Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 34 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13106043/W13106043.html

บทที่ 34

ในที่เร้นกลางโถงอันกว้างหากแต่โดนปกคลุมด้วยไสยเวทย์ดำจนมองไม่เห็นสภาพทรุดโทรมแท้จริง

ปรากฏตาถลนทื่อของซาตานวจากำลังจ้องเขม็งอาฆาตตรงมายังร่างของศัตรูที่สืบเท้าก้าวสั้นๆ และอย่างระมัดระวังแต่ก็ตื่นเต้นในที แม่นางแพรพลิ้วมาหยุดข้างๆ แสยะยิ้มลิงโลดแล้วกล่าวปีติกับพี่ชายว่า

"ในที่สุด พี่ก็ลวงมันเข้ามาจนได้ น้องจะฆ่ามัน"

"พี่รู้ว่าเจ้าแค้น แต่เจ้าเข้าใกล้มันไม่ได้เพราะรอบตัวมันเจิดจ้าไปด้วยรังสีวาสนา ช่างน่าแค้นยิ่งที่วาสนาของมันไม่ยอมสร่างมอด ทั้งที่ตัวมันก็ดำผุดดำว่ายอยู่ในวงเวียนแห่งชาติภพนานร่วมร้อยปีแล้ว"

"ใช่" นางผีพยักหน้าถลึงตาทื่ออย่างเกลียดกับอาฆาต "เพราะอย่างนี้เราถึงพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า"

"ไม่แล้วน้องพี่ กาลอันกาลีนั้นได้ผ่านเราสองพี่น้องไปแล้ว"

ซาตานอมตะประกาศเสียงกร้าวพลางขยับกายใหญ่ยักษ์ในที่เร้นมาประจันกับแม่นางในร่างใหม่

ฝ่ายโน้นเดินไประแวงไปก็ชนตึกเข้าแต่ก็ไม่ร้องกรี๊ดใดๆ นอกจากดีดตัวผลุงไปตั้งหลัก แล้วก็เสียหลักเพราะเหยียบเข้ากับแท่งเชิงเทียนทองเหลืองทรงกลม พอมันเคลื่อนไถล เธอก็ไถลตามแล้วล้มก้นกระแทกจ้ำเบ้า

ในยามตระหนกเฮือก ฝ่ามือสองข้างก็พลันกดย้ำเข้ากับเศษกระเบื้องกระจกแถวนั้น ได้บาดแผลไม่ฉกรรจ์มาปลุกเร้าให้ตื่นตัว

แต่ในขณะเดียวกัน กลิ่นคาวเลือดก็เร่งเร้าดวงวิญญาณหิวโหยให้ร้องระงมพลางผุดโผล่เฉพาะส่วนหัวออกจากผนังมืดเบียดอัดกันยั้วเยี้ยดั่งตัวหนอนอีกแล้ว

"แม่นางกณิการ์ ถึงเวลาชดใช้แล้ว"

ซาตานอาฆาตประกาศก้องพลางยื่นมือใหญ่มาจิกลำคอระหงอย่างผยอง ชีวิตอมตะของมันจะไม่มีสิ่งใดมาทำลายให้พังพินาศ แม้แต่รังสีวาสนาอันแข็งกล้าของศัตรูก็เถอะ

แล้วมันก็จะพิสูจน์ให้ประจักษ์ด้วยการโยนเจ้าของรังสีไปฟาดกับแท่งเชิงเทียนหักแต่ยังตั้งหมิ่นเหม่อยู่ในวงล้อมแน่นของหยากไย่

"โอ๊ย"

ฤดีดิษถ์ร้องกรี๊ดสุดเสียง ทั่วร่างเจ็บร้าวอย่างทารุณก่อนจะหล่นลงไปซุกกลางกองซากวัสดุชำรุด เนื้อตัวโดนขีดข่วนเกิดแผลหลายรอย

ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ร่างก็โดนจิกลอยวืดขึ้น ใจหายวาบเมื่อรู้สึกว่าตนโบยบิน แต่ผนังโถงข้างหน้ามันแข็งดั่งกำแพงภูเขา ถ้าร่างเธอปะทะด้วย มันคงไม่แหลก แต่เธอนี่สิ กระดูกต้องเหลวแน่

"ไม่"

เสียงกรีดร้องไม่ยินยอมดังก้องขึ้น แล้วทันใดนั้นเอง พลังลี้ลับบางอย่างก็พลันก่อตัวฮึกเหิม ร่างกายพองคับเหมือนลูกโป่งแฟบโดนสูบลมจนเต็ม

บังเกิดไอร้อนจัดที่ไม่อาจทานทนได้ ฤดีดิษถ์จำต้องระบายมันออกไปด้วยการเกร็งร่างกายและกำหนดลมหายใจพิสดาร เธอไม่รู้ว่าทำอย่างนั้นได้ยังไง

แต่ด้วยวิธีนี้ล่ะ ที่สร้างพลังประหลาดมาให้ เธอบิดกายหมุนเกลียวได้สวยงาม ปลายเท้าแตะผนังดังทึบแล้วดีดโผคล่องแคล่ว โอ้ คุณพระช่วย เธอปลอดภัยซ้ำยังหย่อนลงยืนหยัดกลางพื้นโถงรกได้อย่างสง่างามนัก

"แม่นางชั่ว" แม่นางแพรพลิ้วปราดไปกระชากรากไม้แล้วเหวี่ยงฟาดลำตัว

"บังอาจ เจ้ากล้าลามปามไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตายกี่ภพชาติ สันดานเจ้าสองพี่น้องก็ขัดเกลายากแท้"

"ปากกล้ายิ่งเจ้าเอ๋ย"

ซาตานวจาปราดมาตบฉาดใหญ่ ฤดีดิษถ์ผงะทั้งตัว หน้าสะบัดคอแทบหัก เลือดกระฉูดพรมหยากไย่บนโถแตกใกล้ปลายเท้า เธอล้มทับกองกระดูก รู้สึกเจ็บรุนแรงจนเกิดอาการหน้ามืดกะทันหัน

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนตบหนักหน่วงเหมือนไม่ใช่มือคนแบบนี้เลย แล้วก็ฉงนมากด้วยว่าคนลงมือโกรธแค้นอะไรนักหนา ทั้งที่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ปริศนายังไม่ทันได้คลี่คลายเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ได้พูดหรอก แม่นางกณิการ์ต่างหากเล่าที่ประกาศบารมีด้วยจิตโทสะ แม่นางแพรก็ลอยปรี่มาซ้ำเติม ตวัดผ้าคาดเอวรัดคออย่างอำมหิต

"โอ๊ย"

เธอร้องพลางดิ้นขลุกขลัก นางผีแสยะยิ้มชั่วร้ายก่อนจะกระชากลากทารุณ เนื้อตัวแม่นางในร่างใหม่ครูดไปตามเศษแตกเปรื่องที่ยังไม่สร่างรอยคม เนื้อขาดปริเลือดทะลักไหลโกรกๆ

พอเจอที่ว่างเล็กน้อย นางผีก็เหวี่ยงโหดเหี้ยม ร่างบอบช้ำกลิ้งม้วนหลายตลบกระทั่งไปหยุดชิดเชิงบันไดทางขึ้นโถงชั้นบน เธอหายใจรวยริน พยายามตะกายร่างที่เจ็บร้าวไปหมดด้วยสองมือที่อ่อนล้า

แต่ก็ไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ซาตานวจาปราดมายืนผงาดอวดร่างยักษ์ มันถลนเหลือกตาทื่อไร้แววอย่างลำพอง ใบหน้าดุร้ายและสกปรกแหงนหงายแผดเสียงหัวเราะย่ามใจก้องกังวาน

คลื่นเสียงโอหังนั้นพุ่งทะลุเพดานสูงออกไปกระทบกับจิตสงบของหมอผา เขายังนั่งสมาธิเฝ้ารอจังหวะให้จิตแข็งแกร่งขึ้นอีกนิด บางทีอาจต้องเสี่ยงถอดออกจากร่าง เพราะการช่วยเหลือสาวครีเอทีฟให้รอดชีวิตกลับออกมา มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

"โอ๊ย เจ็บ ฉันเจ็บ โอ๊ย"

ก็ต้องเจ็บจนไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไงให้เข้าใจกันล่ะ ในเมื่อซาตานอำมหิตเหยียบอกแม่นางในร่างใหม่แล้วบดขยี้อย่างสาแก่ใจอาฆาต

มันหัวเราะแหบพร่ากลั้วประสานกับเสียงแหลมลึกโหยหวนของแม่นางแพรผู้น้อง ดวงวิญญาณอีกมากมายนับไม่ถ้วนก็แข่งกันกรีดร้องระงมเพราะหิวโหยเลือดที่ส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว

"ดิษถ์ โถ ดิษถ์ ฉันขอโทษแก ฉันขอโทษ ดิษถ์ ฉันขอโทษ เพราะฉัน เพราะฉันดิษถ์ เพราะฉัน"

มวลผการ้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร หล่อนหอบหิ้วดวงวิญญาณอ่อนล้ามาฟุบใกล้ร่างดิ้นกระ:-)กระสน มือโปร่งใสเฝ้าเขย่าแขนเพื่อนรัก แต่มันไร้ประโยชน์ ฤดีดิษถ์มองไม่เห็นหล่อน

ซ้ำความทรมานสาหัสตอนนี้ก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอสนใจว่ามีใครมาร้องเรียก สิ่งที่เธอทำคือพยายามผลักยันดันยกเท้าอันใหญ่และเหม็นเน่ารุนแรงเหมือนซากศพออกห่างทรวงยุบ

โอ.. เธออาเจียนเป็นเลือด มันไหลทะลักเปรอะชุ่มในลำคอ มือสั่นระริกข้างหนึ่งพยายามหาสิ่งยึดเหนี่ยว ในสมองที่หดแคบลงปรากฏวงหน้าดุร้ายของแม่นางกณิการ์ผุดกระจ่างขึ้น

ฤดีดิษถ์สลัดใบหน้า เธอมั่นใจว่าอีกเฮือกเดียวเท่านั้นก็จะขาดใจตาย รู้สึกอย่างใจหายว่าทรวงยุบลึกลง หรือว่ามันกำลังจะทะลุ

"ลายสือ ละ.. ลาย.. ลาย.. ละ.. ลายสือ"

ต้องเรียกชื่อนี้ใช่ไหม แม้จะไม่มีใครไขปริศนาได้ว่าชื่อนี้สำคัญไฉน แต่ก็เอาเป็นว่าพลังอำนาจของแม่นางกณิการ์ก็พลันกล้าแกร่งขึ้นแบบยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว

แม่นางแพรถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินเสียงกร้าวตวาดก้อง ร่างผีเร่งถอยกรูดอย่างแตกตื่นไปซ่อนในริ้วม่านรุ่งริ่ง คอยคุมเชิงหวังลอบกัดเพื่อช่วยเหลือพี่ชายเป็นคราวๆ ไป

"พี่ ระวังด้วย" แม่นางตะโกน

"ระวังอะไรอีก เจ้าสองพี่น้องยังมีอะไรต้องระวังอีก แสนชั่วยิ่งแล้ว เราจะกำจัดเจ้า ดวงวิญญาณสันดานหยาบ"

ฤดีดิษถ์แน่นิ่งไปแล้วหรือเปล่า ใช่ เธอแน่นิ่งไปแล้ว มวลผกากรีดร้องโหยหวนเพราะปวดแสบปวดร้อนกับรังสีวาสนาที่แผ่จ้าดั่งเปลวเพลง

มันรายล้อมร่างนางพญาในชุดสีเทาที่โผทะลุพรวดออกมาจากทรวงอกของเพื่อนรัก อึดใจเดียวก็หย่อนลงยืนแยกขาหยัดหมัดอย่างองอาจ

"ไม่ต้องกลัวเราแม่นาง เจ้าคือเหยื่อใช่หรือไม่ เราจะช่วยเจ้าเอง"

มวลผกาเบิกตาโพลง ร่างโปร่งใสถอยหลังกรูดอย่างหวาดกลัว หากแต่ก็แทรกปนความประหลาดใจเหลือล้ำ เพราะวงหน้าเฉียบขาดห้าวหาญของนางพญาช่างถอดแบบฤดีดิษถ์ไม่มีผิดมีเพี้ยนราวกับฝาแฝด

แม่นางกณิการ์หรี่ตางึมงำอะไรก็ไม่ทราบ แต่เพียงครู่เท่านั้น ร่างโปร่งใสก็พลันก่อเกิดปฏิกิริยา มวลเนื้อประสานกันจนแน่นดั่งว่าฟื้นคืนความเป็นคนอีกครั้ง นางผีอาภัพรีบโลมลูบอย่างตื่นเต้นแกมเหลือเชื่อ

"ไม่ใช่การชุบชีวิตนะเจ้า เพียงช่วยให้เจ้าไม่ต้องเจ็บปวดจากไสยเวทย์กาลีของเจ้าซาตานชั่วสักครู่หนึ่ง หน้าที่ของเจ้าคือจงเฝ้าดูแม่นางร่างใหม่ของเราเอาไว้ให้ดี ถ้าแม่นางเป็นอะไรไป เราจะเป็นด้วย เข้าใจบัญชาเราหรือไม่ จงรับบัญชาเรามาดังๆ "
"เอ้อ คะ.. ค่ะ ค่ะๆ "

มวลผกาตะลีตะลานรับคำอย่างครั่นคร้าม ครั้นพอสิ้นบัญชาเฉียบ แม่นางก็ตวัดแขนโบกขึ้นเพียงวูบ เปลวเพลิงมนตราก็พลันปะทุสว่างเป็นวงโอบล้อมหนึ่งผีหนึ่งคนสลบแน่นิ่งไว้ภายใน

เสร็จสรรพภารกิจตรงนี้ แม่นางผู้เกรียงไกรก็หมุนขวับกลับไปหาศัตรู นับจากกาลนี้ไป แม่นางจะไม่เปิดโอกาสให้เหิมเกริมอีกแล้ว

ร่างปราดเปรียวพลิ้วโผเข้าหาซาตานคู่แค้นที่ยังไม่เลิกตะลึงงัน ดึงสายคาดเอวร่ายมนตราสลายร่างแล้วเหวี่ยงฟาดกลางลำตัว ได้ยินเสียงสวบคล้ายเสียงดาบฟันคอนักโทษหลุดจากบ่า ลำตัวซาตานวจาก็มีอันขาดสะบั้นเป็นสองท่อน

เหตุการณ์พลิกผันเช่นนั้น สร้างความรุ่นร้อนแก่แม่นางแพรยิ่ง แม่นางกรีดร้องโหยหวนตระหนกว่าพี่ชายเพลี่ยงพล้ำ แต่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานกลับรู้กาลเทศะ ไม่กล้าบุ่มบ่ามอวดกำแหงดังเคย

ยามนี้ก็ได้แต่เฝ้ารอว่าพี่ชายจะแก้สถานการณ์ยังไงในขณะที่ลำตัวสองท่อนถูกแม่นางศัตรูกระโจนถีบกระเด็นปลิวละลิ่วไปร่วงคนละทิศคนละทาง




เหตุระทึกในโถงทรุดโทรมจะรุดหน้าต่อไปยังไง คนเฝ้ารออยู่ข้างนอกก็สุดจะคาดเดา แต่ก็เอาเป็นว่าในช่วงที่ผีกำลังซ้ำเต็มเหนี่ยว ด้ำก็ตามติดมาพลอยแบบไม่ขาดเงา

หมอผาเบิกตากว้างพร้อมกับโชติชลรูปหล่อเมื่อลุงโภชน์กับชาวบ้านสองสามคนพากันกระหืดกระหอบมาละล่ำละลักแจ้งอีกเหตุที่เปลี่ยนโฉมไปแล้วเช่นกันว่า

"คุณลายสือเข้าไปช่วยแม่หนูในป่าอัญมณี เขาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาบอกว่าเธอถูกลักพาตัวไปที่นั่น"

"อะไรนะครับ แล้วเขาไปที่นั่นได้ยังไง เขาไม่รู้จักที่นั่นนะ"

"ก็มันเป็นความบังเอิญแบบซวยๆ ไง"

ลุงโภชน์ถอนใจหงุดหงิด แกนั่งลงตรงนั้นแหละ แล้วก็เล่าลวกๆ เร็วๆ ว่าชาวบ้านคนหนึ่งแวะมาพอดี รถกระบะยังไม่ทันจอดสนิท ลายสือก็พรวดไปสวมรอยแทนคนขับเจ้าของ

"ไอ้มั่นน้องชายยังไม่ทันลงจากรถเลย ตอนนี้ก็คงบอกทางกันแล้ว พ่อหมอเอ๊ย ช่วยบอกทีเถอะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมมันดูอลเวงชุลมุนจนคนแก่แยกไม่ออกบอกไม่ถูกแบบนี้ ตกลงว่าเพื่อนไอ้ผกามันจะมาร่วมงานแต่งหรือจะมาป่วนกันแน่ แต่ละคนถึงได้ทำอะไรพิลึกพิลั่นนัก"

"จนป่านนี้แล้ว ลุงยังไม่เข้าใจอีกหรือครับ"

โชติชลถามเหมือนช่วยให้บทสรุป เขาคิดว่าลุงโภชน์คงพอจะรู้ แต่ใจไม่กล้ายอมรับมากกว่า เพราะเรื่องนี้มันก็ไม่ค่อยน่ายอมรับนัก

"อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย ลุงเองก็ใช่ว่าจะหัวสมัยใหม่นะ กับเรื่องลี้ลับผีสางพวกนี้ลุงก็เชื่อถืออยู่บ้าง แล้วปาฏิหาริย์บนภูดารกะเรามันก็มีปรากฏอยู่จริง แต่ถึงกับย้อนกลับมาเกิดใหม่ตามจองล้างจอง.. "

"ไม่ใช่จองล้างจองผลาญครับ" โชติชลขัดตามเคย "แม่นางกณิการ์กลับมาเพื่อทำหน้าที่ผู้ปกครองที่ดี"

"อืม ใช่ นายโจ้พูดถูก แกสรุปได้ชัดเจนที่สุด" หมอผารีบสนับสนุน แล้วหันไปทางลุงโภชน์ "ภูดารกะในวันนี้เมื่อหลายร้อยปีก็คือคามดารกะ ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลที่มีประชาชนอยู่รวมตัวกันอย่างหนาแน่น"

"และเป็นปึกแผ่นได้เพราะมีผู้ปกครองดี สมัยนั้นก็เรียกว่าเจ้าฟ้า" โชติชลช่วยย้ำ "ผมว่าคามดารกะโชคดีมากที่เจ้าฟ้าทุกรุ่นมีคุณธรรมต่อยอดกันไม่มีขาด ยิ่งมารุ่นของแม่นางกณิการ์ด้วยแล้ว เธอรักมันยิ่งกว่าชีวิตของเธอเองเสียอีก"

"เพราะอย่างนี้ละครับ เธอถึงยอมพลีชีพเพื่อกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง" หมอผาตามประกบรายละเอียด "เพื่อกำจัดซาตานวจา เพื่อให้ลูกหลานที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินของคามดารกะทุกคนปลอดภัยและดำรงชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสงบสุข"

"แล้วลุงโภชน์กับทุกคนบนภูดารกะก็คือลูกหลานรุ่นหลังๆ ของเธอนะครับ" ตบท้ายแน่นปึกด้วยเสียงทุ้มเข้มของหนุ่มโจ้อีกที

"แล้วจะมีใครเชื่อไหมนี่" คนฟังครางละเหี่ย

"ลุง" หนุ่มหล่อเรียกแล้วถอนหายใจ "เรื่องลี้ลับเรื่องเหนือธรรมชาติมันก็เป็นแบบนี้ ตราบใดที่ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ และตราบใดที่มีคนพบเห็นเพียงบางเสี้ยวบางส่วนแล้วนำมาเล่าต่อโดยไม่มีหลักฐาน เราก็บังคับให้ใครเชื่อไม่ได้หรอกครับ แต่ลุงก็เจอกับมัน ลุงก็เป็นคนหนึ่งในจำนวนบางเสี้ยวบางส่วน แล้วลุงจะไม่เชื่อหรือ"

หมอผาลุกยืนไม่ค่อยมั่นคงนัก หลานชายน่ารักก็รีบลุกตามมาประคอง เขากำลังชั่งใจว่าควรจะไปตามลายสือในป่าอัญมณีหรือว่าจะเฝ้ารอฤดีดิษถ์อยู่ตรงนี้

เธออาจปลอดภัยก็ได้เพราะมีบารมีของแม่นางกณิการ์คุ้มครอง แต่หนุ่มครีเอทีฟนี่สิ ชะตาในตอนนี้มันดูว่าง่อนแง่นกว่ากันเยอะ

"อาคิดอะไรอยู่"

"โจ้ แกไปช่วยคุณลายสือทางโน้น จำไว้นะ ในป่าอะไรนั่น เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันมีสิ่งลี้ลับอะไรซ่อนอยู่บ้าง แกต้องไม่ผลีผลาม ไม่ว่าแกจะตัดสินใจทำอะไร แกต้องไตร่ตรองอย่างดี หรือไม่ก็โทรมาหารือกับอาก่อน"

"ไม่เอาหรอก ผมจะทิ้งอาไว้ที่นี่ตามลำพังได้ยังไง แล้วผมเองก็ไม่มีวิชาวิเศษอะไร ไปก็เท่านั้นแหละ ช่วยอะไรเขาได้ล่ะ หรือดีไม่ดีนะ เขาก็ไม่ยอมให้ผมช่วย"

"เขาไม่ยอมให้ช่วย แต่เขากำลังจะไปตาย แกรู้ทั้งรู้ แกก็จะดื้อด้านบ้าจี้ตามเขาหรือ อาไม่อยากเชื่อหรอกนะว่าเราสองคนจะเป็นญาติกันได้ถ้าแกมีความคิดกับจิตใจแคบๆ ห่วยๆ แบบนี้"

โอ้ พ่อรูปหล่อโดนด่า หน้าหงิกได้เลยนะนี่ ญาติแล้วทำไมเล่า ก็แค่ห่างๆ ห่างมากด้วย เขายอมคบค้าด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว

แต่ก็เอาเป็นว่าใจค่อนขอดฉุนเฉียวก็ส่วนใจ ส่วนหุ่นเท่ก็หมุนกลับก้าวฉับๆ ลงจากเนิน หมอผาก็นึกไว้อยู่แล้วว่าหลานชายคนนี้พึ่งพาได้ แม้ว่าปากอาจจะเสียไปบ้างก็เถอะ

"จะเอาอย่างนั้นหรือพ่อหมอ" ลุงโภชน์ถามย้ำอีกที แกเหนื่อยแล้วกับการวิ่งรอกไปทางโน้นทีทางนี้ที

"ครับ รบกวนช่วยนำทางนายโจ้เข้าป่าอัญมณีด้วยนะครับ มีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นก็ตั้งสติไว้ อย่าแตกตื่นลนลาน แล้วก็รีบโทรหาผม"

คนลูกสาวหายก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ปรายตาไปจับวิหารวังร้างกลางเปลวแดดแวบหนึ่ง แล้วค่อยฉุกคิดได้ว่าสาวกรุงเทพก็แล่นปรูดปราดมาที่นี่ แกรีบถามขึ้นทันที

"เอ้อ แล้วแม่หนูล่ะ ตกลงว่ามาที่นี่ไหม"

"ครับ เข้าไปแล้ว"

"อะไรนะ" แกตาโตเท่าไข่ห่านเลย "อะ.. อะไร กะ.. กัน นี่หมะ.. หมอ พ่อหมอให้.. ให้เข้า.. "

"ผมพยายามขัดขวางเต็มที่แล้วครับแต่ไม่สำเร็จ อย่าห่วงเลย ผมจะหาทางเข้าไปช่วยเธอเอง"

"อะไรนะ" คนฟังก็ได้แต่เบิกตาลุกโพลงกันไป "ขะ.. เข้าไปอีกคน โอ๊ย พิเรนทร์ ใครที่ไหน จะ.. จะ.. "

โชติชลโบกมือเร่งอยู่ข้างล่าง หมอผากระแอมเบาๆ ตัดบทคนตะกุกตะกัก เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายตระหนก เพราะโดยปกติก็ไม่มีเคยใครเข้าไปในนั้นได้

ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นก็แค่รอบนอก ทุกคนที่นี่เชื่อสนิทว่าวิหารวังร้างคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีเทวดานางฟ้าสถิตและคอยโปรยเพชรนิลจินดาในวันดีคืนดี

ลองมีใครสักคนไปป่าวประกาศสิว่าจริงๆ แล้วในนั้นเป็นที่คุมขังซาตานไม่มีวันตายตนหนึ่งนานเป็นร้อยๆ ปีมาแล้ว รับรองว่านอกจากไม่มีใครเชื่อแล้ว คนเล่าเองก็จะโดนข้อหาดูหมิ่นอย่างสุดที่จะให้อภัยอีกด้วย และโทษเดียวที่ต้องเจอก็คือ 'บาทารุมกระทืบ'




หมอผาโบกมือให้กำลังใจหลานชาย เขาหดหู่นิดหน่อยเมื่อนึกว่าตนไม่รู้จะหันไปขอกำลังใจจากใครได้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเลวร้ายลงจนผู้ช่วยอย่างเขาดูท่าว่าจะเปล่งรัศมีโดดเด่นที่สุด

"เอาวะ เป็นยังไงก็เป็นกัน"

เขาพึมพำบอกตัวเองให้เด็ดเดี่ยวกับการตัดสินใจเสี่ยง ร่างสำรวมทรุดนั่งสมาธิ พริ้มตาแล้วพนมมือ ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีร้ายตายเป็น เขาก็เลือกแล้ว

ไม่มีใครบอกว่าทำไมเขาต้องเสี่ยงเพื่อปกป้องชีวิตของฤดีดิษถ์ เขารู้สึกได้ว่าลึกๆ แล้วเขาต้องทำ มันเป็นหน้าที่โดยตรงที่ส่งต่อมาจากบรรพบุรุษ

ไม่ถึงอึดใจ กายหยาบก็ถูกทิ้งไว้ตรงนั้น หมอผายืนสำรวมนับหนึ่งสองสามแล้วหมุนตัวไปทางประตูทางเข้าวิหารวังร้าง เขาสะดุ้งนิดหน่อยตอนปะทะกับร่างโปร่งใสที่รายล้อมด้วยรังสีสีเงินยวง

"ท่าน" เขาอุทาน ตาเบิกกว้างเขม็งจ้องดวงวิญญาณสองดวงแน่วนิ่ง

"เราเอง" ท่านศมะเป็นคนกล่าว "เราเคยเจอกันแล้ว เจ้าคงไม่ตกใจซ้ำเป็นหนสองหรอกนะ"

"ครับ" หมอผากล่าวนอบน้อม

"ไม่ต้องเป็นห่วงชายปริศนากับหลานชายของเจ้า เราจะตามไปปกป้องเอง แต่ชะตาแม่นางเจ้าฟ้าทางนี้คงต้องรบกวนเจ้า เพราะมีเพียงเจ้าที่เข้าไปในเขตต้องบัญชาได้ ท่านพ่อจะอยู่ช่วยด้านนอกอีกแรงหนึ่งเท่าที่จะช่วยได้นะเจ้า"

"เขตต้องบัญชาคืออะไรครับ" หมอผาทวนถามอย่างไม่เข้าใจ

"ถ้าเจ้าศึกษาและอ่านตำราจากคัมภีร์ไสยเวทย์ของเจ้าอย่างถ่องแท้แล้ว เจ้าคงไม่ลืมว่าตอนท้ายของความเสื่อมแห่งคามดารกะ แม่นางเจ้าฟ้าบัญชาเด็ดขาดห้ามทุกคนล้ำล่วงสู่โถงบูชาเจ้าฟ้าตลอดไป"

"แล้วที่นั่นคือ.. "

"ถ้าเจ้าเข้าไปแล้ว และมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจนถึงที่นั่น เจ้าก็จะเข้าใจเอง จงรีบไปเถอะเจ้า"

"ครับ"

พระครูลาพุชสบตากับหมอผาแน่วนิ่ง ท่านรู้สึกแปลบๆ ขึ้นในจิต คล้ายว่าเห็นรังสีวับวาบขึ้นในห้วงมืดซึ่งไม่กว้างไม่แคบไปกว่าแก้วตาคู่นั้น หากแต่ประกายอันแหลมคมนั้นกลับช่างคุ้นเคยดั่งว่าประสบจนชาชิน

"มีอะไรหรือเปล่าครับท่าน" หมอผาถามอย่างรู้ใจ

"มี แต่เรายังขบคิดไม่ออก"

"โอ้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จงรีบไปเถอะ อย่ารีรออยู่เลย" ท่านศมะรีบตัดบทกึ่งเหน็บแนมบิดา "ปริศนาอันใดที่พระครูผู้รอบรู้หยิบจับมาขบคิดนั้น ไม่เคยธรรมดา ร้อยปีก็อาจหาคำตอบไม่ได้"

สองดวงวิญญาณค่อยรางเลือนไป หมอผาก็ไม่อยากขบคิดให้เปลืองพลังงานจิต

เขาจำเป็นต้องเก็บตุนมันไว้ให้มาก เพราะสถานการณ์หลังบานประตูบอกเขาไม่ได้เสียด้วยว่าเขาต้องสิ้นเปลืองมันไปมากน้อยแค่ไหน หรือแท้ที่จริงแล้ว คำตอบที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือตัวเขานี่ล่ะ 'จะรอดชีวิตกลับออกมาได้หรือเปล่า'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 55 08:55:07




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com