ความคิดเห็นที่ 1 |
 |
สัญญารัก...ลวงใจ [ ตอนที่ 30 ] The Promise Love...
สัญญา..ของสองเรา [ จบ ]
ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น...ฉันจะอยู่ที่นี่
น้ำเสียงแข็งกร้าวของมินตรา ทำให้ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังหล่อนเป็นทางเดียวกัน ภาพมินตราอุ้มลูกน้อยกระเตงไว้กับเอวโดยมืออีกข้างมีกระเป๋าสัมภาระใบเล็กถืออยู่ ทำให้อธิปจ้องเขม็งยังหล่อนด้วยสายตาผิดหวัง
หมายความว่ายังไง..มิน น้ำเสียงเข้มและแววตาดุของอธิปที่จ้องมองมาอย่างเคร่งเครียดไม่ได้ทำให้มินตราสะทกสะท้านแต่อย่างใด หญิงสาวกลับหันไปพูดกับชานนท์โดยไม่สนใจอธิปแม้แต่น้อย
พี่นนท์คะ มินขออยู่ที่นี่ต่อนะคะ ถ้าพี่นนท์ไม่สบายใจมินขอไปอยู่บ้านพักกับแจนนะคะ มินตราหันไปหาชานนท์วิงวอนชายหนุ่มผ่านทางดวงตาแดงก่ำ
ได้สิ อดัมส์แกได้ยินเต็มสองรูหูแล้วใช่มั๊ย กลับเมืองไทยไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับนายอีกแล้ว คำพูดเสียดสีจากคนที่อธิปเคยเคารพเหมือนพี่ชาย ทำให้ชายหนุ่มหันไปมองอย่างนึกไม่ถึง สีหน้าเครียดแววตาเอาเรื่องแสดงฉายชัดจนเอรินที่ยืนคั่นอยู่ระหว่างกลางชายหนุ่มสองคนถึงกับหน้าแหย
คิดเหรอว่าผมจะปล่อยมินไปน่ะ เค้าต้องกลับเมืองไทยกับผมเท่านั้น เพียงแค่เห็นแววตายิ้มเยาะของชานนท์ อธิปก็ถึงกับปรอทแตกอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมอีกแล้วให้อะไร หรือใครมาแยกมินตราไปจากเขาได้อีก
แกก็ได้ยินแล้วไม่ใช่รึไง..อดัมส์ เค้าไม่อยากอยู่กับแก ไม่อยากไปกับแก เค้าอยากอยู่ที่นี่..กับฉัน ท้ายประโยคชานนท์ลากเสียงเข้มอย่างเตือนสติชายหนุ่มตรงหน้า
มิน..ฟังฉันนะ พ่อฉันยอมแล้ว เค้ายอมรับเธอแล้วนะ เรากลับไปแต่งงานกันเถอะ เธอรักฉันไม่ใช่เหรอ เรารักกันนะ..มิน น้ำเสียงเว้าวอนของอธิป ทำเอามินตราถึงกับใจแป้ว หล่อนไม่อยากจะเชื่อในน้ำคำของเขา แต่ลึกๆในใจก็อดจะยินดีไม่ได้ที่รู้ว่าบิดาของอธิปยอมรับหล่อนและลูกน้อยไม่ได้รังเกียจเหมือนแต่ก่อน แต่เพียงคำพูดของเขาจะให้เชื่อได้อย่างไร
อย่ามาโกหก..ฉันไม่เชื่อโอม มินตราส่ายหน้าอย่างแรงไม่ยอมรับฟัง วงแขนที่อุ้มลูกน้อยสั่นระริกจนเอรินต้องเข้ามาช่วยอุ้มอาร์มแทน
คุณมินคะ ฉันอุ้มน้องอาร์มให้ คุณใจเย็นๆเถอะนะคะ เลือกคนที่คุณรักเค้าเถอะนะคะ ฉันเอาใจช่วยค่ะ เอรินจับมือที่เย็นเฉียบของมินตราเอาไว้อย่างปลอบโยน
มินตราร้องไห้ออกมาอย่างสับสน หล่อนไม่อยากจะใจอ่อนให้กับเขาแล้วกลับเข้าสู่วังวนของอดิษว์อีก กลัวว่าคนใจร้ายจะมาพรากอาร์มไปจากอก
ขอโทษนะคะ..เอ่อ คุณอเล็กซ์มีสายจากเมืองไทยโทรมาค่ะ พนักงานต้อนรับสาวชาวอังกฤษเข้ามาขัดจังหวะบรรยากาศตึงเครียดด้วยสีหน้าแตกตื่น ทำเอาชานนท์ถึงกับรับโทรศัพท์มาอย่างงงๆ
สวัสดีครับ ทันทีที่รับโทรศัพท์ ชานนท์หันมามองหน้ามินตราที่บัดนี้หยุดร้องไห้แล้วมีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆคล้ายจะบอกอะไรบางอย่าง แต่แล้วชานนท์ก็ถึงกับนิ่งไป
ได้ครับ คุณลุง ผมจะจัดการให้เองไม่ต้องห่วงครับ หลังจากได้รับข่าวจากทางเมืองไทย ชานนท์ถึงกับเครียดไปจนมินตราได้แต่มองด้วยความอยากรู้
เกิดอะไรขึ้นคะพี่นนท์ คุณพ่อโทรมาเหรอคะ น้ำเสียงตื่นๆเจือด้วยความเป็นห่วงจากมินตรา ชานนท์ได้แต่คิดตรึกตรองก่อนจะกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ก็ใช้เวลาไปหลายวินาที
คุณแม่ของแซนดี้ เอ่อ สริน...เธอเสียแล้ว
พี่ต้องไปจัดการย้ายศพออกจากโรงพยาบาลไปไว้ที่โบสถ์ให้เธอ ก่อนที่สรินจะมาถึงพรุ่งนี้เช้า เค้ายังไม่รู้ เราไปด้วยกันนะมิน มินตราถึงกับอึ้งไปกับคำชวนของชานนท์ หญิงสาวถึงกับสับสนกับสิ่งที่ได้รับรู้ หล่อนควรจะต้องไปหรือไม่ มินตราได้แต่คิดแล้วคิดอีก ถ้าไปแล้วหล่อนจะไปในฐานะอะไร แต่แล้วความเป็นห่วงสรินที่มีมากกว่าทำให้มินตราตอบตกลงในที่สุด
ค่ะ พี่นนท์ มินตรากุลีกุจอรับลูกน้อยจากเอรินเอามาอุ้มไว้แนบอกด้วยท่าทางทุลักทุเลเพราะหยิบกระเป๋ามาถือไว้อีกข้าง
ฉันช่วยมา...อาร์มครับ มาให้พ่ออุ้มนะครับ อธิปถือโอกาสตอนมินตรายุ่งๆ แย่งลูกน้อยมาจากมือโดยที่หล่อนไม่ทันตั้งตัว มินตราได้แต่โวยวายไม่พอใจ แต่เด็กน้อยกลับหัวเราะชอบใจ
มัม..คิก คิก ตา หลก อาร์มหัวเราะชอบใจที่เห็นหน้าเหยเกของมารดายามที่เห็นลูกน้อยอารมณ์ดีอย่างเหลือเชื่อเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดา
เอาลูกคืนมา!! เอามานะ มินตราพยายามจะแย่งลูกน้อยมาอุ้มไว้ แต่อธิปไม่ยอมหันหนีซ้ายขวาจนเอรินได้แต่หลุดยิ้มขำกับสายสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกตรงหน้า
ขำอะไรนักหนา!! น้ำเสียงตวาดจากชานนท์ที่มองดูอธิปและมินตรากำลังยื้อแย่งลูกน้อย โดยมีอาร์มที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้แต่หัวเราะชอบใจ ทำให้ชายหนุ่มอดที่จะพาลหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้
คุณก็ดูสิ...คุณอเล็กซ์ ถ้าปิดหูปิดตาไม่รับรู้ ก็ขอแค่ให้เปิดใจ พรากพ่อพรากลูกพรากแม่เค้า...มันไม่ดีนะรู้มั๊ย เอรินเหน็บชายหนุ่มข้างกายเสียงนิ่มๆ แต่คนถูกเหน็บถึงกับหงุดหงิด ทำทีเป็นไม่สนใจฟังหล่อนแล้วรีบเรียกมินตราให้ออกเดินทางไปรับศพมารดาของสรินทันที...
************************************************
โบสถ์เซนต์แอนน์...ตั้งอยู่ในย่านโซโห เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ตึกเก่าสีน้ำตาลทองแดงดูสงบร่มรื่นน่าเกรงขาม ชานนท์จัดการเคลื่อนย้ายศพมารดาของสรินออกมาจากโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลกันนักมาไว้ที่นี่ เพื่อให้ทำความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย
สรินและอิทธิ์เดินแกมวิ่งเข้ามาภายในโบสถ์อย่างรีบเร่ง สีหน้าเศร้าหมองของสรินภายใต้แว่นดำกรอบใหญ่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักทันทีที่ได้รับทราบข่าวการเสียชีวิตของมารดา
คุณแม่!! หญิงสาวตรงเข้ามากอดมารดาที่นอนสงบนิ่งอยู่บนตั่งกลางโบสถ์ หล่อนร่ำร้องอย่างหน้าสงสารเพราะมาไม่ทันได้ดูใจมารดาเป็นครั้งสุดท้าย อิทธิ์ได้แต่ประคองร่างของคนรักที่กำลังขวัญเสียไว้อย่างให้กำลังใจ
ทำไมคุณแม่ไม่รอหนู หนูจองโบสถ์ไว้แล้วจะแต่งงานวันมะรืนนี้ ทำไมคุณแม่ไม่รอ สรินยังคงร่ำไห้กอดศพมารดาไว้แนบแน่น อิทธิ์ได้แต่หันรีหันขวางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
โอม นายมาเมื่อไหร่แล้ว อิทธิ์ถามทันทีที่เห็นหน้ารุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยแถมยังพ่วงตำแหน่งอดีตสามีของสรินคนรักของเขา
รู้ข่าวก็รีบมาเลย เสียใจด้วยเรื่องคุณแม่ของสริน ผมก็เพิ่งรู้เรื่องที่เธอปิดผมเรื่องแม่ป่วยมาตลอด พี่ช่วยดูแลเธอให้ดีที่สุดนะ ทดแทนที่ผมไม่เคยดูแลมาก่อนเลยจริงๆ แล้วก็ยินดีด้วยนะพี่เรื่องสริน เห็นว่าจะแต่งงาน อธิปยิ้มอย่างยินดีกับคนตรงหน้าจากใจจริง สายตาเคลือบแคลงสงสัยของอิทธิ์มองเลยผ่านไปยังด้านหลังของอธิปอย่างอดสงสัยกับคนคุ้นตาไม่ได้
นั่น!! มิน มินใช่มั๊ย คำทักทายอย่างยินดีของอิทธิ์ ทำให้มินตราถึงกับยิ้มกว้าง ดวงตากลมโตฉายแววปิติอย่างปิดไม่มิดยามได้เจอกับอิทธ์ รุ่นพี่ใจดีร่วมมหาวิทยาลัยอีกครั้งหลังจากไม่เคยเจอกันอีกเลยตั้งแต่จบมหาวิทยาลัย
ค่ะ มินเสียใจด้วยนะคะ ว่าแต่พี่อิทธิ์กับพี่สริน..เอ่อ มินตราเอ่ยถามออกไปอย่างเกรงใจ หล่อนมองเห็นตั้งแต่ทั้งสองคนก้าวเข้ามาในโบสถ์ด้วยท่าทางที่มองดูก็รู้ว่าเป็นคนรักกัน
ใช่ พี่กับสรินว่าจะแต่งงานวันมะรืนนี้ อยากให้คุณแม่เป็นสักขีพยานให้เรา แต่คุณแม่เค้าเสียซะก่อน สงสัยต้องเลื่อนออกไปก่อน เสียดายกว่าจะจองโบสถ์ได้ต้องรอเป็นนาน เธอกำลังเสียใจ คงไม่มีจิตใจจะแต่งงานตอนนี้หรอก อิทธิ์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หลังผ่านพ้นพิธีฝังศพตามพิธีทางศาสนาคริสต์ที่สรินจัดการให้เสร็จสิ้นหลังจากไว้ศพแค่หนึ่งวัน เพราะหญิงสาวไม่อยากให้มีพิธีรีตองอะไรกันมากมาย ท่ามกลางเสียงทักท้วงจากบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องรวมถึงชานนท์และอธิปที่สงบศึกกันชั่วคราวแต่ยังคงมึนตึงใส่กันเป็นระยะ และอิทธิ์ที่อยากจะให้ไว้ศพสักสามวัน แต่สรินก็ปฏิเสธ เพราะหล่อนไม่ถือแต่อย่างใด
มินตราปลีกตัวมานั่งอยู่กับอาร์มที่กำลังร้องไห้งอแงเพราะความหิว จนหญิงสาวต้องป้อนนมให้ลูกน้อยอยู่อย่างเงียบเชียบจนอาร์มหลับคาตัก โดยมีเอรินที่นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนอยู่บริเวณเก้าอี้ตัวยาวใต้ต้นไม้ใหญ่ภายในบริเวณโบสถ์
ดีใจที่ได้เจอเธอนะ..มินตรา เสียงเคยคุ้นจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวอีกคนของมินตรา ทำให้หล่อนเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตาหม่นเล็กน้อย รอยยิ้มน้อยๆส่งให้คนตรงหน้า หล่อนสงสารสรินที่มาเสียมารดาจนไม่สามารถยิ้มออกมาได้อย่างเต็มที่
สวัสดีค่ะ คุณสริน มินตราเอ่ยทักสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เอรินได้แต่มองสองสาวตรงหน้าอย่างสนใจ
เรียกพี่สิ...ฉันเป็นพี่ของเธอนะมินตรา สรินถอดแว่นกันแดดสีดำอันโตเผยให้เห็นใบหน้าหมอง ดวงตาแดงช้ำน้อยๆ
ค่ะ..พี่สริน มิน เอ่อ..มินกระดากที่เรียกแบบนี้ แต่มินดีใจมากนะคะ ที่คุณ เอ่อ...พี่ให้อภัยมินกับแม่ค่ะ คุณพ่อโทรมาเมื่อเช้าเล่าให้มินฟังแล้วว่าพี่ให้อภัยพวกเราแล้ว และขอให้มินดูแลพี่สรินให้ด้วยในช่วงนี้ระหว่างงานศพคุณแม่น่ะค่ะ มินตราพร่ำบอกกับสรินในสิ่งที่อยากบอกมานาน
พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่าง แล้วก็ดีใจนะ ที่มีน้องสาวอย่างเธอ...ว่าแต่สาวน้อยคนนี้เป็นใครเหรอจ้ะ สรินหันมามองเอรินอย่างสงสัย หญิงสาวมองสบตาสาวสวยโฉบเฉี่ยวตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
ฉันชื่อเอรินค่ะ เอ่อ..เป็น เป็นเอรินถึงกับพูดไม่ออก หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาอยู่ตรงนี้ที่นี่แบบเลยตามเลยได้อย่างไร ทั้งที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่ต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้วแท้ๆ
เอริน เป็นเพื่อนมินค่ะ...ใช่มั๊ย มินตราและเอรินหันมายิ้มสบตากันอย่างเป็นมิตร ก่อนที่เอรินจะพยักหน้าหงึกหงักตอบรับอย่างยินดี
แล้วมินจะทำยังไงเรื่องโอมกับอเล็กซ์ สรินเข้าประเด็นทันทีที่เห็นสองหนุ่มที่ยังมึนตึงต่อกันคุยกับอิทธ์อยู่ไม่ไกล
มินก็ไม่รู้ค่ะ มินแค่อยากจะเลี้ยงลูกให้เค้าเติบโตอย่างดีที่สุดเท่านั้น แววตาของหญิงสาวสลดลงไปทันทีที่มองตามสายตาของสรินไปยังอธิปและชานนท์
ไม่ได้หรอกนะ เธอจะต้องเด็ดขาด เธอไม่สามารถยื้อพวกเค้าคนใดคนหนึ่งไว้ได้หรอกนะมินตรา..ถ้าเป็นเรื่องพ่อของโอม พี่เคลียร์ให้แล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ ได้ข่าวจากภัทรว่าเค้ายอมรับเธอแล้วรู้มั๊ย สรินโอบไหล่น้องสาวไว้อย่างเป็นห่วง ยามเห็นสีหน้ากังวลสับสนของมินตรา
หลานพี่น่ารักมาก เหมือนพ่อเค้าไม่มีผิด คนแก่น่ะเค้าแพ้ทางเด็กนะมิน พาลูกไปกราบคุณปู่เค้าซะเถอะกับโอมน่ะ แล้วเราจะได้หมดทุกข์หมดโศกซะที สรินยิ้มให้กำลังใจมินตราที่มีทีท่าตัดสินใจแต่ก็ยังไม่วายกังวล
แล้วพี่นนท์ล่ะคะ พี่เค้าดีกับมินมาก เค้าดีจนมินไม่รู้จะปฏิเสธเค้าได้ยังไง มินตราถึงกับน้ำตาคลอยามเมื่อนึกถึงชานนท์ พี่ชายที่แสนดีที่คอยดูแลมาตลอดสองปีที่ผ่านมา
คนนั้นฉันขอ...ได้มั๊ยคะ จู่ๆเอรินก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างลืมตัว สองสาวพี่น้องหันมามองหน้าสาวน้อยโดยไม่ได้นัดหมาย ทำเอาเอรินถึงกับหน้าแหย สีหน้ากระอักกระอ่วนพิกล
เอ่อ...คือฉันลืมตัว พวกคุณอย่าสนใจฉันเลยนะคะ เอรินรีบกลบเกลื่อนก่อนจะลุกหนีแววตาล้อเลียนของสรินและแววตาสับสนของมินตรา
เอาเป็นว่าอยู่ที่นี่กับพี่ก่อนแล้วอีกสองวัน มินต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใคร พี่จะให้สองคนนั้นรออยู่ที่แห่งหนึ่ง ถ้ามินรักและอยากจะอยู่กับใครด้วยความจริงจากหัวใจก็ไปหาเค้าก็แล้วกันนะ พี่จะบอกให้พวกเค้ารอไม่ให้คาดคั้น พวกเค้าต้องยอมรับการตัดสินใจของเธอโดยไม่บิดพลิ้ว
สรินจับมือน้องสาวเอาไว้อย่างให้กำลังใจ มินตราได้แต่บีบมือสรินตอบแน่น มือเย็นเฉียบบ่งบอกถึงสภาวะคับขันทางอารมณ์ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของหล่อนในไม่ช้า
แล้วมินต้องทำยังไงคะ แววตาของมินตราแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนกระคนกังวลใจอย่างที่สุด
ก็แค่...ถ้ามินเลือกอเล็กซ์ก็เอานี่ไป...ถ้าเลือกโอมก็เอานี่ไป เอาไปนอนคิดสักสองคืนนะว่าใครกันที่เป็น คำตอบ ของเธอ ซองจดหมายสีขาวสองฉบับถูกจับยัดลงบนมือของมินตราทั้งสองข้าง หญิงสาวได้แต่มองมันอย่างสับสน
อะ..อะไรคะ พี่สริน แววตาตื่นตระหนกของมินตรามองมายังสรินด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจ
พี่ให้อิทธิ์จัดการให้เมื่อบ่ายนี้ นี่เป็นตั๋วที่มีเพียงใบเดียวเท่านั้น ถ้าเลือกอเล็กซ์ก็แค่ไปฟลอเรนซ์กับเขาตามวันเวลาที่กำหนดในตั๋วเครื่องบิน เขาจะรอเธออยู่ที่สนามบิน ถ้าเลือกเขามินก็จะได้ไปดูโอโมอย่างที่เคยฝันไว้ สรินหยุดเว้นระยะชั่วครู่ ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยอย่างลุ้นน้องสาวของตนอยู่กลายๆ
ถ้ามินเลือกโอม นี่เป็นเอกสารการจดทะเบียนสมรสที่มีลายเซ็นของโอมแล้ว เขาจะรอเธออยู่ที่โบสถ์เซนต์เจมส์ที่พี่จองไว้ในอีกสองวันที่จะถึงนี้...
คิดดูให้ดีนะ...ว่าใครคือคนนั้นของเธอ
**************************************************
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวันอย่างเชื่องช้าและเปลี่ยวเหงา ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายทั่วกรุงลอนดอน.. มินตรากับอาร์มและเอรินอยู่ที่บ้านพักของสรินบนถนนอ็อกฟอร์ดในย่านโซโห เอรินเลื่อนตั๋วกลับเมืองไทยออกไปอย่างไม่มีกำหนดตามคำชวนให้อยู่ต่อของสริน ส่วนมินตรา...หญิงสาวกำลังชั่งใจระหว่างซองจดหมายสีขาวสองฉบับที่วางอยู่ตรงหน้าบนโต๊ะเขียนหนังสือภายในห้องนอนชั้นสองที่สรินเปิดให้เป็นที่พักของหล่อนและลูกน้อย
เอริน..เคาะประตูเรียกมินตราอยู่หน้าห้องสองสามครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดจึงถือวิสาสะเปิดประตู
คุณมินคะ...ไปไชน่าทาวน์กันมั๊ยคะ คุณสรินกับคุณอิทธิ์ก็ไม่อยู่ไม่รู้ไปไหนเหมือนกัน ฝนก็ตกๆหยุดๆ ฉันเลยคิดว่าจะไปหาอะไรทานแถวใกล้ๆค่ะ เอรินฉีกยิ้มกว้างทันทีที่มินตราหันมา จึงชะโงกหน้ามาถามจากหน้าประตู
มินตราหันมายิ้มให้เอรินชั่วครู่ ก่อนจะเหลือบตามองลูกน้อยที่กำลังหลับสนิทบนเตียงนุ่มและมองสายฝนที่ยังคงตกโปรยปรายไม่หยุด
คุณเอรินไปเถอะค่ะ มินขอดูลูกอยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ แต่อย่าลืมพกร่มไปด้วยนะคะ ระวังจะไม่สบายค่ะ สายตาแสดงถึงความห่วงใยอย่างจริงใจของมินตรา เอรินได้แต่ยิ้มกว้างออกมาอย่างขอบคุณแต่ก็ยู่ปากอย่างเสียดายที่มินตราไม่สามารถไปด้วยได้ ถึงแม้จะมีร่องรอยความเศร้าหมองฉายชัดอยู่ในแววตา แต่มินตราก็ยังมีแก่ใจจะห่วงหล่อน
ขอบคุณค่ะ แล้วฉันจะซื้อขนมมาฝากคุณกับน้องอาร์มนะคะ
ทันทีที่ก้าวพ้นประตูรั้วไม้สีขาว เอรินก็ต้องกางร่มเพื่อกันฝนโปรยปรายที่จะพาลให้เปียกปอน แล้วหล่อนก็พบว่าใครบางคนยืนพิงเสาหลบอยู่ตรงมุมหนึ่งไม่ไกลจากประตูรั้วบ้านของสรินนัก หญิงสาวเขม้นมองอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะก้าวเร็วๆเข้าไปทักพร้อมทั้งยื่นร่มออกไปบังฝนให้คนตรงหน้า
คุณ..คุณ คุณโอม ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คะ เปียกหมดแล้วระวังจะไม่สบายนะคะ เอรินเข้าไปสะกิดทักคนที่ยังยืนก้มหน้าหลับตานิ่งไม่รู้ตัว จนอธิปถึงกับสะดุ้งเฮือกเงยหน้าซึ่งเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนมองหญิงสาวตรงหน้า
เธอเองเหรอ เมื่อเห็นว่าเป็นใครอธิปก็ตอบกลับไปอย่างเหนื่อยหน่าย สายตาชำเลืองมองเข้าไปในตัวบ้านอยู่เป็นระยะ
มองหาคุณมินเหรอคะ เธออยู่ในบ้านค่ะ ฉันเรียกให้มั๊ยคะ เอรินเสนอความช่วยเหลือเมื่อเห็นแววตาละห้อยของอธิปที่มองเข้าไปยังตัวบ้าน มันช่างเหน็บหนาวและเศร้าสร้อยจนเอรินนึกเศร้าไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ต้องหรอก ฉันแค่ผ่านมา กำลังจะไปแล้ว น้ำเสียงเศร้าสร้อยและแววตาเป็นกังวลของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เอรินนึกสงสารอยู่ครามครัน
คุณไปเตรียมตัวเถอะค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญของคุณ ฉันขอให้คุณโชคดีนะคะ ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ร่วมพิธีก็ได้ เอรินยื่นมือมาสัมผัสหัวไหล่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินจากไป อธิปได้แต่พึมพำพอให้ได้ยินเพียงคนเดียว
ฉันจะรอเธอนะ...มิน..
ทางด้านชานนท์..ชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการสะสางงานที่สุมอยู่กองใหญ่เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปฟลอเรนซ์ ขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดการงานตรงหน้า สรินเปิดประตูเข้ามาหาอย่างเงียบกริบ หญิงสาวมองดูพี่ชายบุญธรรมกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่ได้สนใจสิ่งใด จึงเคาะโต๊ะทำงานเบาๆไปสองสามทีให้รู้ตัว
อ้าว..แซนดี้ มาทำไม สีหน้าฉงนของชานนท์ทำให้สรินต้องชูอะไรบางอย่างให้ดู
ฉันมาเอาของให้มินน่ะ เค้าให้กุญแจห้องมา สรินสังเกตสีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่มองมาอย่างฉงน
พาสปอร์ตของมินกับอาร์มน่ะ ถ้าเค้าจะไปฟลอเรนซ์กับพี่ เค้าก็ต้องใช้ สรินนั่งลงตรงข้ามชานนท์ที่มองพาสปอร์ตในมือทั้งสองเล่มอย่างครุ่นคิด
อเล็กซ์...พี่คิดว่าดีแล้วใช่มั๊ยที่ตัดสินใจแบบนี้ ถ้าเค้าไม่ไปตามนัด พี่จะเสียใจมั๊ย ถ้าหากเค้าเลือกโอมพี่จะทำยังไง อนาคตจะกลับมาดีกันได้มั๊ยระหว่างพี่กับโอมน่ะ สรินถามยาวเป็นชุดอย่างข้องใจ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเพราะใครทำให้มินตราลังเลที่จะตัดสินใจ บางทีชานนท์ควรจะทบทวนเรื่องราวเลยเถิดครั้งนี้บ้างเช่นกัน
ชานนท์ถึงกับชะงักไปอย่างครุ่นคิด เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความสัมพันธ์ของเขาและอธิปจะมาถึงจุดจบเพียงเพราะรักใครบางคนเหมือนกัน
ถ้าหากเค้าไม่มา พี่ก็คงต้อง...ตัดใจ ชานนท์ยังคงมองพาสปอร์ตในมือสรินอย่างชั่งใจ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
คงต้องแล้วแต่โชคชะตาแล้วล่ะมั้ง ให้มันเป็นไปเถอะ
จากคุณ |
:
lovereason
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ธ.ค. 55 22:15:13
|
|
|
|