Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปกณิการ์ :: งามชบา - บทที่ 35 vote ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W13113873/W13113873.html

บทที่ 35

ใช่ ไม่มีใครให้คำตอบได้จริงๆ เพราะเพียงแค่โผล่หน้าเข้ามาเท่านั้น ความมืดก็เป็นอุปสรรคให้เคลื่อนไหวลำบากเหลือเกิน ซ้ำยังซวยโดนแม่นางแพรโผล่มาจากทางไหนก็ไม่รู้ต้อนรับด้วยการปรี่มาตบฉาดเข้าให้

เรี่ยวแรงนางผีมันก็ต้องหนักหน่วงกว่าคนธรรมดาอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่เขาจะปลิวละลิ่วไปหล่นทับกองซากปรักหักพัง แล้วใครก็อย่าสะเออะมาถามเชียวนะว่า 'เจ็บไหม' เขาจะเสกหนังควายเข้าท้องให้จริงๆ ด้วย

"เจ้ากล้ามาก แต่เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าไม่มีใครล่วงล้ำเข้ามาในนี้ได้โดยที่เรายังไม่ได้เชิญ"

"ผมอาจแตกต่างจากคนอื่นตรงที่มีวิชาอยู่บ้าง อย่างน้อยก็ตอบโต้มารยาทไม่ดีของเจ้าของบ้านได้"

หมอผากล้ำกลืนความเจ็บปวดตอบกลับ เขาคิดว่าแผ่นหลังชาไปทั้งแถบ แต่ยังดีดลุกได้ว่องไวดี ไม่อยากให้นางผีได้ใจ เท่าที่ลอยร่างอวดเสียงยืดยานผยองแบบนั้น ก็น่าจะเข้าข่ายหลงเหลิงพอแรงแล้ว

ผีเกเรไม่น่ารักหรอก เขาจะสั่งสอนเอง แล้วก็อย่าคิดนะว่าเขาจะเกรงใจอดีตชาติที่เคยมีวาสนาสูงส่งเป็นถึงชายาเจ้าฟ้าจ่างอยู่ระยะหนึ่ง

อาคมแกร่งแผ่คายจากฝ่ามือเปื้อนเลือดพอชุ่ม หมอผาไม่ตั้งใจทำร้ายดวงวิญญาณ แค่อยากกำราบไล่ไปให้ไกลๆ เขาต้องทำเวลาพาตัวเข้าไปให้ใกล้เสียงครืนครั่นในห้วงมืดให้เร็วที่สุด ป่านนี้ สาวฤดีดิษถ์จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้

"บังอาจ นี่เจ้ากล้าต่อกรกับเราเชียวหรือ" แม่นางแพรสะดุ้งแล้วดีดตัวลอยหนีคลื่นอาคมร้อน ตาแข็งทื่อถลนเหลือกโกรธแค้น "ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำยิ่ง"

"ถ้าคุณรู้จักดีก็คงไม่หยุดตัวเองไว้ที่นี่กับสถานะผีที่ไม่ไปผุดไปเกิด คงลืมไปแล้วสิว่าตัวเองเป็นแค่ดวงวิญญาณ จะแตกดับเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าไปเจอคนมีวิชาใจพาลเข้า หรือไม่ก็อาจโดนไสยเวทย์ชั่วกดขี่ให้เป็นทาส"

"เจ้า"

"แต่พี่ชายคุณเขาไม่เหมือนคุณ เขาเป็นคนกึ่งผี ชีวิตเขาไม่มีวันตาย โอ๊ะ"

หมอผาหน้าสะบัดพรืด แม่นางผีฉวยทีเผลอดีดคลื่นมนตราร้ายมาแก้แค้น ตบฉาดเต็มฝ่ามือแล้วกรีดเล็บเฉือนลำคอใหญ่จนเกิดแผลเป็นทางกับเลือดซิบและเจ็บจี๊ดลึกทีเดียว

ยังไม่ทันตั้งตัวก็โดนรุกซ้ำ ปลายคางโดนเตะเปรี้ยง ตัวกระเด็นไปหล่นโครมบนกลีบบัวหักแต่ขอบยังคม สะโพกโดนแทงกึ่งกรีดไปอีกหนึ่งแผล บดกรามให้แหลกไปเถอะ ยังไงก็ระงับอาการเจ็บสุดโหดที่พุ่งทะยานขึ้นไปตบสมองไม่ไหวหรอก

"เจ้าช่างไม่สำรวมวาจาสู่เราแม่นางแพร ชายาเจ้าฟ้าจ่าง เสียงจองหองของเจ้ามีโทษถึงตาย จงรับรู้"

หมอผีมากอาคมยังบดกรามแน่น ตาพร่ามัวเห็นแสงระยิบระยับแผ่กระจายในม่านมืด สมองเร่งคิดใหญ่ว่าต้องทำยังไงถึงจะรอดเร้นการคุกคามของนางผีที่ช่ำชองชัยภูมิกว่า มันเสียเปรียบมากเลยในขณะที่เขามองไม่เห็นอะไร แต่ฝ่ายโน้นเหมือนมีไฟส่องอยู่ในตา

"โอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น"

เขาอุทานตกใจ รีบยกสองแขนขึ้นป้องศีรษะตามสัญชาตญาณ เพราะรับรู้ถึงพลังลมประหลาดที่หล่นกระแทกลงมาอย่างผิดปกติ

ร่างบาดเจ็บรีบกระโจนหนี เสียงโครมดังสนั่นขึ้นพร้อมกับตัวเขาที่กลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้นปรกฝุ่นกับเศษซากชำรุด ปรากฏประกายไฟแลบแปลบ ฝุ่นหนาคลุ้งขึ้นปกคลุมจุดล่อแหลมที่เขาเพิ่งจะเผ่นจากมาสดๆ ร้อนๆ

ฝาครอบโคมโลหะบนเพดานโถงนั่นเอง แม่นางแพรตวัดสายคาดเอวรัดตะขอเชื่อมที่หลุดหมิ่นเหม่แล้วกระชากมันลงมาหวังปลิดชีพชายมากอาคม แต่มันล้มเหลว ซ้ำหมอผายังมีจังหวะหนีไปเสียอีก

เขาไม่สนใจเหตุพลิกผันนอกจากเผ่นไปตามทางที่มีแสงเรืองส่องเพียงวาบ แม้อึดใจหนึ่งความมืดจะย้อนกลับมา แต่เขาก็มาหยุดกลางโถงแล้ว สองเท้าชะงักกึกตัวคะมำเกือบล้ม ตาวาวดีใจกับแสงที่ส่องจากวงล้อมเปลวเพลิง

"คุณฤดีดิษถ์"

เขาตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นเธอนอนแน่นิ่งในนั้น แต่แล้วจู่ๆ ก็เจ็บร้าวแก้วหูกะทันหัน ท้องไส้ปั่นป่วนรุนแรง ตระหนักว่ารายรอบเต็มไปด้วยพลังคลื่นมนตราโบราณที่เคลื่อนไหลฉวัดเฉวียน

อานุภาพอันเกรียงไกรของมันทำให้อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าวิชาอาคมของตนมันช่างอ่อนด้อยยิ่งเสียกว่าเด็กอนุบาลเริ่มหัดเขียนเสียอีก

"คุณเป็นใครคะ" มวลผการ้องถามอย่างตื่นเต้น เสียงยืดยานบอกหมอผาว่าหล่อนไม่ใช่คน

"ผมมาช่วยคุณฤดีดิษถ์ คุณคงจะเป็นเพื่อนของเธอ โอ้ ใช่แล้ว คุณคงจะเป็นคุณมวลผกา ใช่ไหมครับ"

หมอผายอมรับว่าตื่นเต้น แต่เขาไม่มีเวลาจะฟังคำตอบจากดวงวิญญาณที่ยังดูว่าสดใหม่ เขาไม่ทราบนี่ว่าเนื้อหนังที่เห็นเป็นมวลแน่นเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของแม่นางกณิการ์

ตอนนี้ก็รีบนั่งลงพริ้มตาข่มอาการเจ็บปวดทั่วร่างพลางร่ายมนตราที่ร่ำเรียนจากคัมภีร์ไสยเวทย์โบราณ ใช่ล่ะ มนตราอื่นคงใช้ที่นี่ไม่ได้ เพราะมนตราที่ไหลวนเวียนในนี้ มันมีต้นกำเนิดมาจากกาลเก่าแห่งคามดารกะทั้งนั้น

"คุณพระช่วย"

เขาใจหายวาบเมื่อในนิมิตพลันเห็นร่างนางพญาองอาจในชุดสีเทา สายลมแห่งมนตร์แปรธาตุปัดเป่าเรือนผมยาวกรีดสยายเป็นแพ ชายกระโปรงสะบัดพลิ้วดั่งผืนธงบนยอดเขา สายคาดเอวตึงเหยียดอยู่ในสองมือมุ่งมั่น

มันอัศจรรย์เหลือจะพรรณนากับรังสีวูบวาบสีรุ้งปนทองที่ซ้อนวงสองถึงสามชั้น วิถีแผ่ลำแสงช่างแพรวพราวราวกับฝนดาวตกร่วงพรูๆ

'เอ๊ะ' แล้วอย่างฉับพลัน หมอผาก็ค่อยสะดุ้งในใจวูบหนึ่ง คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นรัศมีพร่างพราวแบบนั้นจากที่ไหนมาก่อน แต่ในยามฉุกละหุกกลับนึกไม่ออก

โอ.. เป็นยังไงล่ะ เจอปริศนาเดียวกันเลยกับพระครูลาพุช ฝ่ายโน้นก็กำลังเคร่งเครียดกับสิ่งที่ตนกังขาเช่นกัน

ท่านนั่งสำรวมบนกิ่งไม้ใหญ่กลางทุ่งรัตนชาติ หรือในกาลนี้ก็เรียกขานว่าป่าอัญมณี พริ้มตาสงบกำหนดจิตให้ไหลลึกเข้าไปในความมืด เพ่งหาคำตอบของปริศนาแห่งประกายอันคุ้นเคย

ใช่ สำหรับท่านต้องเรียกว่าคุ้นเคย แต่สำหรับหมอผา เรียกว่าอะไรดีหนอ 'เส้นผมบังภูเขา' เป็นยังไง ใกล้เคียงที่สุดเลย




ปริศนาใดๆ ยังคงลี้ลับต่อไปในที่ที่มันซ่อนอยู่ แต่การต่อสู้เพื่อดับสูญชะตาอีกฝ่ายยังคงดำเนินต่อไป

ซาตานวจาคำรามดุดัน พลางอ้าปากกว้างพ่นควันดำจางเป็นพวยส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง สายลมประหลาดพัดวนจนพวยควันบิดเป็นเกลียวแล้วพุ่งปราดไปช้อนกายท่อนล่างลอยวืดมาประกบกับอีกท่อน

พริบตาก็ผนึกเป็นหนึ่ง ร่างใหญ่ยักษ์ผงาดตระหง่านดังเดิม มือใหญ่สองข้างชูเขย่าอย่างผยอง ตาใหญ่ก็เหลือกถลนเยาะเย้ยศัตรูแม่นางน่าชัง

"ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ซาตานวจาเป็นอมตะ ชีวิตของข้าเป็นนิรันดร์ ไม่มีใครจะทำลายข้าให้ดับสูญได้ แม่นางดื้อด้านเอ๋ย จงยอมรับชะตาพ่ายแพ้ได้แล้ว"

แม่นางกณิการ์ตาพร่าลง รับรู้อย่างพรั่นพรึงว่าร่างใหม่ใกล้จะดับสูญ เป็นเพราะว่าแม่นางพรากจิตออกมา แต่ถ้าไม่มุทะลุเช่นนี้ ร่างใหม่เป็นเพียงคนธรรมดาและเป็นหญิงร่างอรชรเท่านั้น ไม่มีทางประมือท้าสู้ซาตานสันดานหยาบได้เป็นแน่

จะทำยังไงดี เรี่ยวแรงลดฮวบลงทุกขณะแล้ว แม้แต่สองขาที่แยกหยัดก็เริ่มสั่นและค่อยๆ ระทวยลง อีกไม่ถึงอึดใจ แม่นางต้องล้มแน่นิ่งตกเป็นเหยื่อให้ศัตรูย่ำยีพรหมจรรย์แน่แล้ว

มนตราขนนกถูกดึงมาคุ้มครองร่างอ่อนล้าในทันทีที่ซาตานวจาปราดมาขยุ้มคอ มันคำรามใส่ พ่นลมเย็นเฉียบกับกลิ่นซากศพตัดกำลัง ตลอดร่างเผชิญกับขุมพลังลี้ลับของสมิงพรายไพร

ท่ามกลางกระแสพายุมนตราต่ำช้า แม่นางกณิการ์คลับคล้ายว่าเห็นภาพเลือนรางเคลื่อนไหวรวดเร็ว เงาวูบวาบปราดไปปราดมาช่างคุ้นตายิ่ง ดั่งว่าจะเป็นมารดาเจ้าฟ้า กระทั่งเสียงตวาดก็คุ้นหูคล้ายดั่งเสียงสดใสตอนร้องเพลงกล่อมนอน

"เจ้าแม่"

ครางแผ่วหวิวแทบไม่ได้ยินแล้ว ร่างระทวยก็พลันหงายหลังล้มตึงพร้อมกับทรวงอกของฤดีดิษถ์ก็กระตุกสูงขึ้นหนึ่งเฮือก เลือดสดทะลักออเต็มปากก่อนจะไหลเปรอะช้าๆ

มวลผกาซ่อนร่างบาดเจ็บหลังหลืบเสาร้องไห้สงสารว่าเพื่อนรักคงใกล้ตายแล้ว สลดเศร้าในจิตนักเมื่อนึกว่าตนไม่อาจปกป้องชีวิตที่น่าเวทนานั้นได้

หมอผาก็เห็นอย่างนั้น เขารุ่มร้อนแต่ก็ทำอะไรไม่ถูก ซาตานวจาหัวเราะเยาะก้องโถพลางสืบเท้าหันเหมาหาเป้าหมายสาระแนแล้ว

ในดวงตาถลึงเหลือกเผยแรงอาฆาตร้อน มันตั้งใจบิดคอชายมากอาคมให้สะบั้นในอุ้งมือเดียว แม่นางแพรที่ลอยคว้างมาหยุดใกล้ๆ ก็พลอยแสยะยิ้มสะใจไปด้วย

"โอ๊ะ"

ซาตานวจาสะดุ้งตระหนกกับอาคมสยบสมิง มันรีบถอยหลังกรูด ตระหนักว่าอาคมร้อนแรงนั้นสะกดมันให้หลับใหลได้ชั่วครู่ หากเพียงแค่มันจะเผลอผลีผลามวูบหนึ่งเท่านั้น

"ไอ้ชายสารเลว เจ้าช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ"

มันด่าทอเสียงแหบพร่า ตาแดงก่ำดั่งเลือดสดและไม่ต่างไปจากรัศมีเจิดจ้าของดาวอาสภ หากพระครูลาพุชได้มาเห็นในตอนนี้ อาจหลงตระหนกไปว่าดาวอาสภแฝดอุบัติขึ้นแล้ว

หมอผาควบคุมสมาธิแน่วนิ่ง เขาบาดเจ็บ รับรู้ว่าร่างกายค่อยๆ เย็นขึ้น มันเกิดจากเลือดที่ไหลจากบาดแผลโดยเฉพาะตรงสะโพก เขาต้องทำเวลาก่อนที่จะอ่อนล้าและหมดสติ

อาคมสยบสมิงอาจไม่ได้ผลนัก เพราะเวทย์ดำของซาตานอมตะแกร่งกล้ากว่า ยามเมื่อมันถอยกรูด อำนาจการสะกดก็จะพลอยลดลง เขาจึงตัดสินใจร่ายมนตราคำสาปแม่นางกณิการ์ซ้ำอีกหน และร่ายเท่าที่พอจะจดจำได้อย่างกระท่อนกระแท่นนี่แหละ

"โอ๊ย ไอ้ชายชั่ว เจ้าบังอาจ โอ๊ะ แม่นางแพร เจ้าทำอะไร" มันเดือดดาลแทบคลั่ง หันไปตวาดดุร้ายใส่นางผีผู้น้อง "ไม่คิดช่วยเหลือพี่เจ้าบ้างเลยหรือ จัดการมันเลยสิเจ้า พุ่งไปบิดคอมันให้หัก เร็วเข้าแม่นางแพร"

แม่นางกณิการ์นอนนิ่ง น้ำตาร้อนไหลทะลักตลอดเวลา หากแต่ตาพร่าเปียกชุ่มก็ยังมองเห็นเหตุแปรเปลี่ยน หากแม่นางแพรลงมือรบกวนสมาธิ ชายมากวิชาคงสุดปัญญาจะต้านรับ เขาต้องอาศัยพลังเป็นอย่างมากในการร่ายมนตร์คำสาป ดังนั้น แม่นางต้องช่วยอีกแรง

"แม่นางเอ๋ย จงอดทนไว้อีกสักหนึ่งอึดใจ เรามีชะตาต้องกัน ดวงจิตของเจ้าก็คือเรา และเรามีภารกิจต้องสะสางให้สิ้นในภพชาตินี้ จงเข้มแข็งให้เหมือนเราไว้เถอะเจ้า มอบพลังให้เรา หยุดหายใจสักชั่วครู่ หยุด นี่คือบัญชาแห่งเรา"

ทรวงอกของสาวครีเอทีฟกระตุกขึ้นอีกเฮือกเหมือนมีพลังลี้ลับดูดขึ้นไป เธออ้าปากกระอักเลือด กายที่นอนแน่นิ่งดีดนั่งปุบปับเหมือนโดนกระชาก เลือดก็ไหลโกรกจากปากลงท่วมตัก

หมอผาใจหายวาบ น้ำตารื้นแม้จะพริ้มสนิท แสนสงสารสาวชาวกรุงเหลือเกิน นี่ใช่ไหม มันเหมือนมากเลย นี่ล่ะ ภาพในนิมิตที่เขาเห็น เธอร่อแร่ปางตาย และเต็มกายก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดชโลม คุณพระคุณเจ้า นี่เขาจะช่วยเธอได้ยังไง

แม่นางกณิการ์ยิ้มอ่อนเพลีย ร่างนั่งนิ่งพลันดีดลุกยืนหยัด ตวัดผ้าคาดเอวเหวี่ยงไปกระแทกนางผีจิตทราม แล้วฝืนใจพุ่งทะยานบิดตัวเหวี่ยงขาดีดปลายเท้าเข้าใส่ใบหน้า

แม่นางแพรกรีดร้องโหยหวน รัศมีแม่นางเจ้าฟ้าแม้จะเจือจางบางเบา แต่ก็ยังคงความคมกริบของบารมีสุดที่นางผีจะต่อกรตรงๆ ได้

ซาตานวจาอ้าปากตระหนก เห็นร่างน้องสาวลอยละลิ่วไปกระแทกผนังทึบ ฝุ่นเขรอะก็ไหลพรูร่วงดั่งม่านแป้ง มันหันขวับจ้องเขม็งเคียดแค้น พลางยกย่างเข้าหาหมายกำราบ

แม่นางเจ้าฟ้าก็นึกรู้อยู่แล้ว สันดานหยาบเช่นนั้น เรื่องใจกว้างเปิดโอกาสให้ฟื้นฟูกำลังคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งศัตรูเพลี่ยงพล้ำปางตายมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเร่งรี่ซ้ำเติมเสียละไม่ว่า

แม่นางพลันเร่งเป็นฝ่ายรุก พาร่างอ้อนแอ้นพลิ้วทะยานเข้าหา ตบหน้าไปก่อน แล้วม้วนตัวถีบยอดอกใหญ่เต็มกำลังแบบสุดสองเท้า

จากนั้น ก็โผไปเกาะท่อนเสาหักพักพิงกำลังแล้วใช้ส่งร่างพุ่งเข้าหาอีกหนพร้อมกับสลัดผ้าคาดเอวรัดกายหนาสกปรก กระตุกดึงเพื่อรั้งตนให้ละลิ่วเข้าไปใกล้

ระหว่างนั้นก็ดึงมีดเหล็กกล้าในปลอกสายรัดข้างขากุมมั่นคงพร้อมจ่อจ้วง ขอเพียงถึงลำคอ แม่นางจะแทงให้มิด วูบนั้น แม่นางลืมคำเตือนหนักแน่นของพระครูลาพุชในกาลเก่าไปแล้ว

พระครูผู้รอบรู้ก็แลเห็นในนิมิตด้วยจิตอันว้าวุ่น ท่านไม่ทันรู้สึกว่าหน่อเนื้อมาหย่อนร่างสังเกตสีหน้ากระวนกระวายอยู่ใกล้ๆ ยามนี้กลับเปล่งวาจาร้องห้ามละล่ำละลักออกไปดังๆ ว่า

"แม่นางเจ้าข้า ทำไม่ได้ แม่นางจงอย่าได้ลืม เราเตือนท่านแล้ว ฆ่าซาตานวจาไม่ได้เจ้าข้า การดับสูญจะยิ่งทำให้มันมีพลังซาตานเพิ่มพูน แม่นาง จงหยุดเจ้าเข้า แม่นาง ทำไม่ได้ ทำไม่ได้"

กระแสคลื่นของจิตอันแหลมคมแทรกฝ่าความเวิ้งว้างในที่เร้นกระแทกข้อมือแม่นางเจ้าฟ้าอย่างจำใจ

หมอผาเลิกคิ้วเกือบเสียสมาธิทันทีที่ได้ยินแม่นางกรีดร้องแผ่ว ร่างที่พุ่งละลิ่วจวนเจียนถึงลำคอใหญ่ก็มีอันเสียกระบวน ต้องรีบม้วนตลบพัดพากลับไปหย่อนบนฝาครอบโคมไฟชำรุดที่แกว่งไกวไปมาน่าหวาดเสียว

"บังอาจ พระครูลาพุช ท่านกล้าขัดขวางเรา"

แม่นางตวาดก้อง ไฟโทสะปะทุแผดเผา เร่งเร้าให้เลือดพุ่งย้อนออกมาทะลักท่วมปาก และจำต้องกระอักทิ้งเล็กน้อย ฤดีดิษถ์ผู้น่าสงสารก็พลอยกระอักตามไปด้วย เห็นชัดว่าร่างของเธอค่อยๆ เอนหงายลง ขอเพียงแผ่นหลังถึงพื้น บางทีนาทีนั้นอาจถูกเรียกว่า 'ดับสูญ'

"เรามีโทษหนักแท้เจ้าข้า เรายินดีรับทัณฑ์ทุกรูปแบบโดยไม่เกี่ยงงอน ขอเพียงสะกดอารมณ์มุทะลุของแม่นางลงได้ แม่นาง ได้โปรดเถอะเจ้าข้า จงเชื่อฟังเราเถอะ"

"ไสหัวไปท่านพระครู อย่าให้เราต้องไร้มารยาท โอ๊ะ ช่างชั่วช้า เจ้าซาตานสันดานหยาบ"

ท่านศมะเบิกตากว้าง ทำท่าผลุนผลันจะพลิ้วไปสมทบเหตุการณ์ล่อแหลมที่เห็นในนิมิต กิ่งไม้ยวบทำลายสมาธิ ปลุกพระครูให้รู้สึกตัว ท่านตะปบแขนใหญ่ว่องไว ปรามเสียงกร้าวว่า

"ท่านศมะ ไปไม่ได้ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปในช่วงกาลอันสำคัญนี้ ต่อไปภารกิจใดๆ ที่คั่งค้างของแม่นางก็จะสูญเปล่า การเฝ้ารอข้ามภพข้ามชาติของเราเจ้าก็จะไร้ความหมายเช่นกัน"

"แต่แม่นาง.. "

"ทุกอย่างเป็นไปตามชะตา เราทำได้แค่เดินตามและอาจหยุดบ้างเพื่อลองแปรเปลี่ยน ซึ่งอาจจะได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด และไม่ทั้งหมดนั้นก็ไม่มีผลต่อชะตาที่ยังคงเคลื่อนไปตามรูปแบบเดิมที่สวรรค์ลิขิต นั่งลงเถอะเจ้า สมาธิของเราสองมีความจำเป็นมากกว่า"

หมอผาส่ายหน้าในสมาธิ เขาหยุดร่ายมนตราคำสาปแล้ว ไม่ใช่ตกใจกับเหตุแปรเปลี่ยน

นางพญาในชุดสีเทาโดนจิกผมอำมหิต ร่างอ้อนแอ้นโดนเหวี่ยงไปฟาดทุ่มใส่กลีบบัวใหญ่ดังโครม ซาตานสารเลวฉวยทีเผลอลงมือ และว่องไวเกินกว่านางพญาผู้ห้าวหาญจะทันคุ้มครองตน

เสียงกรีดร้องเจ็บปวดของแม่นางเจ้าฟ้าก้องแหลมและโหยหวนเชือดเฉือนความรักและภักดีท่วมทรวงของท่านศมะเหลือแสน น้ำตาองครักษ์นักรบไหลอย่างเดือดดาล ร่างในชุดเทาสั่นระริกให้บิดาส่ายหน้าเวทนา เพราะตัวท่านเองก็ว้าวุ่นห่วงใยยิ่ง

หมอผาก็ห่วงใย แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เขาจำมนตร์คำสาปบรรทัดถัดไปไม่ได้แล้ว เจ้าของมนตราก็โดนจู่โจมกักขฬะยังหาจังหวะตั้งตัวตั้งรับไม่ได้

ทำยังไงดีเล่า นี่เขาจะทำยังไงดี เร็วเข้าสมอง รีบส่งทางออกสวยๆ มาให้หน่อย ขืนช้ากว่านี้ ฤดีดิษถ์ต้องตายแน่ๆ ร่างเอนเอื่อยของเธอใกล้ถึงพื้นเต็มทีแล้ว

"ดิษถ์ ฤดีดิษถ์ ดิษถ์"

โอ้ นั่นเป็นเสียงของลายสือนี่นา ใช่แล้ว เสียงกังวานปนร้อนรุ่มนั้นลอยแว่วมาจากป่าอัญมณีซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของวิหารวังร้าง

ดูสิ สถานการณ์เปลี่ยนไปอีกแล้ว โถงสั่นครืนจนรับรู้ได้ แม่นางแพรกรีดร้องเมื่อโคมชำรุดหล่นโครมลงมาเฉียดหัวไหล่ มวลผกาหายวับเข้าไปซ่อนปะปนกับดวงวิญญาณยั้วเยี้ยในผนังอย่างตื่นกลัว

เหตุพลิกผันปุบปับทำให้ซาตานวจาสะดุ้งนิดหน่อย แต่มือใหญ่ก็เผลอปล่อยร่างเหยื่อ แม่นางกณิการ์ก็พลันโผหนี โดยไม่ลืมแก้แค้นไปหนึ่งฝ่าเท้า แม่นางอัดเต็มเหนี่ยวใส่หน้าใหญ่ พลางด่าทอเกรี้ยวกราดว่า

"สันดานหยาบยิ่งเจ้าซาตานกำพืดช่างตีดาบ"

ปลายเท้าหย่อนแตะพื้น แม่นางหยุดยืนใกล้ร่างใหม่ที่จวนเจียนทอดนอน มือเปื้อนเลือดรีบรั้งข้อมือระทวยสะกดการเคลื่อนไหววิกฤติ บังเกิดรังสีแห่งมวลรัตนชาติแปลบปลาบแผดจ้ากระจายไปทุกทิศทุกทาง

สีรุ้งพร่างพรายเข้มเป็นวงกว้างปะปนกับประกายทองจาง หมอผาสะดุ้งโหยง รู้สึกร้อนจัดจนสมาธิขาดสะบั้น เขาลืมตากะทันหัน ทำให้เลือดลมโคจรทำร้ายตัวเองจนต้องกระอักพรวดออกมา

"คุณฤดีดิษถ์" เขาตะโกนอย่างหวาดผวา ใจหายแกมแห้งเมื่อเห็นเต็มตาว่ามวลร่างของเธอค่อยๆ จางลง "คุณพระช่วย คุณฤดีดิษถ์ แข็งใจหน่อย รีบฟื้น คุณครับ คุณ ได้ยินเสียงผมไหม"

น้ำตาเขาไหลว้าวุ่น อยากฝ่ารัศมีสีรุ้งปนทองอันร้อนจัดเข้าไปเขย่าตัว แต่เขาทำไม่ได้ ยามนี้ก็ได้แต่ขยับตัวเคลื่อนไปซ้ายทีขวาที ละล้าละลังและลนลานปะปนกัน

หากแต่ในขณะเดียวกัน ประกายพร่างพราวอันเจิดจ้านั้น ก็หมั่นทิ่มแทงกระทุ้งความทรงจำบางอย่าง หมอผาตาเบิกโพลงอยู่อย่างนั้น ใจก็หายแห้งไปเรื่อย กระทั่งความทรงจำผุดวาบและกระจ่างแข่งกับประกายสีสวยอันเป็นปริศนา

"ใช่แล้ว" เขาอุทานแตกตื่น แต่รอยยิ้มที่คลี่กว้างกลับบอกถึงความลิงโลดสุดประมาณ "ผมนึกออกแล้ว นึกออกแล้ว ผมนึกออกแล้ว"

เขาละล่ำละลักโพล่งออกมาคล้ายเสียสติ น้ำตาไหลพราก พลางกระวีกระวาดนั่งสำรวมอีกครั้ง พริ้มตาที่ยังเปียก เขารู้ว่าควรทำยังไง และควรใช้มนตร์บทไหนยุติเหตุล่อแหลมถึงแก่ชีวิตฤดีดิษถ์ เขาทำได้ เขารู้แล้ว

ใช่ หมอผารู้แล้ว เช่นเดียวกับพระครูลาพุชที่ลืมตาขึ้น แล้วยิ้มอย่างลิงโลดแกมตื้นตัน น้ำตาแห่งความภักดีแกมโหยหาไหลริน ท่านศมะเอียงหน้ามองอย่างฉงน แล้วค่อยถามแผ่วออกไป

"ตีความปริศนาอันใดออกบ้างแล้วหรือเจ้าข้าท่านพ่อ"

"ใช่ พ่อรู้แล้ว พ่อนึกออกแล้ว แสงที่พ่อเห็นในดวงตาของชายมากวิชาคนนั้นคือบารมีของแม่นางอชินี"

"ทะ.. ท่านพ่อ มะ.. หมายถึง.. " ท่านศมะเบิกตากว้าง ไม่กล้าเผยความคิดลังเล

"ท่านศมะ แม่นางกลับมา อัศจรรย์แท้ท่านศมะเอ๋ย นี่คือปริศนาสำคัญของเรา แม่นางอชินีย้อนคืน"

'แม่นางอชินีย้อนคืน' โอ.. อัศจรรย์แท้ใช่ไหม ประกายสีรุ้งปนทองอันแพรวพราวนั้นก่อเกิดจากบารมีของแม่นางนักล่าผู้ห้าวหาญ ชายาผู้เกรียงไกรแห่งเจ้าฟ้าจ่าง

ใช่ พระครูผู้รอบรู้ไขปริศนาอันคุ้นเคยสำเร็จแล้ว และขณะเดียวกัน หมอผาก็ค้นพบหนทางที่จะช่วยฤดีดิษถ์ได้ เวลานี้ เขากำลังร่ายมนตราอีกบท และบทนั้นถูกจารึกไว้ในวัตถุศักดิ์สิทธิ์ คัมภีร์ไสยเวทย์โบราณเรียกวัตถุศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นว่า 'กริชแม่นาง'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 55 07:46:19




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com