Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เจ้าสาวไปรษณีย์ (ตอนที่ ๒) vote ติดต่อทีมงาน

เจ้าสาวไปรษณีย์ ตอนที่ ๒
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13108811/W13108811.html

ศิวกานต์ไปถึงสวนปาล์มที่เกิดเหตุ บริเวณนั้นมีทั้งรถพยาบาล รถตำรวจ เจ้าหน้าที่จากกองวิทยาการตำรวจ เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ นินนาท เพื่อนสนิทของศิวกานต์ ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดทางภาคใต้มาถึงก่อนแล้ว กำลังโบกมือให้ศิวกานต์
“พอรู้ข่าว ฉันก็รีบส่งรถพยาบาลมาเลย ตอนนี้ตำรวจกำลังสอบปากคำคนงานอยู่”
“คนงานที่บาดเจ็บเป็นไงบ้าง”
“เจ็บสามคน แต่สภาพไม่สาหัสเท่าไหร่ ยังพูดจารู้เรื่อง ให้ปากคำตำรวจได้”
“ฉันขอไปคุยกับคนงานก่อนนะ”
ศิวกานต์เดินไปหาคนงานที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ ชิด หัวหน้าคนงานเห็นศิวกานต์กำลังเดินไป จึงหันไปบอกลูกน้องว่า “นายหัวมาแล้ว”
“วันนี้ให้ทุกคนหยุดงานให้หมด และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย ชิด เมื่อเช้ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ นายหัว พวกผมก็มาทำงานที่สวนปาล์มกันปกติ เวรยามก็เฝ้ากันตามตารางงาน พวกที่บาดเจ็บก็คือคนที่มาทำงานตามพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบครับ”
“สองสามวันมานี้ มีอะไรผิดปกติ หรือมีคนน่าสงสัยมาบ้างไหม”
“ไม่มีครับนาย ช่วงนี้มีระเบิดป่วนเมือง ผมก็จัดเวรยามคุมเข้มกว่าปกติ ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยครับ จนกระทั่งเมื่อตอนสาย ดำ เขียว ต้อย มาตัดปาล์มส่งโรงงาน เจอระเบิดผูกติดกับลูกปาล์มครับ ดีที่เห็นก่อนเลยวิ่งหลบกันทัน”
“ตรวจดูต้นปาล์มทุกต้นหรือยัง”
“ผมตรวจดูเฉพาะต้นที่ออกลูกพอตัดได้แล้วครับ กลัวจะมีระเบิดผูกอยู่อีก”
“ดีแล้ว จัดเวรยามเพิ่มขึ้นแล้วกัน ปกติเฝ้าแต่ตอนกลางคืนใช่มั้ย เพิ่มเวรยามตอนกลางวันด้วย”
“ครับนาย”
แช่ม ขับรถกระบะมาถึงสวนปาล์ม ในใจคิดว่า “วันนี้เป็นวันอะไรวะ มาวางระเบิดกันวันที่เจ้าสาวของนายมาถึง หรือมันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
แช่ม จอดรถกระบะด้านหน้าทางเข้าสวนปาล์ม  เขาเดินไปหาคนงาน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และเดินหาศิวกานต์ แม้แช่มจะเป็นหัวหน้าคนงานสวนยางพารา แต่ด้วยความที่ทำงานกับครอบครัวศิวกานต์มานาน แกเลยได้ชื่อว่าเป็นคนเก่าคนแก่ที่สนิทชิดเชื้อกับนายหัวมาก ทำให้ได้รับความเคารพจากคนงานสวนปาล์ม และคนจากโรงงานด้วย
“สวัสดีครับ คุณเต้” แช่มยกมือไหว้นินนาท
“สวัสดีครับ น้าแช่ม บอกแล้วไงครับ ว่าอย่ายกมือไหว้ผม ผมไม่อยากอายุสั้น” นินนาทรีบยกมือไหว้กลับแช่ม
“คุณเต้เห็นนายหัวหรือเปล่าครับ”
“อยู่โน่นไง คุยกับนายชิด”
“ครับ คนเจ็บเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ไม่ได้สาหัสอะไร ฉันส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะ น้าแช่มคิดว่าเป็นฝีมือใคร”
“ผมนึกไม่ออกจริงๆ ครับ นายหัวเองก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน คุณเต้ก็รู้ นายหัวรักสันโดษ ทำแต่งาน เวลาเป็นของตัวเองก็แทบจะไม่มี วันนี้น่าจะเป็นวันดีของนายหัว ดันมามีเรื่องร้ายในสวนซะได้” แช่มรำพึงรำพันด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย”
“เออ จริงสิ วันนี้ว่าที่เจ้าสาวเขาเดินทางมาถึงแล้วนี่”
“ครับ พูดถึงเรื่องนี้ นายหัวคงต้องเหนื่อยอีก”
“ทำไมล่ะ สาวเจ้าฤทธิ์เยอะหรือ” นินนาทพูดกลั้วหัวเราะ “ตรงกันข้ามครับ ปัญหาคือ ส่งมาผิดคน”
“อะไรนะลุง” นินนาททำหน้าไม่เชื่อ “ส่งมาผิดคน มีอย่างนี้ด้วย”
“ผมก็ยังไม่รู้รายละเอียดหรอกครับ พออธิบายคร่าวๆ ได้ว่า คุณศิริพร ว่าที่เจ้าสาวตัวจริงไม่ได้มา แต่ส่งเพื่อนมาแทนคือ คุณลัลภัทร ตอนแรกผมคิดว่านายหัวทราบแล้ว ที่ไหนได้ เมื่อเช้าผมเข้าไปที่สำนักงานส่วนตัว เอกสารจากคุณศิริพรที่ส่งมาจากกรุงเทพฯ นายหัวยังไม่ได้เปิดอ่านเลยครับ”
“น้าแช่มรู้มานานหรือยัง”
“ผมทราบเรื่องเมื่อ ๓ วันก่อนครับ คุณศิริพรโทรศัพท์มาที่สำนักงาน นายหัวไม่อยู่ ผมเลยรับโทรศัพท์แทน พอผมบอกว่าจะแจ้งนายหัว คุณศิริพรบอกว่าไม่ต้อง เพราะได้ส่งเอกสารอธิบายทุกอย่างมาทางจดหมายแล้ว”
“เพื่อนฉัน เจอเรื่องยุ่งอีกเรื่องซะแล้ว”
“ผมว่านายหัวน่าจะโล่งใจนะครับ ติดแต่นายหญิง”
“ใช่ คุณป้านี่สิ งานใหญ่ของจริง ไอ้กานต์เจอศึกสองด้านซะแล้ว ตอนแรกผมก็อิจฉามันนะน้า แต่ตอนนี้สงสารมันแทน”
“คุณเต้ อย่าลืมนะครับ ว่าคุณเชอรี่อยู่มาเลเซีย จะกลับมาวันจันทร์นี้แล้ว”
“เฮ้อ ศึกสามด้านเลยเพื่อนเรา แล้วคุณคนที่มาแทนนี่ เป็นยังไงบ้าง”
“ดูเรียบร้อย สุภาพ น่ารัก ครับ”
“ไม่ใช่สเป็คเจ้ากานต์เลย”
“ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะบอกนายหัวเลยดีไหมครับ”
“อย่าเพิ่งเลยลุง บอกไปตอนนี้ไอ้กานต์มันจะปวดหัวเปล่าๆ ปล่อยให้รู้เองเถอะ”
“ครับ”
สักพัก ศิวกานต์เดินตรงมาทางนินนาทกับแช่ม
“น้าแช่ม ไปรับ ของ มาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ครับ ของ อะไรครับ”
“เฮ้อ นี่ก็อีกคน จะเข้าใจยากอะไรนักหนา ของ ที่มากับรถไฟเที่ยวเมื่อเช้าไง”
“ไอ้กานต์ แกเป็นอะไรของแกวะ เรียก คน เป็น สิ่งของ นั่นน่ะ ว่าที่...” นินนาทพูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนหมัดของศิวกานต์กระแทกที่หัวไหล่
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นให้ฉันได้ยินอีก แค่นี้ก็จะปวดหัวแย่อยู่แล้ว วันนี้วันอะไรวะ มีแต่เรื่อง”
“วันพฤหัสบดีไงเพื่อน” นินนาทพูดพลางหัวเราะ แต่ก็ต้องรีบหยุด เพราะเพื่อนเขาไม่ขำด้วย
“ผมพาไปส่งที่บ้านพักแล้วครับ นายหัว”
“น้าแช่ม อยู่ดูแลงานที่นี่ก่อนนะ เพราะชิดดูคนเดียวไม่ไหวแน่ ฉันต้องไปคุยกับตำรวจที่สถานี และจะแวะไปดูคนงานที่โรงพยาบาลด้วย”
“ครับ นาย”
“นายน่าจะแวะกลับไปที่บ้านหน่อยนะ”
“ไม่ล่ะ เรื่องงานสำคัญกว่า นายจะไปกับฉันด้วยมั้ย”
“ไปสิ”
“น้าแช่ม ฝากด้วยนะ”
“ครับ นายหัว”
ศิวกานต์กำลังจะเดินไปขึ้นรถจิ๊บ แต่นินนาทท้วงซะก่อน
“เฮ้ เพื่อน ไปรถฉันดีกว่า รถนายเข้าเมืองมันอันตรายกับคนอื่น”
“อือ จริงด้วย ฉันเองรีบๆ ลืมคิดไป”
ศิวกานต์เดินไปขึ้นรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีดำ ซึ่งจอดอยู่อีกด้าน นินนาทขับรถออกจากสวน เพื่อเดินทางไปสถานีตำรวจ กำลังจะชวนเพื่อนคุย หันมาเห็นเพื่อนหลับ เขายิ้มที่มุมาปาก
“นอนเอาแรงสำหรับคืนนี้เหรอวะ เพื่อนเรา”
###########
ที่สถานีตำรวจ พันตำรวจโท บดินทร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ นั่งตรวจเอกสาร รูปถ่าย บันทึกปากคำพยาน ในขณะที่ศิวกานต์กับนินนาท นั่งรออยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ
“นายสงสัยใครเป็นพิเศษหรือเปล่า” พันตำรวจโทบดินทร์ถามศิวกานต์
“ไม่มี ฉันไม่ได้มีศัตรูที่ไหนนี่ พวกแกก็รู้”
“ฉันจะจัดตำรวจไปเฝ้าสัก ๓ วัน เพื่อพวกมันมากันอีก”
“แล้วที่มีระเบิดป่วนเมืองก่อนหน้านี้ จับได้บ้างหรือยัง”
“ได้ แต่เป็นพวกลิ่วล้อ ไม่ยอมซัดทอดถึงตัวการใหญ่”
“บดินทร์ นายคิดว่าตัวการใหญ่น่าจะเป็นใคร ฉันว่าคงไม่ใช่พวกผู้ก่อการร้าย” นินนาทถามเพื่อนเก่า
“ไม่ใช่พวกผู้ก่อการร้ายหรอก กานต์ ฉันว่าแกระวังตัวไว้หน่อยก็ดี ฉันรู้ว่าแกเป็นคนไม่มีศัตรู ไม่ยุ่งกับใคร ทำงานอย่างเดียว แต่อย่าลืมว่า แกเป็นเจ้าของธุรกิจสินค้าสำคัญของทางภาคใต้ ย่อมมีคนอิจฉาไม่พอใจอยู่แล้ว ก่อนจะทำธุรกิจกับผู้ค้ารายใหม่ๆ นายเอาประวัติมาให้ฉันสืบก่อนก็ดี”
“ใช่ ทำตามที่บดินทร์มันบอก ดีที่สุด เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไว้ใจใครไม่ได้” นินนาทสนับสนุน
“วันนี้แกเจอสาวเจ้าหรือยัง” บดินทร์ถามยิ้มๆ
“สาวไหน เชอรี่ไปทำธุระที่มาเลเซีย” ศิวกานต์ตอบงงๆ
“นี่แกแกล้งลืม หรือลืมจริงๆ ผู้หญิงที่มาจากกรุงเทพฯ น่ะ ได้เจอหรือยัง”
“อ้อ ยัง ไม่มีอารมณ์อยากเจอหน้า บดินทร์ แกเลิกงานแล้วใช่มั้ย ไปกินข้าวกัน”
“เฮ้ย เพื่อน ไม่รีบกลับบ้านล่ะ ไปกินข้าวบ้านนายไง” บดินทร์ถาม นินนาทพยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันต้องแวะไปดูคนงานที่โรงพยาบาลไอ้เต้ กินข้าวที่โรงพยาบาลแล้วกัน”
“อาหารโรงพยาบาลไอ้เต้ ไม่มีอะไรอร่อยหรอก ฉันอยากกินฝีมือน้าช้อย” บดินทร์หันไปยักคิ้วกับนินนาท แต่นินนาทแสยะเขี้ยวใส่
“ใช่ อาหารโรงพยาบาลฉันไม่อร่อย ไปกินข้าวบ้านแกแหละ” นินนาทกระแทกเสียง
“เฮ้ย เพื่อน น้อยใจไปได้” บดินทร์ตบไหล่นินนาท
“ไม่ได้น้อยใจ”
“ฉันรู้หรอกน่ะ ว่าพวกแกอยากเจอผู้หญิงคนนั้น อยากเห็นหน้ากันนัก พรุ่งนี้ก็แวะไปที่บ้านฉันก็ได้ กะอีกแค่ผู้หญิงคนเดียว ทำราวกับว่าเกิดมาไม่เคยเจอ”
“เอางั้นก็ได้ ไปกินข้าวที่โรงพยาบาลฉันแล้วกัน ใสเจียเสียใจนะบดินทร์ อดกินของอร่อย”
ชายหนุ่มทั้งสาม เดินออกจากห้องทำงานของบดินทร์ เพื่อไปโรงพยาบาลของนินนาท

ลัลภัทรลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่เกือบมืดสนิท “กี่โมงแล้วนี่” หญิงสาวคิดในใจ ก่อนจะลุกไปเปิดสวิทช์ไฟ หญิงสาวมองดูนาฬิกาแขวนผนัง “ห้าโมงแล้ว นี่เราหลับไปสามชั่วโมงเลยหรือ”
เสียงเพลงลูกทุ่งดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งแถวนี้ หญิงสาวเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แปรงผมก่อนจะมัดเป็นหางม้า เธอเดินออกไปด้านนอก พบช้อยกำลังจัดโต๊ะอาหาร
“ตื่นแล้วหรือคะ เมื่อกี๊น้าเดินไปดูที่ห้อง เห็นคุณกำลังหลับสบาย เลยไม่อยากปลุก”
“ค่ะ หลับไม่รู้เรื่องเลย”
“วันนี้คุณต้องทานข้าวเย็นคนเดียวนะคะ เพราะนายหัวโทรศัพท์มาบอกว่าจะกลับดึก”
“ค่ะ เรื่องระเบิดที่สวนปาล์ม จับตัวคนร้ายได้หรือเปล่าคะ”
“ยังจับไม่ได้ค่ะ น่ากลัวจริงๆ ไม่รู้จะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรอีกหรือเปล่า”
“ที่นี่เงียบสงบดีนะคะ”
“ค่ะ เราก็อยู่กันอย่างสงบเรื่อยมา จะมีปัญหาก็แค่ยางพาราราคาตก ปาล์มราคาไม่ดี หรือผลผลิตในสวนน้อย ส่วนใหญ่ก็ปัญหาเศรษฐกิจกับดินฟ้าอากาศแหละค่ะ คุณกลัวหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้า คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ น้าจะได้ทำมาให้”
“ไม่ต้องทำอะไรมาให้ภัทรเป็นพิเศษหรอกค่ะ”
“ตอนเช้า นายหัวเธอชอบทานพวกข้าวต้มเครื่อง กาแฟ ขนมปังปิ้ง”
“ภัทรทานแบบที่นายหัวทานได้ค่ะ”
“ค่ะ ทานอาหารเสร็จแล้ว ไข่นุ้ยจะมาเก็บล้างให้นะคะ ตอนเย็นที่นี่จะเงียบแบบนี้แหละค่ะ น้าไปก่อนนะคะ มีอะไรก็เรียกใช้เจ้าไข่นุ้ยมันได้”
“ขอบคุณค่ะ น้าช้อย”
“ค่ะ”
เมื่อช้อยไปแล้ว หญิงสาวตักข้าวใส่จาน อาหารเต็มโต๊ะ เธอคงกินไม่หมดแน่ๆ ไข่นุ้ยวางเหยือกน้ำลงบนโต๊ะ
“ไข่นุ้ย ทานข้าวเย็นหรือยัง”
“ยังครับ” ไข่นุ้ยมองหน้าลัลภัทร
“มาทานด้วยกันสิ ฉันทานคนเดียวไม่หมดหรอก”
“ไม่ดีกว่าครับ” ไข่นุ้ยทำหน้าตกใจ
“ปกติ เธอทานข้าวเย็นที่ไหนล่ะ”
“ผมก็รอทานกับข้าวที่เหลือของนายหัวน่ะครับ”
“งั้นก็มากินด้วยกันสิ”
“ไม่ล่ะครับ” ไข่นุ้ยส่ายหน้า “คุณภัทรทานก่อนเถอะครับ”
“ตามใจ อาหารวันนี้เธอชอบกินอะไรล่ะ ฉันจะได้เก็บไว้ให้”
“จริงหรือครับ คุณภัทร” ไข่นุ้ยทำหน้าดีใจ
“ใช่สิ”
“ผมชอบปลาเนื้ออ่อนทอดขมิ้น กับสะตอผัดกุ้งครับ”
“อ่ะ นี่จ้ะ เก็บสองจานนี้ไปก่อนเลย” ลัลภัทรหยิบจานอาหารทั้งสองส่งให้ไข่นุ้ย
“คุณภัทร ไม่ทานหรือครับ”
“ไม่ล่ะจ้ะ แค่นี้ก็เยอะแล้ว”
“ขอบคุณครับ” ไข่นุ้ยยกกับข้าวส่วนของตนไปเก็บในตู้กับข้าว
หญิงสาวนั่งรับประทานอาหารเย็น ที่นี่เงียบกว่าที่เธอคิดอีก ตอนอยู่กรุงเทพฯ บางวันเธอต้องอยู่คนเดียว เพราะแฟนหนุ่มติดงาน ก็ยังไม่รู้สึกเหงาขนาดนี้ หญิงรู้สึกใจโหวงๆ น้ำตาพาลจะไหล
ลัลภัทร กำลังยกจานไปวางที่อ่างล้างจาน ไข่นุ้ยเดินมาห้าม
“คุณภัทรครับ วางไว้บนโต๊ะแหละครับ ผมเก็บเอง”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ได้ครับ นายหัวรู้ ผมจะโดนดุ”
“เธอไม่พูด ฉันไม่พูด นายหัวไม่รู้หรอก”
“ก็ไม่ได้อยู่ดีแหละครับ” ไข่นุ้ยตอบเสียงอ่อย
“ไข่นุ้ยอยู่ที่นี่มานานหรือยัง”
“ตั้งแต่ผมเกิดครับ”
“งั้นก็สนิทกับนายหัวมากเลยสินะ”
“ครับ ผมไม่อยากคุย แต่ถ้านายหัวไม่มีผมนี่ ทำอะไรไม่เป็นเลยนะครับ” ลัลภัทรหัวเราะ ไข่นุ้ยหันไปมอง “คุณภัทร อย่าไปบอกนายหัวว่าผมพูดแบบนี้นะครับ มีหวังเอาผมตาย”
“จ้ะ”
เงียบไปสักพัก ไข่นุ้ยหันไปมองลัลภัทร ซึ่งยังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว คุณคนนี้มองนานๆ ก็สวยดีแฮะ แบบนี้ล่ะมั้งที่น้าช้อยบอกว่า “สวยพิศ” ไข่นุ้ยรู้แต่ว่าคุณภัทร ตาสวย ผมสวย จมูกสวย ผิวก็สวย หากแต่มองผ่านๆ ครั้งแรกไม่ได้รู้สึกว่า “สวย” เลย ไม่เหมือนคุณเชอรี่ คนนั้นสวยมาก มองปราดเดียวก็เห็นความสวย แต่ก็มีรังสีบางอย่างฉายออกมาด้วย ทำให้ไข่นุ้ยไม่อยากอยู่ใกล้
“คุณภัทร คิดถึงบ้านหรือครับ”
ลัลภัทรสะดุ้ง ก่อนจะหันมาตอบไข่นุ้ย “ก็นิดหน่อยจ้ะ”
“เดี๋ยวนายหัวก็กลับมาแล้วล่ะครับ ทีวีห้องคุณภัทร รับช่องเคเบิ้ลได้นะครับ หรือจะเล่นเกมก็ได้ นายหัวมีเกมเก็บไว้เยอะแยะเลย”
“ขอบใจจ้ะ ฉันลงไปเดินเล่นได้มั้ย”
“ได้ครับ ตอนกลางคืนมีไฟทาง แต่อย่าเดินไปไกลนะครับ”
“จ้ะ”
ลัลภัทรกำลังจะเดินลงเรือนไป นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามไข่นุ้ย
“ไข่นุ้ย ห้องของฉันมีบันไดขึ้นตรงเลยไหม หรือต้องเดินผ่านเรือนใหญ่เท่านั้น”
“มีครับอยู่ด้านข้างห้องน้ำครับ ผมไม่แนะนำให้ใช้ครับ เนื่องจากบันไดมันชันมาก”
ลัลภัทร พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินลงจากเรือน บริเวณรอบบ้านและสำนักงาน มีไฟทางเปิดส่องสว่างไปทั่วบริเวณ หญิงสาวได้ยินเสียงเหมือนน้ำตกจากที่ไกล ๆ “ที่นี่มีน้ำตกด้วยหรือ” หญิงสาวคิด จริงสิ ตอนที่พ่อแม่เธอยังอยู่ มักจะมาเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดบ่อยๆ หญิงสาวจึงมักโดนลากไปโน่นมานี่อยู่เสมอ
“ปักษ์ใต้มีน้ำตกเยอะ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ นอกจากคนในพื้นที่” พ่อของเธอเคยบอกเช่นนั้น
หญิงสาวเดินสำรวจต้นไม้ใบหญ้า อยู่ที่นี่ เธอควรจะหางานอดิเรกใหม่ๆ ทำ ไม่อย่างนั้นมีหวังเฉาตายแน่ๆ

ศิวกานต์ พยายามจะถ่วงเวลากลับบ้านให้ดึกที่สุด แต่นินนาทและบดินทร์เป็นห่วงความปลอดภัย ศิวกานต์ไม่อาจปฏิเสธความห่วงใยของเพื่อน นินนาทอาสาพาไปส่งที่บ้าน ชายหนุ่มไม่อยากรบกวนเพื่อน จึงแจ้งให้คนจากโรงงานขับรถมาให้ที่โรงพยาบาล
ระหว่างทางกลับบ้าน ศิวกานต์แวะตรวจดูความเรียบร้อยที่บ้านคนงานบางส่วนที่อยู่ใกล้จุดระเบิดเมื่อเช้า ชายหนุ่มรู้ดีว่า เขาควรกลับถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ชายหนุ่มจอดรถห่างจากบ้านประมาณ ๒๐๐ เมตร พยายามก้าวขาช้าๆ ทั้งที่รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์
ลัลภัทรพบว่ามีบ่อปลาคาร์พอยู่ด้านหลังเรือนนอนของเธอ หญิงสาวเดินเล่นแทบจะทุกตารางนิ้วของบริเวณบ้านแล้ว เจ้าของบ้านก็ยังไม่กลับ ยังไงวันนี้เธอก็ต้องพบกับเขาให้ได้
ด้วยความเคยชิน ศิวกานต์เกือบจะตะโกนเรียกไข่นุ้ย เขาสังเกตเห็นเงาคนยืนอยู่ด้านหลังเรือนเล็ก ชายหนุ่มแตะกระบอกปืนที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต พยายามเดินไม่ให้มีเสียง เมื่อเข้าไปใกล้ ชายหนุ่มเห็นร่างของหญิงสาวสวมเสื้อคอกลมสีฟ้าอ่อน กับกางเกงสี่ส่วนสีเท้า รองเท้าผ้าใบ ผูกผมหางม้า
“นี่สินะ ผู้หญิงคนนั้น” ชายหนุ่มคิดในใน สายตาของเขาเหลือบไปเห็นลูกมะพร้าวกำลังหล่นจากต้น ศิวกานต์ตะโกนสุดเสียง “ระวังหัวครับ” ก่อนจะวิ่งไปหาลัลภัทร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เจ้าสาวไปรษณีย์ โดย กัณฐมาศ

จากคุณ : Josephine March
เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 55 21:12:44




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com