Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เมฆซ่อนตะวัน (ตอนที่ 4) vote ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 4 การจากลา

ผมใช้เวลา ในการทำสุสานให้ อาแปะซา 2 วัน โดยไม่ยอมให้ใครมาช่วย
แต่ผมไม่มีอุปกรณ์ ในการขุดดิน  หรืออะไรก็ตามที่ใช้ในจัดศพ เพราะข้าวของทุกชิ้นในบ้าน  ถูกทหารญี่ปุ่นยึดไว้หมดสิ้น
ที่ผมนำออกมาได้  มีเพียง  สมุดบันทึก  ห่อผ้าส่วนตัว  และมีดตันโตะ  ที่ติดกับอาแปะซาโดยผมดึงออกจากตัวท่านเองกับมือ
อุปกรณ์ที่ได้มา  เพราะผมไปยืมที่วัดที่อยู่ใกล้ๆ  
หลวงพ่อท่านเมตตา ให้ทั้งผ้าห่อ สายสินจณ์ ธูปเทียน โลงศพ รวมทั้งรถเข็น
เมื่อนำร่างของอาแปะห่อผ้า แล้วบรรจุลงโลง
ด้วยตัวผมเอง สัปเหร่อนั้น เขาจะคอยบอกพิธีกรรม โดยผมทำตามขั้นตอน  
เพราะทหารญี่ปุ่นคอยดูผมเป็นระยะ จากนั้นผมก็ลากรถเข็น ไปตามทาง
เมื่อถึงสถานที่  ผมก็ลงมือขุดหลุมโดยลำพัง  จนได้ขนาด ที่ต้องการ
ผมก็ลาก โลงของอาแปะลงมาด้วยความยากลำบาก...
ป้ายชื่อหน้าหลุม ผมใช้ไม้กระดาน ที่ผมหยิบ มาจากบ้าน  
ใช้มีดผ่าออก พร้อมทั้งแกะสลัก
เป็นชื่อ อึ้ง ซา โดยใช้เลือดของผมแทนหมึกสีแดง

ผมใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะโดยปกติ อาแปะจะเป็นคนทำอาหาร
ดังนั้น ผมต้องออกไปจับปลาด้วยอุปกรณ์ที่ทำเอง หาผลไม้ป่าปะทังชีวิต  
ต้องหาฟืนเพื่อมาจุดไล่ความหนาว  เมื่อยามทหารญี่ปุ่นลาดตระเวนมา
ผมต้องรีบถอดเสื้อออก ไม่งั้นจะถูกยึดไป  ถ้าพวกนั้นมายามค่ำคืน  วันนั้นผมต้องทนหนาว
จนผมไม่ได้ไปสอบปลายภาค ...
นั้นคือผมต้องเรียนซ้ำชั้นอีกปี  ผมจึงเข้าไปขอสอบใหม่  เพราะคิดว่า การจบประถม 4  
น่าจะช่วยให้ผม  ทำงานได้ง่ายขึ้น
ที่โรงเรียน  ผมนั่งอยู่ต่อหน้าครูใหญ่  เพราะเขาเพิ่งเข้ากรุงเทพ
จึงไม่ทราบข่าวของผม "จะขอสอบใหม่  เพราะขาดสอบ.... เรื่องนี้ครู ให้เธอไม่ได้หลอก!.."
"เพราะโรงเรียนมีระเบียบเรื่องนี้ชัดเจน..... ไม่ว่าเรื่อง  สำคัญแค่ไหน  เธอต้องรายงาน ครูของนาย  แต่นายไม่ได้แจ้งความไว้  แล้วอยู่ๆจะมาขอสอบ... นายธนู... นายต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้.."  
ผมได้แต่ก้มหน้า  ไม่อาจบอกเรื่องที่เกิดขึ้น  แล้วเดินออกมาอย่างเงียบงัน

ผมเดินจนทาเกือบถึงเพิงที่พัก  ที่อาแปะซาทำไว้หลบแดด  ยามมาตกแต่งสุสานของภรรยา
นราซึ่งปกติ แทบไม่เคยคุยกับผม  ยืนรออยู่ตรงนั้น  "เป็นไงบ้าง..ได้ข่าวว่าช่วงนี้  ลำบากมากไม่ใช่หรือ.."  เขาพูดเหมือนจะหัวเราะออกมา   ผมก้มหน้าแล้วตอบกลับว่า  
"ก็ไม่ลำบากมาก....พออยู่ได้..." นรากอดอกพิงต้นไม้  "แล้วจะทำอะไรต่อ..."
"คิดว่าจะไปหางานทำ  แถวต่างหมู่บ้าน..." นรายิ้มเหยียดมุมปาก นิ่งไปครู่แล้วจึงพูดขึ้น
"ยัยรีให้เอาจดหมาย  มาให้... ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปก่อนน่ะ!.."
นราเดินจากไปแล้ว  มือผมสั่นเพราะตั้งแต่วันนั้น  ผมก็ไม่ได้พบเธออีกเลย
ได้ข่าวว่า ลุงพรตจับนรีขังไว้ที่ห้อง  ตอนไปสอบก็ไปเฝ้า เพื่อไม่ให้มาหาผม
เพราะลุงพรตกลัว  จะทำให้ทหารญี่ปุ่นโกรธ  แม้เธอจะสร้างวีรกรรม จนชาวบ้านแถวนี้ เรียกเธอว่า สาวน้อยเจ้าปัญญา  แต่ดูเหมือนว่า เธอจะไม่ค่อยรู้สึกภาคภูมิใจ
ในเรื่องนี้เท่าไหร่  ที่ผมสงสัยอีกอย่าง  ในวันที่อาแปะซาจากไปนั้น
นรีเข้ากอดผม จากด้านหลัง พูดคำว่า "ขอโทษ... รีขอโทษ..."
ผมไม่เข้าใจว่าทำไม นรีต้องมาขอโทษผม  เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเธอแม้แต่น้อย

ผมเปิดจดหมายอ่าน ในนั้นเขียนไว้ว่า   'พี่ฮก  เจอกันที่สวนผักยายแหวน  5 โมง'
หัวใจผมพองโตอีกครั้ง  นรีต้องอยากเจอผมมากแน่ๆ  เพราะเธอไม่เคยเขียนจดหมาย นัดผมเลยสักครั้ง
ผมอาบน้ำจนคิดว่าสะอาดที่สุด  เลือกเสื้อที่คิดว่าดูดีที่สุดมาใส่
ตอนนี้ผมรู้เวลาลาดตระเวนของทหารญี่ปุ่นแล้ว  เพราะทุกวันผมต้องสังเกตุ  เพื่อหลบเลี่ยง

ผมไม่กล้าไปก่อนเวลา เพราะกลัว นรีโกรธที่ไม่เชื่อคำสั่งเธอ
ที่ผมเห็น กลับเป็น  นรียืนคุยกับนรา แต่เรียกว่าทะเลาะกันมากกว่า
"แกนี่ยังไง.. ทำไมยังจะไปติดต่อไอ้ปัญญาอ่อนนั่นอีก..."  คำพูดของนรา เสียดแทงใจผมยิ่งนัก แต่ก็ยังพอทนได้ ตอนนี้คงต้องรอให้ทั้งสอง ทะเลาะกันให้เสร็จเสียก่อน เพราะเข้าไปตอนนี้ มีแต่จะมองหน้ากันไม่ติด...
นรีตอบโต้ขึ้นมา  "พี่นะ นี่อะไร หนูคบพี่ฮกมาตั้งแต่เด็ก.. ตอนนี้จะให้เลิกติดต่อ.."
"แกไม่เห็นหรือไง!!..ว่าตอนนี้มันเป็นยังไง.... ทั้งปัญญาอ่อน เรียนก็ไม่จบประถม4.. แถมมีพ่อเป็นคนญี่ปุ่นหนีทัพ... มันมีอนาคตที่ไหน...แล้วแกก็ ไม่ใช่เป็นเด็กแล้ว.."
ผมเผลอกำหมัดแน่น  คำพูดนั้นเข้าจุดเดือดผมทั้งสิ้น
นรีนั้น ใบหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด  "เรื่องของอาแปะ..รีต้องมีส่วนรับผิดด้วย... ถ้าวันนั้นรีไม่ให้พ่อ ช่วยหางานให้อาแปะ เรื่องคงไม่เกิด..."  นราแอบยิ้ม แต่ตอนนั้นผมมองไม่เห็น  "นี่ยัยรี... แสดงว่าแกก็โทษพ่อด้วยใช่มั๊ย  ที่ทำให้ ไอ้แปะนั่นตาย...ความจริง  มันเป็นเรื่องกฎแห่งกรรม   ที่คนทำชั่ว  ก็ต้องไดรับผลกรรมที่มันก่อไว้..."
สติที่ใช้ควบคุมอารมณ์ขาดไปนับตั้งแต่นาทีนั้น
ผมพุ่งออกจากหลังต้นไม้  นรีตกใจจนหน้าถอดสี อุทานออกมา  "พี่ฮกมาตั้งแต่เมื่อไหร่!!!!"
นราทำท่าเหมือนตกใจ  "แกมาทำอะไรตรงนั้น..!!!"
ผมแทบจะวิ่งเข้าหาเธอ นราอยู่ข้างหน้าใช้มือผลักอกผม
มือของผมไวกว่า จับที่ข้อมือของนราบิดงัดขึ้น แล้วกระตุกอย่างแรง จนทำให้นราปลิวจากตรงนั้นไปไกล มือทั้งสองของผม จับที่ไหล่ทั้งสองข้างของนรี
"ไม่จริงใช่มั๊ยที่คุยกันเมื่อกี๊!!...มันไม่จริงใช่มั๊ย!!.."
นรีปกติไม่เคยกลัวอะไรง่าย เธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ทันใดมีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น   "รังแกผู้หญิงแแบนี้... มันลูกผู้ชายที่ไหน.."
ผมหันมอง พบเป็นทหารญี่ปุ่น 6 คน กับคนไทยที่ชื่อชัย
เพราะผมเคยเจอที่บ้านลุงพรต เมื่อคราวมาสู่ขอพี่ดวงจันทร์
"ไม่ใช่เรืีองของ พวกแก.... อย่ามายุ่ง..."
เป็นคำพูดที่กร้าวร้าวที่สุด ที่ผมเคยพูดออกมา
"ไม่ยุ่งได้ไง คุณหนูกำลังจะไปเป็นน้องเมียคุณท่าน  ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว
ก็ปล่อยเธอซะ!...ฉันจะคิดว่า เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น.."
ผมคำรามออกมา  "ฉันจะจัดการ พวกแกทุกคน..."
หมัดที่กำแน่น พุ่งถูกนายทหารคนหนึ่ง กระเด็นตามแรงหมัดหมดสติทันที
แล้วทหารญี่ปุ่น ก็นอนบิดตัวรอบทิศ ส่วนชัยฝีมือดีกว่าทุกคน  ใช้เวลานานพอสมควร จนชัยโดนลูกถีบกลับหลัง ในขณะที่ชัยกำลังใช้เข่าลอย
ผมเห็นนรา กำลังจะหนี จึงพุ่งเข้าไปหาสุดตัว  นราก้มหลบอย่างหวาดกลัว  ก่อนที่ผมจะทำร้ายนรา นรีพุ่งเข้าขวาง พร้อมตบหน้าผมสุดแรง
จนหน้าผมหัน สติผมกลับคืน ตาที่นรีจ้องผม  มีละอองน้ำในนั้น  และเป็นจังหวะเดียวที่นราลุกขึ้นยืนพร้อมกับไม้คมแฝก ที่ฟาดมาที่หัวผมอย่างเต็มแรง  ตัวผมลอยตามแรงปะทะ เหมือนมีเสียงระเบิดภายในหัวผม เมือตาผมจ้องที่ปลายเท้านรีผมก็หมดสติ ในทันที.........

จากคุณ : kasareev
เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:43:01




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com