออ่านมั๊ยหนอ!!!..

เช้ารุ่งขึ้นผมรีบตื่นแต่เช้า  เพื่อไปบ้านนรี เพื่อจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน  ที่หน้าบ้านเธอ  มีรถยนต์มาจอดหน้าบ้านเธอ ถึงสองคัน  นรีเห็นผมยืนอยู่ตรงข้าม  เธอส่ายหน้า เป็นสัญญลักษณ์ว่าวันนี้ เธอติดธุระ อาจจะไม่ไปเรียน หรืออาจให้ผมไปก่อน.....

ผมเรียนจนถึงตอนเย็น วันนั้นผมช่วยคุณครู  ยกของขึ้นอาคาร ทำให้กลับช้ากว่าปกติ  ระหว่างที่ผมจะกลับบ้าน  ผมเห็นเพื่อนในห้อง  ชื่อจุก กับแดง ถูกพี่ประถม 7 พาไปหลัง โรงเรียน ความจริงผมเดินผ่านไปแล้ว  แต่เมื่อคิด ว่าถ้าคนทั้งสองจะต้องโดนแกล้ง เหมือนที่ผมโดนมาก่อน  ก็อดไม่ได้ ที่จะตามไป.....
เป็นอย่างที่ผมคิด  ทั้งคู่  ถูกนักเรียนประถม7 ห้าคน บังคับให้กราบเด็กประถม 2 ...คำพูดที่ไม่ควรพูด ก็ออกจากปาก  "ทำอะไรกัน..." ทั้งหมดหันมามองผมเป็นตาเดียว
"ไม่ใช่เรื่องของแก...ไปไกลๆ" หนึ่งในนั้นผมจำได้ว่าชื่อนิล เพราะอยู่แถวตลาดเหมือนผม  "ถ้าไม่ปล่อย จะไปบอกครูผัน ให้มาที่นี่..." ผมพูดขู่กลับไป คราวนี้ได้ผล  พวกประถม 7 ปล่อยตัวจุก กับแดง แต่พวกนั้นเดินมาหาผม แล้วกล่าวคำอาฆาตว่า  "ระวังตัวไว้...ไอ้เจ๊ก."
ผมไม่แน่ใจ ทำไมการอยากช่วยใครถึงได้นำความเดือดร้อนมาสู่ตัว....

ผมเดินกลับบ้านเพียงลำพัง  อีกไม่ไกลก็จะถึงบ้าน มีชายกลุ่มหนึ่งดักรอผมอยู่ มีสองคน ผมจำได้ ว่ามีคนชื่อนิล อีกคนชื่อทอง เป็นนักเลงหัวไม้แถวปลายตลาด  แต่ผมไม่เคยมีเรื่องกับเขา   นิลเมื่อเจอผม  "กลับมาแล้วเหรอ...ไอ้เจ๊ก.." ผมหยุดมอง ช่างใจก่อน ว่าจะทำอย่างไรต่อ  ถ้าต่อสู้กัน ปัญหาคงไม่จบง่ายๆ  แต่ถ้าให้ยอม ปัญหาก็เกิดไม่สิ้นสุด  ผมมองดูก็รู้ว่า ทองนั้นเป็นหัวหน้าในกลุ่มจึงพูดขึ้น  "พี่ทอง จะให้ผมทำอะไร  ถึงจะเลิกแล้วต่อกัน.."  ทองยิ้มก่อนจะพูด  "ตาเอ็งถึงนี่หว่า!.. ที่รู้ว่า ข้าเป็นลูกพี่... แต่ยังไงเอ็งก็ต้องรับโทษ...ไอ้นิลมันบอกว่า เอ็งเป็นพวกขี้ฟ้อง  แล้วข้าเนี๊ยะ เกลียดคนขี้ฟ้องทิ่สุด  เอ็งควรให้ข้า ทำยังไงดีว่ะ??."
"ถ้าเป็นปัญหาของผมกับนิล ให้ผมสู้กัน ไม่ว่าจะแพ้ชนะให้เลิกแล้วต่อกัน  พี่ทองเห็นว่าเป็นยังไง.."  ทองถึงกับหัวเราะออกมา "ไอ้ปัญาอ่อนนี้ มันจะสู้กับนักมวย อย่างไอ้นิลว่ะ... ก็เอาสิว่ะ!..ไม่ว่าจะเกิดอะไร ให้เลิกแล้วต่อกัน ข้าไอ้ทองพูดคำไหน คำนั้น!!!.."
แล้วเราทั้งสอง ก็ตั้งท่าในการต่อสู้ ผมกำหมัดเป็นรูปกากบาท เป็นการ์ดมวยของอาแปะซา ที่สอนผมไว้ วันนี้ผมคิดว่า มันถึงเวลานั้นแล้ว...
นิลใช้เท้าถีบนำ ผมกลับเปลี่ยนจากกำหมัด เป็นคว้าที่ข้อเท้าแล้วกระชากอย่างแรง นิลที่ประมาทในตัวผม จึงถูกดึงจนเสียหลัก แล้วผมใช้หมัดสั้นอัดไปที่กลางอกของ นิล จนกระเด็นไปไกลกว่าเจ็ดเมตร สลบอยู่ตรงนั้น จบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว แล้วสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือ การก้มศรีษะ เป็นลักษณะของคนญี่ปุ่น ทุกอย่างอยู่ในสายตา ชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เห็นการต่อสู้ของผม  ทั้งหมด....

จากคุณ : kasareev
เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 20:40:28




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com