Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เจ้าสาวไปรษณีย์ (ตอนที่ ๔) vote ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ ๑  http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13108811/W13108811.html
ตอนที่ ๒ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13112742/W13112742.html
ตอนที่ ๓ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13116981/W13116981.html

เจ้าสาวไปรษณีย์ ตอนที่ ๔
ลัลภัทร ลืมตาตื่น หญิงสาวกระพริบตา ปรับสายตามองบรรยากาศรอบตัว “ใช่ ตอนนี้เธออยู่ที่หาดใหญ่ บ้านสวนจงสิริ” หญิงสาวรีบลุกจากที่นอน นาฬิกาบนโต๊ะหัวเตียงบอกเวลา ๘ นาฬิกา

หญิงสาวรีบลุกไปทำธุระในห้องน้ำ วันนี้เธอจะโทรศัพท์หาน้าช้อย ขอให้น้าแช่มช่วยไปส่งเธอในตัวเมือง เธอจะกลับกรุงเทพฯ

หญิงสาวแต่งตัวพลางคิดอยู่ว่าจะจัดกระเป๋าเลยดีไหม แล้วก็เปลี่ยนใจ เธอรวบผมเป็นหางม้า สำรวจดูความเรียบร้อยในกระจก ป่านนี้อีตานายหัวนั่นคงออกไปทำงานแล้ว ดี ไม่อยากเจอหน้า

นักหรอก ลัลภัทรเดินออกจากห้อง เธอได้ยินเสียงรถกระบะ น้าแช่มคงมาแล้ว

ลัลภัทรออกจากห้องได้สามก้าวก็ต้องชะงัก ศิวกานต์ยืนอยู่บนบันไดที่เชื่อมต่อระหว่างเรือนเล็กกับเรือนใหญ่ ใบหน้าบูดบึ้ง

“นี่คุณ กี่โมงกี่ยามแล้วรู้รึเปล่า เวลางานของที่นี่ แปดโมงครึ่ง เลิกงานห้าโมงเย็น”

“เวลางาน” ลัลภัทรถามกลับงงๆ

“ใช่ คุณเป็นเลขาฯ ผมไม่ใช่หรือ ไปทำงานได้แล้ว เร็ว”

“เออ”

“ไม่ต้องมาเออ วันนี้มีงานต้องทำหลายอย่าง อย่ามาทำให้ผมเสียเวลา”

“ฉันขอไปหยิบกระเป๋าก่อน”

ลัลภัทรกลับเข้าห้อง หยิบกระเป๋า ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามศิวกานต์ออกไป ช้อยเพิ่งจัดโต๊ะอาหารเสร็จ ร้องทัก

“คุณภัทร ทานข้าวเช้าก่อนสิคะ”

“ไม่มีเวลากินแล้ว” ศิวกานต์เดินขึ้นมาพอดี “น้าช้อย วันนี้จะมีคนงานจากโรงงานมาทำงานที่นี่ เก็บไว้ให้พวกนั้นแล้วกันครับ ส่วนคุณ” ศิวกานต์หันมามองหน้าลัลภัทร “เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ตามมา”

ลัลภัทรหันไปยิ้มกับช้อย ช้อยยิ้มกลับ พร้อมกับยัดขนมปังใส่มือลัลภัทร

“เอาไว้กินรองท้องนะคะ”

ลัลภัทรรับขนมปังมา กล่าวขอบคุณช้อย แล้ววิ่งตามศิวกานต์ลงไป ช้อยหันไปถามไข่นุ้ยที่กำลังยืนมองอาหารบนโต๊ะว่า “นี่มันอะไรกันวะ ไข่นุ้ย”

“ไม่รู้สิน้า เมื่อคืน ฉันเห็นนั่งคุยกันหน้าดำคร่ำเครียด”

ช้อยถอนหายใจเบาๆ

ศิวกานต์ขึ้นประจำที่นั่งคนขับบนรถจิ๊บ พาหนะที่เขาใช้บ่อยที่สุด ขณะที่ลัลภัทรยืนเก้ๆ กังๆ

“ขึ้นมาเร็วสิคุณ”

ลัลภัทรปีนขึ้นรถจิ๊บด้วยความยากลำบาก ดีนะที่เธอใส่กางเกงยีน จะเร่งอะไรกันนักหนานะอีกตาคนนี้ ในที่สุดเธอก็ขึ้นไปนั่งบนรถจิ๊บได้

“มีแว่นกันแดดหรือเปล่า” ศิวกานต์ถาม

“ไม่มีค่ะ”

ศิวกานต์เปิดลิ้นชักหน้ารถ หยิบแว่นกันแดดสำหรับผู้หญิงส่งให้ลัลภัทร “ใส่ซะ”

หญิงสาวรับแว่นมาสวม เธอเห็นยี่ห้อที่ขาแว่น แบรนด์เนมจากฝรั่งเศส  “ทำไมเขามีแว่นตาผู้หญิงอยู่ในรถล่ะ”

ศิวกานต์ขับรถออกไปด้วยความเร็ว ลัลภัทรนั่งยังไม่ได้ตั้งหลัก เกือบหัวทิ่ม หญิงสาวหันไปมองคนขับ เขาไม่สนใจสวัสดิภาพของเธอเลยแม้แต่น้อย สายตามองแต่ถนน “จะรีบไปไหนล่ะนี่” หญิงสาวคิดในใจ

“เราจะไปไหนกันคะ” ลัลภัทรตะเบงเสียงถาม เพราะความเร็วของรถ อีกทั้งรถคันนี้เปิดประทุน

“ไปสวนปาล์ม” ศิวกานต์ตอบห้วนๆ

ลัลภัทรนั่งตัวตรง มือหนึ่งจับประตู อีกมือหนึ่งจับเบาะ ไม่อย่างนั้นตัวเธอปลิวแน่ รถแล่นด้วยความเร็วสูง สักพักก็มาถึงสวนปาล์ม สวนยางพารากับสวนปาล์มถูกคั้นด้วยคลองขุด เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า มีคนที่เป็นเจ้าของพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ทั้งสองอย่างนี้ในคนคนเดียวกัน

ทางเข้าสวน จัดเป็นโรงจอดรถ มีรถจอดรออยู่หลายคันแล้ว เมื่อศิวกานต์ขับรถไปถึง ชายหนุ่มดับเครื่อง กระโดดลงจากรถด้วยความว่องไว ลัลภัทรเปิดประตูฝั่งของเธอ หญิงสาวมองลงที่พื้นดิน แล้วถอนหายใจ หันไปค้อนเจ้าของรถ

“เราจะลงยังไงล่ะนี่ อีตอนขึ้นว่าลำบากแล้ว ตอนลงนี่แย่กว่าอีก”  ลัลภัทรพยายามหาวิธีลงจากรถ ที่ทำให้เธอเจ็บตัวน้อยที่สุด ตอนนั้นเอง มีมือยื่นมาหาเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง เจ้าของมือคือชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาวหน้าตาดีเหมือนคนทำงานในร่มอยู่ตลอดเวลา ต่างกับอีตานายหัวนั่นลิบลับ เขายิ้มให้เธอ

“จับมือผมไว้ครับ รถมันสูง ลงลำบากหน่อย”

ลัลภัทรยิ้มตอบ มือหนึ่งจับมือบานประตู อีกมือจับมือชายหนุ่มคนนี้ เธอเสียหลักนิดหน่อย ก่อนจะลงมายืนบนพื้นได้สำเร็จ
“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ยืนทำอะไรอยู่น่ะ” ศิวกานต์ตะโกนถาม

ลัลภัทรกับนินนาทหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน หน้าตาศิวกานต์พร้อมจะหาเรื่องได้ตลอดเวลา
“ไอ้กานต์ ทำไมต้องดุ...” คำสุดท้ายที่นินนาทต้องการพูดคือ “ภรรยา” ถูกขัดจังหวะเสียก่อน

“วันนี้นายมาทำอะไร” ศิวกานต์เพิ่งสังเกตเห็นเพื่อน

“ฉันพาหมอกับพยาบาลมาตรวจสุขภาพคนงาน ลืมไปแล้วเรอะ”
“จริงด้วย ฉันลืม”

“แหงล่ะ มีอย่างอื่นน่าสนใจกว่างานนี่” นินนาทสัพยอก

“ไอ้นี่ พูดจาไร้สาระอยู่ได้ อ้อ ฉันลืมแนะนำ นี่นินนาท เพื่อนฉัน ส่วนนี่ ลัลภัทร เป็น...” ศิวกานต์ยังพูดไม่ทันจบประโยค นินนาทก็ขัดขึ้นก่อน

“ฉันรู้น่า ว่าคุณลัลภัทรเป็นใคร ลัลภัทรชื่อแปลกดีนะครับ”

“ค่ะ” ลัลภัทรตอบรับอย่างงงๆ

“สองคนนี้หยุดคุยไร้สาระกันได้แล้ว แกไม่ทำงานหรือไง”

“ฉันแค่มาดูแลความเรียบร้อย หรือแกอยากให้ฉันไปตรวจแทนหมอ แทนพยาบาล”

“พาลัลภัทรไปนั่งด้านโน้น ฉันมีงานต้องสั่ง”
ศิวกานต์เดินแยกจากไป นินนาทพาลัลภัทรไปนั่งรอที่เต๊นท์สำหรับตรวจสุขภาพคนงาน

“ดื่มอะไรก่อนไหมครับ กาแฟ หรือชา หรือน้ำเปล่า นั่งรอไอ้กานต์อีกนานครับ”
“อืม ขอชาแล้วกันค่ะ”

“ครับ”

นินนาทเดินไปที่โต๊ะซึ่งวางอุปกรณ์ชงชงกาแฟ พร้อมของว่าง ลัลภัทรสังเกตว่ามีคนงานเข้าคิวรอตรวจสุขภาพเยอะอยู่เหมือนกัน  สวนปาล์มนี่เหมือนโอเอซิสตามความคิดของลัลภัทร ช่วงนี้ลูกปาล์มกำลังออกผลพร้อมที่จะส่งเข้าโรงงาน คนงานกำลังทำงานกันอยู่ เมื่อวานเกิดระเบิดขึ้นนี่นะ อยากรู้จังว่าพวกไหนกันที่ทำ เธอเองอยู่ห่างไปตั้งไกล ยังรู้สึกกลัวเลย

“นี่ครับ ชา แล้วก็ของว่าง” นินนาทส่งถ้วยชา พร้อมของว่างให้ลัลภัทร

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับชามา คราวนี้เธอมีสติมั่นคง ลิ้นที่โดนลวกเมื่อวานยังเจ็บอยู่เลย เธอรอให้ชาเย็นลงอีกนิด

“เหงาแย่เลยนะครับ จากบ้านมาไกล”

“ค่ะ ก็นิดหน่อย” ลัลภัทรเริ่มสงสัยว่าศิวกานต์พาเธอมาทำอะไรที่นี่

“เจ้าเพื่อนผมมันเป็นคนบ้างาน คงไม่ค่อยมีเวลาให้คุณ”

“ไม่ค่อยมีเวลาให้ฉัน” ลัลภัทรทวนคำพูดของนินนาทในใจ “อ๋อ ใช่สิ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน คงรู้เรื่องสัญญาแปลกๆ นั่น และกำลังเข้าใจว่าเราเป็นเจ้าสาวของอีตานายหัว”

นินนาทลอบมองลัลภัทร  มองผ่านๆ ครั้งแรกก็ธรรมดา แต่มองไปนานๆ ไม่เบื่อเลยแฮะ น่ารักมากกว่าสวย ไม่ใช่สเป็กไอ้กานต์แน่แบบนี้ แถมเรียบร้อยเกินไปอีกต่างหาก เรื่องระหว่างสองคนนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนที่ไอ้กานต์พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะแน่

ลัลภัทรรู้สึกได้ว่านินนาทมองเธออยู่ หญิงสาวจิบชา เส-มองไปทางศิวกานต์ จากตรงนี้เธอเห็นได้ว่าเขาค่อนข้างเครียด ก็น่าเครียดอยู่หรอก ความรับผิดชอบตั้งเยอะ แถมมีเรื่องให้ปวดหัวอีก เอ รวมเรื่องของเธอด้วยหรือเปล่านะ ที่ทำให้อีตานั่นปวดหัว ความจริงเธอไม่ควรจะเขียดขึ้งโกรธเคือง เธอควรจะโกรธศิริพรมากกว่า ยัยเพื่อนตัวแสบ อันที่จริงน่าจะตัดเพื่อนไปเลยเสียด้วยซ้ำ ป่านนี้เธอยังติดต่อศิริพรไม่ได้เลย

ศิวกานต์เดินทักทายคนงาน พร้อมกับสั่งงานไปด้วย

“ชิด เมื่อคืนมีอะไรผิดปกติไหม”

“ไม่มีครับ ผมให้คนงานเร่งตัดปาล์มส่งเข้าโรงงาน สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ”

“ดีแล้ว ช่วงนี้เหนื่อยกันหน่อยนะ ยังจับคนผิดไม่ได้”

“ครับ นายหัว”

“น้าแช่มไปไหนล่ะ”

“แช่ม ไปโรงงานครับ สักพักคงมา”

“งั้นก็ดี ฉันจะแวะเข้าโรงงานก่อน แล้วตอนบ่ายจะไปโรงพัก ชิดกับน้าแช่มตามไปทีหลังแล้วกัน ดูหน้าผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจพบ เผื่อจะได้อะไรบ้าง”

“ครับ”

ศิวกานต์สั่งงานอีกสองสามอย่างกับชิด เสร็จแล้วจึงเดินมาหาลัลภัทรกับนินนาท
“เธอน่าจะตรวจสุขภาพด้วยนะ”

ลัลภัทรชี้นิ้วที่ตัวเธอ “ฉันต้องตรวจด้วยเหรอคะ”

“ใช่ ตรวจร่างกายก่อนทำงานไง เธอมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีคะ” ลัลภัทรตอบ “แต่ฉันกำลังปวดหัวเพราะนายนี่แหละ” ลัลภัทรคิดในใจ

“ถ้านายจะให้คุณภัทรตรวจสุขภาพ ไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า เครื่องมือพร้อม นายนี่เตรียมพร้อมดีจังนะ” นินนาทสัพยอกเพื่อน

“ฉันจะเข้าโรงงานก่อนนะ”

“นายไปก่อนเลย ฉันจะรอคุณหมอกับพยาบาลกลับไปพร้อมกันทีเดียว”

ศิวกานต์พยักหน้ารับรู้ สวมแว่นกันแดด เดินออกจากสวน ลัลภัทรมองหน้านินนาท ชายหนุ่มยิ้มให้

“รีบตามไปเถอะครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ”

“ค่ะ” ลัลภัทรยิ้มให้นินนาท รีบลุกขึ้นเดินตามศิวกานต์ไป

รถจิ๊บของศิวกานต์เคลื่อนออกจากสวนปาล์ม ชายหนุ่มกลับรถขึ้นสะพานข้ามคลอง ลัลภัทรเพิ่งเห็นว่า ก่อนถึงสวนปาล์มมีทางแยก “นี่คงจะเป็นทางไปโรงงานสินะ วันๆ หนึ่งนายคนนี้ทำสักกี่อย่าง” ลัลภัทรคิดในใจ หันไปมองหน้าคนขับรถ ตอนนี้เขาขับช้าลงกว่าตอนขามา เธอนึกถึงคำพูดเขาก่อนหน้านี้ “ตรวจร่างกายก่อนทำงาน” หญิงสาวขมวดคิ้ว

“คุณหิวหรือเปล่า”

“คะ”

“ผมถามว่าคุณหิวหรือเปล่า คิดอะไรอยู่ ตอนเช้าผมยังไม่ได้กินอะไรเลย”

ลัลภัทรรู้สึกหิวขึ้นมาทันที เธอเพิ่งนึกได้ว่ามีขนมปังอยู่สองก้อนในกระเป๋า จากน้าช้อยเมื่อเช้า และตอนที่นินนาทนำมาให้เธอก็ยังไม่ได้กิน หญิงสาวเปิดกระเป๋า หยิบขนมปังออกมา

“ทานขนมปังรองท้องก่อนไหมคะ”

“เอามาจากไหน”

“น้าช้อยให้มาเมื่อเช้าค่ะ อีกอันคุณนินนาทให้มา” ลัลภัทรยื่นขนมปังส่งให้ ศิวกานต์รับไป และใช้มือซ้ายแกะซองขนมปัง

“ขอบใจ เราจะแวะกินข้าวที่โรงงาน”

“แล้วเรื่องของเราล่ะคะ”

“เรื่องของเรา” ศิวกานต์ทวนคำ

“ค่ะ เรื่องที่เราคุยกันเมื่อคืน”

“อ้อ เรื่องนั้น ฉันหาทางออกได้แล้ว”

“หาทางออก” ตอนนี้รถขับไม่เร็ว พวกเขาทั้งสองสามารถคุยกันได้โดยไม่ต้องตะเบงเสียง

“เราคงต้องพบกันครึ่งทาง เดี๋ยวค่อยคุยรายละเอียด”

ศิวกานต์ขับรถมาถึโรงงาน ลัลภัทรตะลึง โรงงานใหญ่กว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก เธอว่าสวนของเขาทำทุกอย่างครบวงจร ไม่มีอะไรกระเด็นออกจากกระเป๋าเลย

พนักงานรักษาความปลอดภัย โบกรถให้ศิวกานต์จอดรถจิ๊บ พนักงานและคนงานที่อยู่แถวนั้น หยุดกิจกรรมทุกอย่างเพื่อต้อนรับนายหัว  หญิงสาวลงจากรถ เธอพบทริกในการลงแล้ว คือต้องกระโดดอย่างมั่นใจ ย่อเข่าให้ดี ไม่งั้นข้อเท้าเจ็บแน่ๆ

“ไม่ไปทำงานกันล่ะ” ศิวกานต์ออกคำสั่ง ชายหนุ่มแปลกใจว่าทำไมวันนี้พนักงานสนใจเขาเป็นพิเศษ แล้วชายหนุ่มก็เข้าใจได้ทันที ทุกคนสงสัยว่าผู้หญิงที่เขาพามาด้วยเป็นใคร หลายคนเริ่มจับกลุ่มคุยกัน จนศิวกานต์ต้องไล่ให้ไปทำงานอีกรอบ ก่อนจะหันมาบอกลัลภัทรว่า “ตามฉันมา”

ลัลภัทรเดินตามศิวกานต์เข้าไปในโรงงาน พนักงานยังแอบมองเธออยู่ นี่รู้กันหมดเลยหรือว่านายหัวรอเจ้าสาวไปรษณีย์  

เธอตามศิวกานต์เข้าไปในส่วนของออฟฟิศ ที่นี่ทันสมัยเหมือนกับบริษัทใหญ่ในกรุงเทพฯ ส่วนสำนักงานกรุกระจกรอบด้าน โคมไฟห้อยระย้าส่องแสงนวลตา สว่างไปทั่วบริเวณ เครื่องใช้สำนักงานทันสมัย ดูก็รู้ว่าสั่งมาจากแบรนด์ชั้นนำของไทย แบ่งเป็น ๓ ชั้นเล่นระดับสโลบตามขั้นบันได เธอตามศิวกานต์ขึ้นไปชั้นบนสุด ระหว่างนั้น พนักงานในออฟฟิศก็มองเธอด้วยความสนใจใคร่รู้

ห้องทำงานของศิวกานต์ด้านหลังสุด กรุกระจกรอบด้านอีกเช่นกัน ลัลภัทรคิดว่าน่าจะเป็นกระจกที่คนภายนอกมองไม่เห็นด้านใน โต๊ะทำงานใหญ่โตหากแต่เป็นระเบียบเรียบร้อย ทีวีจอยักษ์วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง มุมด้านหนึ่งคือชั้นหนังสือสูงจรดเพดานเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างเป็นแนวโมเดิร์น หญิงสาวบังเอิญเห็นรูปผู้หญิงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน

“นั่งลงสิ” ศิวกานต์บอก พลางพยักเพยิดไปที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงาน

ลัลภัทรนั่งลง หญิงสาวพยายามมองรูปบนโต๊ะทำงาน แต่เมื่อศิวกานต์จะรู้

“นั่นแฟนผม ตอนนี้อยู่มาเลเซีย”

“อ้อ มีแฟนแล้ว ก็น่าอยู่หรอก รวยซะขนาดนี้ เข้าขั้นเพอร์เฟกต์ ไม่มีแฟนก็แปลกล่ะ” ลัลภัทรคิดในใน

“คุณนารถ ผมขอเอกสารที่ทนายอาคม ส่งมาให้ด้วยครับ” ศิวกานต์เปิดอินเตอร์คอมที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ได้ค่ะ คุณกานต์”

“เอกสาร ทนายความ นี่มันอะไรกันคะ”

“เดี๋ยวก็รู้”

คุณนารถ เลขานุการของศิวกานต์ เข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสาร เธอชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นลัลภัทร

“นี่คะ เอกสาร เพิ่งมาถึงเมือสักครู่นี้เอง”
“ขอบคุณมาก เช้านี้มีอะไรไหม”

“มีดีลเลอร์จากเซี่ยงไฮ้ ติดต่อเข้ามาเรื่องซื้อยางค่ะ ดิฉันกำลังจะทำตารางนัดให้ค่ะ คุณกานต์ แล้วก็ตอนบ่ายมีประชุมฝ่ายรักษาความปลอดภัยค่ะ ไม่ทราบว่าคุณกานต์จะเข้าร่วมประชุมด้วยหรือเปล่า”
“ไม่ล่ะ ทำสรุปส่งมาให้ผมก็พอ ตอนบ่ายผมต้องแวะไปสถานีตำรวจ น่าจะได้ตัวคนต้องสงสัย แล้วผมจะเรียกประชุมเองอีกที”
“ค่ะ”

“คุณนารถไปทำงานเถอะ”

เลขานุการของศิวากานต์ออกไปแล้ว ชายหนุ่มเปิดแฟ้มเอกสาร หยิบเอกสารออกมา ๒ ชุด

“ผมจะจ้างคุณเป็นเลขาฯ เพราะตอนนี้คุณกลับไปกรุงเทพฯ ก็คงอยู่ลำบาก บ้านก็ให้เช่า งานก็ลาออกมาแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี”

“คุณสืบประวัติฉันหรือคะ” ลัลภัทรเริ่มควันออกหู กล้าดียังไงอีตานี่

“คุณคิดว่าผมจะรับคนทำงานซุ่มสี่ซุ่มห้าหรือ ผมไม่รู้จักคุณมาก่อน อีกอย่างคุณก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ด้วย ผมดูแลกิจการใหญ่โตขนาดนี้ ก็ต้องมีหูมีตาเป็นสับปะรดสิคุณ”

“แล้วคุณรู้อะไรอีก”

“คุณเพิ่งอกหัก ใช่มั้ย” ศิวกานต์ถามพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“นี่มันไม่มากเกินไปหรือคะ เที่ยวให้ใครก็ไม่รู้สืบประวัติส่วนตัวของคนอื่น”

“ไม่มากเกินไปหรอก ผมเข้าใจ เรื่องความรัก มันสำคัญกว่าเรื่องอะไรทั้งหมด พอผิดหวังขึ้นมาก็พร้อมจะเสียทุกอย่าง”

“ถ้าคุณมีหูตาเป็นสับปะรถอย่างที่ว่าจริง ทำไมถึงถูกศิริพรหลอกซะได้ล่ะคะ” ลัลภัทรย้อนถาม

“ผมไม่ได้ถูกหลอก คุณน่ะแหละถูกหลอก”

“ฉันว่าคุณน่ะแหละ ถูกสองแม่ลูกนั่นหลอกเต็มๆ เสียทั้งเงิน เสียทั้งคน”

“ผมว่าผมเสียแค่เงินนะ” ศิวกานต์พูดอย่างมีเลศนัย

“นี่คุณ” ลัลภัทรถลึงตาใส่

“ก็หรือไม่จริง เอาล่ะ เข้าเรื่องดีกว่า ผมจะจ้างคุณเป็นเลขานุการ สัญญาจ้างหนึ่งปี คุณจะทำงานที่ออฟฟิศที่บ้านผม คอยดูแลเอกสาร รับโทรศัพท์ บางทีก็มีคนไปติดต่องานกับผมที่ออฟฟิศในสวน แล้วก็แปลเอกสาร คุณทำได้ใช่มั้ย”

“ค่ะ”

“ส่วนเรื่องสวัสดิการก็เหมือนพนักงานคนอื่น คุณขับรถได้หรือเปล่า”

“ฉันขับรถไม่เป็น” ลัลภัทรตอบเสียงอ่อย

“โตจนป่านนี้แล้วยังขับรถไม่เป็น”

“ก็อยู่กรุงเทพฯ ไม่ต้องใช้รถนี่คะ”

“เอาเถอะ ผมจะหาคนไปสอนให้ เพราะบางทีคุณอาจต้องวิ่งงานให้ผม เงินเดือน ๓๐,๐๐๐ บาท นี่ผมให้สูงกว่าพนักงานคนอื่นนะ เพราะเห็นว่างานเก่าคุณก็ได้ประมาณนี้”

“คุณจะไม่ถามฉันสักคำหรือคะ ว่าฉันอยากจะทำงานนี้หรือเปล่า”

“แล้วคุณมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำ”

ลัลภัทรยังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ เรื่องโดนศิริพรหลอกยังแค้นอยู่ อีกอย่างเธอกลับไปตอนนี้จะมองหน้าเพื่อนยังไง โดนหลอกซะขนาดนี้ เธอก็อายเป็นนะ ข้อเสอนของเขาก็ไม่น่าเกลียดอะไร
“ค่ะ ฉันทำงานนี้”

“ดี แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”

“ข้อแม้”

“ใช่ คุณต้อง จดทะเบียนสมรสกับผม และจะหย่าภายในหนึ่งปี”

“จดทะเบียนสมรส” ลัลภัทรถามกลับด้วยเสียงสูงปรี๊ด

“เบาๆ หน่อยสิคุณ  ใช่ จดทะเบียนสมรส เพราะตามสัญญา ผมก็ต้องจดทะเบียนสมรสกับศิริพร และหย่าภายใน ๑ ปี ในเมื่อคุณโดนหลอกมาแบบนี้ ก็ต้องตามน้ำไป”

“ไม่สมเหตุสมผลเลย ทำไมฉันต้องจดทะเบียนสมรสกับคุณด้วย”

“อย่างแรก เรื่องนี้เป็นคำสั่งของนายแม่ผม ผมขัดท่านไม่ได้ และด้วยความสัตย์จริง ผมก็คิดแค่จะจดทะเบียนสมรสกับศิริพร เป็นสามีภรรยากันตามนิตินัยเท่านั้น”

“คุณแม่คุณบังคับคุณ ทั้งที่ท่านรู้ว่าคุณมีคนรักอยู่แล้วหรือคะ”

“ใช่ ผมเองก็อยากซื้อเวลาด้วย ให้นายแม่ยอมรับในตัวเชอรี่ อันที่จริงนายแม่คงไม่อยากได้ศิริพร เพื่อนคุณเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้ว”

“ได้ ฉันมีข้อเสนอให้คุณด้วย”

“ข้อเสนอ ลองว่ามาสิ”

“ฉันอยากให้นักสืบของคุณ สืบว่าตอนนี้ศิริพรอยู่ไหน ทำอะไร และทำไมต้องหลอกฉันแบบนี้”

“แค่นั้นเอง ถึงคุณไม่ขอ ผมก็จะทำอยู่แล้ว เพราะผมก็รู้สึกเหมือนถูกหลอกด้วยกลายๆ”

ลัลภัทรยิ้ม ยอมรับแล้วล่ะสิว่าไม่ใช่ฉันคนเดียวที่ถูกหลอก คุณก็เหมือนกัน
“ยิ้มอะไรน่ะ”

“ไม่มีอะไรค่ะ”

“หลังจากครบ ๑ ปี คุณจะได้หุ้นของบริษัท ๒ เปอร์เซ็นต์ ที่ดินในจังหวัดเพชรบุรี ๕ ไร่ติดทะเลด้วยนะ”
ลัลภัทรมองหน้าศิวกานต์ตาค้าง
“ทำไมน้อยไปหรือ”

“มากไปต่างหากล่ะคะ คุณไม่ต้องให้อะไรฉันหรอก”

“ไม่ต้องคิดมากหรอก นี่เป็นส่วนของมรดกผม คุณอย่าลืมว่างานนี้คุณเสียเปรียบ เพราะคุณจะกลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหย่า”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ชาตินี้ฉันไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว”

“ทำไม อกหักแค่ครั้งเดียวเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันเบื่อผู้ชาย เหมือนกันหมดทั้งโลก”

“คุณอย่าตัดสินอย่างนั้นสิ คุณแค่ยังไม่เจอคนที่ดีพอเท่านั้นแหละ”

ลัลภัทรกับศิวกานต์เซ็นเอกสารในส่วนของตน สัญญาถือคนละฉบับ ส่วนทะเบียนสมรสจะนัดให้เจ้าหน้าที่มาจดให้ที่บ้านสวน

“ไปทานข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ” ศิวกานต์ลุกขึ้น เดินออกจากห้องโดยไม่รอเธอเหมือนเคย

แม้จะเลยเวลาพักเที่ยงมาแล้ว แต่โรงอาหารของโรงงานก็ยังมีคนอยู่ประปราย แน่ล่ะว่าลัลภัทรก็เป็นเป้าสายตาอีกตามเคย ทุกคนทักทายศิวกานต์ พร้อมกับมองเธอด้วย
โต๊ะอาหารสำหรับผู้บริหารถูกจัดไว้อีกมุมหนึ่ง ไม่มีห้องปรับอากาศหากแต่ยกพื้นสูงกว่าส่วนของพนักงาน ตอนนี้ไม่มีใครนั่งอยู่เลย
“อยากกินอะไรล่ะ” ศิวกานต์ถาม

“คุณกินอะไร ฉันก็กินอย่างนั้นแหละค่ะ”

ผู้หญิงในเครื่องแบบพนักงานคนหนึ่งเดินมาหาศิวกานต์

“รับอะไรดีคะ คุณกานต์”

“เหมือนเดิมแล้วกัน จัดมาให้พอสำหรับสองคน”

“ค่ะ” พูดจบพนักงานคนนั้นก็เดินจากไป ไม่นานอาหารก็มาวางเต็มโต๊ะ มีทั้งของคาว ของหวาน ผักสดถาดใหญ่ ศิวกานต์ก้มหน้าก้มตากินอาหารไม่พูดไม่จา ลัลภัทรก็ไม่รู้ว่าจะชวนคุยเรื่องอะไร หญิงสาวมองดูกับข้าวบนโต๊ะ คิดไม่ออกว่าจะกินอะไรก่อนดี ศิวกานต์เงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดีจึงถามว่า

“ทำไมไม่กิน อาหารไม่ถูกปากหรือ”

“ไม่ใช่ค่ะ อาหารเยอะแยะ ฉันไม่รู้จะกินอะไรก่อนดี”

ศิวกานต์พยักหน้ารับรู้ แล้วกินข้าวต่อโดยไม่สนใจเธออีก ลัลภัทรจึงตักอาหารจานที่อยู่ใกล้ที่สุด เธอเคยคิดว่าเธอกินอาหารรสจัดได้สบายมาก แต่กับข้าวที่นี่เผ็ดกว่าที่เธอเคยกินตอนอยู่กรุงเทพฯ ลัลภัทรเอื้อมมือไปหยิบผักสดในถาดมากัด “ค่อยยังชั่ว” หญิงสาวนั่งกินข้าวต่อจนเกือบหมดจาน เงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็เห็นศิวกานต์กินอิ่มแล้ว เขาเอามือกอดอกมองเธออยู่

“อิ่มหรือยัง เราจะได้ไปกันต่อ”

“ค่ะ” ลัลภัทรกลืนข้าวคำสุดท้าย หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม “อิ่มก็ได้ ใครจะไปกินเร็วเหมือนตัวเองล่ะ”

ชายหนุ่มลุกขึ้น ลัลภัทรลุกตาม เธอเคยคิดว่าเธอเดินเร็วแล้ว แต่เทียบไม่ได้เลยกับศิวกานต์ ลัลภัทรกำลังเดินไปที่รถจิ๊บ แต่ศิวกานต์เรียกเสียก่อน

“คุณจะเดินไปไหนน่ะ”

“ก็รถจอดอยู่ทางนี้” ลัลภัทรชี้ไปที่รถจิ๊บ

“ใครว่าผมจะขับคันนั้น มานี่” ศิวกานต์เดินตรงไปที่รถสปอร์ตสีแดงเพลิงซึ่งจอดอยู่ในโรงรถส่วนตัวอีกด้านหนึ่งของลานจอดรถโรงงาน เธอนับได้ว่ามีรถจอดอยู่ทั้งหมด ๗ คัน ถึงเธอจะไม่สันทัดเรื่องรถยนต์ แต่ก็พอรู้ว่าทุกคันล้วนเป็นรถยนต์นำเข้าราคาแพง

“ยืนมองอะไรอยู่ รีบขึ้นรถสิ หรือจะให้ผมลงไปเปิดประตูให้” ศิวกานต์ซึ่งนั่งประจำที่คนขับเปิดกระจกชะโงกหน้ามาถาม ลัลภัทรเปิดประตูขึ้นไปนั่งเคียงข้างคนขับ

“คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย” ศิวกานต์สั่ง สตาร์ทรถเตรียมเดินทาง

ลัลภัทรเอื้อมมือไปหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาด เธอขี้เกียจถามเขาแล้วว่าจะไปไหน อยากไปไหนก็ไป ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องโดนลากไปทุกที่อยู่แล้ว

รถสปอร์ตแล่นไปทางถนนที่มุ่งเข้าตัวเมือง รถเริ่มหนาตาขึ้น เธอเห็นสายตาของคนบนท้องถนนมองมาที่รถคันนี้
*************************************************

จากคุณ : Josephine March
เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 55 22:59:54




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com